ตอนที่ 383. ตัวประกันซ้อน

 เจี้ยนอันศกปีที่สิบเก้า เดือนเก้า ซุนกวนประสบความล้มเหลวในการวางอุบายใช้จูกัดกิ๋นไปบีบบังคับให้ขงเบ้งว่ากล่าวแก่เล่าปี่ให้คืนเมืองเกงจิ๋ว จึงทวงความรับผิดชอบจากโลซกซึ่งเป็นนายประกัน โลซกจึงวางอุบายเชิญกวนอูมากินโต๊ะที่ปากน้ำลกเค้า หวังจะจับกวนอูเพื่อแลกกับเมืองเกงจิ๋ว กวนอูรู้กลอุบายแต่ทะนงในฝีมือตนจึงรับคำเชิญไปกินโต๊ะ

            ม้าเลี้ยงเห็นกวนอูยืนยันขันแข็งจะไปกินโต๊ะที่ปากน้ำเมืองลกเค้า จึงท้วงว่าเมื่อท่านยืนยันจะเดินทางไปกินโต๊ะเพื่อมิให้ทหารเมืองกังตั๋งดูแคลนได้ก็ไปเถิด แต่จงเร่งคิดอ่านป้องกันระวังตนมิให้อันตรายมากร้ำกรายตัวท่านอันจะพาลมาถึงเมืองเกงจิ๋วด้วย

            กวนอูฟังคำม้าเลี้ยงแล้วเห็นชอบด้วยเหตุผลจึงว่า คำเตือนของท่านดังนี้มีค่านัก เราจะให้กวนเป๋งคุมทหารเรือห้าร้อยคอยทีอยู่ หากเราโบกธงสัญญาณเป็นสำคัญแล้วก็ให้ยกตามไปช่วย จากนั้นกวนอูจึงสั่งกวนเป๋งให้จัดแจงเรือรบสิบลำ และทหารเรือห้าร้อยคน เตรียมพร้อมคอยทีอยู่ที่ฐานทัพเรือเมืองเกงจิ๋ว คอยสังเกตสัญญาณธงอย่าได้ประมาท

            กวนเป๋งรับคำกวนอูแล้วจึงออกไปจัดแจงทหารเรือตามคำสั่งทุกประการ

            ฝ่ายทหารเดินสารของโลซกเมื่อเดินทางกลับถึงปากน้ำลกเค้าก็เข้าไปรายงานความให้โลซกทราบ โลซกฟังรายงานแล้วมีความยินดีเป็นอันมาก รำพึงว่าปัญหาเมืองเกงจิ๋วที่หนักอกเราอยู่คงจะเสร็จสิ้นลงในคราวนี้ แต่เนื่องจากโลซกไม่คุ้นเคยการสงคราม พอใกล้จะปะหน้ากวนอูเข้าจริง ๆ ก็เกิดความรู้สึกประหวั่น เกรงว่าจะทำการไม่สำเร็จ

            ดังนั้นโลซกจึงเรียกลิบองมาปรึกษา ปรารภความที่วางแผนจะจับกวนอูแลกกับเมืองเกงจิ๋ว และกวนอูรับคำเชิญที่จะมากินโต๊ะในวันพรุ่งนี้เช้า แต่วิตกว่ากวนอูนั้นเป็นยอดทหารเสือมีฝีมือกล้าแข็ง จะคิดอ่านประการใดจึงจะจับตัวกวนอูได้

            ลิบองได้ฟังดังนั้นจึงว่า ข้าพเจ้าขอเสนอแผนการซุ่มกำลังทหารไว้ด้านนอกสองกอง ข้าพเจ้าคุมกองหนึ่ง และกำเหลงคุมอีกกองหนึ่ง วางกำลังกองละร้อยคน ถ้าหากกวนอูไม่มีทหารติดตามมาด้วยก็จะจัดกำลังแบ่งไปไว้ข้างในค่ายเพียงห้าสิบคน เห็นเป็นทีแล้วก็ล้อมจับกวนอูไว้ แต่ถ้าหากกวนอูมีทหารตามมาด้วย ข้าพเจ้าและกำเหลงก็จะคุมทหารคอยฟังสัญญาณอยู่ด้านนอก เมื่อท่านจุดประทัดสัญญาณขึ้นแล้วข้าพเจ้าและกำเหลงก็จะยกทหารตีกระหนาบเข้าไปจับกวนอูคงจะสำเร็จดังประสงค์

