เพิ่มเติมในเรื่องของความสามารถในการแข่งขัน

ที่ผ่านมา เราได้คุยเรื่องของเกราะที่ทำหน้าที่ป้องกันธุรกิจแบบต่างๆ กัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เกราะเหล่านี้ของแต่ละบริษัทก็มีไม่เหมือนกันและมีคุณภาพไม่เหมือนกัน (เปรียบไปก็เหมือนกับเกราะที่นักรบโบราณเขาใส่กันแหละครับ มีทั้งทำจากหนังสัตว์หรือโลหะชั้นดี หรือมีความหนาต่างกัน ดังนั้นก็สามารถป้องกันศาสตราวุธได้ไม่เหมือนกัน) การที่จะดูว่าบริษัทมีเกราะป้องกันธุรกิจของตัวเองดีแค่ไหนนั้นเป็นเรื่อง ไม่ง่าย และเป็นกระบวนการที่อาจจะพิสดารสักหน่อย มาคราวนี้เราจะมาลองพิจารณาแบบจำลองที่อาจจะบอกได้ถึงความสามารถในการแข่ง ขันของธุรกิจต่างๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นกัน

พลังขับดัน 5 ประการของ Micheal E. Porter

ในหนังสือเรื่อง กลยุทธ์การแข่งขันของไมเคิล อี พอร์เตอร์ ที่ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1980 กล่าวถึงเรื่องของการแข่งขันในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งวางรากฐานของการมองสภาพการแข่งขันระหว่างธุรกิจหนึ่งๆ กับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน และพิจารณาดูว่าตำแหน่งของธุรกิจนั้นๆ อยู่ในสภาพอย่างไรในอุตสาหกรรม (สามารถแข่งขันกับคนอื่นได้หรือไม่อย่างไร) ส่วนใหญ่แล้วก็เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเรื่องของเกราะป้องกันธุรกิจอยู่มาก และทำให้เข้าใจสภาพการแข่งขันของธุรกิจว่าเป็นอย่างไร

1) อุปสรรคในการเข้าทำธุรกิจของผู้เล่นรายใหม่ (Entry Barrier) ยิ่งมีอุปสรรคมาก คือไม่ใช่ใครก็สามารถเข้ามาทำได้ ยิ่งดี เช่นต้องอาศัยเงินทุนมหาศาล มีจุดคุ้มทุนยาวไกล หรือว่าต้องได้รับสัมปทานหรือสัญญาซื้อในระยะยาว ตัวอย่างเช่นการสร้างมหาวิทยาลัย หรือสร้างโรงกลั่นน้ำมัน บริษัทขุดเจาะน้ำมัน บริษัทให้บริการกิจการสื่อสารโทรคมนาคมบางประเภท เป็นต้น ธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้เริ่มกันได้ง่ายๆ สำหรับผู้เข้าแข่งขันรายใหม่ๆ

2) กำลังของผู้ซื้อ (Customer's Bargaining Power) ถ้าผู้ซื้อมีอำนาจต่อรองมาก ธุรกิจอาจจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก หรือผู้ซื้อสามารถซื้อใครก็ได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนระบบก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีกับธุรกิจ ยิ่งผู้ซื้อมีอำนาจต่อรองน้อย ยิ่งเป็นผลดีกับธุรกิจ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