ตอนที่ 598. สิ้นบุญสุมาอี้
สุมาอี้ขุ่นแค้นเคืองใจที่กองทัพจ๊กก๊กยกมาตีวุยก๊กแล้วไม่อาจยกกองทัพไปแก้แค้นได้ เพราะต้องรักษาฐานกำลังอำนาจการเมืองการทหารไว้ในเมืองลกเอี๋ยงก่อน ในขณะที่วันเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว อำนาจแห่งกาลเวลาทรงพลานุภาพคร่าสุมาอี้เข้าสู่ความชราแล้วพยาธิก็มาเยือน อา! อุ้งหัตถ์มัจจุราชได้เอื้อมมาถึงตัวสุมาอี้ผู้มีปัญญาแล้ว
สุมาสูและสุมาเจียวทราบว่าสุมาอี้ป่วยก็พากันตกใจ รีบรุดมาเยี่ยมถึงจวน สุมาอี้ทราบว่าบุตรทั้งสองมาเยี่ยมก็ให้คนรับใช้พยุงตัวลุกขึ้นนั่งเอนหลังบนเตียง แล้วกล่าวกับบุตรทั้งสองว่าเราป่วยครั้งนี้ผิดปกติกว่าการป่วยครั้งก่อน ๆ อ่อนล้าเรี่ยวแรงลงทุกวัน กินก็ไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ ในกายคล้ายกับคลื่นในทะเลปั่นป่วนมิได้สงบเลย
บุตรทั้งสองของสุมาอี้เห็นผู้เป็นบิดาหน้าตาซูบซีดไร้เรี่ยวแรง แม้จะลุกนั่งก็ลำบาก จึงรู้สึกสงสารบิดาเป็นอันมาก ได้ยินคำบิดาดังนั้นจึงปลอบใจว่าท่านพ่อป่วยเพียงเท่านี้จะวิตกไปไย ในเมืองหลวงมีหมอผู้เชี่ยวชาญเป็นอันมาก อีกไม่นานเมื่อได้ยาบำรุงเลือด ปรับปรุงลมในกายเป็นปกติแล้วท่านพ่อก็จะหาย
สุมาอี้พยักหน้าแต่กลับเบนไปกล่าวเรื่องใหม่ว่า ตัวเรารับราชการในแผ่นดินวุยมาช้านาน บัดนี้ก็มีตำแหน่งหน้าที่ยิ่งใหญ่กว่าผู้ใดในแผ่นดิน แต่อำนาจวาสนาก็ไม่อาจคงอยู่คู่ฟ้าดิน อายุขัยของเราล่วงวัยไป ความชรา ความเจ็บมาเยือนแล้ว ความตายก็ย่อมมาถึงสักวันหนึ่ง ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
สุมาอี้กล่าวต่อไปว่า ชาวนาปลูกข้าวมุ่งหวังจะมีข้าวกินไปตลอดปี พ่อค้าค้าขายล้วนมุ่งหมายจะได้กำไร ทำให้กิจการเจริญเติบโต ข้าราชการขุนนางทำราชการด้วยหวังยศศักดิ์ความก้าวหน้า มีประโยชน์และอำนาจเป็นที่หมาย ข้าทหารทำราชการหวังให้มีชื่อลือชาปรากฏไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นวีรชนของแผ่นดิน แต่ผู้ปกครองบริหารราชการบ้านเมืองนั้นย่อมต่างจากชาวนา พ่อค้า ข้าราชการ ขุนนางและขุนทหาร จะมุ่งหวังปรารถนาเพียงมีข้าวปลากิน หวังกำไร หวังความก้าวหน้าในราชการ หรือปรารถนาชื่อลือชาในประวัติศาสตร์นั้นมิได้ หากต้องตั้งความหวังเอาไว้ที่ความร่มเย็นเป็นสุขของบ้านเมือง ทำให้บ้านเมืองมั่นคง อริราชศัตรูไม่กล้าย่ำยีรุกราน โจรผู้ร้ายภายในไม่กล้าก่อการกำเริบ ข้าราชการขุนนางไม่กล้าข่มเหงรีดนาทาเร้นอาณาประชาราษฎร ไม่กล้าฉ้อราษฏร์บังหลวง ทั้งต้องทำให้ราษฎรอยู่ดีกินดี มีความสุข มีความก้าวหน้า มีความมั่งคั่ง โดยสรุปก็คือต้องทำบ้านเมืองให้มั่นคง ทำให้ราษฎรมั่งคั่ง ทำดังนี้สำเร็จจึงจะถือได้ว่าได้บรรลุซึ่งภารกิจของยอดนักปกครอง
สุมาอี้กล่าวสืบไปว่าครั้งก่อนบิดาได้สั่งสอนพวกเจ้าว่าทำการใหญ่ต้องรู้จักฐานกำลังอำนาจของตนเอง การจะเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดิน พึงรู้ว่าฐานกำลังอำนาจที่แท้นั้นอยู่ที่มวลมหาประชาชน คำโบราณกล่าวไว้ว่าประชาชนเหมือนหนึ่งน้ำ ผู้ปกครองเหมือนหนึ่งเรือ น้ำหนุนเรือให้ลอยได้ แต่น้ำก็จมเรือได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะครองใจอาณาประชาราษฎร จะต้องหมั่นบำเพ็ญเมตตาธรรม ใส่ใจต่อทุกข์สุขและความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพของราษฎร เป็นหนึ่งเดียวกับราษฎร ก้าวเข้าหาปัญหาแล้วแก้ไขโดยมิพักให้ราษฎรต้องเพรียกร้อง ข้าราชการขุนนางเป็นแขนขา ต้องทำหน้าที่อำนวยประโยชน์สุข ดูแลราษฎรให้ร่มเย็นเป็นสุข หากทำการข่มเหงยำเยงเบียดเบียนราษฎร แขนขานั้นย่อมใช้มิได้ ต้องใช้ความ เด็ดขาดจัดการแก้ไขสับเปลี่ยนกำจัดเสียให้สิ้น
