รีวิวเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพมีอยู่ใน 7-11 จริงหรือ!?

ปกติเป็นคนชอบกินอะไรหวานๆ เย็นๆ ค่ะ คิดว่าหลายๆ คนคงเป็นเหมือนกัน หลังกินอาหารต้องหาอะไรเย็นๆ หวานๆ ตบท้าย ถ้าไม่ได้กิน รู้สึกไม่ฟินค่ะ เหมือนไม่เสพสมอารมณ์หมายยังไงยังงั้น แต่พอเริ่มอายุเยอะขึ้น (พุงเริ่มออก) ก็เริ่มคิดถึงเรื่องสุขภาพ บวกกับกระแสกินคลีนกำลังมาแรง เราเลยใส่ใจกับการกินมากขึ้น จากที่เคยตบท้ายด้วยลอดช่องวัดเจษฯ โกโก้บานาน่าเฟรบเป้เพิ่มคาราเมลไซรัป  หรือชานมพุดดิ้งไข่มุก ก็เริ่มบังคับตัวเองให้กินน้ำเปล่าให้มากขึ้น (ดี...แถมไม่เปลือง) แต่! ชีวิตเราก็ยังขาดหวานไม่ได้ โชคดีที่เราไม่กินน้ำอัดลม เน้นดื่มพวกชา น้ำสมุนไพรแล้วก็พวกน้ำผลไม้แทน เพราะรู้สึกว่าเฮลตี้กว่า (อันนี้เราคิดเองนะ)

อาทิตย์ก่อนเราเห็นข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (infographic ที่แชร์กันในเน็ตนี่แหละค่ะ) บอกว่า เราไม่ควรกินน้ำตาลเกินวันละ 6 ช้อนชา


Credit: Facebook/Infographic MOVE


พอรู้เราก็เลยยึดหลักนี้เลือกหาอะไรเย็นๆ และหวานน้อยๆ ใน 7-11 มากินค่ะ โดยสังเกตจากส่วนประกอบและปริมาณน้ำตาลเป็นหลัก

แต่รู้ไหมคะว่า พอสังเกตแล้วก็พบว่า... “ที่ผ่านมาเราคิดว่าเราเฮลตี้ไปเองสินะ!?” เพราะใน 7-11 เพื่อนแท้ของสาวออฟฟิศอย่างเรานั้น หาน้ำเฮลตี้ได้ยากเหลือเกิน!!!

ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ทรงพลัง (หว๊านหวาน ,สังเคราะห์) ทั้งน้านน ตรงนี้เราใช้วิธีคำนวณปริมาณน้ำตาล โดยอ้างอิง Facebook สมาคมผู้บริโภคภาคตะวันตก ค่ะ


***หมายเหตุ

สูตรคำนวณนี้ ตอนแรกเราก็งงๆ ค่ะ ว่า เอ๊ะ...ชั้นคิดปริมาณน้ำตาลจากปริมาตร ทำไมมันได้หน่วยออกมาเป็น “กรัม” ได้หว่า??? มันควรเป็น “มิลลิลิตร” เซ่!!

แต่พอถกกะเพื่อนไปถกกะเพื่อนมา ดันระลึกชาติได้ว่าคาบวิทยาศาสตร์อาจารย์บอกว่า “น้ำ 1 ลิตร หนัก 1โล”
ตบเข่าฉาดเลยค่ะ... 1,000 มิลลิลิตร = 1,000 กรัม ดังนั้น ปิ๊งป่อง! 1 มิลลิลิตร = 1 กรัมพอดีเด๊ะๆ เลยจ้าาา


วันนี้เลยขอนำข้อมูลมาแชร์กับเพื่อนๆ ค่ะ  โดยรวบรวมเครื่องดื่มที่เราเคยลอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกสมุนไพรที่เราชอบและข้อมูลในอินเตอร์เน็ตค่ะ ลองไปดูกันว่า ขวดไหนดีแท้ดีจริง

อาวววล่ะ...เรียงขวดกันเลยค่ะ!

1. โออิชิ โอเฮิร์บ สูตรรากบัว พุทราจีน



ส่วนผสม:
สมุนไพรแท้ เติมความหอมหวานจากพุทราจีนและมีกลิ่นหอมอ่อนๆของรากบัว แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ ไม่เจือสี ไม่ใช้วัตถุกันเสีย
ปริมาตรสุทธิ 380 มล.
ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด (น้ำตาล+ฟรุกโตส) 10.2 %
ปริมาณน้ำตาล 9.69 ช้อนชา