            โลซกได้ฟังความเห็นของลิบองต้องด้วยแผนการความคิดเดิมก็มีความยินดี สั่งการลิบองให้จัดเตรียมกำลังตามแผนการให้พร้อมแต่วันนั้น

            พอวันรุ่งขึ้นโลซกตื่นนอนตั้งแต่เช้า เรียกลิบองเข้ามาซักถามว่าได้เตรียมการพร้อมพรักแล้วหรือไม่ ลิบองก็รายงานว่าได้เตรียมการพร้อมไว้ตามคำสั่งแล้ว โลซกได้ฟังรายงานก็ยินดี จึงสั่งทหารให้ไปสังเกตการณ์อยู่ที่ชายทะเลว่ากวนอูจะมาถึงเวลาใด และมีทหารติดตามมาด้วยหรือไม่เท่าใด

            ครั้นเวลาสายกวนอูได้คุมทหารลงเรือเร็วออกจากฐานทัพเรือเมืองเกงจิ๋ว ชำเลืองมองเห็นกองเรือรบสิบลำพร้อมทหารเรือห้าร้อยที่กวนเป๋งเตรียมกำลังจอดทอดสมอตั้งมั่นพร้อมอยู่ที่ฐานทัพก็มีความยินดี เรือเร็วของกวนอูแล่นออกจากปากอ่าวฝ่าทะเลสีครามยามไร้คลื่นลม กวนอูยืนบนเรือทอดสายตาทัศนาชายทะเลแดนเมืองเกงจิ๋วด้วยความภูมิใจอยู่ครู่หนึ่งจึงนั่งลงคู่กับจิวฉองนายทหารคนสนิทซึ่งได้มอบหมายให้ถือง้าวนิลนาคะ

            ทางปากน้ำเมืองลกเค้า ครั้นตกเพลาสายทหารที่โลซกใช้ให้ไปสังเกตการณ์ได้วิ่งเข้ามารายงานว่า “ข้าพเจ้าเห็นกวนอูลงเรือเร็วมาลำหนึ่ง มีพลแจวประมาณยี่สิบคนกับธงแดงสำหรับตัวกวนอู แลกวนอูนั้นแต่งตัวโอ่โถง ใส่เสื้อแพรสีม่วง โพกแพรสีเขียว มิได้ใส่เกราะ เห็นจิวฉองนั้นแบกง้าวนั่งเคียงกวนอูอยู่ แลทหารซึ่งมีฝีมือนั้นก็มาด้วยกวนอูสักเจ็ดแปดคน”

            โลซกได้ฟังรายงานจากทหารที่ใช้ให้ไปสังเกตการณ์ก็มีความยินดี พยักหน้าให้แก่ลิบองให้ดำเนินการตามแผนการที่วางไว้ แล้วโลซกจึงเดินไปที่ชายทะเลเพื่อจะต้อนรับกวนอู

            โลซกไปถึงท่าเรือที่ชายทะเล เห็นเรือกวนอูแล่นเข้ามาใกล้ในระยะห้าเส้น เป็นเรือเร็วขนาดยี่สิบฝีพาย แล่นฝ่าทะเลอันราบเรียบไร้คลื่นลม ราวกับว่าอยู่ในสภาวการณ์ที่ปกติ เหมือนกับการเดินทางไปกินโต๊ะธรรมดา ใจหนึ่งโลซกก็กระหยิ่มว่าภาระที่เป็นนายประกันเมืองเกงจิ๋วจะสำเร็จลงในครั้งนี้ แต่เมื่อเห็นคนในเรือที่ใส่เสื้อคลุมสีม่วง หนวดยาวถึงอก โพกผ้าคลุมศีรษะสีเขียว ใบหน้าแดงกล่ำดังผลพุทราสุก มองจ้องมาโดยมิได้ประหวั่นพรั่นพรึงแม้แต่น้อยนิด อีกใจหนึ่งของโลซกก็ประหวั่นพรั่นใจตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

            พอเรือกวนอูเทียบท่าโลซกก็ก้าวเท้าเข้าไปหา ต่างฝ่ายต่างคำนับทักทายกันตามธรรมเนียมแล้วโลซกจึงเชิญกวนอูไปที่ค่าย จิวฉองซึ่งถือง้าวนิลนาคะพร้อมด้วยทหารที่ตามมาจึงพากันเดินตามกวนอูไปที่ค่ายซึ่งโลซกได้แต่งโต๊ะคอยท่าอยู่แล้ว