เมื่อได้ทำนุบำรุงราษฎรด้วยเมตตาธรรม ด้วยความยุติธรรม ด้วยคุณธรรมดังนี้แล้ว ราษฎรย่อมร่มเย็นเป็นสุข กล่าวได้ว่าฐานกำลังอำนาจมั่นคงเป็นปึกแผ่นแน่นหนาดุจดังผืนแผ่นดิน
แต่ทว่าอำนาจรัฐนั้นหอมหวนยวนเย้าเป็นที่หมายปองของทุกผู้คน เป็นเป้าหมายแห่งการช่วงชิงยึดแย่งด้วยรูปการมากหลาย ตั้งแต่ใช้ปลายพู่กันไปจนถึงศาสตราวุธ การรักษาและการใช้อำนาจเป็นองค์ประกอบสำคัญแห่งอำนาจ เมื่อช่วงชิงได้มาซึ่งอำนาจแล้วต้องทำการรักษาและใช้อำนาจนั้นให้ก่อเกิดประโยชน์สุขแก่บ้านเมืองและราษฎรให้บริบูรณ์ ทำให้อำนาจตกผลึกบ่มเป็นบารมีธรรมที่แท้แลมั่นคงยาวนาน เป็นอำนาจที่สมบูรณ์
บ้านเมืองย่อมมีคนดีแลคนชั่ว ย่อมมีทั้งผู้สนับสนุนแลคัดค้าน เหตุนี้การรักษาอำนาจและการใช้อำนาจจึงไม่อาจปราศจากศาสตราวุธได้ การซ่องสุมสั่งสมกำลังทหารที่มีสมรรถนะสู้รบสูง มีศาสตราวุธที่พรักพร้อมจึงเป็นความจำเป็นแก่การรักษาและการใช้อำนาจรัฐ หากแม้นดูแคลนละเลยเรื่องนี้เมื่อใด อำนาจแม้ถึงจะมีอยู่ก็จะถูกช่วงชิงบ่อนทำลายจนสูญสลายไปในที่สุด
สุมาอี้ไอกระแอมอยู่พักใหญ่แล้วกล่าวสืบไปว่าพวกเจ้าจะเติบใหญ่ไปในวันหน้า ให้จำคำบิดาไว้ให้จงดี และต้องไม่ลืมว่าวันใดที่พวกเจ้ามีอำนาจวาสนาแล้ว เมื่อนั้นคนทั้งปวงจะหลั่งไหลมาพึ่งใบบุญเจ้าดุจดั่งพระมหาสมุทร ซึ่งจะมีน้ำจากห้วยหนองคลองบึงทุกสารทิศหลั่งไหลมาสู่ ย่อมมีทั้งน้ำอันใสสะอาด สกปรก ขุ่นมัว และโสโครก ย่อมมีทั้งขยะและพืชน้ำต่าง ๆ จำจะต้องแยกแยะเลือกสรรให้จงดี แสวงหาและคัดเลือกคนดีมีฝีมือมาอยู่เคียงกาย อย่าให้คนพาลสันดานหยาบชั่วช้าเข้าใกล้กาย พึงตระหนักว่าพระอาทิตย์และพระจันทร์อันมีฤทธิ์ทั่วสกลจักรวาลก็ยังมีความมัวหมองได้ด้วย เมฆหมอกที่ห่อหุ้ม ผู้เรืองอำนาจวาสนาก็ดุจกัน ย่อมมัวหมองเสื่อมโทรมด้วยผู้คน แวดล้อมฉะนั้น
สุมาสูและสุมาเจียวนั่งฟังคำบิดาด้วยอาการอันสงบ พลันมองไปที่ผนังด้านปลายเท้าของสุมาอี้ เห็นภาพเขียนด้วยพู่กันเป็นที่ประหลาด จึงถามผู้พ่อว่าภาพนี้ดูเหมือนเพิ่งเขียนขึ้นใหม่ ๆ แต่มิทราบว่ามีความหมายประการใด
สุมาอี้จึงกล่าวว่า เรารู้ตัวของเราดีว่าการป่วยครั้งนี้ยากจะหาย คงเหลือแต่เวลาจะช้าเร็วประการใดเท่านั้น จึงพยายามเขียนภาพนี้เพื่อพวกเจ้าทั้งสองคน
กล่าวแล้วสุมาอี้จึงชี้ไปที่ภาพเขียนซึ่งแขวนอยู่บนผนังที่ปลายเท้า พลางกล่าวว่าที่เจ้าเห็นนี้จะว่าภาพก็ใช่ จะว่าเป็นตัวอักษรก็ใช่ จะว่าเป็นความหมายอันเป็นปริศนาก็ว่าได้ พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่ว่าภาพพู่กันเส้นตรงตั้งที่อยู่บนสุด ภาพรูปสี่เหลี่ยมที่อยู่ตรงกลางและภาพรูปหัวใจที่อยู่ข้างล่างนั้นมีความหมายประการใด
สุมาสูและสุมาเจียวมองไปที่รูปบนแผ่นภาพแล้วกล่าวว่า แม้เป็นลายพู่กันที่งามนักแต่พลังในการเขียนนั้นอ่อนล้าอิดโรย ซึ่งจะมีความหมายประการใดนั้นลูกไม่แจ้ง
