ตอนที่ 386. วิถีแห่งกรรม

 เจี้ยนอันศกปีที่สิบเก้า เดือนสิบสอง ความขัดแย้งทางการเมืองภายในราชสำนักเข้าสู่ระยะวิกฤต เพราะพระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงเชื่อคำทูลของพระมเหสีฮกเฮาที่ให้ฮกอ้วนวางแผนคิดกำจัดโจโฉเอกอัครมหาเสนาบดีเสีย และความเรื่องนี้ได้แพร่งพรายล่วงรู้ไปถึงหูของโจโฉ จึงตรวจตราข่าวสารความเคลื่อนไหวอย่างเข้มงวด

            ครั้นโจโฉเห็นทหารที่ค้นตัวบอกสุ้นได้เข้าค้นเสื้อผ้าเนื้อตัวจนละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ไม่พบพิรุธหลักฐานสิ่งใดก็คิดว่าบอกสุ้นเป็นขันทีคนสนิท จะเชื่อถือแต่เพียงข่าวสารสอดแนมที่ได้มาแล้วจับตัวกักขังหรือลงโทษ ย่อมเป็นที่ครหานินทาแก่ขุนนางข้าราชการทั้งปวง จึงมีคำสั่งให้ทหารปล่อยตัวบอกสุ้น

            บอกสุ้นได้ยินคำสั่งให้ปล่อยตัวก็ดีใจ รีบคำนับขอบคุณโจโฉและจะเดินกลับเข้าไปในพระราชวัง

            แต่ถึงคราแผ่นดินจะวิกฤต และการเป็นไปดังที่พระมเหสีฮกเฮาได้กราบบังคมทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า “แม้เดชะบุญของพระองค์กับข้าพเจ้าก็จะคิดได้ตลอด ถ้ากรรมแล้วก็ตายเสียดีกว่าอยู่” และอาจเป็นยามเคราะห์ร้ายที่พระมเหสีถึงคราวที่ชะตาขาด ดังนั้นพอบอกสุ้นกำลังเดินจะเข้าประตูพระราชวัง ให้บังเอิญลมพัดหวนถูกหมวกยศประจำตำแหน่งของบอกสุ้นพลัดตกหล่นอยู่กับพื้นเป็นที่อัศจรรย์

            โจโฉเป็นคนช่างสังเกต เห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็คิดว่าอันธรรมดาที่ประตูหน้าพระราชวังมีกำแพงล้อมรอบทั้งสี่ด้าน และช่องประตูก็หนาทึบ ยากที่ลมจะพัดหวนเข้ามาถึงได้ การทั้งนี้เกิดขึ้นหรือว่าเป็นเพราะเทพยดาบอกลางสังหรณ์ให้ได้รู้ว่าจะมีพิรุธสิ่งไรที่ศีรษะของบอกสุ้นเป็นมั่นคง

            โจโฉคิดดังนั้นแล้วจึงร้องเรียกบอกสุ้นให้กลับมาก่อน ซึ่งเป็นจังหวะพอดีที่บอกสุ้นก้มลงเก็บหมวกขึ้นมาสวมไว้ที่ศีรษะดังเดิม พอได้ยินเสียงของโจโฉเรียกให้ย้อนกลับไป  บอกสุ้นก็ตกใจ ด้วยความรู้สึกประหม่าประหวั่นพรั่นพรึง จึงสวมหมวกบิดเบี้ยวไปจากเดิม

            โจโฉสังเกตอากัปกิริยาของบอกสุ้นดังกล่าวก็เห็นเป็นพิรุธ เพราะหากไม่มีความผิดสิ่งไร ไฉนเล่าจึงต้องตกใจประหม่าจนเสียอากัปกิริยาดังนี้ บอกสุ้นเกรงอำนาจของโจโฉจึงเดินกลับมาที่เดิม โจโฉจึงสั่งทหารให้ค้นเกล้ามวยผมของบอกสุ้น

