มหากาพย์ ไตรภาค โดย นริศ จิระวงศ์ประภา 13

ภาคสาม ปัจฉิมบท

• ถ้าเรายังอยู่ในทางโลก เราไม่อาจปฎิเสธได้ว่า เงินคือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราสามารถอยู่ได้อย่างสุขสบาย สองภาคแรกเป็นการปูทางให้ท่านหาขุมสมบัติที่ซ่อนอยู่ให้เจอ เพื่อสักวันหนึ่งท่านจะหลุดพ้นจากหนูปั่นจักร เป็นอิสระภาพทางการเงิน

• ภาคสุดท้ายนี้ ผมขอกล่าวถึงในอีกด้านหนึ่งซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้ในด้านแรก(จริงๆสำคัญมากกว่ามากๆ)คือในด้านธรรม ผมเคยถามพระอาจารย์ของผมเกี่ยวกับการค้าขายและการลงทุนว่าทำอย่างไรให้เป็นทางธรรมได้บ้าง พระอาจารย์ของผมตอบไว้อย่างน่าคิดว่า การค้าขาย การลงทุน ถ้าจะให้ดีก็ต้องเป็นสัมมาอาชีวะ คือเป็นอาชีพที่สุจริต ไม่ไปเบียดเบียนใคร ซึ่งมีอยู่5ข้อคือ
• -ไม่ขายอาวุธ ที่มีวัตถุประสงค์ทำลายล้าง
• -ไม่ขายมนุษย์ หรือ กดขี่ข่มทารุณเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
• -ค้าขายสัตว์เป็น เลี้ยงสัตว์เพื่อฆ่าแรกเงิน
• -ค้าขายสิ่งเสพติด หรือสิ่งมอมเมาผู้ใช้ หรือสิ่งที่เป็นพิษภัยแก่ผู้บริโภค
• -ค้าขายยาพิษ ที่นำไปใช้ต่อคนและสัตว์

• อาชีพทั้งห้าประเภทนั้น อาจารย์ผมแนะนำให้หลีกเลี่ยง ส่วนเรื่องการทำอาชีพเพื่อผลกำไร อาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า อย่างไรมันก็คือทางโลก ไม่ใช่ทางธรรม ทางโลกคือการหาเอาเข้ามาใส่ตัว มีแต่ตัวกิเลสที่เรียกร้อง ส่วนทางธรรมคือการเอาสิ่งต่างๆออกจากตัว เพื่อความหลุดพ้น การทำธุรกิจต้องหวังผลกำไร จึงเป็นทางโลกไม่สามารถเป็นทางธรรมได้ แต่เราสามารถทำทางโลกและทางธรรมควบคู่กันไปได้ เช่นการช่วยเหลือลูกค้าบางรายเป็นกรณีพิเศษ การอบรมสั่งสอนและช่วยเหลือพนักงาน และที่สำคัญสุดคือ การนำเงินที่ได้จากธุรกิจ ไปแบ่งปันให้แก่ผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าเราในด้านต่างๆ 


• ผมคิดว่าความสุขในทางโลก คือความสุขในความอยากได้สิ่งต่างๆ ซึ่งจะมีความทุกข์ในตอนอยากได้(แต่ยังไม่ได้) แต่พอได้มาแล้ว ก็จะมีความสุขเพียงประเดี๋ยวประด๋าว แล้วความอยากใหม่ก็จะเข้ามาจูงจมูกท่านไปหาความทุกข์อีกครั้งหนึ่ง แต่ความสุขในการให้นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะการให้นั้น สุขตั้งแต่มีจิตที่คิดจะให้ สุขในขณะที่ได้ทำ และสามารถอิ่มในสุขเมื่อระลึกถึงสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว

• ในชีวิตที่เราอยู่ในโลก เราก็ต้องมีการวางเป้าหมายในทางโลก เมื่อเราได้ถึงเป้าหมายระดับหนึ่งแล้ว เราควรมีความพอเพียงในสิ่งที่ตนมี เราจะรู้สึกเพียงพอในชีวิตที่เป็นอยู่ ในเมื่อถ้าเราพอแล้ว สิ่งที่เราได้มาก็จะล้นไปหาคนที่ด้อยโอกาสกว่า

