ปัญหาและเฉลยธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง พ.ศ. ๒๕๔๓ วันพฤหัสบดี ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓

.
.
ปริเยสนา ๒ อย่างตามความในพระสูตรท่านแสดงไว้อย่างไร ?

.
ภิกษุควรแสวงหาเลี้ยงชีพอย่างไรจึงเป็นการแสวงหาอย่างประเสริฐ ?
.
.
แสดงว่า แสวงหาสิ่งอันมิใช่ของมีชรา พยาธิ มรณะ โสกะและสังกิเลส เป็นธรรมดา คือธรรมอันเกษมมีพระนิพพานเป็นอย่างสูง จัดเป็นอริย  ปริเยสนา  แสวงหาสิ่งอันมีชรา พยาธิ มรณะ โสกะและสังกิเลสเป็นธรรมดา ทั้งที่สภาพเช่นนั้นก็มีในตนอยู่พร้อมแล้ว จัดเป็นอนริยปริเยสนา

.
ภิกษุแสวงหาเลี้ยงชีพโดยอุบายอันสมควร ทั้งไม่เป็นโลกวัชชะมีโทษทางโลกและไม่เป็นปัณณัตติวัชชะ มีโทษทางพระบัญญัติ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนและผู้อื่นจึงจะเป็นการแสวงหาอย่างประเสริฐ
.
.
ปรีชาหยั่งรู้อะไรจัดเป็นกิจจญาณ ?

.
สิกขาคืออะไร ?  มีเท่าไร ?  อะไรบ้าง ?
.
.
ปรีชาหยั่งรู้ว่า ทุกข์เป็นธรรมชาติที่ควรกำหนดรู้ ทุกขสมุทัยเป็นสภาพที่ควรละเสีย ทุกขนิโรธเป็นสภาพที่ควรทำให้แจ้ง ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาเป็นธรรมชาติที่ควรทำให้เกิด จัดเป็นกิจจญาณ

.
ปฏิปทาที่ตั้งไว้เพื่อศึกษา คือฝึกหัดไตรทวารไปตาม ชื่อว่าสิกขา มี ๓ อย่างคือ อธิสีลสิกขา สิกขาคือศีลยิ่ง ๑  อธิจิตตสิกขา สิกขาคือจิตยิ่ง ๑
อธิปัญญาสิกขา สิกขาคือปัญญายิ่ง ๑
.
.
อัปปมัญญา ๔ กับพรหมวิหาร ๔ ต่างกันอย่างไร ?

.
อะไรเรียกว่า อริยวงศ์ ?  แจกออกเป็นเท่าไร ?  อะไรบ้าง ?
.
.
ต่างกันอย่างนี้คือ อัปปมัญญาได้แก่การแผ่โดยไม่เจาะจงตัว และไม่มีจำกัด ส่วนพรหมวิหารได้แก่การแผ่โดยเจาะจงตัว  หรือโดยไม่เจาะจงตัวแต่ยังจำกัดมุ่งเอาหมู่นี้หมู่นั้น

.
ปฏิปทาของพระอริยบุคคลผู้เป็นสมณะเรียกว่า อริยวงศ์  แจกออกเป็น ๔ คือ


     ) สันโดษด้วยจีวรตามมีตามเกิด
     ) สันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามเกิด
     ) สันโดษด้วยเสนาสนะตามมีตามเกิด
     ) ยินดีในการเจริญกุศลและในการละอกุศล
.
.
อุปาทานคืออะไร ?  มีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?

.
กำเนิด ๔ มีอะไรบ้าง ?
.
.
คือการถือมั่นข้างเลว ได้แก่การถือรั้น มี ๔ คือ 
     กามุปาทาน ถือมั่นในกาม ๑       ทิฏฐุปาทาน ถือมั่นทิฏฐิ ๑ 
     สีลัพพตุปาทาน ถือมั่นศีลพรต ๑  อัตตวาทุปาทาน  ถือมั่นวาทะ
     ว่าตน ๑

.
คือ  
     ชลาพุชะ เกิดในครรภ์ ๑             อัณฑชะ เกิดในไข่ ๑  
     สังเสทชะ เกิดในเถ้าไคล ๑          โอปปาติกะ เกิดผุดขึ้น ๑
.
.
การสำรวมระวังปิดกั้นอกุศลเรียกว่าอะไร ?  มีเท่าไร ?  อะไรบ้าง ?

