การวิเคราะห์เชิงตัวเลข 27

ลองดู "ทางลัด" เพื่อช่วยพิจารณาเรื่องของกระแสเงินสดให้ง่ายขึ้น โดยนักลงทุนควรจะรู้ความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลงทุนดำเนินงานกับเงินสดดัง นี้:
  . ถ้าทรัพย์สินมีจำนวนเพิ่มขึ้น, กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะลดลง
  . ถ้าทรัพย์สินมีจำนวนลดลง, กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้น
  . ถ้าหนี้สินมีจำนวนเพิ่มขึ้น, กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้น
  . ถ้าหนี้สินมีจำนวนลดลง, กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะลดลง
ทรัพย์สินหมุนเวียนอาจจะรวมสิ่งต่างๆ เช่นสินค้าคงคลังและลูกหนี้การค้า (Account receivable) ในขณะที่หนี้สินหมุนเวียนอาจจะรวมหนี้สินระยะสั้นและเจ้าหนี้การค้า (Account payable) ไว้ด้วย

- เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงาน
หลังจากที่ได้ปรับตัวเลขต่างๆ หมดแล้ว ตัวเลขที่เหลือก็คือเงินสดสุทธิที่ได้มาโดยกิจกรรมการดำเนินงาน หรือที่เรารู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งคือ เงินสดจากการดำเนินงาน (Operating Cash Flow) ตัวเลขนี้ไม่ใช่ตัวเลขเดียวกันกับรายได้สุทธิ แต่เป็นตัวเลขที่บอกได้เป็นอย่างดีว่าบริษัทสามารถสร้างเงินสดจากการดำเนิน งานโดยสิ่งที่ตัวเองถนัด (Core Business) ได้มากแค่ไหน

- เงินสดจากกิจกรรมการลงทุน
ตัวเลขส่วนนี้ในงบกระแสเงินสดแสดงจำนวนของเงินสดที่บริษัทได้ใช้ไปในการลง ทุน "การลงทุน" สามารถแบ่งออกได้เป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุน (Captital Expenditures) ซึ่งก็คือเงินสดที่จ่ายเพื่อได้มาซึ่งเครื่องจักรใหม่หรืออะไรก็ตามที่จำ เป็นต้องมีเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานต่อไปได้ หรือเงินสดที่ใช้ในการลงทุนอื่นๆ เช่นที่ใช้ซื้อหรือขายพันธบัตรเป็นต้น ส่วนที่สำคัญที่สุดของรายการนี้ที่นักลงทุนจะต้องดูให้ดีคือ จำนวนค่าใช้จ่ายในการลงทุน (ซื้อเครื่องจักร เครื่องกล) และจำนวนเงินสดที่ใช้ไปในการซื้อธุรกิจ/บริษัทอื่น ดูคำอธิบายต่อข้างล่างนี้นะครับ

- ค่าใช้จ่ายในการลงทุน (Capital Expenditures)
ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขแสดงจำนวนเงินสดที่บริษัทได้จ่ายออกไปเพื่อซื้อสิ่งของ ที่มีอายุยืนยาวเช่น ที่ดิน โรงงาน และเครื่องจักร เป็นต้น โดยทั่วไปในบัญชีภาษาอังกฤษเราอาจจะเรียกค่าใช้จ่ายในการลงทุนนี้ว่า "Capex" ก็ได้ ซึ่งเป็นเงินที่จะต้องจ่ายเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินกิจการและเติบโตไปได้ อย่างปกติ ตัวอย่างเช่นโรงแรมก็จะต้องมีการปรับปรุงห้องพักใหม่ ทำการซื้อทีวี ตู้เย็น ใส่ห้องพักของแขกต่างๆ เพื่อให้แขกที่มาพักเกิดความพอใจและแนะนำต่อๆ กันไป ค่าใช้จ่ายต่างๆ เหล่านี้จะแสดงออกมาอยู่ในรายการ ค่าใช้จ่ายในการลงทุน (Capex) ในส่วนของ เงินสดจากกิจการการลงทุน

- กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow)
ตัวเลขหนึ่งทางบัญชีในส่วนของงบกระแสเงินสดที่นักลงทุนจะต้องเข้าใจดีคือ "กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow)" กระแสเงินสดอิสระนี้สามารถคำนวณได้จาก กระแสเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมการดำเนินงาน (operating cash flow) ลบด้วย ค่าใช้จ่ายในการลงทุน (Capital Expenditures) กระแสเงินสดอิสระนี้แสดงจำนวนของเงินสดส่วนเหลือที่บริษัทสร้างขึ้นมาได้ เงินสดส่วนนี้สามารถใช้เพิ่มความมั่งคั่งให้กับผู้ถือหุ้น หรือนำไปใช้ลงทุนในโอกาสใหม่ๆ ของธุรกิจโดยไม่มีผลร้ายกับการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เงินส่วนนี้สำคัญมากต่อผู้ถือหุ้นแบบสุดๆ ล่ะครับ

- เงินสดที่ใช้ไปในการซื้อกิจการอื่น
รายการเงินสดที่ใช้ในการซื้อกิจการ แสดงจำนวนเงินที่บริษัทได้ใช้ไปในการซื้อกิจการของบริษัทอื่น โดยทั่วไปแล้ว บริษัทมักจะจ่ายเงินมากเกินไปในการซื้อกิจการของคนอื่นเข้ามาเป็นของตัวเอง ดังนั้นนักลงทุนควรจะคอยตรวจดูรายกานี้เพื่อดูว่าบริษัทได้จ่ายเงินออกไป เท่าไร และมากเกินไปหรือไม่ ตัวเลขนี้อาจจะทำให้นักลงทุนสามารถมีความรู้สึกได้ว่า การที่บริษัทเติบโตนั้น มาจากการดำเนินงานภายในของตัวเอง หรือว่าจากการซื้อกิจการอื่นเข้ามา (แล้วกิจการพวกนั้นทำกำไรให้)

- กระแสเงินสดจากกิจกรรมทางการเงิน
ส่วนสุดท้ายของงบกระแสเงินสดคือ "กระแสเงินสดจากกิจกรรมทางการเงิน" ส่วนนี้จะเป็นที่รวมของกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของหรือเจ้าหนี้ของบริษัท ตัวอย่างเช่นถ้ามีการออกหุ้นใหม่หรือซื้อหุ้นคืน การสร้างหนี้เพิ่มหรือการจ่ายใช้หนี้คืน รวมทั้งการจ่ายเงินปันผลออกมาก็จะบันทึกไว้ในส่วนนี้  แม้ว่ารายการต่างๆ ในส่ว่นนี้จะดูชัดเจนและเข้าใจได้ง่ายด้วยชื่อของมันแบบตรงไปตรงมา เช่นเงินปันผล ก็คือเงินปันผล แต่ขอให้พวกเรานักลงทุนดูตรงการออกหุ้นใหม่ และการซื้อหุ้นคืน ว่ามีจำนวนมากน้อยอย่างไร

- การออกหุ้นใหม่ และการซื้อหุ้นคืน (Issuance/Purchase of Common Stock)
ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่สำคัญเนื่องจากจะแสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานทางการ เงินของธุรกิจนั้น บริษัทใหม่ๆ ที่กำลังโตอย่างรวดเร็วจะต้องการเงินจำนวนมากเพื่อใช้ในการดำเนินงาน หนึ่งในวิธีหาเงินคือการออกหุ้นใหม่ ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการลด (dilute) ส่วนของความเป็นเจ้าของของเจ้าของเดิมลง แต่ก็เป็นการทำให้บริษัทขยายกิจการได้ ในขณะที่บริษัทที่เติบโตแข็งแรงแล้วและมีกระแสเงินสดอิสระจำนวนมาก จะทำการซื้อหุ้นคืน ซึ่งมีผลทำให้มูลค่าของหุ้นที่เหลือ (ในตลาด ที่ยังไม่ได้ซื้อคืน) มีค่าสูงขึ้น การจ่ายปันผลและการซื้อหุ้นคืน เป็นของเพียงสองอย่างที่บริษัทสามารถทำให้ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์จากกระแส เงินสดของบริษัทได้

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