สรรพคุณที่กล่าวอ้าง:
โอเฮิร์บตัวนี้เป็นผลิตภัณฑ์ในเครือโออิชิค่ะ นางเคลมว่ามีส่วนผสมจากสมุนไพรแท้ (รากบัวและพุทราจีน) ตรงกับคอนเซ็ปท์ที่ว่า “เฟ้นหาสมุนไพรที่มีประโยชน์ เพื่อมอบความอร่อยและสดชื่น” ช่วยดับกระหาย คลายร้อน สามารถสดชื่นได้ทุกวัน ขอบอกว่าตัวนี้กลิ่นชัดมากกกก แบบเปิดฝาจะได้กลิ่นหวานๆ แบบรากบัวเลยค่ะ ข้อดีคือมันเป็นน้ำรากบัวผสมพุทราแบบเพียวๆ ไม่มีชาผสม.............แต่!!! น้ำตาลค่ะน้ำตาลลลล จะใส่อะไรเยอะแยะคะ? ตั้งเกือบ 10 ช้อนเนี่ยยย

2.    โออิชิ โอเฮิร์บ ชารสมะขาม


ส่วนผสม:
มีส่วนผสมจากชาและสมุนไพรแท้ แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ ไม่เจือสี ไม่ใช่วัตถุกันเสีย
ปริมาตรสุทธิ 380 มล.
ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด (น้ำตาล+ฟรุกโตส) 11.20 %
ปริมาณน้ำตาล 10.64 ช้อนชา

สรรพคุณที่กล่าวอ้าง:
ผลิตภัณฑ์ในไลน์เดียวกันของโอเฮิร์บอีกตัวค่ะ เคลมเรื่องเฟ้นหาสมุนไพรที่มีประโยชน์เหมือนตัวข้างบน บอกว่ามีส่วนผสมจากสมุนไพรแท้เหมือนกัน  เพียงแต่ตัวนี้เป็นชารสมะขาม... ซึ่งไม่ใช่มะขามธรรมดานะคะ! แต่เป็นมะขามทามารินโดะค่ะคุณเอ๋ยยย! (หน้าตาเป็นไงไม่ต้องพูดถึง...ไม่รู้จัก!) และถึงแม้กลิ่นมะขามจะพุ่งโด่งเตะจมูกทันทีที่เปิดฝา แต่จริงๆ โอเฮิร์บขวดนี้เนื้อแท้เป็นน้ำชานะคะ เป็นชาเขียวผสมชาแดงซะ 87.82% ส่วนมะขามทามารินโดะนั่นมีอยู่แค่ 0.002% เท่านั้นค่ะ แถมยังเป็นมะขามผงอีกต่างหาก! ส่วนรสชาติที่ออกมา เราว่ามันคล้ายลูกอมอะมีร่ารสมะขามละลายน้ำอ่ะค่ะ ก็อาจจะถูกใจสำหรับคนไม่ชอบอะไรหวานมากๆ เพราะมีรสเปรี้ยวตัด แต่น้ำตาลพุ่งทะลุ 10 ช้อนนี่ สำหรับเรา เราว่าแอบน่ากลัวง่ะ

3. โออิชิ โอเฮิร์บ ชารสน้ำผึ้ง โสม


ส่วนผสม:
มีส่วนผสมจากชาและสมุนไพรโสมแท้ แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ ไม่เจือสี ไม่ใช่วัตถุกันเสีย
ปริมาตรสุทธิ 380 มล.
ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด (น้ำตาล+ฟรุกโตส) 10.50%
ปริมาณน้ำตาล 9.975 ช้อนชา

สรรพคุณที่กล่าวอ้าง:
ลูกหลานเยอะจริงๆ ค่ะโอเฮิร์บ ตัวนี้ก็ยังเคลมเช่นเคย ว่ามีส่วนผสมจากสมุนไพรแท้ เป็นโสมจินเส็งถึง......0.05% !!! (คุณพระ!!!) ส่วนน้ำผึ้งก็น้ำผึ้งแท้นะจ๊ะ แต่ก็มีการแต่งกลิ่นน้ำผึ้งเพิ่มอีกนิดหน่อย (?) นางบอกว่า “อร่อยสดชื่น จากคุณค่าสมุนไพร” ตัวนี้ก็คล้ายๆ ข้างบนค่ะ เป็นชาเขียวแต่งกลิ่นน้ำผึ้ง โสม ซะมากกว่า (เพราะใช้น้ำชาเขียวถึง 89.40%) เปิดฝามากลิ่นเหมือนโออิชิรสน้ำผึ้งผสมมะนาวเลยค่ะ เพียงแต่ตัดกลิ่นเปรี้ยวออกไปเท่านั้น ก็ไม่เข้าใจว่าจะแยกไลน์ออกมาเป็นโอเฮิร์บทำไม ถ้าจะเฮิร์บแค่ 0.05% ขนาดนี้ บอกว่าเป็นชาเขียวไปเลยเถอะ อย่ามาหลอกดาวแบบนี้เหลยย…

