ตอนที่ 390. สถานการณ์ที่ไม่คาดหมาย
หลังจากกองทัพเว่ยยกมาประชิดด่านเองเปงก๋วนก็เสียทีแก่กองทัพเมืองฮันต๋งถึงสองครั้ง ในขณะที่ทหารเอกเมืองฮันต๋งก็ขยาดฝีมือของทหารกองทัพเว่ย ดังนั้นกองทัพของทั้งสองฝ่ายจึงตั้งยันกันอยู่ที่ด่านเองเปงก๋วนเป็นเวลาถึงห้าสิบวัน จนฤดูฝนใกล้จะมาถึง โจโฉจึงวางอุบายทำให้กองทัพเมืองฮันต๋งประมาท และจะลอบยกกำลังเข้ายึดด่านเองเปงก๋วน
ครั้นโจโฉได้ฟังสองนายทหารเอกรับอาสาศึกอย่างแข็งขันดังนั้นก็มีความยินดี จึงสั่งให้แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับคุมทหารแยกเป็นสองกอง ยกอ้อมเขตด่านเองเปงก๋วนแล้วไปซุ่มกำลังอยู่ที่ด้านหลังด่าน ให้รอฟังสัญญาณว่าเมื่อใดกองทัพหลวงยกเข้าตีด่านทางด้านหน้าแล้วก็ให้แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับยกเข้าตีด่านทางด้านหลังพร้อมกัน แล้วเข้ายึดด่านไว้ให้ได้
แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับได้ฟังแผนยุทธการดังนั้นแล้วจึงคำนับลาโจโฉออกไปจัดแจงทหารเตรียมพร้อมไว้ เตรียมจะยกไปในเวลายามสามคืนนี้
ในวันนั้นข่าวลือได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วว่ากองทัพเว่ยกำลังเตรียมการถอยทัพ หน่วยสอดแนมทุกสายของเมืองฮันต๋งได้รายงานข่าวแก่เอียวเหียมและเอียวหงงตรงกัน ดังนั้นเอียวเหียมและเอียวหงงจึงปรึกษาหารือกันว่าจะดำเนินการประการใด
เอียวหงงเห็นว่าในยามที่กองทัพเว่ยถอยทัพ หากยกกำลังเข้าโจมตีก็จะได้ชัยชนะแก่ข้าศึกโดยง่าย แต่เอียวเหียมไม่เห็นด้วย ท้วงว่าอันโจโฉนั้นเป็นผู้ชำนาญการศึก สันทัดจัดจ้านในพิชัยสงคราม มักทำจริงให้เป็นเท็จ มักทำเท็จให้เป็นจริง ซึ่งท่านก็ย่อมแจ้งอยู่ว่ายุทโธบายแห่งพิชัยสงครามเป็นประการใด ซึ่งข่าวปรากฏแพร่หลายว่าโจโฉจะถอยทัพนั้นยังเอาแน่นอนอันใดไม่ได้ กริ่งว่าจะเป็นอุบายของโจโฉ จึงชอบที่จะคุมกำลังตั้งมั่นไว้ดังเดิม ฤดูฝนมาถึงเมื่อใดกองทัพเว่ยก็จะแตกพ่ายไปเองเมื่อนั้น
เอียวหงงฟังคำท้วงของเอียวเหียมแล้วยังคงยืนยันความเห็นเดิม สองนายทหารเอกเมืองเสฉวนโต้เถียงกันอย่างรุนแรงแต่หาข้อยุติไม่ได้ เอียวหงงจึงกล่าวกับเอียวเหียมว่าเมื่อท่านไม่เห็นด้วยกับแผนการของข้าพเจ้า ท่านจงคุมกำลังรักษาค่ายของท่านไว้ ส่วนข้าพเจ้าจะยกทหารจากค่ายของข้าพเจ้ายกไปโจมตีโจโฉเอง
สองนายทหารโต้เถียงกันดังนั้นแล้วจึงต่างคนต่างแยกกลับไปค่ายของตน เอียวหงงสั่งให้ทหารทั้งห้าร้อยค่ายเตรียมพร้อมเพื่อจะยกไปตีกองทัพเว่ย ยกเว้นก็แต่ทหารที่เจ็บป่วยให้คงอยู่รักษาค่าย
คืนนั้นเวลายามแรกเพิ่งผ่านพ้นไป ฝนตกพรำประปรายจนใกล้ยามสองจึงหยุด ครั้นถึงปลายยามสามฝนหายสนิทแล้ว เอียวหงงจึงคุมทหารจากทั้งห้าร้อยค่ายยกตรงไปที่ค่ายของโจโฉ แต่พอไปถึงกลางทางหมอกลงหนัก มองไม่เห็นทางข้างหน้า เอียวหงงเกรงทหารจะได้รับอันตราย จึงสั่งทหารให้หยุดตั้งมั่นอยู่ที่กลางทางนั้น