สุมาอี้ชี้ไปที่รูปหัวใจซึ่งอยู่ในภาพด้านล่างสุดแล้วกล่าวว่า ภาพรูปหัวใจก็คือภาพอักษรว่าซิมซึ่งแปลว่าหัวใจ ตรงกับความหมายตามภาพ คนทั้งปวงย่อมมีใจ จะดีเลวชั่วช้าหรือประเสริฐเลิศคนก็อยู่ที่ใจ ชาวนา พ่อค้า ขุนนาง ข้าราชการ ขุนทหารและนักปกครองล้วนย่อมต้องมีใจ แต่ความในใจหาได้เหมือนกันไม่ น้ำใจผู้ปกครองบ้านเมืองย่อมต้องเต็มเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม คุณธรรม ยุติธรรม ใส่ใจทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎร เหตุนี้การทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับผู้คนจึงต้องถือเอาใจเป็นที่ตั้ง ทั้งใจเรา ใจเขา ต้องเข้าใจให้จงดี ใจเขาเป็นประการใดก็มองที่ใจเราย่อมรู้ได้อย่างแจ่มแจ้ง เหตุนี้เราจึงวาดภาพอักษรตัวซิมหรือหัวใจไว้เป็นรากฐาน
สุมาสูและสุมาเจียวได้ฟังอรรถาธิบายของผู้บิดาก็พากันพยักหน้าแสดงท่าทีว่าเข้าใจ สุมาอี้เห็นดังนั้นจึงกล่าวสืบไปว่า หัวใจผู้ปกครองย่อมต้องมีความอดทนที่สูงส่งยิ่งกว่าผู้คนธรรมดา ถึงขนาดต้องสามารถกลืนกินเลือดของตนเองได้ ในหัวอกต้องกว้างใหญ่สามารถบรรจุเรือสำเภาสิบลำได้ เรื่องใหญ่น้อยต้องสามารถอัดไว้ในอกด้วยจิตใจอันหนักแน่นมั่นคง ตรองดูจนรู้เหตุการณ์ถ่องแท้แล้วจึงแก้ไขทำการต่อไป ภาพหัวใจนี้เมื่อมีภาพกระบี่ปักไว้ย่อมมีความหมายถึงความอดทน เหตุนี้เราจึงเขียนภาพอักษรเส้นตรงตั้งไว้ด้านบน เมื่อประกอบเข้ากับอักษรตัวซิมแล้วย่อมเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้พวกเจ้าต้องมีความอดทน อันคนเรานั้นอาจมีความรู้สติปัญญาความสามารถทัดเทียมกันได้ แต่ความอดทนนี่แล้วที่ต่างกัน ทำให้คนเหนือคน และคนแตกต่างกับคน
ภาพเส้นตรงตั้งจะมองว่าเป็นภาพกระบี่ก็ได้ จะมองว่าเป็นหลักชัยหลักบ้านหลักเมืองก็ได้ จะมองว่าเป็นหลักอันเป็นศูนย์กลางของแผ่นดินก็ได้ จะหมายเอาเป็นความซื่อตรงแลความกตัญญูจงรักภักดีก็ได้ นี่คือความหมายอันวิเศษลึกล้ำอันมีอยู่ในนิรุกติแห่งภาษาจีนของเรา
สุมาอี้กล่าวต่อไปว่า ผู้ปกครองบ้านเมืองจะต้องเป็นหลัก ต้องมีความซื่อตรง ต้องมีความเที่ยงธรรม และต้องมีความเด็ดขาด เสาหลักที่เอนย่อมไม่อาจทานน้ำหนักได้ เสาที่ตรงต่างหากจึงจะรับน้ำหนักอันมากได้ ผู้ปกครองต้องทำตนให้เป็นหลักแก่บ้านเมืองและราษฎร ดุจดังพระอาทิตย์ที่เป็นหลักแห่งจักรวาล พระอาทิตย์โคจรโดยเที่ยงตรง วันเวลาฤดูกาลจึงเที่ยงตรง หากพระอาทิตย์วิปริตผันแปรไปแล้วสรรพสิ่งก็จะวิปริตวิบัติดับสูญสิ้น แลเส้นที่ตั้งตรงนี้ยังมีความหมายของกระบี่ที่คมกล้า สามารถตัดปัญหาให้สิ้นสูญ ไม่ปล่อยปัญหาการงานให้ค้างคาหมักหมมจนก่อกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นได้ การงานและปัญหาต้องรีบจัดการแก้ไข แต่เรื่องน้ำใจคนต้องไม่วู่วามเร่งรัดจัดการ
สุมาอี้กล่าวสืบไปว่า ภาพรูปสี่เหลี่ยมนี้หากเขียนเส้นขวางเป็นลำธาร เขียนภูเขาและอาคารไว้ภายในก็จะอ่านว่าก๊กหรือแปลว่าประเทศ ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินจะต้องสันทัดต่อการพัฒนาสร้างสรรค์ พัฒนาอาณาจักรให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า น้ำต้องไหล ไฟต้องสว่าง หนทางต้องดี ราษฎรมีปัจจัยสี่บริบูรณ์ครบครัน จึงเป็นบ้านเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ภาพนี้หมายให้พวกเจ้าได้ตระหนักว่าแผ่นดินนี้กว้างใหญ่ไพศาล มีการงานพัฒนามากหลายที่ต้องทำเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขและอยู่ดีกินดีของอาณาประชาราษฎร แต่นี้ไปเป็นหน้าที่ของพวกเจ้าแล้วที่จะต้องพัฒนาสร้างสรรค์บ้านเมืองให้เรืองรุ่ง