4.    อิชิตัน สูตรชาเขียว ผสมเก๊กฮวย


ส่วนผสม:
น้ำชาเขียวจากยอดอ่อนใบชาเขียวออร์แกนิคผสมเก๊กฮวย แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ มีกาเฟอีน ไม่ใส่วัตถุกันเสีย และไม่เจือสีสังเคราะห์
ปริมาตรสุทธิ 420 มล.
ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด (ฟรุกโตส) 6.3 %
ปริมาณน้ำตาล 6.615 ช้อนชา

สรรพคุณที่กล่าวอ้าง:
มาถึงลูกรักของลุงตันกันบ้าง ตัวนี้เป็นน้ำชาเขียวผสมน้ำเก๊กฮวย 26% จริงๆ ต้องบอกว่ามันคือน้ำชาเขียวนั่นล่ะค่ะ (ทำใจไว้เลยค่ะ เปิดตู้เย็นเซเว่น มันหนีไม่พ้นน้ำชาเขียวหรอก) และเท่าที่อ่านจากฉลากข้างขวด ตัวเก๊กฮวยไม่มีข้อมูลพิเศษ เช่น เป็นเก๊กฮวยแท้หรือเก๊กฮวยสกัด ฯลฯ เน้นแต่เรื่องชาเขียวที่บอกว่า เป็นยอดใบชาเขียวออร์แกนิค
นางบอกว่า “เก๊กฮวยกับยอดใบชาออร์แกนิค จะช่วยเพิ่มความหอม ช่วยดับกระหาย มากด้วย 2 คุณค่าจากธรรมชาติ” จ้ะ ส่วนน้ำตาล 6.615 ช้อนชา ก็ถือเบาลงแล้วนะคะ ถ้าเทียบกับรสอื่นๆ ที่ซัดไป 9-10 ช้อนชา!

5.    ไอวี่ น้ำเก๊กฮวยผสมหล่อฮังก๊วย


ส่วนผสม:
ผลิตจากดอกเก๊กฮวยและหล่อฮังก๊วยแท้ วัตถุดิบธรรมชาติ 100% ไม่แต่งกลิ่น ไม่ใช้วัตถุกันเสีย ไม่เจือสีสังเคราะห์
ปริมาตรสุทธิ 300 มล.
ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด (ซูโครส+ฟรุกโตสไซรัป) 8%
ปริมาณน้ำตาล 6 ช้อนชา

สรรพคุณที่กล่าวอ้าง:
จัดเต็มและเล่นใหญ่ค่ะ สำหรับน้องไอวี่ นางบอกว่าดอกเก๊กฮวยที่ใช้มาจากเมืองหังโจวค่ะ ส่วนหล่อฮังก๊วยก็ไม่ธรรมดาด้วยนะ มาจากเมืองกวางสีจ้าา ทั้งสองวัตถุดิบนี้ผ่านการต้มกรองอย่างพิถีพิถัน คอมเฟิร์มว่าสมุนไพร 100% (ไอวี่คอนเฟิร์มนะ ไม่ใช่เรา)
ข้อสังเกตที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ ไอวี่นี้น้ำตาลน้อยกว่ายี่ห้ออื่นๆ ที่กล่าวมาก่อนนี้อีกค่ะ เพราะใช้น้ำตาลแค่ 6 ช้อนชาเท่านั้น สูสีคู่คี่กับอิชิชันเก๊กฮวยเลยค่ะ
(***องค์กรอนามัยโลก แนะนำปริมาณบริโภคน้ำตาลสูงสุดไว้ที่ 6 ช้อนชา/วัน ค่ะ)

6.    อีฟ บูมบูม น้ำเก๊กฮวย


ส่วนผสม:
น้ำเก๊กฮวยสกัดจากดอกเก๊กฮวย
ปริมาตรสุทธิ 350 มล.
ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด (ซูโครส+ฟรุกโตสไซรัป) 8%
ปริมาณน้ำตาล 7 ช้อนชา

สรรพคุณที่กล่าวอ้าง:
น้องอ๋อย...เอ้ย น้องอีฟ บูมบูมนางนี้ ไม่ได้เคลมอะไรมากมายค่ะ มาแบบใสๆ ซื่อๆ แนะนำชื่ออย่างเดียวว่าฉันน่ะเก๊กฮวยนะจ๊ะ หางจงหางโจวอะไรไม่มี...เก๊กฮวยบ้านเราจากเยาวราชนี่ล่ะจ้ะ เป็นเก๊กฮวยแบบสกัดไม่ใช่ต้มเอา แต่เห็นเหลืองๆ แบบนี้ นางบอกว่าไม่ได้เจือสีสังเคราะห์นะจ๊ะ! (แต่ยืนยันว่ามันเหลืองจริงนะ -___-“ ตอนซื้อมาเพื่อนถามว่าขวดอะไร นึกว่าขวดน้ำมันพืช...แป่ว!!)