ในเวลาเดียวกับที่เอียวหงงยกทหารออกจากค่ายนั้น แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับก็ยกทหารออกจากค่ายตามคำสั่งของโจโฉเพื่อจะไปตั้งซุ่มอยู่ทางด้านหลังด่านเองเปงก๋วน แต่พอยกทหารออกจากค่ายได้ครึ่งทางหมอกก็ลงหนักอย่างเดียวกับที่เอียวหงงเผชิญอยู่ แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับคุมทหารยกมาใกล้กองทหารของเอียวหงงซึ่งหยุดทัพอยู่นั้น กองหน้าของทหารแฮหัวเอี๋ยนได้ยินเสียงทหารเมืองฮันต๋งก็เข้าใจว่ากองทัพเมืองฮันต๋งยกทหารมาตั้งซุ่ม จึงอาศัยม่านหมอกที่หนาทึบหลบหลีกกองทหารของเอียวหงง
แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับนำทหารหลีกหลบกองทหารของเอียวหงงเข้าไปในป่า ประกอบกับหมอกหนาทึกไม่เห็นทางจึงพลัดหลงไปถึงค่ายของเอียวหงงเป็นเวลาใกล้สว่าง หมอกเริ่มจางลง ทหารในค่ายของเอียวหงงซึ่งเหลืออยู่แต่น้อยและทหารที่เหลืออยู่ก็เป็นทหารที่เจ็บป่วย เห็นกองทหารยกมาก็ด่วนสำคัญว่าเอียวหงงยกทหารไปแล้วเผชิญกับหมอกหนาทึบเคลื่อนทัพไปไม่ได้แล้วยกทัพกลับ จึงเปิดประตูค่ายออกรับ
แฮหัวเอี๋ยนเห็นได้ทีจึงสั่งให้เตียวคับคุมทหารไปสกัดอยู่ที่หน้าค่ายของเอียวเหียม ส่วนแฮหัวเอี๋ยนฉวยโอกาสนั้นสั่งทหารให้บุกยึดค่ายของเอียวหงงทั้งห้าร้อยค่ายในทันที และสั่งทหารให้จุดเพลิงเผาค่ายเสียทั้งสิ้น ทหารเมืองฮันต๋งที่เหลืออยู่ในค่ายถูกฆ่าฟันหรือไม่ก็ถูกไฟคลอกตายจนหมดสิ้น
ทางฝ่ายเอียวเหียมคุมกำลังตั้งมั่นอยู่ในค่ายตามความคิดของตน ครั้นเวลาฟ้าสว่างเห็นเพลิงไหม้ขึ้นที่ค่ายของเอียวหงงจึงคุมทหารยกออกจากค่ายจะไปช่วยเอียวหงง
เตียวคับเห็นเพลิงไหม้ขึ้นที่ค่ายของเอียวหงงและเห็นเอียวเหียมคุมทหารออกจากค่าย จึงสั่งทหารให้ซุ่มอยู่ในที่เดิม ปล่อยให้เอียวเหียมยกทหารออกจากค่ายไปก่อน จากนั้นจึงสั่งทหารให้ย้อนกลับไปยึดค่ายของเอียวเหียมไว้ทั้งสิ้น ส่วนเตียวคับคุมทหารคนสนิทห้าสิบคนคอยสกัดเอียวเหียมในตอนขากลับ
เอียวเหียมยกทหารเข้าไปใกล้ค่ายของเอียวหงงก็เห็นแฮหัวเอี๋ยนขี่ม้าคุมทหารสกัดอยู่จึงเข้ารบกับแฮหัวเอี๋ยน ทั้งสองฝ่ายรบกันได้สิบเพลงเอียวเหียมเห็นจะทานกำลังแฮหัวเอี๋ยนไม่ได้จึงถอยหนี แล้วพาทหารจะกลับไปที่ค่าย
เอียวเหียมพาทหารกลับไปใกล้จะถึงค่ายก็ได้ยินเสียงตวาดดังก้องสนั่น เห็นเตียวคับขี่ม้าคุมทหารสกัดขวางทางอยู่ และเห็นภายในค่ายปักธงทิวด้วยธงของกองทัพเว่ยทั้งสิ้นก็ตกใจ รีบพาทหารหนีไปทางเมืองลำเต๋งเพื่อจะวกกลับเข้าไปในด่านเองเปงก๋วน
ทางฝ่ายโจโฉเห็นแสงเพลิงลุกสว่างขึ้นทางค่ายของเอียวหงงก็รู้ว่าแฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับทำการได้ทีแก่ข้าศึก จึงสั่งให้เคลื่อนกองทัพยกหนุนไปช่วยแฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับ ครั้นมาถึงกลางทางฟ้าสว่างแล้วเห็นกองทหารของเอียวหงงกำลังรวนเรแตกตื่นเพราะรู้ว่าค่ายถูกเผาผลาญสิ้นแล้ว โจโฉจึงสั่งทหารให้แบ่งเป็นสามสาย เข้าจู่โจมกองทหารของเอียวหงงซึ่งตั้งอยู่ข้างหน้าพร้อมกัน
