ตอนที่ 395. เหยื่อที่ปลายเบ็ด

โจโฉปราบปรามแคว้นฮันต๋งราบคาบแล้ว ได้ปรารภว่าจะยกกองทัพกลับเมืองฮูโต๋ แต่ขณะเดียวกันกลับซ่องสุมกำลังพลไว้ที่เมืองปาต๋ง ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นอุบายเพื่อให้แคว้นเสฉวนตายใจ พอพ้นฤดูหนาวแล้วก็อาจยกองทัพเข้าตีแคว้นเสฉวนตามแผนการเดิม เล่าปี่และขงเบ้งแจ้งในความคิดของโจโฉ ขงเบ้งจึงคิดอุบายตีขนดหางพญานาค เพื่อกระชากกองทัพโจโฉออกไปจากแคว้นฮันต๋ง

            เล่าปี่ได้ฟังแผนการของขงเบ้งแล้วก็เห็นด้วย จึงกล่าวว่าแผนการของกุนซือหลักแหลมลึกซึ้งนัก แต่วิตกว่าจะหาผู้ใดเป็นทูตไปเจรจาว่ากล่าวแก่ซุนกวนให้ยกกองทัพไปตีเมืองหับป๋า

            ในขณะนั้นอีเจี้ยนั่งฟังคำปรึกษาอยู่ด้วย ได้ยินเล่าปี่ปรารภดังนั้นจึงขออาสาเป็นทูตไปเจรจากับซุนกวน

            เล่าปี่เห็นดังนั้นก็มีความยินดี เพราะมีความสนิทสนมไว้วางใจอีเจี้ยมาแต่ก่อน และรู้ดีว่าอีเจี้ยผู้นี้เป็นผู้มีวาทศิลป์จัดจ้านในเชิงการทูตยากจะหาผู้ใดเปรียบเทียบได้ ไม่เหมือนรัฐมนตรีต่างประเทศบางคนที่ไปถึงไหนก็ยกตนข่มท่าน ก่อการทะเลาะวิวาทบาดหมางกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นอาจิณ เล่าปี่จึงตัดสินใจตั้งอีเจี้ยให้เป็นทูตไปเจรจาความเมืองกับซุนกวนที่เมืองกังตั๋ง และสั่งให้อาลักษณ์ทำหนังสือถึงซุนกวนมอบให้อีเจี้ย แล้วว่าท่านจงรีบเดินทางไปเมืองกังตั๋ง เจรจาว่ากล่าวกับซุนกวนให้สำเร็จตามแผนการของกุนซือ แล้วรีบกลับมารายงานความให้เราทราบด้วย

            พออีเจี้ยคำนับรับหนังสือแล้ว เล่าปี่จึงสั่งกำชับอีเจี้ยว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมาก ก่อนจะข้ามทะเลไปเมืองกังตั๋งให้ท่านแวะเมืองเกงจิ๋วแจ้งเนื้อความทั้งปวงให้กวนอูทราบก่อน เพื่อทำให้แผนการของกุนซือดำเนินไปอย่างราบรื่น

            การครั้งนี้เล่าปี่ตกลงยกหัวเมืองสามหัวเมืองที่ขึ้นต่อเมืองเกงจิ๋วให้แก่ซุนกวน ซึ่งเป็นอย่างเดียวกันกับเมื่อครั้งที่มีหนังสือให้จูกัดกิ๋นถือมาให้กวนอูว่าจะยกสามหัวเมืองคือเมืองเตียงสา เมืองเลงเหลง และเมืองฮุยเอี๋ยงให้แก่ซุนกวน ในครั้งนั้นกวนอูได้รับหนังสือของเล่าปี่โดยตรงแต่ไม่ยอมปฏิบัติ เพราะรู้ความนัยว่าเป็นอุบายของขงเบ้งเพื่อลวงจูกัดกิ๋น มาครั้งนี้เล่าปี่มิได้มีหนังสือถึงกวนอู เพียงแต่บอกให้อีเจี้ยแวะบอกกวนอูว่าจะยกสามหัวเมืองให้ซุนกวน ซึ่งเป็นแผนการอุบายของขงเบ้ง