            ทหารของโจโฉค้นได้หนังสือลับของฮกอ้วนทั้งสามฉบับ โจโฉเห็นสมดังที่คาดคิดก็นึกขอบคุณเทพยดาฟ้าดินที่บันดาลลางสังหรณ์ชี้เบาะแสพิรุธจนตรวจค้นได้หลักฐานสำคัญ จึงสั่งให้ทหารคุมตัวบอกสุ้นไว้ แล้วเอาหนังสือทั้งสามฉบับมาเปิดอ่านดู

            ความในหนังสือของฮกอ้วนถึงเล่าปี่และซุนกวนมีเนื้อความตรงกันว่า บัดนี้โจโฉเป็นศัตรูราชสมบัติ คิดกบฏจะแย่งชิงเอาราชสมบัติ ฮ่องเต้และพระมเหสีฮกเฮาจึงพระราชทานพระราชกระแสให้ฮกอ้วนคิดอ่านกำจัดโจโฉเสีย แต่ไม่เห็นผู้ใดในแผ่นดินที่จะทำการได้สำเร็จ เห็นก็แต่เล่าปี่และซุนกวนที่มีความจงรักภักดีต่อราชสำนัก เห็นจะทำการสนองพระเดชพระคุณตามพระราชประสงค์ได้ เมื่อได้รับหนังสือนี้แล้วขอให้รีบยกกองทัพเข้ามาพร้อมกัน ฮกอ้วนจะคิดอ่านเป็นไส้ศึกอยู่ภายในเมืองหลวง ก็จะกำจัดศัตรูราชสมบัติได้สำเร็จ

            ส่วนอีกฉบับหนึ่งเป็นหนังสือจากฮกอ้วนถึงพระมเหสี แจ้งความซึ่งได้คิดอ่านแผนการให้เล่าปี่และซุนกวนยกกองทัพเข้าตีเมืองหลวงพร้อมกัน และให้กราบบังคมทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบด้วย

            โจโฉอ่านความในหนังสือทั้งสามฉบับจบแล้วก็โกรธจนตัวสั่น เพราะคาดคิดไม่ถึงว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้และพระมเหสีฮกเฮาจะคิดอ่านกำจัดตัวโดยยืมมือเล่าปี่และซุนกวนแล้วทำการเป็นไส้ศึกอยู่ในเมืองหลวง เพราะหากแผนการนี้บรรลุผล การก็จะเป็นไปตามแผนการที่ฮกอ้วนวางขึ้นเป็นแน่แท้ โจโฉตรองต่อไปก็เข้าใจว่าแผนการทั้งนี้คงเกิดแต่ความคิดของพระมเหสีฮกเฮาเป็นสำคัญ เพราะรู้อัธยาศัยของพระเจ้าเหี้ยนเต้มาแต่น้อยว่าไม่มีความคิดอ่านและแผนการใด ๆ มีแต่จะดำรงพระองค์ให้อยู่รอดปลอดภัยไปวัน ๆ เพื่อเสวยสุขบนพระราชบัลลังก์ โดยไม่คำนึงว่าแผ่นดินและอาณาประชาราษฎรจะสุขทุกข์ร้อนประการใด

            โจโฉคิดดังนั้นแล้วเพลิงแห่งโทสะก็โหมตรงไปที่พระมเหสีฮกเฮา แต่เพื่อไม่ให้การเอิกเกริก โจโฉจึงสั่งทหารให้คุมตัวบอกสุ้นพาไปที่จวน และให้จำขังบอกสุ้นไว้ในคุกประจำจวนของอัครมหาเสนาบดีนั้น

            พอไปถึงจวนโจโฉได้เรียกนายทหารคนสนิทให้จัดกำลังทหารสามพันนายยกไปที่บ้านของฮกอ้วน ทำการจับกุมฮกอ้วนและครอบครัวตลอดจนบริวาร ให้ริบบรรดาทรัพย์สิ่งสินทั้งปวงเข้าคลังของอัครมหาเสนาบดีจนหมดสิ้น แล้วให้คุมคนโทษทั้งหมดไปขังไว้ในคุกภายในจวนของอัครมหาเสนาบดีด้วย