ภาพสี่เหลี่ยมนี้เมื่อเอาภาพเส้นตั้งปักไว้ตรงกลางก็จะเป็นตัวอักษรอ่านว่าตง ซึ่งหมายความถึงศูนย์กลาง คือศูนย์กลางแห่งอำนาจปกครองสถานหนึ่ง ศูนย์กลางแห่งน้ำใจคนสถานหนึ่ง ศูนย์กลางแห่งความเจริญรุ่งเรืองอีกสถานหนึ่ง และความเป็นผู้มีน้ำใจสัตย์ซื่อ ซื่อตรงอีกสถานหนึ่ง การแสวงหาคนดีมีฝีมือมาช่วยการในวันหน้าจะต้องรำลึกถึงคำว่าตง คนเก่งมักไม่ค่อยกล้า คนกล้ามักไม่ค่อยเก่ง แต่คนทั้งเก่งทั้งกล้าก็ยังใช้ไม่ได้หากไร้ซึ่งความซื่อตรง
คนเช่นนี้ยากที่จะมองหาจากผู้คนที่เวียนมาหาพวกเจ้า เมื่อครั้งพระเจ้าฮั่นโกโจก็ยังต้องออกไปเชิญเตียวเหลียงและฮั่นสินเป็นขุนนางคู่แผ่นดินคู่พระบารมี จึงสามารถสถาปนาพระราชวงศ์ฮั่นได้สำเร็จ พระเจ้าวุยอ๋องโจโฉ เล่าปี่ แลซุนกวน ก็ล้วนมุ่งแสวงหาคนดีมีฝีมือและซื่อสัตย์จึงสามารถตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ เล่าปี่นั้นสู้อุตส่าห์ถ่อมตัวไปคำนับขงเบ้งที่กระท่อมน้อยถึงสามครั้ง ครั้นได้ตัวขงเบ้งแล้วจึงสามารถเปลี่ยนฐานะตัวจากเชื้อพระวงศ์อนาถา กลายเป็นครองแผ่นดินอันกว้างใหญ่และตกทอดมาถึงเล่าเสี้ยนในวันนี้ นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่พวกเจ้าต้องจดจำ
อักษรตงเมื่อปักอยู่บนภาพรูปหัวใจก็จะเป็นตัวอักษรอ่านว่าตงซิม ซึ่งหมายความว่าน้ำใจที่ซื่อตรง การจะหวังให้คนทั้งปวงนับถือบูชาเลื่อมใสก่อเป็นบารมีอันไพศาล ผู้ปกครองต้องมีน้ำใจที่ซื่อตรง รู้จักรักผู้อื่น ถึงแม้ว่าจะมีความเฉลียวฉลาดสักปานไหน แต่ถ้าไม่มีน้ำใจซื่อตรงต่อผู้อื่น รักผู้อื่นโดยสุจริตแล้วก็ไม่อาจที่จะรักษาดำรงไว้ซึ่งความรักภักดีของผู้คนได้ ไม่อาจก่อเป็นบารมีอันยิ่งใหญ่ได้
นี่คือความหมายของภาพลายพู่กันที่เราสู้ถ่อสังขารฝืนเขียนไว้เพื่อสั่งสอนพวกเจ้า จงจดจำคำเราไว้อย่าได้ประมาท สุมาอี้กล่าวดังนี้แล้วก็เหนื่อยหอบ สุมาสูและสุมาเจียวเห็นดังนั้นจึงกล่าวว่าท่านพ่อลำบากเหนื่อยมากแล้ว จงพักผ่อนก่อนเถิด
กล่าวแล้วสุมาเจียวจึงพยุงสุมาอี้ให้นอนราบลงกับเตียงแล้วเอาผ้าห่มมาคลุม จากนั้นจึงคำนับลา
พระพุทธศาสนายุกาลล่วงแล้วได้เจ็ดร้อยเก้าสิบสี่พรรษา เดือนสิบ อาการป่วยของสุมาอี้ได้ทรุดหนักลงโดยลำดับ คนในจวนของสุมาอี้เห็นอาการอยู่ในขั้นวิกฤต จึงให้คนไปแจ้งให้สุมาสูและสุมาเจียวทราบ
สุมาสูและสุมาเจียวพอทราบความก็รีบรุดมาที่จวน เห็นสุมาอี้นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนอน ร่างกายผอมซูบเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก กระดิกตัวไม่ได้ มีน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่พอรู้ว่าบุตรทั้งสองมาเยี่ยมสุมาอี้ก็ลืมตาขึ้น ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้มแต่กลับพริ้มตาลงและสิ้นใจในเวลานั้น สุมาสูและสุมาเจียวเห็นสุมาอี้ถึงแก่ความตายก็พากันร้องไห้โศกเศร้าอาลัยในการจากไปของสุมาอี้เป็นอันมาก.