            ครั้นอีเจี้ยไปถึงเมืองเกงจิ๋วแล้วจึงแจ้งเนื้อความและแผนการทั้งปวงของขงเบ้งให้กวนอูทราบ และบอกกวนอูให้ทำตามคำสั่งของเล่าปี่ กวนอูทราบความดังนั้นก็รับคำ

            อีเจี้ยเสร็จธุระการข้างเมืองเกงจิ๋วแล้ว จึงคำนับลากวนอูแล้วเดินทางไปเมืองกังตั๋ง แจ้งความแก่ทหารรักษาการณ์ว่าเล่าปี่ใช้อีเจี้ยให้เป็นทูตมาคำนับซุนกวน

            ครั้นซุนกวนทราบความจากทหารรักษาการณ์แล้ว จึงให้เชิญอีเจี้ยมาพบตามธรรมเนียม

            อีเจี้ยคำนับซุนกวนตามประเพณีแล้ว ซุนกวนจึงถามว่าเล่าปี่ใช้ท่านมาเมืองกังตั๋งครั้งนี้มีเหตุสิ่งใดหรือ

            อีเจี้ยคำนับซุนกวนอีกครั้งหนึ่งแล้วส่งหนังสือของเล่าปี่แก่ซุนกวนพร้อมกับกล่าวว่า เมื่อครั้งที่จูกัดกิ๋นไปเมืองเสฉวนด้วยเรื่องเมืองเกงจิ๋วนั้น เล่าปี่ได้ตกลงที่จะยกเมืองเตียงสา เมืองเลงเหลง และเมืองฮุยเอี๋ยง ให้กับท่านก่อน ส่วนเมืองเกงจิ๋ว เมืองกังแฮ และเมืองลำกุ๋น นั้นขอยืมให้กวนอูได้อาศัยชั่วคราว จนกว่าเล่าปี่จะตีได้เมืองฮันต๋งให้เป็นที่อาศัยของกวนอู เมื่อตีเมืองฮันต๋งได้แล้วก็จะคืนเมืองทั้งสามนี้ให้แก่ท่าน แต่ครั้งนั้นกวนอูเข้าใจผิดจึงไม่ยอมมอบหัวเมืองทั้งสามแก่ท่าน เล่าปี่ให้รู้สึกละอายใจ จึงใคร่จะมาคำนับขมาท่านด้วยตนเอง แต่ติดขัดด้วยโจโฉยกกองทัพไปตีเมืองฮันต๋ง จึงมีหนังสือมาถึงท่านไว้เป็นสำคัญ

            อีเจี้ยแก้ตัวถึงเหตุที่ไม่คืนหัวเมืองให้แก่ซุนกวนในครั้งที่จูกัดกิ๋นไปเมืองเสฉวนแล้ว จึงกล่าวสืบไปว่าในขณะนี้โจโฉยกกองทัพไปตีเมืองฮันต๋ง ทำให้จุดยุทธศาสตร์สำคัญคือเมืองหับป๋ามีทหารแต่เบาบาง จึงชอบที่ท่านจะยกกองทัพไปตีเอาเมืองหับป๋า พอโจโฉยกกองทัพมาช่วยเมืองหับป๋าเล่าปี่ก็จะตีเอาเมืองฮันต๋ง ครั้นได้เมืองฮันต๋งให้เป็นที่อาศัยของกวนอูแล้วก็จะคืนเมืองเกงจิ๋วและหัวเมืองทั้งปวงแก่ท่าน

            ซุนกวนได้ฟังคำของอีเจี้ย เห็นทางที่จะได้เมืองเกงจิ๋วโดยง่ายก็มีความยินดี ครั้นได้เปิดหนังสือของเล่าปี่ออกอ่านก็มีเนื้อความเป็นอย่างเดียวกันสมกับคำของอีเจี้ยทุกประการ แต่ซุนกวนก็นับเป็นยอดคนที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ฟังความแล้วก็กระจ่างว่าการจะได้เมืองเกงจิ๋วคืนย่อมเป็นการข้างหลังจากที่เล่าปี่ตีเมืองฮันต๋งได้แล้ว และเล่าปี่จะตีเมืองฮันต๋งได้ก็ต่อเมื่อซุนกวนยกกองทัพไปตีเมืองหับป๋า ผลได้เสียซับซ้อนซ่อนอยู่ดังนี้ ซุนกวนไม่อาจตัดสินใจได้ในทันที จึงบอกอีเจี้ยให้ไปพักที่ตึกรับรองแขกเมืองก่อน แล้วจะแจ้งผลการตัดสินใจให้ทราบ