7.    เย็นเย็น น้ำเก๊กฮวยผสมน้ำผึ้ง


ส่วนผสม:
สกัดจากดอกเก๊กฮวยจากจีน ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ไม่เจือสีสังเคราะห์
ปริมาตรสุทธิ 400 มล.
ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด (น้ำตาล+ฟรุกโตส) 9.5%
ปริมาณน้ำตาล 9.5 ช้อนชา

สรรพคุณที่กล่าวอ้าง:
ยังคงวุ่นวายอยู่ที่น้ำเก๊กฮวยค่ะ  ขอแนะนำ “เย็นเย็น” ลูกสาวลุงตัน อิชิตัน ซึ่งโกอินเตอร์กันอีกแล้วจ้า เพราะดอกเก๊กฮวยที่เอามาทำนั้นงอกอยู่ในเมืองถงเซียง แหล่งปลูกที่ขึ้นชื่อระบือนามในจีนมากว่า 300 ปี ถึงแม้จะใช้ดอกเก๊กฮวยเมดอินไชน่าไปแล้ว แต่ก็ยังต้องพึ่งพาผงเก๊กฮวยอีก 0.1% !!! (เพื่ออะไรง่ะ ความหอมหรอ ใครรู้บ้าง?) แถมยังมีกลิ่นหอมของน้ำผึ้ง ช่วยดับรสเผ็ดร้อนจากอาหาร (จัดไปน้ำตาลเกือบ 10 ช้อน!...ยังเผ็ดอยู่ให้มันรู้ไป!) แถมกินแล้วยังช่วยแก้กระหาย สดชื่นนนน นางบอกว่า “เครื่องดื่มสู้ร้อน เย็นลึกจากภายใน” จ้ะ

8.    เก๊กหล่อ สูตรกระเจี๊ยบ พุทราจีน


ส่วนผสม:
สมุนไพรแท้ ได้แก่ กระเจี๊ยบ พุทราจีน ชะเอมเทศ ต้มแบบสูตรต้นตำรับไทย-จีน ไม่ใช้วัตถุกันเสียและสีสังเคราะห์
ปริมาตรสุทธิ 330 มล.
ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด (น้ำตาล+ฟรุกโตสไซรัป) 9.8 %
ปริมาณน้ำตาล 8.085 ช้อนชา

สรรพคุณที่กล่าวอ้าง:
ออกจากดงดอกเก๊กฮวยแล้วค่ะ ขณะนี้เข้าสู่ป่าพุทราจีนและดอกกระเจี๊ยบ ขวดนี้เขาอ้างว่าทำจากสมุนไพรแท้ ให้รสชาติที่กลมกล่อม หวานอมเปรี้ยว กินได้ทุกเวลา ใครเบื่อรสชาติหวานเพียวๆ ก็ต้องขวดนี้ล่ะค่ะ มันจะอมเปรี้ยวนิดๆ เพราะใช้น้ำกระเจี๊ยบเป็นหลักถึง 78.54% เราว่ารสชาติคล้ายน้ำกระเจี๊ยบที่ยายเคยต้มให้กินตอนเด็กๆ เหมือนกันนะคะ ใครรู้สึกเหมือนเราบ้าง?

9.    เก๊กหล่อ จับเลี้ยง สูตรต้นตำรับ


ส่วนผสม:
เครื่องดื่มสมุนไพรแท้ ไม่มีส่วนผสมของชา ปราศจากคาเฟอีน ไม่เติมวัตถุเจือปน
ปริมาตรสุทธิ 330 มล.
ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด (น้ำตาล+ฟรุกโตส) 6%
ปริมาณน้ำตาล 4.95 ช้อนชา

สรรพคุณที่กล่าวอ้าง:
ถือว่าเป็นน้ำจับเลี้ยงที่หน้าตาสุขุมพอสมควรเมื่อเทียบกับแพ็คเกจของยี่ห้อ อื่นๆ เก๊กหล่อตัวนี้บอกว่า ทำจากสมุนไพรแท้ต้นตำรับ 10 ชนิดค่ะ มีเก๊กฮวย เฉาก๊วย หล่อฮั้งก้วย ใบไผ่ ดอกสายน้ำผึ้ง หญ้าคา  ชะเอมเทศ เพกา ใบหม่อน และใบแปะก๊วย แถมยังบอกว่าไม่ผสมชาด้วยนะ (จากเคลมที่ว่า เราเดาว่าเค้าคงใช้สมุนไพรจริง ไม่ใช่สมุนไพรสกัดหรือแต่งกลิ่นค่ะ) รสชาติจะออกไปทางน้ำเก๊กฮวยค่ะ เพราะใช้เก๊กฮวยเป็นส่วนผสมเยอะที่สุด 35% รองลงมาคือน้ำเฉาก๊วย 30% สมุนไพรที่เหลือใช้ประมาณ 3-4-5% ค่ะ แถมน้ำตาลยังมีแค่ประมาณ 5 ช้อนชาอีกต่างหาก