กองทัพหลวงของโจโฉทั้งสามสายรุกเข้าตีกองทหารของเอียวหงงอย่างดุเดือด ทหารของเอียวหงงกำลังเสียขวัญและแตกตื่นไม่เป็นอันสู้รบ จึงถูกทหารของโจโฉฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก
เอียวหงงเห็นทหารเสียทีแตกตื่นคุมกันไม่ติดดังนั้นก็ตกใจ รีบพาทหารคนสนิทสิบกว่าคนจะหนีกลับไปที่ค่ายของเอียวเหียม พอดีขณะนั้นเตียวคับได้ยินเสียงต่อสู้ในเส้นทางที่ผ่านมา คาดว่าโจโฉคงยกกองทัพหนุนเนื่องมา ก็คุมทหารจะยกไปช่วยจึงสวนกับเอียวหงงซึ่งกำลังหนีมาจากเส้นทางนั้น
ทั้งสองฝ่ายปะหน้ากันในระยะกระชั้นชิด เอียวหงงไม่มีทางหนีจึงจำใจต้องเข้าต่อสู้กับเตียวคับ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันได้สิบเพลงเตียวคับก็เอาทวนแทงเอียวหงงตกม้าตาย
พอตกสายบรรดาทหารของเอียวเหียมและเอียวหงงซึ่งแตกพ่ายมาแต่การยุทธ์ยามใกล้รุ่ง ได้หนีกลับไปถึงด่านเองเปงก๋วนจึงนำความไปรายงานให้แก่เตียวโอยทราบทุกประการ
เตียวโอยฟังรายงานแล้วเห็นว่าทหารของโจโฉเข้มแข็งและยกมาเป็นอันมากเห็นจะรักษาด่านไว้ไม่ได้ จึงทิ้งด่านเองเปงก๋วนเสียแล้วพาทหารหนีกลับเข้าไปในเมืองฮันต๋ง
ระหว่างทางเตียวโอยได้พบกับเอียวเหียมซึ่งแตกหนีมา ไต่ถามความกันและกันแล้วจึงพากันเข้าไปในเมืองฮันต๋ง
ทางฝ่ายโจโฉเมื่อได้ชัยชนะต่อกองทัพของเอียวเหียมและเอียวหงง ทำลายกองทัพของเอียวหงง เผาค่ายของเอียวหงงจนหมดสิ้นและยึดค่ายเอียวเหียมเอาไว้ได้ ก็ชุมนุมกำลังพลเพื่อจะเข้ายึดด่านเองเปงก๋วนต่อไป
พอดีทหารสอดแนมได้มารายงานว่า บัดนี้ทหารเมืองฮันต๋งในด่านเองเปงก๋วนได้ทิ้งด่านหนีไปหมดสิ้นแล้ว โจโฉได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงสั่งให้เคลื่อนทัพเข้ายึดด่านเองเปงก๋วนได้โดยสะดวก
เตียวโอยและเอียวเหียมเมื่อเข้าไปถึงเมืองฮันต๋งแล้วจึงเข้าไปหาเตียวล่อ แล้วรายงานความทั้งปวงให้เตียวล่อทราบ เตียวโอยนั้นโยนความผิดทั้งปวงให้แก่เอียวเหียมและเอียวหงงว่าทำการศึกด้วยความประมาทจึงเสียทีแก่ข้าศึก ทำให้รักษาด่านเองเปงก๋วนไว้ไม่ได้
เตียวล่อเป็นเจ้าเมืองหูเบา เชื่อถือแต่คำของญาติสนิท ไม่ฟังคำชี้แจงของเอียวเหียมที่ชี้แจงความจริงให้ทราบ จึงโกรธเอียวเหียมและเอียวหงงเป็นอันมาก เห็นว่าความผิดทั้งหมดเกิดจากเอียวเหียมและเอียวหงง แต่เนื่องจากเอียวหงงตายแล้วจึงสั่งให้ประหารชีวิตเอียวเหียมเสีย
เอียวเหียมเห็นการจวนตัวดังนั้นจึงอ้อนวอนเตียวล่อว่าข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว แต่เอียงหงงซึ่งมีฐานะระดับเดียวกับข้าพเจ้าไม่ฟังคำจึงเสียทีมาดังนี้ ข้าพเจ้าก็พร้อมน้อมรับผิด แต่การศึกใหญ่เผชิญอยู่ข้างหน้า หากว่าท่านจะฆ่าข้าพเจ้าช้าไปบ้างก็มิได้เสียหายแก่เมืองฮันต๋งแต่ประการใด ข้าพเจ้าขออาสายกไปรบกับโจโฉอีกครั้งหนึ่งเพื่อแก้ตัว หากเสียทีกลับมาก็พร้อมยอมรับโทษตาย ขอท่านได้เห็นแก่ความชอบในหนหลังให้ข้าพเจ้าไปทำการแก้ตัวด้วยเถิด
เตียวล่อเป็นคนโลเลมาแต่ไหนแต่ไร ได้ฟังคำของเอียวเหียมพอเห็นเป็นประโยชน์อยู่บ้างก็เห็นชอบ จึงให้งดโทษเอียวเหียมไว้แล้วเกณฑ์ทหารสองหมื่นให้เอียวเหียมยกไปชิงเอาด่านเองเปงก๋วนกลับคืนให้จงได้ หากทำการเสียทีก็จะประหารชีวิตเอียวเหียมเสีย