            ซุนกวนแจ้งดังนั้นแล้วจึงสั่งทหารให้พาอีเจี้ยไปพักที่ตึกรับรองแขกเมือง พออีเจี้ย ออกไปแล้วซุนกวนจึงปรึกษากับบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่าจะทำการประการใด

            เตียวเจียวซึ่งเป็นที่ปรึกษาผู้ใหญ่ฟังความตลอดแล้วจึงว่า “ซึ่งเล่าปี่ให้หนังสือมานี้เป็นกลอุบาย เพราะกลัวโจโฉจะยกไปตีเอาเมืองเสฉวน ถึงมาตรว่าเป็นกลของเล่าปี่ก็ดี แต่เป็นประโยชน์แก่เราสองประการ ประการหนึ่งจะได้เมืองสามตำบล ประการหนึ่งจะได้เมืองหับป๋าด้วย ถึงมาตรว่าเล่าปี่จะมีใจกำเริบว่าลวงเราได้ก็ตามเถิด จำจะทำตามหนังสือนี้จงได้”

            บรรดาที่ปรึกษาและขุนนางทั้งปวงได้ฟังคำเตียวเจียวดังนั้นก็เห็นชอบพร้อมกัน เพราะเห็นว่าข้อเสนอของเล่าปี่เป็นข้อเสนอที่ซุนกวนมีแต่ได้กับได้ถึงสองประการ ซุนกวนเห็นบรรดาที่ปรึกษาและขุนนางเห็นชอบพร้อมกัน จึงตัดสินใจทำตามข้อเสนอของเตียวเจียว

            ซุนกวนสั่งทหารให้ไปเชิญอีเจี้ยมาพบอีกครั้งหนึ่ง แล้วว่าที่เล่าปี่มีข้อเสนอมานั้น เราได้ตรองความแล้วเห็นแก่ไมตรีของทั้งสองเมืองจะได้เจริญสถาพรสืบไป เราจึงตกลงใจจะยกกองทัพไปตีเมืองหับป๋า ท่านจงรีบกลับไปเมืองเสฉวนแจ้งให้เล่าปี่ทราบ แล้วปฏิบัติตามสัญญาอย่างเคร่งครัดสืบไป

            อันกลอุบายตีขนดหางพญานาคของขงเบ้งนั้น การเสนอให้ซุนกวนยกกองทัพไปตีเมืองหับป๋าเป็นเรื่องจริง ข้อเสนอยกสามหัวเมืองให้ก็เป็นเรื่องจริง แต่ที่เป็นเรื่องหลอกลวงก็คือการทำให้ซุนกวนและบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองของเมืองกังตั๋งเห็นว่าสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ถึงสองประการดังคำของเตียวเจียว และใช้ประโยชน์นั้นล่อลวงบังความคิดไม่ให้มีผู้ใดคาดเห็นถึงความเสียประโยชน์อันยิ่งใหญ่ถึงสองประการเช่นกันคือ

            ประการแรก ในทันทีที่ซุนกวนตกลงใจยกกองทัพไปตีเมืองหับป๋า ซุนกวนก็กลายเป็นลูกไม้ลูกมือที่ต้องทำตามความประสงค์ของเล่าปี่ และเพื่อประโยชน์ของเล่าปี่คือการดึงกำลังกองทัพโจโฉซึ่งกดดันแคว้นเสฉวนอยู่ที่เมืองฮันต๋งให้ลงมารบกับซุนกวนที่เมืองหับป๋า ทำให้เล่าปี่หมดสิ้นความกดดันจากภัยสงคราม ในขณะที่ซุนกวนต้องกลายเป็นคู่สงครามกับโจโฉโดยตรง

            ประการที่สอง เมื่อเกิดศึกสงครามระหว่างโจโฉกับซุนกวนแล้ว กำลังทหารของทั้งสองฝ่ายย่อมอ่อนด้อย และเสื่อมกำลังลง ในขณะที่กองทัพของเล่าปี่ยังคงได้รับการบำรุงซ่องสุมอย่างเต็มที่ เป็นผลให้กำลังกองทัพของเล่าปี่พ้นจากสภาพที่ด้อยกว่ากองทัพของเมืองกังตั๋งและเมืองหลวง สู่สภาพที่เท่ากันหรือเหนือกว่า และมีผลโดยตรงต่อความเข้มแข็งเกรียงไกรและความมีเสถียรภาพของแคว้นเสฉวน