10.    เก๊กหล่อ จับเลี้ยง สูตรผสมสารสกัดหญ้าหวาน


ส่วนผสม:
เครื่องดื่มสมุนไพรแท้ ไม่มีส่วนผสมของชา ปราศจากคาเฟอีน ไม่เติมวัตถุเจือปน  ใช้สตีวิออดไกลโคไซด์และซูคราโลสเป็นวัตถุให้ความหวาน แทนน้ำตาล
ปริมาตรสุทธิ 330 มล.
ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด 0 % ***ใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล
ปริมาณน้ำตาล 0 ช้อนชา

สรรพคุณที่กล่าวอ้าง:
โอ...ตัวนี้เหมือนตัวข้างบนเดี๊ยะๆ เลยค่ะ ใช้สมุนไพร 10 ชนิด เพียงแต่ใช้หญ้าหวานเป็นสารให้ความหวานแทน อ้อๆ รวมถึงซูคราโลสด้วยค่ะ โดยสารทั้ง 2 ตัวนี้ให้พลังงานน้อยมากๆ แต่ให้รสหวานจัดมาก (หวานกว่าน้ำตาลทราย 300 เท่าอ่ะค่ะ) เวลานำมาใช้ใส่อาหาร มันเลยใช้ในปริมาณน้อยสุดๆ จนแทบไม่ให้พลังงานเลย หรือเท่ากับ 0 แคลอรี่ นางเคลมว่า เครื่องดื่มนี้ช่วยดับกระหาย ได้ความสดชื่น รู้สึกผ่อนคลาย ส่วนรสชาติก็กลมกล่อม หวานกำลังดี รวมแคลอรี่ทั้งขวดแค่ 50 แคลอรี่เท่านั้น!?! เก๋เนอะ #ปักๆๆๆ

11.    จับใจ สูตรจับเลี้ยง


ส่วนผสม:
ผงชาดำผสมน้ำสมุนไพร 10 ชนิด แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ ไม่เจือสี ไม่ใช้วัตถุกันเสีย
ปริมาตรสุทธิ 400 มล.
ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด (น้ำตาล+ฟรุกโตส) 8.5 %
ปริมาณน้ำตาล 8.5 ช้อนชา

สรรพคุณที่กล่าวอ้าง:
ต่อปายยย น้ำจับเลี้ยงจากโออิชิค่ะ “น้องจับใจ” เกือบแยกไม่ออกเลยระหว่างเย็นๆ กะ จับใจ -___-“ ขวดนี้เป็นจับเลี้ยงจากสมุนไพร 10 ชนิดค่ะ มีมะตูม ใบหม่อน เจี่ยวกู้หลาน ดอกคำฝอย รากบัว หล่อฮั้งก้วย เฉาก๊วย เก๊กฮวย ดอกสายน้ำผึ้ง และชะเอมเทศ แต่หลักๆ ที่เรารับรสได้คือน้ำมะตูมนะคะ ไม่ค่อยเหมือนจับเลี้ยงเท่าไหร่  -__-“ ซึ่งพอพลิกฉลากดูก็จริงอย่างที่ลิ้นบอกค่ะ จับใจใช้น้ำมะตูมเป็นส่วนผสมหลัก 39.47% รองลงมาคือน้ำใบหม่อน 16.67% ส่วนสมุนไพรที่เหลือก็ประมาณ 2-3-4% ค่ะ และเนื่องจากนางสังกัดค่ายโออิชิ จึงมีส่วนผสมจากชาเล็ดรอดมาด้วย เป็นผงชาดำ 0.08% สิ่งที่เคลมคือนางอร่อย นางสดชื่น และนาง “จับใจ” ค่ะ

12.    เย็นเย็น น้ำจับเลี้ยง


ส่วนผสม:
น้ำจับเลี้ยงจากสมุนไพรสกัด 7 ชนิด (ผสมน้ำชาเขียว) ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ไม่เจือสีสังเคราะห์
ปริมาตรสุทธิ 400 มล.
ปริมาณน้ำตาลทั้งหมด (ฟรุกโตส+น้ำตาล) 8.5%
ปริมาณน้ำตาล 8.5 ช้อนชา

