ตอนที่ 381. ละครการทูต

เจี้ยนอันศกปีที่สิบเก้า เดือนแปด ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่เล่าปี่ได้สถาปนาอำนาจขึ้นเป็นใหญ่ในแคว้นเสฉวนหนึ่งเดือน เค้าเมฆทะมึนแห่งความขัดแย้งระหว่างแคว้นกังตั๋งกับแคว้นเสฉวนก็เริ่มปรากฏขึ้น เพราะซุนกวนมีดำริที่จะทวงเอาเมืองเกงจิ๋วคืนจากเล่าปี่ จึงได้วางอุบายจับครอบครัวของจูกัดกิ๋นพี่ชายของขงเบ้งไปคุมขังไว้ และให้จูกัดกิ๋นเดินทางไปเมืองเสฉวนเพื่อให้ขงเบ้งช่วยเหลือว่ากล่าวกับเล่าปี่ให้คืนเมืองเกงจิ๋วแก่ซุนกวน

            ขงเบ้งคาดการณ์วัตถุประสงค์ในการเดินทางมาแคว้นเสฉวนของจูกัดกิ๋นผู้พี่ชายไว้ก่อนแล้ว ครั้นได้ฟังความจากปากจูกัดกิ๋นว่าซุนกวนจับเอาบุตรภรรยาและครอบครัวไปขังไว้ ก็แจ้งในกลอุบายของซุนกวนว่าการจับกุมบุตรภรรยาและครอบครัวของจูกัดกิ๋นนั้นเป็นเพียงเครื่องมือในการต่อรอง มิใช่เรื่องจริงจังแต่ประการใด

            ขงเบ้งแจ้งดังนั้นแล้วจึงว่า “เป็นเหตุทั้งนี้เพราะซุนกวนจะคืนเอาเมืองเกงจิ๋ว จึงให้ทำฉะนี้” แล้วถามผู้พี่ชายสืบไปว่า “ซุนกวนให้มาหรือ หรือพี่หนีมา”

            จูกัดกิ๋นได้ฟังคำถามของผู้น้องก็พรั่นใจ แต่ข่มใจตอบไปตามแผนอุบายที่ซุนกวนใช้มาว่า การเดินทางมาครั้งนี้เป็นเพราะซุนกวนสั่งให้ถือหนังสือมาให้แก่เล่าปี่

            ขงเบ้งจึงว่าเมื่อการเป็นดังนี้พี่อย่าได้วิตกสืบไปเลย ข้าพเจ้าผู้น้องจะอ้อนวอนว่ากล่าวให้เล่าปี่คืนเมืองเกงจิ๋วแก่ซุนกวน ครอบครัวของท่านพี่จะได้ไม่มีอันตราย ว่าแล้วขงเบ้งจึงชวนจูกัดกิ๋นไปหาเล่าปี่ที่ในจวน

            จูกัดกิ๋นคำนับเล่าปี่ตามธรรมเนียมแล้วจึงยื่นหนังสือของซุนกวนให้แก่เล่าปี่  เล่าปี่รับหนังสือมาอ่านดูปรากฏความว่า ซุนกวนผู้ครองแคว้นกังตั๋งคำนับมาถึงเล่าปี่ผู้เป็นน้องเขย ด้วยแต่เดิมมานั้นท่านได้ทำสัญญาเป็นหนังสือให้ไว้แก่เรา ว่าขอยืมเมืองเกงจิ๋วเป็นที่พำนักอาศัยชั่วคราว แม้ตีได้เมืองเสฉวนแล้วก็จะคืนเมืองเกงจิ๋วให้ บัดนี้ท่านยึดเมืองเสฉวนได้แล้ว จึงถึงกำหนดตามสัญญา ขอให้เร่งคืนเมืองเกงจิ๋วเพื่อไมตรีของเราทั้งสองจะได้ยั่งยืนสืบไป

            เล่าปี่อ่านความในหนังสือจบแล้วจึงดำเนินการตามอุบายของขงเบ้งที่ได้กระซิบบอกความไว้ ทำเป็นโกรธ ลุกขึ้นยืนสะบัดหนังสือของซุนกวนแล้วเอามือมาไพล่ไว้ด้านหลัง กล่าวเสียงขึงขังกับจูกัดกิ๋นว่า “เดิมซุนกวนยกน้องสาวให้เป็นภรรยาเรา เราก็ได้พามาไว้ ณ เมืองเกงจิ๋ว ครั้นเรายกมาเมืองเสฉวน ซุนกวนมิได้เกรงใจเรา ทำกลมาล่อลวงพาภรรยาเราไปไว้ ณ เมืองกังตั๋ง บัดนี้ยังซ้ำให้มาว่าคืนเมืองเกงจิ๋วอีกเล่า แลซุนกวนคิดอ่านทำการทั้งนี้หาสมเป็นผู้ใหญ่ไม่ เราคิดอยู่ว่าจะยกกองทัพไปรบเมืองกังตั๋งให้ได้”