เอียวเหียมรอดตายมาได้ก็ดีใจ รีบคำนับลาเตียวล่อออกไปจัดแจงทหารสองหมื่นจะยกไปที่ด่านเองเปงก๋วนตามเส้นทางเมืองลำเต๋ง ครั้นถึงเมืองลำเต๋งจึงให้ตั้งค่ายมั่นไว้
ฝ่ายโจโฉหลังจากได้ด่านเองเปงก๋วนแล้วก็จัดแจงทหารจะยกไปตีเมืองฮันต๋ง ครั้นเวลาฤกษ์ดีโจโฉจึงให้แฮหัวเอี๋ยนคุมทหารสองพันเป็นกองทัพหน้ายกออกจากด่านไปก่อน ส่วนโจโฉจะคุมกองทัพหลวงยกตามไป
พอกองทัพหน้าของแฮหัวเอี๋ยนยกไปใกล้เมืองลำเต๋งก็ได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่า ที่ชายแดนเมืองลำเต๋งมีกองทัพของเอียวเหียมทหารเมืองฮันต๋งตั้งสกัดอยู่ แฮหัวเอี่ยนทราบรายงานดังนั้นแล้วจึงสั่งทหารให้ตั้งค่ายมั่นไว้
ในขณะนั้นเอียวเหียมทราบรายงานจากหน่วยสอดแนมว่ากองทัพหน้าของโจโฉยกมาถึงปลายแดนเมืองลำเต๋ง จึงสั่งให้เชียงกีคุมทหารออกไปตีค่ายของแฮหัวเอี๋ยน
แฮหัวเอี๋ยนรู้ข่าวจึงคุมทหารยกออกไปรบกับเชียงกี สองนายทหารได้เข้ารบกันด้วยฝีมือทหารเอก พอเพลงรบผ่านไปได้สามเพลงแฮหัวเอี๋ยนก็เอาง้าวฟันเชียงกีตกม้าตาย
ทหารของเชียงกีเห็นตัวนายตายในสนามรบก็พากันแตกหนีกลับไปที่ค่าย แล้วรายงานความทั้งปวงให้เอียวเหียมทราบ เอียวเหียมทราบรายงานก็โกรธจึงคุมทหารยกออกมารบกับแฮหัวเอี๋ยนด้วยตนเอง
เอียวเหียมรบกับแฮหัวเอี๋ยนบนหลังม้าได้สามสิบเพลง แฮหัวเอี๋ยนก็ชักม้าหนี เอียวเหียมมิรู้กลศึกจึงขี่ม้าไล่ตามไป แต่พอเอียวเหียมไล่ตามเข้าไปใกล้ แฮหัวเอี๋ยนก็บังคับม้าหมุนตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วเอาง้าวฟันเอียวเหียมตกม้าตาย
ทหารของเอียวเหียมเห็นแม่ทัพตายท่ามกลางศึกจึงพากันแตกทัพหนีกลับไปสิ้น
แฮหัวเอี๋ยนได้ชัยชนะแก่กองทัพเมืองฮันต๋งแล้วจึงให้ม้าเร็วนำความไปรายงานให้โจโฉทราบ โจโฉจึงสั่งให้เคลื่อนทัพหลวงไปที่เมืองลำเต๋งสมทบกับกองทัพหน้าของแฮหัวเอี๋ยน แล้วเคลื่อนทัพเข้าไปตั้งค่ายประชิดเมืองฮันต๋งไว้ทั้งสามด้าน
ฝ่ายเตียวล่อครั้นทราบรายงานว่าเอียวเหียมเสียทีแก่ข้าศึก และบัดนี้กองทัพเว่ยยกมาประชิดเมืองฮันต๋งแล้ว จึงเรียกประชุมที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวงปรารภว่าการศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ท่านทั้งปวงจะคิดอ่านรับมือข้าศึกประการใด
เงียมเภาซึ่งเป็นที่ปรึกษาจึงเสนอว่า ความปราชัยของกองทัพเมืองฮันต๋งเป็นเพราะฝีมือทหารเอกของเมืองฮันต๋งสู้ฝีมือทหารเอกของโจโฉไม่ได้ อันการตั้งรับอยู่ในเมืองถึงแม้จะไม่ปราชัย แต่ก็ไม่สามารถเอาชัยชนะแก่กองทัพเว่ยได้
เงียมเภากล่าวดังนั้นแล้วก็นิ่งเพื่อฟังความเห็นของเตียวล่อว่าจะมีความเห็นเป็นประการใด เตียวล่อเห็นเงียมเภากล่าวความเหมือนหนึ่งไม่สิ้นกระแสความ จึงถามสืบไปว่าท่านมีแผนการประการใดจึงจะเอาชัยชนะแก่กองทัพของโจโฉได้
เงียมเภาจึงว่าเมื่อกองทัพเมืองฮันต๋งด้อยด้วยฝีมือทหารเอกก็ชอบที่จะหาทหารเอกซึ่งมีฝีมือไปทำการ ซึ่งในเมืองฮันต๋งนี้ใช่ว่าจะไร้ยอดฝีมือ.