สรรพคุณที่กล่าวอ้าง:
นางเคลมว่าใช้สมุนไพรกว่า 7 ชนิด ได้แก่ เฉาก๊วย เก๊กฮวย มะตูม หล่อฮั้งก้วย ใบหม่อน ดอกคำฝอย และเจี่ยวกู่หลาน (ทั้งหมดเป็นแบบสกัด ไม่ได้ต้มเอา)...บรรจงคัดสรรมาอย่างดีไม่พอ มีวิธีการชงแบบโบราณด้วย !? แล้วก็เหมือนเย็นเย็นเก๊กฮวยนั่นล่ะค่ะ สรรพคุณช่วยเพิ่มความสดชื่น ดับรสเผ็ดร้อนจากอาหาร เป็นเครื่องดื่มสู้ร้อน เย็นลึกจากภายในอีกแล้วครับผม แต่อันนี้ตอนแรกแอบงงๆ นิดหน่อยว่าจะไว้กลุ่มไหนดี คือส่วนผสมหลักมันเป็นชาเขียวไปซะ 80 กว่าเปอร์เซนต์ แล้วอ่ะ มีสมุนไพรที่เป็นจับเลี้ยงนิดหน่อยแค่ 10 กว่าเปอร์เซนต์เท่านั้น แถมสมุนไพรหลายตัว (เช่น หล่อฮั้งก้วย ใบหม่อน ดอกคำฝอย และเจี่ยวกู่หลาน) ใช้แค่ 0.5-0.9% เองอ่ะ คืองงมาก มันออกรสชาติด้วยเหรอถ้าจะใส่น้อยขนาดนี้น่ะ -___-“

******************************************************************

อ่า พอดูเยอะๆ แล้วเริ่มตาลาย +___+!! เรามาสรุปเป็นตารางดีกว่าาาา…


และผู้ชนะอย่างขาวสะอาดได้แก่..................
เก๊กหล่อ จับเลี้ยง สูตรหญ้าหวาน จ้าาาาา #รัวววววว

แหม่ เรียกว่าได้เก๊กสมตำแหน่งจริงๆ ค่ะ เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลเลย ส่วน ไอวี่ น้ำเก๊กฮวยผสมหล่อฮั้งก้วย และเก๊กหล่อ จับเลี้ยง สูตรต้นตำรับ แม้จะไม่ชนะเลิศ แต่ก็ถือว่าเข้าวินค่ะ เพราะถือว่าระดับน้ำตาลยังอยู่ในเกณฑ์จ้า


ความคิดเห็นส่วนตัว

ไหนๆ ก็พิมพ์กระทู้มาตั้งเยอะแล้วน่ะนะ ตรงนี้ จขกท ขอพื้นที่บอกกล่าวอะไรนิดนุง
ส่วนตัวคือ เราเห็นได้ชัดเลยว่าเครื่องดื่มสมุนไพรที่เคลมอย่างโง้นอย่างงี้ว่ามี ประโยชน์และดีต่อสุขภาพ จริงๆ แล้วมันอุดมไปด้วยน้ำตาลที่เกินกว่ามาตรฐานไปเยอะเลย แม้ไอวี่ จะชนขอบพอดีที่ 6 ช้อนชา แต่อย่าลืมว่าในชีวิตประจำวันเรายังต้องกินน้ำตาลอีกนะ กาแฟตอนเช้าอย่างต่ำก็ใส่น้ำตาลซองนึงแล้ว แล้วไหนจะน้ำตาลที่อยู่ในกับข้าวอีกล่ะ ในขนมอีกล่ะ???

ฉะนั้น ก่อนจะกินอะไรก็พิจารณากันให้ถี่ถ้วน มีสติค่ะ นานๆ ครั้งก็อาจจะพอไหว อาจจะสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง แต่ถ้าจะให้กินทุกวัน สดชื่นทุกวัน ตามคำโฆษณาข้างขวด เราว่ามันก็คงไม่เวิร์คอ่ะเนอะ

แต่ถ้าใครรู้สึก โหยยย ชีวิตนี้ชั้นขาดหวานไม่ได้ (เหมือนเรา T.T) ก็เลือกกินอันที่น้ำตาลน้อยๆ เนอะ แบบรักน้อยๆ แต่รักนานๆ ฮ่าาาาา

ขอให้พลังเฮลตี้จงสถิตอยู่กับทุกคนจ้า

**เห็นมีคำถามมาเยอะ เกี่ยวกับประเภทน้ำตาล อ่ะ...เผื่อใครมีข้อสงสัยเหมือนเรา เราขอแปะไว้ให้อ่านประกอบค่ะ

ก่อนอื่นขอขอบคุณทุกๆ คนมากค่ะ ที่ให้ความสนใจกระทู้นี้ ตอนแรกที่กลับมาดูแล้วเห็นโหวตเยอะขนาดนี้ ดีใจมากๆๆๆๆ อธิบายมาเป็นคำพูดไม่ถูกเลย อิอิ ><

และเพื่อตอบแทนทุกคะแนนเสียงและคอมเมนต์ ขออนุญาตเสริมความรู้ภาคพิเศษ เพราะมีคำถามเกี่ยวกับประเภทน้ำตาลเยอะเหมือนกัน จขกท. ไม่ได้มีความรู้ด้านนี้โดยเฉพาะ ขอสรุปคร่าวๆ (จากเว็บไซต์ที่ค้นเจอ) ดังนี้ค่ะ