สุมาสูและสุมาเจียวทราบว่าสุมาอี้ป่วยก็พากันตกใจ รีบรุดมาเยี่ยมถึงจวน สุมาอี้ทราบว่าบุตรทั้งสองมาเยี่ยมก็ให้คนรับใช้พยุงตัวลุกขึ้นนั่งเอนหลังบนเตียง แล้วกล่าวกับบุตรทั้งสองว่าเราป่วยครั้งนี้ผิดปกติกว่าการป่วยครั้งก่อน ๆ อ่อนล้าเรี่ยวแรงลงทุกวัน กินก็ไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ ในกายคล้ายกับคลื่นในทะเลปั่นป่วนมิได้สงบเลย
บุตรทั้งสองของสุมาอี้เห็นผู้เป็นบิดาหน้าตาซูบซีดไร้เรี่ยวแรง แม้จะลุกนั่งก็ลำบาก จึงรู้สึกสงสารบิดาเป็นอันมาก ได้ยินคำบิดาดังนั้นจึงปลอบใจว่าท่านพ่อป่วยเพียงเท่านี้จะวิตกไปไย ในเมืองหลวงมีหมอผู้เชี่ยวชาญเป็นอันมาก อีกไม่นานเมื่อได้ยาบำรุงเลือด ปรับปรุงลมในกายเป็นปกติแล้วท่านพ่อก็จะหาย
สุมาอี้พยักหน้าแต่กลับเบนไปกล่าวเรื่องใหม่ว่า ตัวเรารับราชการในแผ่นดินวุยมาช้านาน บัดนี้ก็มีตำแหน่งหน้าที่ยิ่งใหญ่กว่าผู้ใดในแผ่นดิน แต่อำนาจวาสนาก็ไม่อาจคงอยู่คู่ฟ้าดิน อายุขัยของเราล่วงวัยไป ความชรา ความเจ็บมาเยือนแล้ว ความตายก็ย่อมมาถึงสักวันหนึ่ง ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
สุมาอี้กล่าวต่อไปว่า ชาวนาปลูกข้าวมุ่งหวังจะมีข้าวกินไปตลอดปี พ่อค้าค้าขายล้วนมุ่งหมายจะได้กำไร ทำให้กิจการเจริญเติบโต ข้าราชการขุนนางทำราชการด้วยหวังยศศักดิ์ความก้าวหน้า มีประโยชน์และอำนาจเป็นที่หมาย ข้าทหารทำราชการหวังให้มีชื่อลือชาปรากฏไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นวีรชนของแผ่นดิน แต่ผู้ปกครองบริหารราชการบ้านเมืองนั้นย่อมต่างจากชาวนา พ่อค้า ข้าราชการ ขุนนางและขุนทหาร จะมุ่งหวังปรารถนาเพียงมีข้าวปลากิน หวังกำไร หวังความก้าวหน้าในราชการ หรือปรารถนาชื่อลือชาในประวัติศาสตร์นั้นมิได้ หากต้องตั้งความหวังเอาไว้ที่ความร่มเย็นเป็นสุขของบ้านเมือง ทำให้บ้านเมืองมั่นคง อริราชศัตรูไม่กล้าย่ำยีรุกราน โจรผู้ร้ายภายในไม่กล้าก่อการกำเริบ ข้าราชการขุนนางไม่กล้าข่มเหงรีดนาทาเร้นอาณาประชาราษฎร ไม่กล้าฉ้อราษฏร์บังหลวง ทั้งต้องทำให้ราษฎรอยู่ดีกินดี มีความสุข มีความก้าวหน้า มีความมั่งคั่ง โดยสรุปก็คือต้องทำบ้านเมืองให้มั่นคง ทำให้ราษฎรมั่งคั่ง ทำดังนี้สำเร็จจึงจะถือได้ว่าได้บรรลุซึ่งภารกิจของยอดนักปกครอง
สุมาอี้กล่าวสืบไปว่าครั้งก่อนบิดาได้สั่งสอนพวกเจ้าว่าทำการใหญ่ต้องรู้จักฐานกำลังอำนาจของตนเอง การจะเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดิน พึงรู้ว่าฐานกำลังอำนาจที่แท้นั้นอยู่ที่มวลมหาประชาชน คำโบราณกล่าวไว้ว่าประชาชนเหมือนหนึ่งน้ำ ผู้ปกครองเหมือนหนึ่งเรือ น้ำหนุนเรือให้ลอยได้ แต่น้ำก็จมเรือได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะครองใจอาณาประชาราษฎร จะต้องหมั่นบำเพ็ญเมตตาธรรม ใส่ใจต่อทุกข์สุขและความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพของราษฎร เป็นหนึ่งเดียวกับราษฎร ก้าวเข้าหาปัญหาแล้วแก้ไขโดยมิพักให้ราษฎรต้องเพรียกร้อง ข้าราชการขุนนางเป็นแขนขา ต้องทำหน้าที่อำนวยประโยชน์สุข ดูแลราษฎรให้ร่มเย็นเป็นสุข หากทำการข่มเหงยำเยงเบียดเบียนราษฎร แขนขานั้นย่อมใช้มิได้ ต้องใช้ความ เด็ดขาดจัดการแก้ไขสับเปลี่ยนกำจัดเสียให้สิ้น