ครั้นโจโฉได้ฟังสองนายทหารเอกรับอาสาศึกอย่างแข็งขันดังนั้นก็มีความยินดี จึงสั่งให้แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับคุมทหารแยกเป็นสองกอง ยกอ้อมเขตด่านเองเปงก๋วนแล้วไปซุ่มกำลังอยู่ที่ด้านหลังด่าน ให้รอฟังสัญญาณว่าเมื่อใดกองทัพหลวงยกเข้าตีด่านทางด้านหน้าแล้วก็ให้แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับยกเข้าตีด่านทางด้านหลังพร้อมกัน แล้วเข้ายึดด่านไว้ให้ได้
แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับได้ฟังแผนยุทธการดังนั้นแล้วจึงคำนับลาโจโฉออกไปจัดแจงทหารเตรียมพร้อมไว้ เตรียมจะยกไปในเวลายามสามคืนนี้
ในวันนั้นข่าวลือได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วว่ากองทัพเว่ยกำลังเตรียมการถอยทัพ หน่วยสอดแนมทุกสายของเมืองฮันต๋งได้รายงานข่าวแก่เอียวเหียมและเอียวหงงตรงกัน ดังนั้นเอียวเหียมและเอียวหงงจึงปรึกษาหารือกันว่าจะดำเนินการประการใด
เอียวหงงเห็นว่าในยามที่กองทัพเว่ยถอยทัพ หากยกกำลังเข้าโจมตีก็จะได้ชัยชนะแก่ข้าศึกโดยง่าย แต่เอียวเหียมไม่เห็นด้วย ท้วงว่าอันโจโฉนั้นเป็นผู้ชำนาญการศึก สันทัดจัดจ้านในพิชัยสงคราม มักทำจริงให้เป็นเท็จ มักทำเท็จให้เป็นจริง ซึ่งท่านก็ย่อมแจ้งอยู่ว่ายุทโธบายแห่งพิชัยสงครามเป็นประการใด ซึ่งข่าวปรากฏแพร่หลายว่าโจโฉจะถอยทัพนั้นยังเอาแน่นอนอันใดไม่ได้ กริ่งว่าจะเป็นอุบายของโจโฉ จึงชอบที่จะคุมกำลังตั้งมั่นไว้ดังเดิม ฤดูฝนมาถึงเมื่อใดกองทัพเว่ยก็จะแตกพ่ายไปเองเมื่อนั้น
เอียวหงงฟังคำท้วงของเอียวเหียมแล้วยังคงยืนยันความเห็นเดิม สองนายทหารเอกเมืองเสฉวนโต้เถียงกันอย่างรุนแรงแต่หาข้อยุติไม่ได้ เอียวหงงจึงกล่าวกับเอียวเหียมว่าเมื่อท่านไม่เห็นด้วยกับแผนการของข้าพเจ้า ท่านจงคุมกำลังรักษาค่ายของท่านไว้ ส่วนข้าพเจ้าจะยกทหารจากค่ายของข้าพเจ้ายกไปโจมตีโจโฉเอง
สองนายทหารโต้เถียงกันดังนั้นแล้วจึงต่างคนต่างแยกกลับไปค่ายของตน เอียวหงงสั่งให้ทหารทั้งห้าร้อยค่ายเตรียมพร้อมเพื่อจะยกไปตีกองทัพเว่ย ยกเว้นก็แต่ทหารที่เจ็บป่วยให้คงอยู่รักษาค่าย
คืนนั้นเวลายามแรกเพิ่งผ่านพ้นไป ฝนตกพรำประปรายจนใกล้ยามสองจึงหยุด ครั้นถึงปลายยามสามฝนหายสนิทแล้ว เอียวหงงจึงคุมทหารจากทั้งห้าร้อยค่ายยกตรงไปที่ค่ายของโจโฉ แต่พอไปถึงกลางทางหมอกลงหนัก มองไม่เห็นทางข้างหน้า เอียวหงงเกรงทหารจะได้รับอันตราย จึงสั่งทหารให้หยุดตั้งมั่นอยู่ที่กลางทางนั้น
ในเวลาเดียวกับที่เอียวหงงยกทหารออกจากค่ายนั้น แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับก็ยกทหารออกจากค่ายตามคำสั่งของโจโฉเพื่อจะไปตั้งซุ่มอยู่ทางด้านหลังด่านเองเปงก๋วน แต่พอยกทหารออกจากค่ายได้ครึ่งทางหมอกก็ลงหนักอย่างเดียวกับที่เอียวหงงเผชิญอยู่ แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับคุมทหารยกมาใกล้กองทหารของเอียวหงงซึ่งหยุดทัพอยู่นั้น กองหน้าของทหารแฮหัวเอี๋ยนได้ยินเสียงทหารเมืองฮันต๋งก็เข้าใจว่ากองทัพเมืองฮันต๋งยกทหารมาตั้งซุ่ม จึงอาศัยม่านหมอกที่หนาทึบหลบหลีกกองทหารของเอียวหงง
แฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับนำทหารหลีกหลบกองทหารของเอียวหงงเข้าไปในป่า ประกอบกับหมอกหนาทึกไม่เห็นทางจึงพลัดหลงไปถึงค่ายของเอียวหงงเป็นเวลาใกล้สว่าง หมอกเริ่มจางลง ทหารในค่ายของเอียวหงงซึ่งเหลืออยู่แต่น้อยและทหารที่เหลืออยู่ก็เป็นทหารที่เจ็บป่วย เห็นกองทหารยกมาก็ด่วนสำคัญว่าเอียวหงงยกทหารไปแล้วเผชิญกับหมอกหนาทึบเคลื่อนทัพไปไม่ได้แล้วยกทัพกลับ จึงเปิดประตูค่ายออกรับ
แฮหัวเอี๋ยนเห็นได้ทีจึงสั่งให้เตียวคับคุมทหารไปสกัดอยู่ที่หน้าค่ายของเอียวเหียม ส่วนแฮหัวเอี๋ยนฉวยโอกาสนั้นสั่งทหารให้บุกยึดค่ายของเอียวหงงทั้งห้าร้อยค่ายในทันที และสั่งทหารให้จุดเพลิงเผาค่ายเสียทั้งสิ้น ทหารเมืองฮันต๋งที่เหลืออยู่ในค่ายถูกฆ่าฟันหรือไม่ก็ถูกไฟคลอกตายจนหมดสิ้น
ทางฝ่ายเอียวเหียมคุมกำลังตั้งมั่นอยู่ในค่ายตามความคิดของตน ครั้นเวลาฟ้าสว่างเห็นเพลิงไหม้ขึ้นที่ค่ายของเอียวหงงจึงคุมทหารยกออกจากค่ายจะไปช่วยเอียวหงง
เตียวคับเห็นเพลิงไหม้ขึ้นที่ค่ายของเอียวหงงและเห็นเอียวเหียมคุมทหารออกจากค่าย จึงสั่งทหารให้ซุ่มอยู่ในที่เดิม ปล่อยให้เอียวเหียมยกทหารออกจากค่ายไปก่อน จากนั้นจึงสั่งทหารให้ย้อนกลับไปยึดค่ายของเอียวเหียมไว้ทั้งสิ้น ส่วนเตียวคับคุมทหารคนสนิทห้าสิบคนคอยสกัดเอียวเหียมในตอนขากลับ
เอียวเหียมยกทหารเข้าไปใกล้ค่ายของเอียวหงงก็เห็นแฮหัวเอี๋ยนขี่ม้าคุมทหารสกัดอยู่จึงเข้ารบกับแฮหัวเอี๋ยน ทั้งสองฝ่ายรบกันได้สิบเพลงเอียวเหียมเห็นจะทานกำลังแฮหัวเอี๋ยนไม่ได้จึงถอยหนี แล้วพาทหารจะกลับไปที่ค่าย
เอียวเหียมพาทหารกลับไปใกล้จะถึงค่ายก็ได้ยินเสียงตวาดดังก้องสนั่น เห็นเตียวคับขี่ม้าคุมทหารสกัดขวางทางอยู่ และเห็นภายในค่ายปักธงทิวด้วยธงของกองทัพเว่ยทั้งสิ้นก็ตกใจ รีบพาทหารหนีไปทางเมืองลำเต๋งเพื่อจะวกกลับเข้าไปในด่านเองเปงก๋วน
ทางฝ่ายโจโฉเห็นแสงเพลิงลุกสว่างขึ้นทางค่ายของเอียวหงงก็รู้ว่าแฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับทำการได้ทีแก่ข้าศึก จึงสั่งให้เคลื่อนกองทัพยกหนุนไปช่วยแฮหัวเอี๋ยนและเตียวคับ ครั้นมาถึงกลางทางฟ้าสว่างแล้วเห็นกองทหารของเอียวหงงกำลังรวนเรแตกตื่นเพราะรู้ว่าค่ายถูกเผาผลาญสิ้นแล้ว โจโฉจึงสั่งทหารให้แบ่งเป็นสามสาย เข้าจู่โจมกองทหารของเอียวหงงซึ่งตั้งอยู่ข้างหน้าพร้อมกัน
กองทัพหลวงของโจโฉทั้งสามสายรุกเข้าตีกองทหารของเอียวหงงอย่างดุเดือด ทหารของเอียวหงงกำลังเสียขวัญและแตกตื่นไม่เป็นอันสู้รบ จึงถูกทหารของโจโฉฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก
เอียวหงงเห็นทหารเสียทีแตกตื่นคุมกันไม่ติดดังนั้นก็ตกใจ รีบพาทหารคนสนิทสิบกว่าคนจะหนีกลับไปที่ค่ายของเอียวเหียม พอดีขณะนั้นเตียวคับได้ยินเสียงต่อสู้ในเส้นทางที่ผ่านมา คาดว่าโจโฉคงยกกองทัพหนุนเนื่องมา ก็คุมทหารจะยกไปช่วยจึงสวนกับเอียวหงงซึ่งกำลังหนีมาจากเส้นทางนั้น
ทั้งสองฝ่ายปะหน้ากันในระยะกระชั้นชิด เอียวหงงไม่มีทางหนีจึงจำใจต้องเข้าต่อสู้กับเตียวคับ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันได้สิบเพลงเตียวคับก็เอาทวนแทงเอียวหงงตกม้าตาย
พอตกสายบรรดาทหารของเอียวเหียมและเอียวหงงซึ่งแตกพ่ายมาแต่การยุทธ์ยามใกล้รุ่ง ได้หนีกลับไปถึงด่านเองเปงก๋วนจึงนำความไปรายงานให้แก่เตียวโอยทราบทุกประการ
เตียวโอยฟังรายงานแล้วเห็นว่าทหารของโจโฉเข้มแข็งและยกมาเป็นอันมากเห็นจะรักษาด่านไว้ไม่ได้ จึงทิ้งด่านเองเปงก๋วนเสียแล้วพาทหารหนีกลับเข้าไปในเมืองฮันต๋ง
ระหว่างทางเตียวโอยได้พบกับเอียวเหียมซึ่งแตกหนีมา ไต่ถามความกันและกันแล้วจึงพากันเข้าไปในเมืองฮันต๋ง
ทางฝ่ายโจโฉเมื่อได้ชัยชนะต่อกองทัพของเอียวเหียมและเอียวหงง ทำลายกองทัพของเอียวหงง เผาค่ายของเอียวหงงจนหมดสิ้นและยึดค่ายเอียวเหียมเอาไว้ได้ ก็ชุมนุมกำลังพลเพื่อจะเข้ายึดด่านเองเปงก๋วนต่อไป
พอดีทหารสอดแนมได้มารายงานว่า บัดนี้ทหารเมืองฮันต๋งในด่านเองเปงก๋วนได้ทิ้งด่านหนีไปหมดสิ้นแล้ว โจโฉได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงสั่งให้เคลื่อนทัพเข้ายึดด่านเองเปงก๋วนได้โดยสะดวก
เตียวโอยและเอียวเหียมเมื่อเข้าไปถึงเมืองฮันต๋งแล้วจึงเข้าไปหาเตียวล่อ แล้วรายงานความทั้งปวงให้เตียวล่อทราบ เตียวโอยนั้นโยนความผิดทั้งปวงให้แก่เอียวเหียมและเอียวหงงว่าทำการศึกด้วยความประมาทจึงเสียทีแก่ข้าศึก ทำให้รักษาด่านเองเปงก๋วนไว้ไม่ได้
เตียวล่อเป็นเจ้าเมืองหูเบา เชื่อถือแต่คำของญาติสนิท ไม่ฟังคำชี้แจงของเอียวเหียมที่ชี้แจงความจริงให้ทราบ จึงโกรธเอียวเหียมและเอียวหงงเป็นอันมาก เห็นว่าความผิดทั้งหมดเกิดจากเอียวเหียมและเอียวหงง แต่เนื่องจากเอียวหงงตายแล้วจึงสั่งให้ประหารชีวิตเอียวเหียมเสีย
เอียวเหียมเห็นการจวนตัวดังนั้นจึงอ้อนวอนเตียวล่อว่าข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว แต่เอียงหงงซึ่งมีฐานะระดับเดียวกับข้าพเจ้าไม่ฟังคำจึงเสียทีมาดังนี้ ข้าพเจ้าก็พร้อมน้อมรับผิด แต่การศึกใหญ่เผชิญอยู่ข้างหน้า หากว่าท่านจะฆ่าข้าพเจ้าช้าไปบ้างก็มิได้เสียหายแก่เมืองฮันต๋งแต่ประการใด ข้าพเจ้าขออาสายกไปรบกับโจโฉอีกครั้งหนึ่งเพื่อแก้ตัว หากเสียทีกลับมาก็พร้อมยอมรับโทษตาย ขอท่านได้เห็นแก่ความชอบในหนหลังให้ข้าพเจ้าไปทำการแก้ตัวด้วยเถิด
เตียวล่อเป็นคนโลเลมาแต่ไหนแต่ไร ได้ฟังคำของเอียวเหียมพอเห็นเป็นประโยชน์อยู่บ้างก็เห็นชอบ จึงให้งดโทษเอียวเหียมไว้แล้วเกณฑ์ทหารสองหมื่นให้เอียวเหียมยกไปชิงเอาด่านเองเปงก๋วนกลับคืนให้จงได้ หากทำการเสียทีก็จะประหารชีวิตเอียวเหียมเสีย