1.    ฟรุกโตส ฟรุกโตสไซรัป น้ำตาล ซูโครส ซูคราโลส มันคือน้ำตาลอะไรกันบ้าง? ต่างกันยังไง?
ตอบ
-    ฟรุกโตส คือน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว สามารถพบได้ในอาหารทั่วไปแต่มีปริมาณน้อย เช่น ในน้ำผึ้ง มีความหวานมากกว่าน้ำตาลกลูโคสในปริมาณที่เท่ากัน
-    ฟรุกโตสไซรัป คือผลิตภัณฑ์ให้ความหวานสูง ลักษณะเป็นน้ำเชื่อมใสไม่มีสี ทำจากข้าวโพด ค่อนข้างอันตรายต่อตับหากรับประทานในปริมาณที่เกินพอดี (อาจทำให้เกิดไขมันพอกตับได้)
-    น้ำตาล น้ำตาลทราย หรือซูโครส (ก็น้ำตาลที่เราใช้ในครัวเรือนนี่แหละ ><) คือผลิตภัณฑ์ให้ความหวานที่ทำมาจากอ้อยหรือบีทรูท มีค่าความหวานเป็นมาตรฐาน ใช้เปรียบเทียบกับความหวานชนิดอื่นๆ
-    ซูคราโลส คือสารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงาน ถูกสร้างจากการใช้น้ำตาลซูโครสเป็นสารตั้งต้น มีลักษณะเหมือนน้ำตาลซูโครสแต่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ หวานกว่าน้ำตาลธรรมดา 8 เท่า เหมาะสำหรับผู้ต้องการหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลและผู้ป่วยโรคเบาหวาน และไม่มีข้อห้ามสำหรับผู้ป่วยหรือมีภาวะฟีนิลคีโตนูเรียด้วย

ป.ล. สำหรับเรื่องน้ำตาลฟรุกโตส และฟรุกโตสไซรัป มีบทความหนึ่งเขียนไว้ได้น่าสนใจมาก ขอแปะไว้ให้คนที่สนใจจริงๆ จังๆ นะคะ แหะๆ


นาทีนี้ พิสูจน์แล้วว่า เครื่องดื่มมีน้ำตาล ที่ทำให้เกิดโรคอ้วน การที่น้ำตาลหวาน อยู่ในรูปของเหลว ทำให้ไม่สามารถกระตุ้น ศูนย์ในสมองที่ไฮโปธาลามัส (hypothalamus) ได้มากพอ เพื่อสนองความอิ่มและหยุดกิน น้ำอัดลม น้ำหวาน อาหารแป้ง ฟาสต์ฟู้ด ทำให้น้ำตาลทะลักพรวดเข้าเลือดในทันที ก่อให้เกิดการหลั่งทะลักของฮอร์โมนอินซูลิน เพื่อให้ระดับน้ำตาลคงที่จนเกิดการดื้ออินซูลิน และอ้วนมากขึ้นเรื่อยๆ

          คนอ้วนยังมีสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบมากในเลือด ทำให้เส้นเลือดหัวใจตีบ สมองตีบเร็วกว่าอายุ แถมส่วนมากยังชอบอาหารไขมัน ซึ่งเมื่อรวมกับหวานจะทำให้กลไกกำจัดสารพิษ อัลไซเมอร์ในสมองบกพร่อง เกิดการสะสมพิษมากขึ้น และแม้ว่าระดับอินซูลินจะสูงในเลือด แต่ในสมองกลับ ลดลง ดังนั้น คนอ้วนจึงสมองฝ่อมากและเร็วกว่าคนไม่อ้วน คำแนะนำคือ ควรกินน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา ทั้งนี้ เครื่องดื่มหวาน หรือน้ำอัดลม 1 แก้ว อาจมีน้ำตาล 12 ช้อนชา

          โดยธรรมชาติรสหวานเป็นส่วนประกอบในวัตถุดิบอาหารอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ธัญพืช และถั่วต่างๆ หรือแม้แต่นม ดังนั้น เราจึงไม่ควรเติมน้ำตาลเพิ่มในอาหาร


          ไม่กินน้ำตาลแล้วกินน้ำผึ้งแทนดีไหม น้ำผึ้งมีคุณสมบัติคล้ายน้ำเชื่อม แต่มีข้อดีกว่าที่มีสารอาหารอื่นๆ เป็นองค์ประกอบด้วยคือ มีโปรตีนปริมาณเล็กน้อย มีวิตามิน และแร่ธาตุ แต่องค์ประกอบหลัก 80% ของน้ำผึ้งคือ น้ำตาล ดังนั้น น้ำผึ้งจึงไม่แตกต่างจากน้ำเชื่อมทั่วไป แต่รสของน้ำผึ้งจะหวานมากกว่า เนื่องจาก มีน้ำตาลฟรุคโตสเป็นองค์ประกอบอยู่ค่อนข้างมาก และหวานกว่าน้ำตาลกลูโคส 1.3 เท่า ดังนั้น ถ้าใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลต้องลดปริมาณการเติมลง