            ครั้นทหารที่รับคำสั่งไปจัดแจงตามที่โจโฉสั่งการเรียบร้อยแล้วก็กลับมารายงานความทั้งปวงให้โจโฉทราบ และรายงานว่าได้ค้นหาหลักฐานภายในบ้านของฮกอ้วนก็ได้พบหนังสือลับของพระมเหสีฮกเฮา จึงนำเอามามอบเพื่อเป็นหลักฐานดำเนินการต่อไป

            โจโฉรับหนังสือลับมาอ่านดูก็รู้ความว่าการเป็นไปตามที่ได้คาดหมาย คือกรณีเป็นเรื่องที่พระมเหสีฮกเฮาเป็นต้นคิด แล้วมีหนังสือลับให้ฮกอ้วนผู้บิดาเร่งคิดอ่านวางแผนการกำจัดโจโฉเสีย 

            ความโกรธแค้นของโจโฉพลุ่งประดังเข้าครองใจดังเพลิงกาฬ ความเคารพยำเกรงพระบารมีของฮ่องเต้หมดสิ้นไปจากใจ จึงสั่งทหารให้ไปจับกุมตัวบรรดาญาติและครอบครัวของพระนางฮกเฮาทั้งหมดมาจำขังไว้ แล้วคิดอ่านตรองการที่จะตอบโต้การกระทำของพระมเหสีฮกเฮาให้สมกับความแค้น

            โจโฉตรองการแล้วเห็นว่าในเบื้องต้นจำจะต้องถอดพระนางฮกเฮาออกจากตำแหน่งพระมเหสีก่อนจึงจะทำการได้ถนัด และไม่เป็นที่ครหานินทาแก่คนทั้งปวง จึงเรียกเอ๊กสีนายทหารคนสนิทมาสั่งการว่าในวันพรุ่งนี้เป็นวันที่ฮ่องเต้เสด็จออกว่าราชการ ให้จัดกำลังทหารสามร้อยนายไปเรียกริบเอาตราสำหรับที่พระมเหสีของพระนางฮกเฮา เพื่อถอดพระมเหสีออกจากตำแหน่งให้เป็นคนสามัญ

            เอ๊กสีรับคำสั่งโจโฉแล้วก็คำนับลาไปจัดแจงเตรียมกำลังพร้อมไว้ตามคำสั่ง

            ครั้นวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่พระเจ้าเหี้ยนเต้เสด็จออกว่าราชการตามปกติ ครั้นได้เวลาบรรดาขุนนางข้าราชการทั้งปวงพร้อมเฝ้าประจำที่ตามตำแหน่ง พระเจ้าเหี้ยนเต้เสด็จออกท่ามกลางมหาสมาคมแล้ว ขุนนางทั้งปวงถวายบังคมและถวายพระพรอย่างพร้อมเพรียงกัน

            ยังไม่ทันที่พระเจ้าเหี้ยนเต้จะตรัสประการใด เอ๊กสีก็คุมทหารสามร้อยพร้อมอาวุธครบมือจู่โจมเข้าไปในพระตำหนักที่ว่าราชการ พระเจ้าเหี้ยนเต้และบรรดาขุนนางข้าราชการทั้งปวงเห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็พากันตื่นตกใจ

            เอ๊กสีคุมทหารเข้าไปตรงหน้าพระที่นั่ง ไม่ทันที่จะได้ถวายบังคม พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็มีกระแสพระราชดำรัสถามว่า ท่านนำกำลังเข้ามาถึงท้องพระโรงที่ว่าราชการดังนี้มีเหตุอันใดหรือ

            เอ๊กสีจึงกราบบังคมทูลว่า วุยก๋งมีคำสั่งให้ข้าพระพุทธเจ้านำกำลังมาริบเอาตราประจำตำแหน่งของพระมเหสีฮกเฮา ขอได้โปรดพระราชทานพระบรมราชานุญาต

            พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ฟังดังนั้นก็ทรงรู้ว่าแผนสังหารโจโฉที่พระมเหสีฮกเฮาดำเนินการนั้นล่วงรู้ถึงหูโจโฉความแตกสิ้นแล้วก็ตกพระทัย พระเสโทไหลรินทั้ง ๆ ที่เป็นฤดูหนาว ทรงตระหนักดีว่าคำขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตของเอ๊กสีนั้นเป็นแต่เพียงพิธีการ เพราะไม่ว่าจะมีกระแสพระราชดำรัสประการใดก็ไม่อาจที่จะทัดทานคำสั่งของโจโฉได้ จึงทรงนิ่งอึ้งอยู่บนพระราชบัลลังก์ที่ว่าราชการนั้น

