ตอนที่ 380. อุบายสยบใจ

 เมื่อเล่าปี่ได้ปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นใหญ่เหนือแคว้นเสฉวนแล้ว ได้ปรับปรุงและปฏิรูปการบริหาร การปกครอง การเศรษฐกิจ และกฎหมายครั้งใหญ่ที่สุด เพื่อให้เกิดความเป็นปึกแผ่นแน่นหนาและเกิดความมั่นคงในการปกครองแผ่นดิน และเกิดความร่มเย็นเป็นสุขแก่อาณาประชาราษฎร เป็นผลให้ “ราษฎรทั้งปวงก็มีความสุขยิ่งกว่าแต่ก่อน”

            วันหนึ่งในขณะที่เล่าปี่กำลังออกว่าราชการจัดแจงบ้านเมืองอยู่นั้น ทหารรักษาการณ์ได้เข้ามารายงานว่าบัดนี้กวนอูได้ใช้ให้กวนเป๋งถือหนังสือมาแต่เมืองเกงจิ๋วจะขอเข้ามาคำนับ

            เล่าปี่ได้ฟังรายงานดังนั้นก็มีความยินดี ให้ทหารนำกวนเป๋งเข้ามาพบในที่ว่าราชการ กวนเป๋งได้คำนับเล่าปี่และขงเบ้งตามธรรมเนียมแล้ว จึงรายงานว่าได้รับคำสั่งจากกวนอูผู้บิดาให้เดินทางมาเมืองเสฉวนเพื่อขอบพระคุณเล่าปี่ที่ได้บำเหน็จความชอบเป็นอันมาก

            แล้วกวนเป๋งจึงกล่าวสืบไปว่า “บิดาข้าพเจ้าสั่งว่าได้ยินกิตติศัพท์เลื่องลือว่าม้าเฉียวนั้นฝีมือกล้าหาญนัก หาผู้เสมอมิได้ บิดาข้าพเจ้าจะขอมาต่อสู้กับม้าเฉียว”

            ม้าเฉียวนับแต่มาอยู่ด้วยเล่าปี่แล้ว น้ำใจหนึ่งก็เลื่อมใสนับถือศรัทธาเล่าปี่เป็นอันมาก เพราะเป็นเพื่อนผู้ร่วมก่อการกำจัดศัตรูราชสมบัติกับม้าเท้งผู้บิดา น้ำใจหนึ่งก็เกรงเล่าปี่เพราะได้เห็นบรรดาทหารมีฝีมือเป็นอันมาก โดยเฉพาะฝีมือการรบอันเด็ดขาดรวดเร็วของจูล่งซึ่งเพิ่งประจักษ์ก็ชัดแจ้งว่ากล้าแกร่งสมเป็นยอดทหารเสือ  ม้าเฉียวแม้ทะนงในฝีมือตัวว่าแกร่งกล้าทั้งสามารถสู้รบกับเตียวหุยได้ตลอดวันและคืนก็ยังไม่แพ้แลชนะ แต่ด้วยน้ำใจศรัทธาและยำเกรงดังนี้ม้าเฉียวจึงอยู่กับเล่าปี่ด้วยความอุ่นอกอิ่มใจ

            ครั้นม้าเฉียวได้ฟังคำกวนเป๋งดังนั้นก็พรั่นใจ เพราะไม่เคยรู้ประจักษ์ถึงฝีมือของกวนอู จึงตั้งใจฟังเล่าปี่และขงเบ้งว่าจะว่ากล่าวประการใด

            เห็นเล่าปี่มีทีท่าตกใจ แล้วหันไปปรึกษากับขงเบ้งว่า “กวนอูจะมาลองฝีมือม้าเฉียวนั้น ถ้าผู้ใดเพลี่ยงพล้ำก็จะมีพยาบาทกันไป ท่านจะคิดประการใด”