          ฟรุคโตสเป็นน้ำตาลที่มีอยู่ในธรรมชาติ พบมากในผลไม้ทั่วไป อาจอยู่ในรูปน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว หรืออาจอยู่คู่กับน้ำตาลกลูโคสในรูปน้ำตาลทราย หลังจากกินฟรุคโตสโดยเฉพาะที่ได้จากการสกัด ระดับน้ำตาลในเลือดจะไม่ขึ้นสูงมาก เนื่องจากมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ และสามารถเข้าเซลล์ได้โดยไม่ต้องอาศัยอินซูลิน ฟังดูเหมือนจะดีและเหมาะที่จะใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน

          แต่แท้จริงแล้ว ฟรุคโตสมีกลไกการเผาผลาญที่แตกต่างจากกลูโคส ตรงที่สามารถเผาผลาญได้เฉพาะที่ตับและกระตุ้นการสร้างไขมันทั้งที่ตับและใน เส้นเลือด ส่งผลให้ผู้ที่บริโภคฟรุคโตสมากเกินไป จะมีระดับไขมันไม่ดีชนิดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง และยังมีไขมันเกาะตับมากขึ้น

นอกจากนี้ กินฟรุคโตสจะทำให้รู้สึกไม่อิ่ม เนื่องจาก ไม่กระตุ้นให้เกิดการหลั่งอินซูลิน และไม่ทำให้ฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกอิ่มมีระดับสูงขึ้น ผลการศึกษาเมื่อต้นปี 2556 พบว่า ฟรุคโตสมีกลไกออกฤทธิ์ที่สมองต่างจากกลูโคส ทั้งในแง่การกระตุ้นให้อิ่มจะน้อยกว่ากลูโคส แถมหวานกว่า ติดใจรสชาติ และออกฤทธิ์ต่อสมองส่วนความสุขทำให้อยากกินอีก จึงมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนชัดเจน และมีภาวะดื้ออินซูลินเพิ่มขึ้น

          กินฟรุคโตสมากเกินไป อาจทำให้มีระดับกรดยูริกและความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นได้ และเป็นคำตอบว่า ทำไมกินเครื่องดื่มรสหวาน ทั้งชาเขียว ชาขาว ที่โฆษณาว่าไขมัน 0% และไม่มีคอเลสเตอรอล ไม่มีน้ำตาล ซึ่งจริงๆ คือ ไม่มีกลูโคส แต่มีฟรุคโตสแทนยังอ้วน

          ผลเสียจะไม่เกิด หากกินผลไม้สด 1 ส่วน หรือ 6-8 ชิ้นคำ จะมีฟรุคโตส 2 ช้อนชา แต่ได้ใยอาหารที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล และช่วยชะลอการเกิดภาวะดื้ออินซูลินได้ และกากใยเป็นตัวป้องกันการสกัดสารพิษจากอาหาร เช่น จากไข่แดง เนื้อแดง ที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ อัมพฤกษ์ และสมองเสื่อม

          รักษาชีวิตง่ายที่สุดคือ "เลิก" น้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำผลไม้คั้นแยกกาก ชาเขียว ชาขาว นมรสหวาน และลดการปรุงแต่ง

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
Link: http://www.greenshopcafe.com/mobi/greennewss.php?id=952


ที่มา: http://www.thaibio.com/CollaColla-ซูคราโลส
http://pantip.com/topic/31475172
http://www.greenshopcafe.com/mobi/greennewss.php?id=952

2.    สตีวิออดไกลโคไซด์ และหญ้าหวานคืออะไร?
ตอบ
สตีวิออดไกลโคไซด์ หรือ สตีเวีย เป็นสารสกัดจากหญ้าหวานค่ะ ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายถึง 200-300 เท่า แต่ไม่ให้พลังงาน เพราะไม่มีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายสามารถใช้เป็นพลังงานได้ จึงปราศจากแคลอรี่ ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง แถมช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคอ้วน และโรคหัวใจ รวมถึงผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะช่วยลดไขมันในร่างกายและในเส้นเลือด ปัจจุบันได้รับการรับรองแล้วว่าปลอดภัยต่อการบริโภคค่ะ ส่วนข้อเสียมีไหม? เราว่ามีค่ะ! คือรสชาติมันแบบ...แย่มว้ากกกกกก T^T 

ที่มา: http://www.siamturakij.com/main/news_content.php?nt=4&nid=6698

คำตอบที่เราหามาได้ก็ประมาณนี้ค่ะ ถ้ามีข้อผิดพลาดยังไง สามารถทักท้วงหรือแนะนำเพิ่มได้นะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