• ถ้าพูดถึงความฝันหรือเป้าหมายในชีวิต ผมคิดว่าทุกๆคนคงจะมีความฝันและมีเป้าหมายในชีวิตแน่นอน แต่ผมคิดว่าเรื่องที่ทุกคนฝันอาจจะคล้ายกันแต่คงจะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว บางคนก็มีเป้าหมายมากมาย บางคนอาจจะมีอยู่ไม่กี่เรื่อง ความฝันของแต่ละคนก็อาจจะมีเรื่องใหญ่บ้างเล็กบ้างคละเคล้ากันไป บางเรื่องก็เหมือนจะไม่เป็นสาระสำคัญ แต่ก็เป็นความใฝ่ฝันให้เหมือนให้ชีวิตนี้มันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่นบางคนอาจจะอยากเที่ยวรอบโลกเป็นต้น

• ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ในเมื่อบทความนี้เป็นของผม ผมขอเอาเป้าหมายในการดำเนินชีวิตของผมมาให้ท่านๆได้ดู แต่เอาเฉพาะเรื่องที่เป็นสาระนะครับ ที่ไม่เป็นสาระไม่เอามาให้ดู ฮา. ถ้าเอาเรื่องใหญ่ๆที่มีสาระ นำมาสรุปรวมคงจะได้ห้ากลุ่มดังต่อไปนี้

• 1.กลุ่มการเงิน กลุ่มนี้เป้าหมายในชีวิตผมคือ ต้องการมีอิสระภาพทางการเงิน เป้าหมายระยะแรกๆนั้น เคยตั้งเป้าไว้เพียง ไม่มีหนี้สิน มีบ้านมีรถ และมีเงินเก็บสุทธิเพียง10ล้านบาท ระยะหลังๆพอถึงเป้าหมายเก่า เป้าหมายใหม่ก็เริ่มถูกกิเลสตั้งขึ้นหลอกล่อมาแทนที่เป้าหมายเดิม จนเป้าหมายสุดท้ายที่ได้ตั้งเป้าไว้นั้นคือที่100ล้านบาท

• 2.กลุ่มครอบครัว กลุ่มนี้เป้าหมายในชีวิตของผมคือ ต้องทำหน้าที่เป็นลูกที่ดี ช่วยเหลือจุนเจือพี่น้องและคนรอบข้างในยามที่เขาต้องการ , ประคับประคองอบรมสั่งสอนให้ลูกเป็นคนดี มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม เอาตัวรอดได้ในทางโลกและใฝ่รู้ในทางธรรม

• 3.กลุ่มกัลยาณมิตร เป้าหมายคือต้องการมีมิตรที่ดี ไม่ต้องการมีศัตรู ช่วยเหลือมิตรเมื่อยามเขาเดือดร้อน ชักจูงเพื่อนๆไปในทางที่ดี (แต่ไปที่ชอบๆ เพื่อนมันบอกว่าไม่ต้องชวน ฮา.)

• 4.เป้าหมายในการช่วยสังคม ช่วยเหลือทางด้านกำลังทรัพย์ กำลังกาย กำลังสมองให้แก่สังคม เท่าที่จะทำได้ โดยต้องเป็นการกระทำที่ไม่หวังผลตอบแทน

• 5.กลุ่มทางธรรม มีเป้าหมายในชีวิตว่าต้องการบรรลุธรรมในระดับหนึ่ง ต้องการทำให้ชีวิตตนเองเข้าใจในธรรมชาติของตัวทุกข์ สามารถสงบสุขได้ในยามที่ความทุกข์กำลังกล้ำกราย

• ในปัจจุบัน เป้าหมายที่ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่าสำเร็จแล้วคงจะมีข้อแรกเพียงข้อเดียว เพราะผมไม่มีหนี้สิน และทรัพย์สินรวมผมมีมากกว่าเป้าหมายไว้หลายเท่าตัว ที่ผ่านมาในวันหนึ่งๆ ผมน่าจะหมดเวลาไปกับการ หาหุ้น เจาะหุ้น ขุดหุ้น แกะหุ้น พูดคุยเรื่องหุ้น ไม่ต่ำกว่าวันละ4-5ชั่วโมง(จริงๆน่าจะมากกว่า8ชม. 555) แต่หนทางเป้าหมายในทางธรรมและส่วนอื่นๆ ผมยังไม่พัฒนาไปไหนเลย ผมจึงคิดว่าผมคงจะต้องถอยออกมาจากการลงทุนแบบเดิมเสียที อย่าให้ความโลภมาหลอกให้หาเงินเพิ่มอีกเลย เวลาที่เสียไปกับการลงทุนแบบมุ่งเน้น ควรเปลี่ยนไปเป็นการลงทุนกระจายไปในหุ้นพื้นฐานที่มีคุณภาพสูง ไม่ต้องไปติดตามผลประกอบการ แล้วนำเวลาที่มีไปศึกษาในเรื่อง
• ธรรมมะ และ ช่วยเหลือสังคมให้มากขึ้นคงจะดีกว่า