เอียวเหียมรอดตายมาได้ก็ดีใจ รีบคำนับลาเตียวล่อออกไปจัดแจงทหารสองหมื่นจะยกไปที่ด่านเองเปงก๋วนตามเส้นทางเมืองลำเต๋ง ครั้นถึงเมืองลำเต๋งจึงให้ตั้งค่ายมั่นไว้
ฝ่ายโจโฉหลังจากได้ด่านเองเปงก๋วนแล้วก็จัดแจงทหารจะยกไปตีเมืองฮันต๋ง ครั้นเวลาฤกษ์ดีโจโฉจึงให้แฮหัวเอี๋ยนคุมทหารสองพันเป็นกองทัพหน้ายกออกจากด่านไปก่อน ส่วนโจโฉจะคุมกองทัพหลวงยกตามไป
พอกองทัพหน้าของแฮหัวเอี๋ยนยกไปใกล้เมืองลำเต๋งก็ได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่า ที่ชายแดนเมืองลำเต๋งมีกองทัพของเอียวเหียมทหารเมืองฮันต๋งตั้งสกัดอยู่ แฮหัวเอี่ยนทราบรายงานดังนั้นแล้วจึงสั่งทหารให้ตั้งค่ายมั่นไว้
ในขณะนั้นเอียวเหียมทราบรายงานจากหน่วยสอดแนมว่ากองทัพหน้าของโจโฉยกมาถึงปลายแดนเมืองลำเต๋ง จึงสั่งให้เชียงกีคุมทหารออกไปตีค่ายของแฮหัวเอี๋ยน
แฮหัวเอี๋ยนรู้ข่าวจึงคุมทหารยกออกไปรบกับเชียงกี สองนายทหารได้เข้ารบกันด้วยฝีมือทหารเอก พอเพลงรบผ่านไปได้สามเพลงแฮหัวเอี๋ยนก็เอาง้าวฟันเชียงกีตกม้าตาย
ทหารของเชียงกีเห็นตัวนายตายในสนามรบก็พากันแตกหนีกลับไปที่ค่าย แล้วรายงานความทั้งปวงให้เอียวเหียมทราบ เอียวเหียมทราบรายงานก็โกรธจึงคุมทหารยกออกมารบกับแฮหัวเอี๋ยนด้วยตนเอง
เอียวเหียมรบกับแฮหัวเอี๋ยนบนหลังม้าได้สามสิบเพลง แฮหัวเอี๋ยนก็ชักม้าหนี เอียวเหียมมิรู้กลศึกจึงขี่ม้าไล่ตามไป แต่พอเอียวเหียมไล่ตามเข้าไปใกล้ แฮหัวเอี๋ยนก็บังคับม้าหมุนตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วเอาง้าวฟันเอียวเหียมตกม้าตาย
ทหารของเอียวเหียมเห็นแม่ทัพตายท่ามกลางศึกจึงพากันแตกทัพหนีกลับไปสิ้น
แฮหัวเอี๋ยนได้ชัยชนะแก่กองทัพเมืองฮันต๋งแล้วจึงให้ม้าเร็วนำความไปรายงานให้โจโฉทราบ โจโฉจึงสั่งให้เคลื่อนทัพหลวงไปที่เมืองลำเต๋งสมทบกับกองทัพหน้าของแฮหัวเอี๋ยน แล้วเคลื่อนทัพเข้าไปตั้งค่ายประชิดเมืองฮันต๋งไว้ทั้งสามด้าน
ฝ่ายเตียวล่อครั้นทราบรายงานว่าเอียวเหียมเสียทีแก่ข้าศึก และบัดนี้กองทัพเว่ยยกมาประชิดเมืองฮันต๋งแล้ว จึงเรียกประชุมที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวงปรารภว่าการศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ท่านทั้งปวงจะคิดอ่านรับมือข้าศึกประการใด
เงียมเภาซึ่งเป็นที่ปรึกษาจึงเสนอว่า ความปราชัยของกองทัพเมืองฮันต๋งเป็นเพราะฝีมือทหารเอกของเมืองฮันต๋งสู้ฝีมือทหารเอกของโจโฉไม่ได้ อันการตั้งรับอยู่ในเมืองถึงแม้จะไม่ปราชัย แต่ก็ไม่สามารถเอาชัยชนะแก่กองทัพเว่ยได้
เงียมเภากล่าวดังนั้นแล้วก็นิ่งเพื่อฟังความเห็นของเตียวล่อว่าจะมีความเห็นเป็นประการใด เตียวล่อเห็นเงียมเภากล่าวความเหมือนหนึ่งไม่สิ้นกระแสความ จึงถามสืบไปว่าท่านมีแผนการประการใดจึงจะเอาชัยชนะแก่กองทัพของโจโฉได้
เงียมเภาจึงว่าเมื่อกองทัพเมืองฮันต๋งด้อยด้วยฝีมือทหารเอกก็ชอบที่จะหาทหารเอกซึ่งมีฝีมือไปทำการ ซึ่งในเมืองฮันต๋งนี้ใช่ว่าจะไร้ยอดฝีมือ.