            จูกัดกิ๋นเห็นเล่าปี่โกรธดังนั้นก็ตกใจ หันไปมองขงเบ้ง เห็นขงเบ้งลุกขึ้นไปคำนับเล่าปี่ร้องห่มร้องไห้เป็นอันมาก และอ้อนวอนเล่าปี่ว่า “บัดนี้ซุนกวนให้จับบุตรภรรยาพรรคพวกพี่ข้าพเจ้าจำไว้ หวังจะคืนเอาเมืองเกงจิ๋ว แม้ไม่ได้ก็จะทำอันตรายแก่พี่ข้าพเจ้าแลบุตรภรรยาให้ถึงสิ้นชีวิต ถ้าพี่ข้าพเจ้าตายแล้วเห็นข้าพเจ้าจะตายด้วย ท่านจงเอ็นดูคืนเมืองเกงจิ๋วให้ซุนกวนเถิด จูกัดกิ๋นกับข้าพเจ้าจะได้มีชีวิตสืบไป”

            ทั้งตัวนายและกุนซือได้ร่วมกันแสดงละครตบตาจูกัดกิ๋นอย่างประณีต จูกัดกิ๋นเห็นอาการกิริยาขงเบ้งดังนั้นก็เบาใจ แต่ปรากฏว่าเล่าปี่บิดพริ้วไม่ยินยอมผ่อนปรนตามคำขอร้องของขงเบ้ง

            ขงเบ้งก็อ้อนวอนร้องไห้คร่ำครวญให้เล่าปี่เห็นแก่คุณงามความดี แล้วเผื่อแผ่ไปยังจูกัดกิ๋นผู้เป็นพี่เพื่อไม่ให้ได้รับอันตรายถึงชีวิตทั้งตัวเองและครอบครัวแต่เล่าปี่ก็ยังคงยืนกรานในคำเดิม

            ขงเบ้งร้องไห้อ้อนวอนต่อไปอีกเป็นช้านาน เล่าปี่จึงทำทีเป็นสงสารและปลอบใจ  ขงเบ้งว่า “เมืองเกงจิ๋วนั้นมีเมืองโทขึ้นหกหัวเมือง เราเสียไม่ได้ เพราะเห็นแก่หน้าท่าน เราจะคืนแต่เมืองเตียงสา เมืองเลงเหลง เมืองฮุยเอี๋ยง สามตำบลนี้แบ่งให้ซุนกวน”

            เล่าปี่ทำทีเสียอ้อนวอนขงเบ้งไม่ได้ จึงกล่าวความทำนองตัดใจยกหัวเมืองโทเพียงสามหัวเมืองที่ขึ้นกับเมืองเกงจิ๋วให้กับซุนกวนตามแผนอุบายที่ขงเบ้งได้กำหนดไว้ ขงเบ้งได้ฟังคำเล่าปี่ดังนั้นก็ทำทีเป็นยินดี รีบกล่าวว่าเมื่อท่านมีใจกรุณาดังนี้ขอจงมีหนังสือไปถึงกวนอูผู้รักษาเมืองเกงจิ๋วให้ปฏิบัติตามคำท่านด้วยเถิด

            จูกัดกิ๋นเห็นเล่าปี่ยืนกรานไม่ยอมคืนเมืองเกงจิ๋วเป็นช้านานก็หวั่นใจ เกรงว่าการซึ่งอาสาซุนกวนมาจะไม่สำเร็จ แต่ครั้นได้ฟังคำเล่าปี่ว่าจะแบ่งหัวเมืองโทให้สามหัวเมืองก็มีความยินดี เพราะดีกว่าที่จะกลับไปมือเปล่า ครั้นได้ยินคำขงเบ้งเสนอให้เล่าปี่มีหนังสือถึงกวนอู จูกัดกิ๋นจึงแสดงท่าทียอมรับด้วยการนิ่งเป็นดุษณีภาพ