เมื่อได้ทำนุบำรุงราษฎรด้วยเมตตาธรรม ด้วยความยุติธรรม ด้วยคุณธรรมดังนี้แล้ว ราษฎรย่อมร่มเย็นเป็นสุข กล่าวได้ว่าฐานกำลังอำนาจมั่นคงเป็นปึกแผ่นแน่นหนาดุจดังผืนแผ่นดิน
แต่ทว่าอำนาจรัฐนั้นหอมหวนยวนเย้าเป็นที่หมายปองของทุกผู้คน เป็นเป้าหมายแห่งการช่วงชิงยึดแย่งด้วยรูปการมากหลาย ตั้งแต่ใช้ปลายพู่กันไปจนถึงศาสตราวุธ การรักษาและการใช้อำนาจเป็นองค์ประกอบสำคัญแห่งอำนาจ เมื่อช่วงชิงได้มาซึ่งอำนาจแล้วต้องทำการรักษาและใช้อำนาจนั้นให้ก่อเกิดประโยชน์สุขแก่บ้านเมืองและราษฎรให้บริบูรณ์ ทำให้อำนาจตกผลึกบ่มเป็นบารมีธรรมที่แท้แลมั่นคงยาวนาน เป็นอำนาจที่สมบูรณ์
บ้านเมืองย่อมมีคนดีแลคนชั่ว ย่อมมีทั้งผู้สนับสนุนแลคัดค้าน เหตุนี้การรักษาอำนาจและการใช้อำนาจจึงไม่อาจปราศจากศาสตราวุธได้ การซ่องสุมสั่งสมกำลังทหารที่มีสมรรถนะสู้รบสูง มีศาสตราวุธที่พรักพร้อมจึงเป็นความจำเป็นแก่การรักษาและการใช้อำนาจรัฐ หากแม้นดูแคลนละเลยเรื่องนี้เมื่อใด อำนาจแม้ถึงจะมีอยู่ก็จะถูกช่วงชิงบ่อนทำลายจนสูญสลายไปในที่สุด
สุมาอี้ไอกระแอมอยู่พักใหญ่แล้วกล่าวสืบไปว่าพวกเจ้าจะเติบใหญ่ไปในวันหน้า ให้จำคำบิดาไว้ให้จงดี และต้องไม่ลืมว่าวันใดที่พวกเจ้ามีอำนาจวาสนาแล้ว เมื่อนั้นคนทั้งปวงจะหลั่งไหลมาพึ่งใบบุญเจ้าดุจดั่งพระมหาสมุทร ซึ่งจะมีน้ำจากห้วยหนองคลองบึงทุกสารทิศหลั่งไหลมาสู่ ย่อมมีทั้งน้ำอันใสสะอาด สกปรก ขุ่นมัว และโสโครก ย่อมมีทั้งขยะและพืชน้ำต่าง ๆ จำจะต้องแยกแยะเลือกสรรให้จงดี แสวงหาและคัดเลือกคนดีมีฝีมือมาอยู่เคียงกาย อย่าให้คนพาลสันดานหยาบชั่วช้าเข้าใกล้กาย พึงตระหนักว่าพระอาทิตย์และพระจันทร์อันมีฤทธิ์ทั่วสกลจักรวาลก็ยังมีความมัวหมองได้ด้วย เมฆหมอกที่ห่อหุ้ม ผู้เรืองอำนาจวาสนาก็ดุจกัน ย่อมมัวหมองเสื่อมโทรมด้วยผู้คน แวดล้อมฉะนั้น
สุมาสูและสุมาเจียวนั่งฟังคำบิดาด้วยอาการอันสงบ พลันมองไปที่ผนังด้านปลายเท้าของสุมาอี้ เห็นภาพเขียนด้วยพู่กันเป็นที่ประหลาด จึงถามผู้พ่อว่าภาพนี้ดูเหมือนเพิ่งเขียนขึ้นใหม่ ๆ แต่มิทราบว่ามีความหมายประการใด
สุมาอี้จึงกล่าวว่า เรารู้ตัวของเราดีว่าการป่วยครั้งนี้ยากจะหาย คงเหลือแต่เวลาจะช้าเร็วประการใดเท่านั้น จึงพยายามเขียนภาพนี้เพื่อพวกเจ้าทั้งสองคน
กล่าวแล้วสุมาอี้จึงชี้ไปที่ภาพเขียนซึ่งแขวนอยู่บนผนังที่ปลายเท้า พลางกล่าวว่าที่เจ้าเห็นนี้จะว่าภาพก็ใช่ จะว่าเป็นตัวอักษรก็ใช่ จะว่าเป็นความหมายอันเป็นปริศนาก็ว่าได้ พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่ว่าภาพพู่กันเส้นตรงตั้งที่อยู่บนสุด ภาพรูปสี่เหลี่ยมที่อยู่ตรงกลางและภาพรูปหัวใจที่อยู่ข้างล่างนั้นมีความหมายประการใด
สุมาสูและสุมาเจียวมองไปที่รูปบนแผ่นภาพแล้วกล่าวว่า แม้เป็นลายพู่กันที่งามนักแต่พลังในการเขียนนั้นอ่อนล้าอิดโรย ซึ่งจะมีความหมายประการใดนั้นลูกไม่แจ้ง