• ช่วงที่ผ่านมาคนบางกลุ่มอาจจะคิดว่าผม อยากเด่น อยากดัง เพื่อจะได้
• โปรโมทหุ้น หรือบางคนที่นิสัยไม่ดี เอาความหวังดีของผมไปใช้ในทางที่หาผลประโยชน์เข้าตนเอง ทำให้ผมรู้สึกเบื่อความเป็นตัวตนของนาย naris@thaivi และอยากพิสูจน์ให้คนกลุ่มนี้ได้เห็นถึงความเข้าใจผิดของเขา จากนี้ไปนาย naris@thaivi คงจะหลีกหายไปจากวงการหุ้นและ thaivi(อาจจะเข้ามาบ้างในชื่ออื่นและอ่านเพียงอย่างเดียว) และที่สำคัญ ผมคงมีความสุขมากขึ้น ที่จะใช้เวลาบางส่วนไปใช้ในด้านอื่นๆที่ชอบและอยากทำให้กับชีวิตให้มากขึ้น

• การถ่ายทอดแนวคิดการลงทุนของผมในครั้งนี้ จะเป็นการมอบคืนสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาจากอาจารย์หลายๆท่าน มามอบให้ท่านที่ยังไม่ตกผลึกในเรื่องการลงทุน ยังขาดอิสระภาพทางการเงิน และถ้าสิ่งที่ผมได้ถ่ายทอดความรู้ไปในครั้งนี้มีประโยชน์ ผมขอยกความดีความชอบให้กับบิดามารดา ครูบาอาจารย์ และผู้มีบุญคุณของข้าพเจ้า 

• สุดท้ายนี้ผมหวังว่าบุญกุศลที่ผมได้สร้างในครั้งนี้ จะทำให้ท่านที่หลงผิดคิดว่าหุ้นคือการพนัน หรือคิดว่าเป็นการแย่งชิงเงินเหมือนเก้าอี้ดนตรี สามารถเปลี่ยนแนวคิดเป็น “การซื้อหุ้นคือการลงทุนในกิจการ” และท้ายที่สุดถ้าท่านมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว ขอรบกวนท่านทั้งหลายโปรดช่วยเผื่อแผ่ปัญญาและทรัพย์สินให้กับผู้ด้อยกว่าในโอกาสที่เหมาะสมด้วยนะครับ

• บทความนี้คงจะเป็นบทความสุดท้ายในเวปผมจึงอยากจะกล่าวขอบคุณและขอโทษหลายๆท่านดังต่อไปนี้

