มหาปรินิพพานสูตร กัณฑ์ที่ ๙
พรรษาที่ ๔๕ พรรษาสุดท้าย ทรงจำพรรษา ณ บ้านเวฬุวคาม เขตเมืองไพศาลี ทรงพระประชวรขราพาธแล้ว เกิดทุกขเวทนาใกล้ปรินิพพาน ภายในพรรษานั้น
ได้ตรัสสอนพระอานนทเถระที่มีความวิตกกังวลกับการประชวรของพระองค์ว่า ดูก่อนอานนท์ สมัยใด พระตถาคตเจ้าเข้าอนิมิตตเจโตสมาธิ คือ ไม่ใส่ใจถึงนิมิตทั้งปวง เพราะดับเวทนาบางเหล่า สมัยนั้น กายของพระตถาคตเจ้า ย่อมมีความผาสุก เพราะฉะนั้น เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่มีบุคคลหรือสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง ทรงอธิบายว่ามีตนเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ธรรมนั้นได้แก่ เอกายนมรรค คือ สติปัฏฐานทั้ง ๔
ครั้นออกพรรษา ประทับอยู่ที่ปาวาลเจดีย์ ทรงรับอาราธนาพระยามารว่าอีก ๓ เดือน ตถาคตจะปรินิพพาน เรียกว่า ทรงปลงอายุสังขาร พระอรรถถกาจารย์ ถือตามพระบาลีนี้จึงกล่าวว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปลงอายุสังขารวันมาฆปุรณมี
ทรงแสดงบริษัท ๘ คือ กษัตริย์ ๑ พราหมณ์ ๑ คฤหบดี ๑ สมณะ ๑ หมู่เทพชั้นจาตุมหาราชิกา ๑ ชั้นดาวดึงส์ ๑ หมู่มาร ๑ หมู่พรหม ๑ ซึ่งพระองค์ทรงเคยเข้าไปสนทนาและแสดงธรรมีกถาสั่งสอน
ทรงแสดงสถานที่ ๑๖ ตำบล ที่ทรงทำนิมิตโอภาสอันหยาบเพื่อให้พระอานนท์ทูลขอให้ทรงอยู่แสดงธรรม เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่มหาชน คือ ที่เมืองราชคฤห์ ๑๐ แห่ง เมืองเวสาลี ๖ แห่ง
เมืองราชคฤห์ ๑๐ แห่ง คือ ภูเขาคิชฌกูฏ ๑ โคตมนิโครธ ๑ โจรัปปปาตะ ๑ สัตตบัณณคูหา ๑ กาฬสิลา ๑ สัปปิโสณฑิกา ๑ ตโปทาราม ๑ เวฬุวัน ๑ ชีวกัมพวัน ๑ มัททกุจฉิมิคทายวัน ๑
เมืองเวสาลี ๖ แห่ง คือ อุเทนเจดีย์ ๑ โคตมกเจดีย์ ๑ สัตตัมพเจดีย์ ๑ พหุปุตตเจดีย์ ๑ สารันทเจดีย์ ๑ ปาวาลเจดีย์ ๑
ทรงสั่งสอนพุทธบริษัทด้วยสังเวคกถาและอัปปมาทธรรม
เวสาลีนาคาวโลก ทรงเหลียวกลับมาทอดพระเนตรเมืองไพศาลี
ทรงแสดงอริยธรรม ๔ ประการ
ทรงแสดงไตรสิกขาว่าเป็นปฏิปทาแห่งวิมุตติ
วันที่นายจุนทะถวายปัจฉิมบิณฑบาต
เสด็จสู่กุสินารานคร
ประทมอุฏฐานไสยา
ทรงดับความเดือดร้อนใจของนายจุนทะ
ทรงเปล่งอุทาน
ทรงสั่งสอนพุทธบริษัทด้วยสังเวคกถาและอัปปมาทธรรม
เวสาลีนาคาวโลก ทรงเหลียวกลับมาทอดพระเนตรเมืองไพศาลี
ทรงแสดงอริยธรรม ๔ ประการ
ทรงแสดงไตรสิกขาว่าเป็นปฏิปทาแห่งวิมุตติ
วันที่นายจุนทะถวายปัจฉิมบิณฑบาต
เสด็จสู่กุสินารานคร
ประทมอุฏฐานไสยา
ทรงดับความเดือดร้อนใจของนายจุนทะ
ทรงเปล่งอุทาน