สุมาอี้ชี้ไปที่รูปหัวใจซึ่งอยู่ในภาพด้านล่างสุดแล้วกล่าวว่า ภาพรูปหัวใจก็คือภาพอักษรว่าซิมซึ่งแปลว่าหัวใจ ตรงกับความหมายตามภาพ คนทั้งปวงย่อมมีใจ จะดีเลวชั่วช้าหรือประเสริฐเลิศคนก็อยู่ที่ใจ ชาวนา พ่อค้า ขุนนาง ข้าราชการ ขุนทหารและนักปกครองล้วนย่อมต้องมีใจ แต่ความในใจหาได้เหมือนกันไม่ น้ำใจผู้ปกครองบ้านเมืองย่อมต้องเต็มเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม คุณธรรม ยุติธรรม ใส่ใจทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎร เหตุนี้การทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับผู้คนจึงต้องถือเอาใจเป็นที่ตั้ง ทั้งใจเรา ใจเขา ต้องเข้าใจให้จงดี ใจเขาเป็นประการใดก็มองที่ใจเราย่อมรู้ได้อย่างแจ่มแจ้ง เหตุนี้เราจึงวาดภาพอักษรตัวซิมหรือหัวใจไว้เป็นรากฐาน
สุมาสูและสุมาเจียวได้ฟังอรรถาธิบายของผู้บิดาก็พากันพยักหน้าแสดงท่าทีว่าเข้าใจ สุมาอี้เห็นดังนั้นจึงกล่าวสืบไปว่า หัวใจผู้ปกครองย่อมต้องมีความอดทนที่สูงส่งยิ่งกว่าผู้คนธรรมดา ถึงขนาดต้องสามารถกลืนกินเลือดของตนเองได้ ในหัวอกต้องกว้างใหญ่สามารถบรรจุเรือสำเภาสิบลำได้ เรื่องใหญ่น้อยต้องสามารถอัดไว้ในอกด้วยจิตใจอันหนักแน่นมั่นคง ตรองดูจนรู้เหตุการณ์ถ่องแท้แล้วจึงแก้ไขทำการต่อไป ภาพหัวใจนี้เมื่อมีภาพกระบี่ปักไว้ย่อมมีความหมายถึงความอดทน เหตุนี้เราจึงเขียนภาพอักษรเส้นตรงตั้งไว้ด้านบน เมื่อประกอบเข้ากับอักษรตัวซิมแล้วย่อมเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้พวกเจ้าต้องมีความอดทน อันคนเรานั้นอาจมีความรู้สติปัญญาความสามารถทัดเทียมกันได้ แต่ความอดทนนี่แล้วที่ต่างกัน ทำให้คนเหนือคน และคนแตกต่างกับคน
ภาพเส้นตรงตั้งจะมองว่าเป็นภาพกระบี่ก็ได้ จะมองว่าเป็นหลักชัยหลักบ้านหลักเมืองก็ได้ จะมองว่าเป็นหลักอันเป็นศูนย์กลางของแผ่นดินก็ได้ จะหมายเอาเป็นความซื่อตรงแลความกตัญญูจงรักภักดีก็ได้ นี่คือความหมายอันวิเศษลึกล้ำอันมีอยู่ในนิรุกติแห่งภาษาจีนของเรา
สุมาอี้กล่าวต่อไปว่า ผู้ปกครองบ้านเมืองจะต้องเป็นหลัก ต้องมีความซื่อตรง ต้องมีความเที่ยงธรรม และต้องมีความเด็ดขาด เสาหลักที่เอนย่อมไม่อาจทานน้ำหนักได้ เสาที่ตรงต่างหากจึงจะรับน้ำหนักอันมากได้ ผู้ปกครองต้องทำตนให้เป็นหลักแก่บ้านเมืองและราษฎร ดุจดังพระอาทิตย์ที่เป็นหลักแห่งจักรวาล พระอาทิตย์โคจรโดยเที่ยงตรง วันเวลาฤดูกาลจึงเที่ยงตรง หากพระอาทิตย์วิปริตผันแปรไปแล้วสรรพสิ่งก็จะวิปริตวิบัติดับสูญสิ้น แลเส้นที่ตั้งตรงนี้ยังมีความหมายของกระบี่ที่คมกล้า สามารถตัดปัญหาให้สิ้นสูญ ไม่ปล่อยปัญหาการงานให้ค้างคาหมักหมมจนก่อกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นได้ การงานและปัญหาต้องรีบจัดการแก้ไข แต่เรื่องน้ำใจคนต้องไม่วู่วามเร่งรัดจัดการ
สุมาอี้กล่าวสืบไปว่า ภาพรูปสี่เหลี่ยมนี้หากเขียนเส้นขวางเป็นลำธาร เขียนภูเขาและอาคารไว้ภายในก็จะอ่านว่าก๊กหรือแปลว่าประเทศ ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินจะต้องสันทัดต่อการพัฒนาสร้างสรรค์ พัฒนาอาณาจักรให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า น้ำต้องไหล ไฟต้องสว่าง หนทางต้องดี ราษฎรมีปัจจัยสี่บริบูรณ์ครบครัน จึงเป็นบ้านเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ภาพนี้หมายให้พวกเจ้าได้ตระหนักว่าแผ่นดินนี้กว้างใหญ่ไพศาล มีการงานพัฒนามากหลายที่ต้องทำเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขและอยู่ดีกินดีของอาณาประชาราษฎร แต่นี้ไปเป็นหน้าที่ของพวกเจ้าแล้วที่จะต้องพัฒนาสร้างสรรค์บ้านเมืองให้เรืองรุ่ง