• ขอบคุณ คุณพ่อ ที่ได้บ่มเพาะความใจสู้และอดทนให้แก่ลูก
• ขอบคุณ ท่านแม่ ที่ได้สอนเรื่องการให้และความนอบน้อมให้แก่ลูก
• ขอบคุณ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ที่เอื้อเฟื้อเผยแพร่แนวคิดการลงทุนให้แก่ผมขอบคุณ อ.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ที่ช่วยชี้แนะแนวทางการลงทุนอย่างมีความสุข
• ขอบคุณพี่มนตรี นิพิฐวิทยา ที่ช่วยสอนงบการเงินให้แก่ผม
• ขอบคุณพี่วิบูลย์ พึงประเสริฐ ที่เปิดหูเปิดตาการลงทุน ในตระแกรงร่อนหุ้น
• ขอบคุณพี่ครรชิต ไพศาล ผู้ใหญ่ใจดี ที่ผมต้องหาโอกาสไปกราบถึงสงขลาให้ได้
• ขอบคุณพี่พรชัย รัตนนนทชัยสุข ที่แปลหนังสือดีๆ อ่านง่ายๆ ให้ผมได้ศึกษา
• ขอบคุณลุงขวด ที่ทำให้ผมมีมุมมองนักลงทุนที่ผมอยากจะเป็น ในยามสูงอายุ
• ขอบคุณพี่แพะ สามัญชน ที่คอยให้คำปรึกษาในหลายๆด้าน
• ขอบคุณพี่พีระนาท โชควัฒนา ที่เอื้อเฟื้อน้องๆอย่างไม่ปิดบัง
• ขอบคุณ คุณIH@กระทิงเขียว กูรูตัวจริงที่เปิดมุมมองการลงทุนให้ผมได้ศึกษา
• ขอบคุณตั่วเฮียคลายเครียด ที่สอนให้ผมเห็นอารมณ์ของตนเอง
• ขอบคุณพี่ปรัชญา ผู้คอยเป็นคนระวังหลังให้น้องๆเสมอ
• ขอบคุณพี่ป้อมporjai ที่มอบความฮาผสมธรรมได้อย่างลงตัว
• ขอบคุณ พี่ฉัตรชัย ที่เป็นที่พึ่งของผมในยามที่ต้องการมุมมองที่เป็นกลาง
• ขอบคุณหมอนั้ม หมอฟันผู้เอื้อเฟื้อ
• ขอบคุณตึก VI.Jr เพื่อนที่ผมสบายใจในการพูดคุย
• ขอบคุณโจ ลูกอิสาน ที่คอยตอบคำถามพี่ในช่วงที่ผ่านมา
• ขอบคุณyoyo ที่สอนในหลายๆเรื่องให้แก่พี่
• ขอบคุณสุมาอี้@thaivi ที่ได้เขียนหนังสือดีๆมาให้อ่าน
• ขอบคุณ ณัฐ Alastor คนตรงนิสัยดี

• กลุ่มคนดังกล่าวทั้งหมดที่ผมกล่าวไปข้างต้นนั้นเป็นผู้มีบุญคุณที่ทำให้ผมมีทุกวันนี้ ผมนับถือพวกท่านว่าเป็นครูของผมจริงๆครับ 

• ขอขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในเวป ที่คอยให้ความรู้ ให้กำลังใจกันมาโดยตลอด เพื่อนๆในเวป Thaivi นี้มีคุณภาพจริงๆ ตั้งแต่เพื่อนคนแรกที่ถือหุ้นตัวเดียวกันในปีแรก ไปประชุมผู้ถือหุ้นด้วยกันคือ Alastor หรือจะเป็นเพื่อนกลุ่มสุ่มหัว เพื่อนกลุ่มก๊วนแบต เพื่อนก๊วนหมอๆทั้งหลาย เพื่อนกลุ่มขอนแก่น เพื่อนนักเขียนรุ่นพี่อย่างพี่สถาปนิกต่างดาว จวบจนคนสุดท้ายที่ผมได้รู้จักในปีนี้คือหมอแป๊ะReiter เจ็ดปีที่ผ่านมาเพื่อนๆหลายสิบคนที่ผมได้รู้จักเหล่านี้ ทำให้ผมมีความสุขในการลงทุนมากๆ ขอบคุณครับทุกๆท่าน

• ขอบคุณความโลภ ความกลัว ความหลง ในตลาดหลักทรัพย์ ที่สอนให้ผมเห็นกิเลสของตนเองชัดเจนยิ่งขึ้น 

• ขอโทษเพื่อนๆหลายๆคนที่ผมอาจจะเป็นคนตรงๆ ผมคิดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น และคงเป็นเพราะผมประสบความสำเร็จในด้านการลงทุนในแนวทางนี้ จะไปพูดแนวทางที่ตนเองไม่รู้ก็ใช่เรื่อง ทำให้เวลาแสดงความคิดเห็นอาจจะไปขัดแนวคิดการลงทุนของพวกท่านอยู่บ่อยครั้ง ขอให้ท่านอโหสิกรรมให้กับการกระทำของผมด้วย

• สุดท้ายที่ท้ายสุดจริงๆ ขอโทษ ลุงๆ ป้าๆ ป๋าๆ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ หลายๆท่านที่ผมไม่ได้กล่าวถึง การขาดตกบกพร่องที่ไม่ได้กล่าวถึงท่าน ไม่ใช่ว่าท่านไม่สำคัญ แต่คงเป็นเพราะผมเริ่มจะแก่แล้วนั่นเอง ฮา.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