            เล่าปี่จึงแต่งหนังสือถึงกวนอูผู้รักษาเมืองเกงจิ๋วว่า เล่าปี่ขออวยพรมายังกวนอูผู้น้องร่วมสาบาน ด้วยบัดนี้ซุนกวนได้จับกุมครอบครัวบุตรภรรยาจูกัดกิ๋นไว้ และใช้จูกัดกิ๋นให้มาทวงเอาเมืองเกงจิ๋ว ขงเบ้งได้ร้องไห้อ้อนวอนเป็นนักหนา เราเห็นแก่ขงเบ้งจึงตัดใจยกเมืองเตียงสา เมืองเลงเหลง และเมืองฮุยเอี๋ยงให้แก่ซุนกวน เพื่อมิให้ครอบครัวบุตรภรรยาของจูกัดกิ๋นเป็นอันตราย

            ครั้นแต่งหนังสือเสร็จแล้วเล่าปี่จึงมอบหนังสือนั้นแก่จูกัดกิ๋นและกำชับว่าเมื่อท่านไปถึงกวนอูที่เมืองเกงจิ๋วแล้ว จงอ่อนน้อมว่ากล่าวกับกวนอูแต่โดยดี ด้วยกวนอูนั้นเป็นผู้ทะนงมากด้วยโทสะและวู่วามนัก หากท่านกล่าวคำแข็งข้าพเจ้าก็หวั่นว่าท่านอาจเป็นอันตรายด้วยน้ำมือของกวนอู

            จูกัดกิ๋นรับหนังสือแล้วฟังคำเล่าปี่ดังนั้นก็หวั่นใจ แต่มั่นใจว่ากวนอูจะยอมปฏิบัติตามหนังสือของเล่าปี่แต่โดยดี จึงคำนับลาเล่าปี่เดินทางไปเมืองเกงจิ๋ว

            ครั้นถึงเมืองเกงจิ๋วแล้วจึงแจ้งความแก่ทหารขอเข้าพบกวนอู กวนอูทราบความว่า  จูกัดกิ๋นผู้พี่ชายของขงเบ้งมาถึงเมืองเกงจิ๋วก็รู้สึกประหลาดใจ จึงให้ทหารไปเชิญจูกัดกิ๋นเข้ามาพบ ต่างฝ่ายต่างคำนับกันตามธรรมเนียมและปราศรัยกันตามสมควรแล้ว จูกัดกิ๋นจึงยื่นหนังสือของเล่าปี่ให้แก่กวนอู

            กวนอูรับหนังสือของเล่าปี่มาอ่านดูก็รู้ความนัยว่าเล่าปี่มีหนังสือมาทั้งนี้เห็นทีจะมิใช่ต้องการให้มอบหัวเมืองทั้งสามตามที่ปรากฏความในหนังสือ เพราะเล่าปี่ทำการใหญ่ถึงเพียงนี้กวนอูรู้ดีว่ามีเจตนารมย์อุดมการณ์ที่ต้องการรวบรวมแผ่นดินเข้าเป็นหนึ่ง ไหนเลยจะยินยอมมอบหัวเมืองทั้งสาม ซึ่งแม้จะเป็นหัวเมืองชั้นโทแต่ก็มีฐานะสำคัญทางยุทธศาสตร์ให้แก่ซุนกวนได้

            รำลึกดังนี้แล้วกวนอูก็คิดว่านี่คือกลอุบายของขงเบ้งที่ทำการเพื่อหวังมิให้เสียไมตรีระหว่างพี่น้อง และต้องการแสดงให้ซุนกวนรู้ว่าขงเบ้งได้ช่วยเหลือจูกัดกิ๋นผู้พี่อย่างเต็มที่แล้ว จนเล่าปี่ต้องผ่อนปรนยอมยกสามหัวเมืองให้แก่ซุนกวน การที่ไม่ได้สามหัวเมืองย่อมมิใช่ความผิดของเล่าปี่และขงเบ้งหรือจูกัดกิ๋น หากเป็นความแข็งขืนของกวนอูโดยลำพังเท่านั้น

