การพิจารณาโครงสร้างธุรกิจ: เกราะป้องกันธุรกิจ

ในการพิจารณาวิเคราะห์ด้านการลงทุน สิ่งที่ต้องดูเป็นพื้นฐานก็คือตัวธุรกิจเอง ไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขต่างๆ ในงบการเงิน และหน้าที่ของนักลงทุนก็คือ ต้องหาบริษัทชั้นเลิศที่แตกต่างจากบริษัทธรรมดาๆ ทั่วๆ ไปให้ได้ หลักการหนึ่งที่มีประโยชน์ก็คือการเสาะหา "เกราะป้องกัน" ของธุรกิจ แม้ว่าพวกเราจะไม่ค่อยได้ยินคำๆ นี้บ่อยนักเหมือนกับคำเช่นอัตราส่วน P/E หรือ กำไรจากการดำเนินงาน, กำไรสุทธิ อะไรก็แล้วแต่ แต่ว่า "เกราะป้องกัน" นี้เป็นสิ่งที่สำคัญในการประเมินค่าของธุรกิจเลยทีเดียว

"เกราะป้องกัน" เหล่านี้ พูดง่ายๆ ก็คือลักษณะที่ทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว ที่จะทำให้ธุรกิจสามารถสร้างรายได้และกำไรในระยะเวลานานต่อไปในอนาคต เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นักลงทุนระดับโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ให้ความสำคัญในการพิจารณาลงทุนในบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันใน ระยะยาว ยิ่งถ้าเป็นบริษัทที่มีความเฉพาะ และมีกำแพงป้องกันตัวเองจากการแข่งขันแล้ว บริษัทหรือธุรกิจนั้นก็มีโอกาสที่จะสร้างตัวเองให้เติบโตต่อไปได้เรื่อยๆ ในอนาคต

เรื่องของเกราะป้องกันนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะไม่ว่าเมื่อใดที่บริษัทหนึ่งออกผลิตภัณฑ์หนึ่งขึ้นมา ในไม่ช้าไม่นานก็จะมีคู่แข่งออกผลิตภัณฑ์อย่างเดียวกันออกมา ซึ่งถ้าไม่มีประสิทธิภาพดีเท่ากัน ก็มักจะดีกว่า เรียกง่ายๆ ว่าสามารถที่จะถูกเลียนแบบได้ง่าย หรือหัวเราะทีหลังย่อมดังกว่า หรือว่าคลื่นลูกใหม่ย่อมแรงกว่าคลื่นลูกเก่า อะไรก็ตามทีเถิดครับ ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นบอกไว้ว่า ในตลาดที่มีการแข่งขันอย่างสมบูรณ์ คู่ต่อสู้จะทำให้กำไรส่วนที่มากกว่าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้นหดเหลือ น้อยลงๆ หรือพูดง่ายๆ อีกอย่างได้ว่า การแข่งขันทำให้บริษัทส่วนใหญ่ไม่สามารถมีการเติบโตของรายได้และกำไรสูงๆ เป็นเวลานานๆ ได้เนื่องจากความได้เปรียบนั้นจะถูกเลียนแบบได้

คราวนี้เรามาลองพิจารณาว่าบริษัทหนึ่งๆ มีเกราะป้องกันธุรกิจของเขาหรือไม่อย่างไรกันดู โดยลองดูตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. ลองดูความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอดีต ดูว่าสามารถมี ROA และ ROE สูงได้ตลอดเวลาหรือไม่ ตัวเลขพวกนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะบอกได้ว่า บริษัทมีความพิเศษและสามารถใช้ความพิเศษนั้นให้คงอยู่ได้เสมอต้นเสมอปลาย หรือเปล่า จริงๆ แล้วการวิเคราะห์เรื่องของเกราะป้องกันธุรกิจนี้ เป็นเรื่องของ qualitative (เชิงคุณภาพ) แต่ว่าผลของมันก็จะสะท้อนออกมาในรูปของตัวเลขทางการเงินด้วย

2. สมมติว่า บริษัทที่เราสนใจ มีตัวเลขทางการเงินดีมาสม่ำเสมอ ก็ลองพิจารณาต่อไปอีกว่า กำไรต่างๆ ที่ได้มานั้น มาจากความได้เปรียบเป็นพิเศษของตัวบริษัทนั้นหรือเปล่า หรือว่าเป็นสิ่งที่สามารถเลียนแบบกันได้ง่ายจากคู่แข่ง ยิ่งการเลียนแบบทำได้ยากแค่ไหน การรักษาความได้เปรียบของธุรกิจไว้ก็ยิ่งง่ายเท่านั้น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