.
สติสังวร สำรวมด้วยสตินั้น มีอธิบายอย่างไร ?
.
.
เรียกว่า สังวร มี ๕ คือ
     ) สีลสังวร สำรวมด้วยศีล
     ) สติสังวร สำรวมด้วยสติ
     ) ญาณสังวร สำรวมด้วยญาณ
     ) ขันติสังวร สำรวมด้วยขันติ
     ) วิริยสังวร สำรวมด้วยความเพียร

.
มีอธิบายว่า สำรวมอินทรีย์มีจักษุเป็นต้นระวังรักษามิให้อกุศลธรรมเข้า   ครอบงำ เมื่อเห็นรูปเป็นต้น ทั้งมีสติไม่ฟั่นเฟือนลืมหลง ระลึกได้ก่อนแต่ทำ พูด คิด ไม่ให้ผิดทางกาย วาจา ใจ ไม่ประมาทหลงทำกรรมชั่ว
.
.
ทำไมท่านจึงเปรียบวิสุทธิ ๗ เหมือนรถ ๗ ผลัด ?

.
อะไรจัดเป็นปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ?
.
.
เพราะวิสุทธิ ๗ นี้ เป็นปัจจัยส่งต่อกันขึ้นไปเพื่อบรรลุพระนิพพาน ท่านจึงเปรียบเหมือนรถ ๗ ผลัดต่างส่งต่อซึ่งคนผู้ไปให้ถึงสถานที่ปรารถนา

.
วิปัสสนาญาณ ๙ จัดเป็นปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ
.
  จงให้ความหมายของคำต่อไปนี้


.
ภควา                      .  โอปนยิโก

.
.
ภควา คือพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเป็นผู้มีโชค คือจะทรงทำการใด ก็     ลุล่วงปลอดภัยทุกประการ  อีกอย่างหนึ่งเป็นผู้จำแนกแจกธรรม                   

. 
โอปนยิโก คือพระธรรมมีคุณควรน้อมเข้ามาในใจของตนหรือควรน้อมใจเข้าไปหาพระธรรมนั้นด้วยการปฏิบัติให้เกิดมีขึ้นในใจ
.
.
บารมีคืออะไร ? มีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?

.
สังโยชน์อะไรเรียกว่า โอรัมภาคิยสังโยชน์ ?  มีอะไรบ้าง ?
.
.
คือคุณสมบัติหรือปฏิปทาอันยวดยิ่ง
มี ๑๐ อย่าง คือ ทาน ๑  ศีล ๑  เนกขัมมะ ๑  ปัญญา ๑  วิริยะ ๑  
ขันติ ๑    สัจจะ ๑  อธิษฐาน ๑  เมตตา ๑  อุเบกขา ๑

.
สังโยชน์เบื้องต่ำคืออย่างหยาบเรียกว่า โอรัมภาคิยสังโยชน์   มี ๕ อย่างคือ สักกายทิฏฐิ ๑  วิจิกิจฉา ๑  สีลัพพตปรามาส ๑  กามราคะ ๑  ปฏิฆะ ๑
.
   จงอธิบายคำต่อไปนี้


.
มิจฉาสมาธิ                 .  สัมมาสมาธิ
.
.
มิจฉาสมาธิ คือการตั้งจิตไว้ผิด โดยนำสมาธิที่ได้นั้นไปใช้ในผิดทาง เช่น สะกดจิตในทางหาลาภให้แก่ตนเอง ในทางหาผลประโยชน์  ทำให้ผู้อื่นหลงงมงายในวิชาความรู้ ในทางให้ร้ายผู้อื่นและในทางนำให้หลง           

.
สัมมาสมาธิ คือการตั้งจิตไว้ชอบในองค์ฌาน หรือมีนัยตรงกันข้ามกับ      มิจฉาสมาธิข้างต้น
๑๐.
๑๐.
ธุดงค์ ๑๓ ท่านกล่าวว่า เป็นวัตรจริยาพิเศษอย่างหนึ่งไม่ใช่ศีลนั้น
คืออย่างไร ?

๑๐.
ธุดงค์นั้น ท่านบัญญัติไว้เพื่ออะไร ?
๑๐.
๑๐.
คือการสมาทานหรือข้อที่ถือปฏิบัติจำเพาะผู้สมัครใจจะพึงสมาทานประพฤติไม่มีโทษ  มีแต่ให้คุณแก่ผู้ถือปฏิบัติ

๑๐.
เพื่อเป็นอุบายบรรเทาขัดเกลาและกำจัดกิเลส เป็นไปเพื่อความมักน้อยและสันโดษ เป็นต้น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