            ขงเบ้งได้ฟังคำเล่าปี่แล้วชำเลืองมองม้าเฉียว เห็นตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อจึงปรารภขึ้นว่า แผ่นดินจีนทุกวันนี้แม้จะมีบรรดาผู้มีฝีมือการรบเข้มแข็งแกร่งกล้าเฉียบขาดอยู่มากมาย แต่ที่จะสมชายยอดทหารเสือที่เปี่ยมด้วยฝีมือการรบอันหนักหน่วงเฉียบขาดรวดเร็วและจิตใจที่เป็นวีรชนแล้ว ยังไม่เห็นมีผู้ใดเสมอเหมือนด้วยกวนอู อันฝีมือม้าเฉียวแม้เป็นเลิศในแผ่นดินแต่ก็เสมอด้วยเตียวหุยซึ่งเป็นน้องร่วมสาบานของกวนอูเท่านั้น ไม่ควรที่กวนอูจะทิ้งเมืองเกงจิ๋วมาประลองฝีมือด้วยม้าเฉียวเลย

            แล้วขงเบ้งจึงว่าท่านอย่าวิตกในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าจะมีหนังสือไปชี้แจงให้กวนอูได้เข้าใจ ในขณะนั้นม้าเฉียวได้ยินคำขงเบ้งที่ปรารภความเป็นวีรบุรุษของกวนอูก็ยิ่งมีน้ำใจเลื่อมใสศรัทธาวีรชนผู้นี้เป็นอันมาก ใจก็ยิ่งยำเกรงและศรัทธาเล่าปี่มากขึ้นด้วย สีหน้าและแววตาของม้าเฉียวได้ปรากฏถึงความตื่นเต้นจนออกนอกหน้า

            ขงเบ้งสังเกตความเป็นไปอย่างใกล้ชิด เห็นดังนั้นก็มองหน้าเล่าปี่แล้วยิ้มให้ เล่าปี่ได้ยินคำขงเบ้งและเห็นอาการอันเป็นนัยเช่นนั้นก็รู้ที จึงมีความยินดีที่ขงเบ้งใช้ถ้อยคำเพียงไม่กี่คำก็ผูกมัดใจม้าเฉียวให้มีความรู้สึกทั้งเกรงทั้งกลัวทั้งเลื่อมใสศรัทธาไปพร้อมกัน

            เล่าปี่ได้ฟังคำขงเบ้งแล้วจึงกล่าวว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ขอกุนซือได้รีบทำหนังสือถึงกวนอูเถิด เพราะแม้นปล่อยเวลาให้เนิ่นช้าสืบไป กริ่งว่ากวนอูจะรีบรุดมาเมืองเสฉวน การข้างเมืองเกงจิ๋วก็จะเสียไป

            ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นจึงแต่งหนังสือฉบับหนึ่งปิดผนึกแล้วมอบแก่กวนเป๋ง และสั่งให้กวนเป๋งรีบกลับไปเมืองเกงจิ๋ว นำหนังสือมอบแก่กวนอู กวนเป๋งรับหนังสือแล้วคำนับลา  เล่าปี่และขงเบ้งเดินทางกลับไปเมืองเกงจิ๋วแต่เพลานั้น

            ครั้นถึงเมืองเกงจิ๋วแล้วกวนเป๋งจึงเข้าไปคำนับกวนอูผู้บิดา แล้วเล่าความซึ่งเล่าปี่และขงเบ้งได้ปรารภความกันในที่ว่าราชการ ตลอดจนถ้อยคำที่ขงเบ้งได้สรรเสริญกวนอูในที่ว่าราชการท่ามกลางมหาสมาคมให้กวนอูฟังทุกประการ และมอบหนังสือที่ขงเบ้งฝากมานั้นให้แก่กวนอู