ภาพสี่เหลี่ยมนี้เมื่อเอาภาพเส้นตั้งปักไว้ตรงกลางก็จะเป็นตัวอักษรอ่านว่าตง ซึ่งหมายความถึงศูนย์กลาง คือศูนย์กลางแห่งอำนาจปกครองสถานหนึ่ง ศูนย์กลางแห่งน้ำใจคนสถานหนึ่ง ศูนย์กลางแห่งความเจริญรุ่งเรืองอีกสถานหนึ่ง และความเป็นผู้มีน้ำใจสัตย์ซื่อ ซื่อตรงอีกสถานหนึ่ง การแสวงหาคนดีมีฝีมือมาช่วยการในวันหน้าจะต้องรำลึกถึงคำว่าตง คนเก่งมักไม่ค่อยกล้า คนกล้ามักไม่ค่อยเก่ง แต่คนทั้งเก่งทั้งกล้าก็ยังใช้ไม่ได้หากไร้ซึ่งความซื่อตรง
คนเช่นนี้ยากที่จะมองหาจากผู้คนที่เวียนมาหาพวกเจ้า เมื่อครั้งพระเจ้าฮั่นโกโจก็ยังต้องออกไปเชิญเตียวเหลียงและฮั่นสินเป็นขุนนางคู่แผ่นดินคู่พระบารมี จึงสามารถสถาปนาพระราชวงศ์ฮั่นได้สำเร็จ พระเจ้าวุยอ๋องโจโฉ เล่าปี่ แลซุนกวน ก็ล้วนมุ่งแสวงหาคนดีมีฝีมือและซื่อสัตย์จึงสามารถตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ เล่าปี่นั้นสู้อุตส่าห์ถ่อมตัวไปคำนับขงเบ้งที่กระท่อมน้อยถึงสามครั้ง ครั้นได้ตัวขงเบ้งแล้วจึงสามารถเปลี่ยนฐานะตัวจากเชื้อพระวงศ์อนาถา กลายเป็นครองแผ่นดินอันกว้างใหญ่และตกทอดมาถึงเล่าเสี้ยนในวันนี้ นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่พวกเจ้าต้องจดจำ
อักษรตงเมื่อปักอยู่บนภาพรูปหัวใจก็จะเป็นตัวอักษรอ่านว่าตงซิม ซึ่งหมายความว่าน้ำใจที่ซื่อตรง การจะหวังให้คนทั้งปวงนับถือบูชาเลื่อมใสก่อเป็นบารมีอันไพศาล ผู้ปกครองต้องมีน้ำใจที่ซื่อตรง รู้จักรักผู้อื่น ถึงแม้ว่าจะมีความเฉลียวฉลาดสักปานไหน แต่ถ้าไม่มีน้ำใจซื่อตรงต่อผู้อื่น รักผู้อื่นโดยสุจริตแล้วก็ไม่อาจที่จะรักษาดำรงไว้ซึ่งความรักภักดีของผู้คนได้ ไม่อาจก่อเป็นบารมีอันยิ่งใหญ่ได้
นี่คือความหมายของภาพลายพู่กันที่เราสู้ถ่อสังขารฝืนเขียนไว้เพื่อสั่งสอนพวกเจ้า จงจดจำคำเราไว้อย่าได้ประมาท สุมาอี้กล่าวดังนี้แล้วก็เหนื่อยหอบ สุมาสูและสุมาเจียวเห็นดังนั้นจึงกล่าวว่าท่านพ่อลำบากเหนื่อยมากแล้ว จงพักผ่อนก่อนเถิด
กล่าวแล้วสุมาเจียวจึงพยุงสุมาอี้ให้นอนราบลงกับเตียงแล้วเอาผ้าห่มมาคลุม จากนั้นจึงคำนับลา
พระพุทธศาสนายุกาลล่วงแล้วได้เจ็ดร้อยเก้าสิบสี่พรรษา เดือนสิบ อาการป่วยของสุมาอี้ได้ทรุดหนักลงโดยลำดับ คนในจวนของสุมาอี้เห็นอาการอยู่ในขั้นวิกฤต จึงให้คนไปแจ้งให้สุมาสูและสุมาเจียวทราบ
สุมาสูและสุมาเจียวพอทราบความก็รีบรุดมาที่จวน เห็นสุมาอี้นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนอน ร่างกายผอมซูบเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก กระดิกตัวไม่ได้ มีน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่พอรู้ว่าบุตรทั้งสองมาเยี่ยมสุมาอี้ก็ลืมตาขึ้น ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้มแต่กลับพริ้มตาลงและสิ้นใจในเวลานั้น สุมาสูและสุมาเจียวเห็นสุมาอี้ถึงแก่ความตายก็พากันร้องไห้โศกเศร้าอาลัยในการจากไปของสุมาอี้เป็นอันมาก.