            เมื่อกวนอูแจ้งในอุบายของขงเบ้งดังนั้นแล้วจึงทำทีเป็นโกรธ วางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วตบมือบนหนังสือนั้นดังสนั่นแล้วว่า “เล่าปี่ เตียวหุยกับเราคิดร่วมใจกันจะบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุข อันหัวเมืองทั้งปวงแต่ก่อนมา ก็ขึ้นอยู่ในพระเจ้าเหี้ยนเต้ บัดนี้คนทั้งปวงซึ่งมีฝีมือเห็นว่าแผ่นดินเป็นจลาจล ต่างคนต่างทำศึกกำเริบแข็งเมืองไว้ อันธรรมดาผู้ใดเป็นหัวเมืองแล้วก็ตั้งใจทำราชการโดยสุจริต แม้มีข้อรับสั่งมาประการใดก็ให้พึงพิเคราะห์ดู ถ้าเห็นชอบให้ทำตาม แม้ผิดก็ให้บอกชี้แจงไปแก่ผู้ทำนุบำรุงราชการให้แจ้ง บัดนี้เล่าปี่พี่เราจะให้คืนเมืองสามตำบลให้ซุนกวนนั้นเห็นไม่สมควร เรามิได้ให้ตามคำเล่าปี่ ท่านจงกลับไปบอกซุนกวนเถิด”

            กวนอูนี้สมเป็นชายชาติทหารที่ผ่านประสบการณ์การศึกอย่างโชกโชน ถึงแม้จะแจ้งในอุบายของขงเบ้งว่าไม่ต้องการมอบหัวเมืองทั้งสามแก่ซุนกวน แต่ในชั้นเจรจาว่ากล่าวก็ได้ยกเอาหลักการปกครองแผ่นดินว่าหัวเมืองทั้งสามเป็นของพระเจ้าเหี้ยนเต้ เล่าปี่ไม่มีสิทธิมอบให้แก่ซุนกวน และยังอ้างหลักแห่งพิชัยสงครามบทว่าด้วยการปฏิบัติของนายทัพที่อยู่หน้าศึก ว่าไม่พึงฟังคำสั่งของฮ่องเต้โดยขาดการไตร่ตรอง แม้ฮ่องเต้มีรับสั่งประการใดในการสงครามก็ให้พิเคราะห์ไตร่ตรองจนถ่องแท้ก่อน หากแม้นเป็นการที่ชอบสมคล้อยกับสถานการณ์ที่เป็นไปในหน้าศึกจึงพึงทำตาม หากแม้นเป็นการที่ไม่ชอบก็ไม่พึงปฏิบัติ และให้ชี้แจงแถลงเหตุผลให้เบื้องบนทราบความกระจ่าง ความประการนี้เมื่อครั้งที่เหมาเจ๋อตงบัญชาการให้นายพลหลินเปียวรบในยุทธการจิ่งโจว โดยบัญชาการให้เข้าล้อมบางเมืองโดยไม่โจมตี และให้เข้าโจมตีบางเมืองโดยไม่ต้องล้อม ในครั้งนั้นหลินเปียวขัดคำบัญชาการของเหมาเจ๋อตง ทำการล้อมเมืองที่ถูกบัญชาการให้เข้าตี และเข้าตีเมืองที่ถูกบัญชาให้ล้อม จึงทำให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ขึ้นแก่กองทัพปลดแอกประชาชนจีน และก่อให้เกิดความแหนงใจแก่เหมาเจ๋อตงอย่างลึกซึ้ง นำไปสู่การพ้นอำนาจและถึงแก่มรณกรรมของนายพลหลินเปียวในระยะเวลาต่อมา การทั้งนี้แตกต่างกับกรณีของกวนอู เพราะกวนอูรู้แจ้งในอุบายของขงเบ้ง และนับถือศรัทธาอย่างเปี่ยมล้น มั่นใจในกลอุบายของขงเบ้งว่าแยบยลในกลการเมืองแลสงครามทั้งปวง ในขณะที่นายพลหลินเปียวนั้นหลงยึดมั่นในความสามารถของตน ทั้งในด้านข้อมูลการสงคราม และการบัญชาการรบ ทั้ง ๆ ที่ความจริงผู้ที่เจนจบกระจ่างแจ้งในข้อมูลแห่งแผนยุทธการกลับเป็นเหมาเจ๋อตง ดังนั้นหลังจากนายพลหลินเปียวได้ชี้แจงเหตุผลในการไม่ปฏิบัติตามคำบัญชา ครั้นได้รับคำยืนยันจากเหมาเจ๋อตงในฐานะประธานคณะกรรมการการทหารแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีนให้ปฏิบัติตามแผนยุทธการจิ่งโจว อย่างเคร่งครัด นายพลหลินเปียวจึงจำต้องปฏิบัติตาม เป็นผลให้สถานการณ์พลิกโฉมหน้ากอบกู้ให้กองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้รับชัยชนะตามเป้าหมายและแผนยุทธการนั้นทุกประการ เปิดหนทางอันสว่างรุ่งโรจน์ให้แก่ยุทธการสำคัญอีกสองครั้ง และยึดครองภาคเหนือของประเทศจีนได้โดยเบ็ดเสร็จ