            โลซกเชิญกวนอูนั่งประจำที่แขกเมืองตามอย่างธรรมเนียม โดยโลซกและกวนอูนั่งกินโต๊ะกันแต่ลำพังสองคน มีระยะห่างเพียงชั่วกระบี่เดียว ส่วนจิวฉองนั้นถือง้าวนิลนาคะยืนอยู่ข้างหลังกวนอู ส่วนทหารที่ตามมารักษาการณ์อยู่ด้านนอก ในขณะที่ฝ่าย โลซกก็มีทหารรายเรียงรักษาการณ์อยู่ราวห้าสิบคน ส่วนลิบองและกำเหลงคุมทหารเป็นสองกองซุ่มอยู่ทางด้านนอก คอยฟังสัญญาณจากโลซก

            เมื่อเจ้าบ้านและแขกเมืองนั่งโต๊ะประจำที่แล้ว โลซกจึงไต่ถามสารทุกข์สุขดิบและความเป็นไปของเล่าปี่ ขงเบ้ง และกวนอู โดยไม่ยอมเอ่ยปากเรื่องที่จูกัดกิ๋นเดินทางไปเมืองเสฉวนแล้วล้มเหลวในการทวงเอาเมืองเกงจิ๋ว

            กวนอูก็โอภาปราศรัยตอบโลซกตามประเพณี และไต่ถามเรื่องดินฟ้าอากาศ ตลอดจนสุขภาพของโลซก โลซกก็กล่าวตอบด้วยอัธยาศัยดุจกัน

            ทั้งสองฝ่ายกินโต๊ะเสพสุราสนทนาปราศรัยราวกับว่าไม่มีแผนการร้ายใด ๆ ซ่อนอยู่เบื้องหลัง โลซกสังเกตเห็นทีท่ากวนอูองอาจเริงร่าเป็นปกติอยู่ก็หวั่นใจ สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) พรรณนาความรู้สึกของโลซกในครั้งนี้ว่า “ขณะเมื่อเสพสุราอยู่นั้น โลซกครั่นคร้ามมิได้เงยหน้าขึ้นดูกวนอู ให้แต่คนใช้รินสุราให้กิน กวนอูเสพสุราพลางมิได้คิดย่อท้อ พูดจาถึงการรบพุ่งแล้วหัวเราะเล่น”

            โลซกสังเกตเห็นกวนอูเสพสุราตามปกติ และใกล้จะเมาจึงปรารภความว่าข้าพเจ้าเชิญท่านมาวันนี้ด้วยมีธุระสำคัญอันเป็นภาระหนักอกอยู่จะใคร่สนทนาด้วย

            กวนอูจึงว่าท่านมีธุระหนักหนาประการใดจะว่ากล่าวก็จงว่าให้แจ้ง

            โลซกจึงกล่าวว่า หลังจากเสร็จสงครามเซ็กเพ็กแล้วซุนกวนได้ใช้ให้ข้าพเจ้าไปทวงเมืองเกงจิ๋วคืนจากเล่าปี่ถึงสองครั้งสามหน เล่าปี่และขงเบ้งก็ผลัดผ่อนด้วยไม่มีที่จะอาศัย และทำสัญญาว่าเมื่อตีได้เมืองเสฉวนแล้วจะคืนเมืองเกงจิ๋วให้แก่ซุนกวน ตัวข้าพเจ้าก็เป็นนายประกันในสัญญานั้น

            โลซกกล่าวสืบไปว่า เวลาบัดนี้เล่าปี่ได้เมืองเสฉวนแล้วชอบที่จะคืนเมืองเกงจิ๋วแก่ซุนกวน หาควรจะหวงไว้เป็นสมบัติต่อไปไม่ ไมตรีของทั้งสองเมืองก็จะยั่งยืนจำเริญสืบไป

            กวนอูวางจอกสุราลงบนโต๊ะ พลันสีหน้าก็บึ้งตึง แล้วกล่าวกับโลซกด้วยเสียงอันขุ่นว่า “ท่านให้มีหนังสือไปหาเรามาจะกินโต๊ะเล่น บัดนี้เป็นหน้าเหล้าหน้าข้าวอยู่ ซึ่งท่านจะเอาการบ้านเมืองมาว่านี้ไม่ควร จงนิ่งเสียก่อนเถิด”

            โลซกเห็นท่าทีและยินน้ำเสียงของกวนอูดังนั้นก็หวั่นใจ ยำเกรงกวนอูเป็นอันมาก แต่ฝืนใจแย้งกวนอูว่า “นายเราเป็นเจ้าเมืองกังตั๋งก็คิดจะแผ่แดนเมืองออกไปให้กว้างขวาง แต่มีน้ำใจเอ็นดูท่านกับเล่าปี่ซึ่งหนีโจโฉมา จึงให้ยืมเมืองเกงจิ๋วอยู่เป็นที่อาศัย บัดนี้เล่าปี่ก็คิดถึงไมตรีนายเราจึงให้มีหนังสือมาให้ท่านคืนเมืองสามตำบลให้นายเราก่อน ซึ่งท่านขัดขวางไว้นั้นเห็นไม่สมควร”