            ทางฝ่ายเมืองกังตั๋งเห็นว่าข้อเสนอของเล่าปี่ทำให้ฝ่ายกังตั๋งได้ประโยชน์สองประการ โดยที่ไม่รู้ว่าถูกกลอุบายของขงเบ้งล่อลวงให้เสียประโยชน์ถึงสองประการ และเพื่อให้เล่าปี่ได้รับประโยชน์สองประการ สิ่งที่ฝ่ายกังตั๋งมองเห็นเป็นประโยชน์กลายเป็นสิ่งที่ฝ่ายกังตั๋งไม่มีโอกาสได้มา แต่สิ่งที่ฝ่ายกังตั๋งมองไม่เห็นเป็นประโยชน์ซึ่งขงเบ้งมุ่งมาดปรารถนาที่สุดนั้นกลายเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น จริงและเท็จอันเกี่ยวด้วยประโยชน์สองประการของทั้งสองด้านดังนี้จึงคุ้มค่ายิ่งกว่าหัวเมืองทั้งสามที่มีฐานะเพียงเหยื่อน้อยที่เกี่ยวอยู่ปลายเบ็ด ทั้งเป็นเหยื่อที่ปลาไม่มีโอกาสกลืนกินได้เลย

            อีเจี้ยกล่าวขอบคุณซุนกวนแล้วคำนับลากลับไปเมืองเสฉวน

            เมื่ออีเจี้ยกลับออกไปแล้วซุนกวนจึงเรียกโลซกเข้ามาพบ แล้วว่าบัดนี้เล่าปี่ตกลงยกหัวเมืองสามตำบลให้แก่เราแล้ว จึงให้ท่านไปรับมอบสามหัวเมืองตามหนังสือของเล่าปี่

            โลซกรับคำซุนกวนแล้วคำนับลาออกไปจัดแจงเตรียมการเพื่อจะรับมอบหัวเมืองสามตำบลต่อไป
วันรุ่งขึ้นซุนกวนจึงยกกองทัพออกจากเมืองกังตั๋งไปตั้งมั่นอยู่ที่ปากน้ำเมืองลกเค้า และเรียกประชุมบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงเพื่อเตรียมการเคลื่อนกองทัพไปตีเมืองหับป๋าต่อไป

            ในขณะนั้นเทียเภา อุยกาย และฮันต๋ง ออกไปตรวจด่านมาไม่ทันกำหนดนัดประชุม ส่วนกำเหลง ลิบอง และเล่งทอง มาถึงก่อน จึงได้เข้าไปปรึกษาหารือกับซุนกวน

            ซุนกวนได้ปรารภกับบรรดาแม่ทัพนายกองว่า บัดนี้โจโฉยกกองทัพไปตีเมือง ฮันต๋งทำให้เมืองหับป๋าซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเหลือทหารแต่เบาบาง เราจึงตกลงกับเล่าปี่ว่าจะยกกองทัพไปตีเมืองหับป๋า พวกท่านจะมีแผนการประการใด

            ลิบองนายทหารเอกของเมืองกังตั๋งจึงเสนอว่า เมืองหับป๋าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญก็จริงอยู่แต่ต้องอาศัยเสบียงจากเมืองอ้วนเซีย หากยึดเมืองอ้วนเซียได้ก่อนก็จะคุกคามต่อเมืองหับป๋า และเห็นจะยึดเมืองหับป๋าต่อไปได้โดยสะดวก ประกอบทั้งขณะนี้เป็นเทศกาลข้าวโพดสาลีกำลังสุก จูก๋งซึ่งได้รับความไว้วางใจจากโจโฉให้อยู่รักษาเมืองโลกั๋งได้ยกทหารมาป้องกันเมืองอ้วนเซีย และเตรียมเก็บเกี่ยวข้าวโพดสาลีไปส่งคลังเสบียงที่เมืองหับป๋า ดังนั้นก่อนที่จูก๋งจะเก็บเกี่ยวข้าวโพดสาลี จึงควรที่ท่านจะยกกองทัพไปตีเมืองอ้วนเซีย ยึดเสบียงของเมืองหับป๋าเสียก่อน แล้วจึงค่อยยกกองทัพไปตีเมืองหับป๋าก็จะได้โดยง่าย

            ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบ จึงจัดแจงทหารสิบหมื่นเตรียมจะยกกองทัพไปตีเมืองอ้วนเซียตามแผนการของลิบอง และตั้งให้กำเหลงและลิบองเป็นกองทัพหน้า ให้เจียวขิมและพัวเจี้ยงเป็นกองทัพหลัง ซุนกวนคุมกองทัพหลวงด้วยตนเองโดยมีจิวท่าย ตันบู ตังสิด ชีเซ่ง คุมกองทหารในกองทัพหลวง

            ครั้นจัดแจงกองทัพเสร็จสรรพตามพิชัยสงครามแล้ว ซุนกวนจึงยกทหารข้ามแม่น้ำไปขึ้นฟากที่เมืองไฮจิ๋ว แล้วเคลื่อนกองทัพตรงไปที่เมืองอ้วนเซีย

            ครั้นกองทัพยกไปใกล้เมืองอ้วนเซีย ซุนกวนจึงให้ตั้งค่ายประชิดเมืองอ้วนเซียไว้

            ทางฝ่ายจูก๋งผู้รักษาเมืองโลกั๋งซึ่งขณะนี้คุมทหารมาคุ้มกันเสบียง และเตรียมเก็บเกี่ยวข้าวโพดสาลีที่เมืองอ้วนเซีย ครั้นได้ทราบข่าวว่ากองทัพเมืองกังตั๋งยกมาประชิด จึงสั่งทหารทั้งปวงให้ขึ้นรักษาเชิงเทินค่ายคูประตูหอรบและกำแพงเมืองเป็นมั่นคง และสั่งม้าเร็วให้เดินสารแจ้งข่าวแก่เตียวเลี้ยวซึ่งรักษาเมืองหับป๋า เพื่อให้ยกกองทัพหนุนมาช่วย

            ซุนกวนตั้งค่ายเสร็จแล้วจึงคุมทหารออกไปเลียบดูตามแนวกำแพงเมือง เห็นจุดไหนทหารเบาบางก็สั่งทหารให้เข้าตีเพื่อจะปล้นเอาเมือง ทหารบนกำแพงเมืองได้รบพุ่งต่อสู้ป้องกันไว้เป็นสามารถ ทหารเมืองกังตั๋งเข้าหักเอาเมืองไม่ได้ก็ถอยกลับมา

            ซุนกวนพาทหารเลียบกำแพงเมืองอ้วนเซียและสั่งเข้าตีหักเอาเมืองเป็นหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเวลาใกล้พลบจึงยกทหารกลับเข้าไปในค่าย แล้วปรึกษากับบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่า ข้างในเมืองอ้วนเซียป้องกันรักษาเมืองไว้เป็นสามารถ จะคิดอ่านประการใดจึงจะยึดเมืองอ้วนเซียได้สำเร็จ

            ตังสิดจึงเสนอว่า “ให้เกณฑ์ทหารขนเอาดินมาถมเป็นเนินเข้า ให้สูงเท่ากำแพงเมืองจงหลายกอง จึงให้ทหารระดมยิงเกาทัณฑ์เข้าไปดังห่าฝน ทหารที่อยู่บนเชิงเทินก็จะละหน้าที่เสีย แล้วให้ทหารเอาบันไดหกพาดปีนเข้าไป เห็นจะได้เมืองโดยง่าย”

            ข้อเสนอของตังสิดดังกล่าวเป็นรูปแบบการยุทธ์อย่างเดียวกันกับเมื่อครั้งกองทัพอ้วนเสี้ยวรบกับกองทัพของโจโฉ แต่ยุทธวิธีดังกล่าวต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะสร้างเนินดินได้สำเร็จ ลิบองได้ฟังดังนั้นจึงไม่เห็นด้วย และทักท้วงว่าหากทำตามแผนการที่เนิ่นช้าดังนี้กองทัพเมืองหับป๋าก็จะยกมาช่วยได้ทัน การสงครามข้างหน้าก็จะขัดสนสืบไป.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