            จูกัดกิ๋นได้ฟังคำกวนอูดังนั้นก็ตกใจเพราะความหวังที่จะได้สามหัวเมืองติดมือนำไปมอบให้ซุนกวนเป็นอันพังทลายลงสิ้น แต่เมื่อเห็นกวนอูแสดงอาการโกรธเคืองดังนั้นก็หวั่นใจว่าจะเกิดอันตรายตามคำของเล่าปี่ จึงอ่อนน้อมว่ากล่าวกับกวนอูแต่โดยดีว่าการครั้งนี้ท่านจงเห็นแก่ไมตรีของทั้งสองเมือง และขอจงเห็นแก่ขงเบ้ง ด้วยชะตากรรมของครอบครัวข้าพเจ้าย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน หากแม้นไม่ได้หัวเมืองทั้งสามไปมอบแก่ซุนกวน ซุนกวนก็จะฆ่าบุตรภรรยาและครอบครัวของข้าพเจ้าเสียทั้งสิ้น

            กวนอูได้ฟังดังนั้นก็เชิดหน้าแล้วกล่าวด้วยเสียงอันขุ่นเคืองว่า ซุนกวนทำการทั้งนี้เป็นเพียงอุบายหวังใช้ท่านเป็นเครื่องมือมาบีบบังคับขงเบ้ง อุบายเพียงเท่านี้ตัวเราก็แจ้งอยู่ ถึงแม้นท่านกลับไปเมืองกังตั๋งด้วยมือเปล่า ครอบครัวของท่านและบุตรภรรยาก็หาเป็นอันตรายไม่

            จูกัดกิ๋นได้ฟังคำกวนอูต้องด้วยแผลในใจที่อาสารับอุบายซุนกวนมาดำเนินการก็โกรธกวนอู ลืมคำของเล่าปี่เสียสิ้น แล้วกล่าวกับกวนอูว่าท่านเจรจาดังนี้เหมือนคนหามีความคิดไม่

            กวนอูได้ยินความดังนั้นก็ทำทีเป็นโกรธ ชักกระบี่ออกจากฝัก ทำให้รู้สึกว่าจะประหัตประหารจูกัดกิ๋น แล้วทำทีเป็นรำลึกได้จึงยั้งมือไว้ และกล่าวว่า “ถ้าเราไม่คิดถึง  ขงเบ้งก็จะตัดศีรษะเสีย แต่นี้ไปตัวอย่าว่าหยาบช้าแก่เราเหมือนดังนี้ ถ้าไม่ฟังเราก็หาอดได้ไม่”

            กวนเป๋งผู้บุตรบุญธรรมของกวนอูมิได้รู้ความนัย แต่สังเกตเห็นว่าท่าทีของกวนอูดังนี้ผิดไปจากปกติ ก็คิดว่าน่าจะมีความลับลี้ซ่อนเร้นอยู่ จึงแสร้งเข้าไปห้ามกวนอูว่าขงเบ้งเป็นที่ปรึกษาผู้ใหญ่ของท่านลุงเล่าปี่ จงเห็นแก่ขงเบ้งอย่าได้ล่วงเกินจูกัดกิ๋นให้เป็นที่ขุ่นใจเลย

            กวนอูจึงว่าจูกัดกิ๋นกล่าวความหยาบช้าปรามาสกับเราถึงเพียงนี้ ควรที่เราจะตัดศีรษะเสีย แต่นี่เพราะเราเกรงใจขงเบ้ง จึงเว้นโทษตายให้ แล้วกวนอูจึงทำทีสีหน้าบึ้งตึงยืนนิ่งเฉยอยู่

            จูกัดกิ๋นเห็นกวนอูโกรธถึงขนาดชักกระบี่ออกจากฝักดังนั้นก็กลัว คิดว่าถึงจะอ้อนวอนกวนอูประการใดคงจะไม่ได้ผล ดีร้ายก็อาจถูกกวนอูทำร้ายเป็นอันตรายเสียเปล่า ๆ ควรที่จะเดินทางกลับไปหาเล่าปี่จะดีกว่า

            คิดดังนั้นแล้วจูกัดกิ๋นจึงคำนับลากวนอู แล้วเดินทางจะกลับไปเมืองเสฉวน ตรงไปที่บ้านพักของขงเบ้งแต่ไม่พบเพราะขงเบ้งเดินทางออกไปตรวจราชการด่าน จูกัดกิ๋นจึงเข้าไปขอพบเล่าปี่ที่ในจวน.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