            เอ๊กสีกราบบังคมทูลแล้วไม่รอฟังกระแสพระราชดำรัสว่าจะตรัสประการใด ออกคำสั่งให้ทหารตามเข้าไปถึงพระตำหนักในที่ประทับ บรรดาทหารมหาดเล็กรักษาการณ์ทั้งปวงเห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็รู้ว่าเกิดวิกฤตร้ายแรง จึงไม่มีผู้ใดกล้าห้ามปรามหรือทักท้วง ทั้ง ๆ ที่การที่เอ๊กสีนำกำลังติดอาวุธล่วงเข้าไปในพระตำหนักเช่นนั้นเป็นการผิดกฎมณเฑียรบาล และมีโทษอาญาถึงประหารเจ็ดชั่วโคตร

            พระนางฮกเฮาทรงได้ยินเสียงอึกทึกจึงเปิดพระแกลแล้วทอดพระเนตรไปตามพระมู่ลี่เห็นทหารยกมาเป็นอันมากก็ทรงรู้ว่าแผนการสังหารโจโฉพังพินาศสิ้นแล้วก็ตกพระทัยเป็นอย่างยิ่ง รีบเสด็จหนีไปที่พระตำหนักน้อยแห่งหนึ่งใกล้กับพระตำหนักที่ประทับ แล้วสั่งนางกำนัลคนสนิทให้ลั่นกุญแจด้านนอกไว้ เพื่อลวงคนทั้งหลายไม่ให้รู้ว่าทรงหลบภัยอยู่ที่ด้านใน

            เพียงครู่หนึ่งเอ๊กสีก็นำกำลังทหารมาถึงพระตำหนักที่ประทับ แล้วร้องประกาศแก่บรรดาพระสนมนางกำนัลทั้งปวงว่า วุยก๋งมีคำสั่งให้เรามายึดตราสำหรับที่พระมเหสี ดังนั้นเพื่อมิให้ต้องตรวจค้นให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทของฮ่องเต้ หากผู้ใดครอบครองรักษาตราประจำตำแหน่งของพระมเหสีไว้ ก็จงรีบนำมามอบแก่เราแต่โดยดี

            เจ้าหน้าที่ฝ่ายในผู้มีหน้าที่รักษาตราสำคัญประจำตำแหน่งพระมเหสีเห็นเหตุการณ์และได้ยินคำเอ๊กสีดังนั้นก็ตกใจกลัว จึงรีบเชิญตราประจำตำแหน่งของพระมเหสีฮกเฮาออกมามอบให้แก่เอ๊กสี

            เอ๊กสีรับตราประจำตำแหน่งของพระมเหสีแล้วก็มีความยินดี เห็นการสำเร็จตามคำสั่งแล้วจึงสั่งกำลังให้ถอยออกจากพระตำหนักและนำตรานั้นไปมอบแก่โจโฉ แล้วรายงานความทั้งปวงให้ทราบ

            ในขณะที่เอ๊กสีคุมกำลังเข้าไปที่พระตำหนักที่ว่าราชการนั้น โจโฉได้มีคำสั่งให้ฮัวหิมคุมกำลังทหารอีกห้าร้อยนายเข้าไปในพระตำหนักที่ประทับเพื่อจับกุมตัวพระมเหสีฮกเฮามาพิจารณาโทษ

            พอเอ๊กสีออกจากพระตำหนักที่ประทับลับหลังไปไม่ทันนาน ฮัวหิมก็คุมทหารยกมาถึงแต่ไม่เห็นพระมเหสีฮกเฮา จึงถามบรรดาพระสนมนางกำนัลในพระตำหนักที่ประทับว่านางฮกเฮาอยู่ที่ไหน