            กวนอูได้ยินคำโลซกกล่าวทวงบุญคุณดังนั้นก็แย้งกลับไปว่า ซึ่งท่านจะทวงเอาบุญคุณแต่ข้างเดียวนั้นไม่ชอบ ด้วยเมื่อครั้งสงครามเซ็กเพ็กโจโฉยกทหารร้อยหมื่นจะมาตีเอาเมืองกังตั๋ง ลำพังกำลังทหารและความคิดสติปัญญาของเมืองกังตั๋งไหนเลยจะต้านรับสงครามครั้งนั้นได้ ดีที่เล่าปี่นายข้าพเจ้าได้ทุ่มเทสรรพกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าร่วมสงคราม ทั้งยังให้ขงเบ้งมาช่วยวางแผนเผากองทัพเรือโจโฉเสียจนราบคาบ หากมิได้ขงเบ้งคิดอ่านวางแผนการสงครามและเรียกลมสลาตันให้จิวยี่เผากองทัพเรือโจโฉได้สำเร็จ และหากมิได้กำลังทหารของเล่าปี่เข้าโจมตีทำลายกองทัพของโจโฉ เมืองกังตั๋งก็อาจจะตกอยู่ในเงื้อมมือของโจโฉแล้ว บุญคุณของเล่าปี่นายข้าพเจ้าจึงมีแก่เมืองกังตั๋งด้วยเป็นอันมาก

            กวนอูจึงกล่าวทวงบุญคุณเอาบ้างว่า บุญคุณของเล่าปี่และความเสียหายจากการสูญเสียกำลังพลและเสบียงอาหารของเล่าปี่ในสงครามเซ็กเพ็กครั้งนั้นมากพ้นรำพันนัก ลำพังเมืองเกงจิ๋วแค่นี้มิได้คุ้มค่าควรแก่บำเหน็จบุญคุณและความชอบของเล่าปี่ ท่านจะมาทวงเอาเมืองเกงจิ๋วบัดนี้จึงมิชอบ

            โลซกได้ฟังคำแย้งของกวนอูดังนั้นก็ไม่ยอมจำนนแก่ถ้อยคำ จึงว่านั่นเป็นเหตุการณ์บั้นปลาย ท่านอย่าคลายความทรงจำเหตุการณ์บั้นต้นเสีย ด้วยเมื่อครั้งเล่าปี่กับท่านแตกมาแต่ทุ่งเตียงปัน ซุนกวนนายข้าพเจ้ามีใจสงสารจึงให้อยู่อาศัยที่เมืองเกงจิ๋วจนกว่าจะตั้งตัวได้ ความประการนี้เล่าปี่นายท่านก็ยอมรับเป็นสัจจะอยู่ ท่านจะทำให้เล่าปี่เสียสัตย์ไปนั้นไม่สมควร คนทั้งปวงก็จะตำหนิไปถึงเล่าปี่ว่าเจรจาหาความสัตย์มิได้

            กวนอูจึงว่าอันเมืองเกงจิ๋วนั้นเดิมเป็นของเล่าเจี้ยง ซึ่งแซ่เดียวกับเล่าปี่นายข้าพเจ้า มาเสียหายก็เพราะเล่าจ๋องเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมลอบเอาไปยกให้แก่โจโฉจนตัวตาย เล่าปี่นายข้าพเจ้าได้เข้าร่วมในการสงครามและยึดเอาเมืองเกงจิ๋วได้ เมือง เกงจิ๋วจึงคืนมาสู่แซ่เล่าอีกครั้งหนึ่ง ท่านจะว่าเมืองเกงจิ๋วเป็นของซุนกวนย่อมไม่ชอบ แต่เรื่องทั้งนี้สิทธิขาดมิได้อยู่ที่ตัวข้าพเจ้า เป็นเรื่องของเล่าปี่ การจะเป็นประการใดท่านจงไปว่ากล่าวเอากับเล่าปี่จึงจะควร

            โลซกจึงว่าตัวท่านกับเล่าปี่ก็เหมือนคน ๆ เดียวกัน ด้วยผู้คนทั้งแผ่นดินล้วนรู้อยู่ทุกตัวคนว่าท่านแลเล่าปี่นั้นได้สาบานเป็นพี่น้อง รักใคร่ไว้ใจยิ่งกว่าพี่น้องร่วมอุทรเสียอีก การใดของเล่าปี่การนั้นก็เหมือนหนึ่งเป็นของท่าน เหตุใดท่านจะมาบิดพลิ้วอยู่ดังนี้เล่า

            กวนอูยกสุราขึ้นดื่มด้วยสีหน้าบึ้งตึง และมิได้ว่ากล่าวประการใดสืบไป จิวฉองรู้ใจผู้เป็นนายว่าไม่จัดจ้านชั้นเชิงเจรจา เห็นดังนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “หัวเมืองทั้งปวงนี้เป็นของพระเจ้าเหี้ยนเต้ เหตุใดโลซกจึงว่าเมืองเกงจิ๋วเป็นของซุนกวนเล่า”

            กวนอูได้ยินคำจิวฉองก็รู้นัยจึงทำเป็นโกรธ ลุกขึ้นยืนชิงเอาง้าวมาจากจิวฉองแล้วว่า เรากับโลซกกำลังเจรจากันตามประสาผู้ใหญ่ ตัวเป็นผู้น้อยไฉนจึงกล่าววาจาทะลุกลางปล้องขึ้นดังนี้ ไม่สมควรเลย จงออกไปอยู่เสียที่ข้างนอก

            กวนอูถือง้าวมั่นไว้กับมือแล้วนั่งลงที่เดิม จิวฉองก็รู้นัย จึงตีหน้าเศร้าคล้ายกับเสียใจที่ถูกเจ้านายตำหนิ คำนับกวนอูและโลซกแล้วออกไปที่ด้านนอก บอกทหารที่ติดตามมาให้เตรียมพร้อม และสั่งให้ทหารซึ่งถือธงประจำตัวกวนอูให้โบกธงแดงเป็นสัญญาณแก่กวนเป๋งเพราะดูท่าสถานการณ์คับขันอาจเกิดการแตกหักขึ้น

            กวนเป๋งคุมกองเรือเตรียมพร้อมอยู่ที่ฐานทัพเรือเมืองเกงจิ๋ว และให้ทหารคอยสังเกตการณ์ฟากตรงกันข้ามที่ปากน้ำเมืองลกเค้าโดยมิได้ประมาท ครั้นได้เห็นทหารกวนอูโบกธงแดงเป็นสัญญาณดังนั้นจึงสั่งให้เคลื่อนกองเรือตรงไปที่ท่าเมืองลกเค้า

            กวนอูคำนวณระยะเวลาว่ากองเรือของกวนเป๋งยกมาถึงท่าเรือแล้วจึงทำทีเป็นเมา ลุกขึ้นยืน เอาง้าวที่ถือในมือขึ้นกวัดแกว่ง อีกมือหนึ่งคว้าเอามือโลซกกุมไว้แน่นแล้วว่า ท่านมีหนังสือเชิญเรามากินโต๊ะให้เป็นที่สุขสำราญนั้นขอบใจนัก แต่ไม่ชอบใจที่ท่านยกเอาความเมืองเรื่องเมืองเกงจิ๋วขึ้นว่ากล่าว หากไม่คิดถึงไมตรีที่มีมาแต่ก่อนก็จะขัดเคืองใจกัน และเพราะรำลึกถึงไมตรีดังนี้ข้าพเจ้าจึงสู้ข่มใจไว้ เวลานี้รู้ตัวดีว่าเมาสุราแล้ว จะพูดจาสืบไปนั้นอาจพลั้งพลาดล่วงเกินท่าน จึงขออำลาท่านกลับไปก่อน ต่อวันหลังข้าพเจ้าจะเชิญท่านไปกินโต๊ะที่เมืองเกงจิ๋วเพื่อตอบแทนคุณท่านบ้าง

            โลซกถูกกวนอูจับมือเอาไว้แน่น ขยับข้อมือดูก็รู้ว่าลักษณาการดังนั้นเป็นเรื่องที่กวนอูจับตัวโลซกไว้เป็นตัวประกัน จึงทำเป็นไม่รู้ความนัย คงแสดงกิริยาวาจาด้วยท่าทีเป็นไมตรีดังเดิม กวนอูเห็นดังนั้นจึงจูงมือโลซกเดินออกไปนอกค่าย โลซกจึงกลายเป็นตัวประกันความปลอดภัยของกวนอู แทนที่กวนอูจะถูกจับเป็นตัวประกันด้วยประการฉะนี้.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