            พระสนมนางกำนัลที่อยู่ในพระตำหนักที่ประทับในขณะนั้นไม่มีผู้ใดทราบว่าพระมเหสีฮกเฮาเสด็จหนีไปที่แห่งใด จึงแจ้งความตามจริงแก่ฮัวหิมว่าไม่ทราบว่าพระมเหสีเสด็จหนีไปที่แห่งใด

            ฮัวหิมได้ฟังดังนั้นจึงสั่งทหารให้ตรวจค้นพระตำหนักที่ประทับจนทั่ว ก็ไม่พบพระมเหสี จึงสั่งให้ทหารตรวจค้นพระตำหนักบริวารทั้งหลายภายในพระราชวังเพราะคิดว่าถึงแม้พระมเหสีจะเสด็จหนีไปก็คงจะเสด็จไปไม่ไกล ดีร้ายคงจะหลบซ่อนพระองค์อยู่ในพระราชวังเป็นแน่

            ทหารของฮัวหิมตรวจค้นพระตำหนักใหญ่น้อยทุกแห่งก็ไม่พบพระมเหสี เหลืออยู่แต่พระตำหนักน้อยหลังหนึ่งลั่นกุญแจที่ด้านนอก จึงนำความไปรายงานให้ฮัวหิมทราบ

            ฮัวหิมทราบความแล้วจึงพาทหารไปที่พระตำหนักน้อยนั้น เห็นลั่นกุญแจปิดประตูเป็นที่ประหลาดใจ ก็ร้องเรียกว่าผู้ใดอยู่ในพระตำหนักบ้างแต่ไม่มีเสียงขานตอบ ฮัวหิมเห็นการผิดสังเกตจึงสั่งทหารให้พังประตูเข้าไปข้างใน

            พอประตูพังทลายลงฮัวหิมก็คุมทหารเข้าไปในพระตำหนัก เห็นพระนางฮกเฮาทรุดพระองค์นั่งอยู่ที่ด้านใน พระวรกายสั่นเทิ้ม ฮัวหิมจึงตรงเข้าไปจิกเอามวยผมของพระมเหสีแล้วลากออกไปจากพระตำหนักนั้น

            พระมเหสีด้วยความตกพระทัยกลัวและถูกกระชากมวยผมอย่างรุนแรงได้รับความทรมานเป็นอันมาก จึงตรัสอ้อนวอนฮัวหิมว่าขอท่านจงเมตตา อย่าให้เราต้องถึงตายเลย

            ฮัวหิมได้ฟังดังนั้นก็ตะคอกกลับไปว่า ความเป็นความตายประการใดไม่อยู่ในหน้าที่ของข้าพเจ้าเพราะเป็นแต่เพียงทหารชั้นผู้น้อย พระองค์จะดำริประการใดไว้ค่อยตรัสกับวุยก๋งเถิด

            ว่าแล้วฮัวหิมก็จิกมวยผม ลากพระนางฮกเฮาออกจากบริเวณพระตำหนักน้อย ตรงไปที่พระตำหนักที่ว่าราชการเพื่อจะเดินผ่านท้องพระโรงออกไปทางประตูทวารหน้า

            พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็ตกพระทัย รีบเสด็จลงจากพระราชบัลลังก์ ตรัสสั่งฮัวหิมให้หยุดอยู่ก่อน แล้วเสด็จไปที่พระมเหสี ทรงสวมกอดพระมเหสีฮกเฮาไว้กับพระอุระ พระมเหสีฮกเฮาก็สวมกอดฮ่องเต้ไว้ด้วยความตกใจและอาลัยรัก ด้วยทรงตระหนักเป็นอย่างดีว่าเวลาบัดนี้กำลังเสด็จพระราชดำเนินอยู่ในวิถีแห่งกรรม ซึ่งต้องพลัดพรากจากคนผู้เป็นที่รัก ต้องทิ้งทรัพย์สิ่งศฤงคารทั้งปวงเพื่อเสด็จผ่านไปยังประตูแห่งยมโลก ตระหนักดังนั้นแล้วทั้งสองพระองค์ก็ทรงกันแสงร่ำไรเป็นที่น่าเวทนานัก.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