            กวนอูได้ฟังรายงานของกวนเป๋งก็มีความปลาบปลื้มยินดี และเปิดหนังสือออกอ่านปรากฏความว่า “ขงเบ้งอวยพรมาถึงจงกุ๋นกวนอู ด้วยเรารู้ว่าท่านมีความวิตกด้วยม้าเฉียวนั้นไม่ควร อันฝีมือม้าเฉียวนี้เปรียบเสมอแต่กับเตียวหุยน้องท่าน แลการกลศึกนั้นฝีมือท่านยิ่งกว่าม้าเฉียวเป็นอันมาก ซึ่งท่านจะละเมืองเกงจิ๋วเสียจะมาลองฝีมือกับม้าเฉียวนั้นไม่ได้ เกลือกมีอันตรายมาถึงเมืองเกงจิ๋วโทษก็จะมีแก่ท่าน ซึ่งว่ามาทั้งนี้ท่านดำริดูจงควร”

            กวนอูอ่านความในหนังสือของขงเบ้งต้องกับถ้อยคำซึ่งกวนเป๋งรายงานก็ยิ่งมีความปรีดาปราโมทย์ ในใจก็รำลึกว่าการที่ขงเบ้งปรารภความท่ามกลางมหาสมาคม สรรเสริญฝีมือการสงครามของเราดังนี้เห็นทีจะเป็นการปรามม้าเฉียวมิให้กำเริบ และจะได้ทำราชการกับเล่าปี่โดยสุจริต จึงเลื่อมใสนับถือขงเบ้งเป็นอันมาก

            สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) พรรณนาความคิดของกวนอูตอนนี้ว่า “คิดว่าขงเบ้งนั้นสมควรเป็นอาจารย์สั่งสอนเรา” ซึ่งเท่ากับเป็นการยอมรับด้วยใจว่าสติปัญญาความคิดอ่านของขงเบ้งนั้นสมแล้วกับความเป็นครูคน สิ่งที่เคยขุ่นข้องหมองใจและคลางแคลงมาแต่ต้นก็มลายหายไปในยามที่อยู่ไกลกันดังนี้

            คิดดังนั้นแล้วกวนอูจึงเอาหนังสือของขงเบ้งให้ทหารคนสนิทอ่านให้บรรดาแม่ทัพนายกองและขุนนางข้าราชการเมืองเกงจิ๋วทั้งปวงฟัง และว่าซึ่งเราวิตกด้วยม้าเฉียวว่ามีฝีมือแกล้วกล้า คิดจะไปประลองยุทธ์ด้วยนั้น เมื่อขงเบ้งมีหนังสือมาเช่นนี้เราก็สิ้นที่จะกังขาสืบไป บรรดาคนทั้งปวงได้ฟังความตามหนังสือของขงเบ้งดังนั้นก็สรรเสริญฝีมือและความกล้าหาญของกวนอูเป็นอันมาก

            นี่คืออุบายสยบใจของขงเบ้งที่ใช้คำพูดไม่กี่คำกับจดหมายฉบับเดียวก็สัมฤทธิ์ผลให้กวนอูสิ้นกังขาม้าเฉียว และม้าเฉียวก็ยิ่งเกรงใจศรัทธาเล่าปี่เป็นอันมาก

            กวนอูสิ้นความคลางแคลงในตัวขงเบ้งในยามที่อยู่ไกลกัน แต่คาถาคุ้มกันเมืองเกงจิ๋วซึ่งขงเบ้งบอกไว้กับกวนอูสำหรับรักษาเมืองเกงจิ๋วให้รอดปลอดภัยว่า “เหนือรบโจโฉ ใต้ร่วมมือซุนกวน” นั้น ยังคงเป็นสิ่งที่จะต้องผ่านการทดสอบพิสูจน์ว่ากวนอูจะยึดถือปฏิบัติให้สัมฤทธิ์ผลได้หรือไม่

            เจี้ยนอันศกปีที่สิบเก้า ปลายเดือนเจ็ด ซุนกวนได้ทราบกิตติศัพท์ว่าบัดนี้เล่าปี่ยึดเมืองเสฉวน สถาปนาอำนาจขึ้นเป็นใหญ่ในแดนตะวันตกได้สำเร็จ และจัดแจงให้เล่าเจี้ยงมาครองเมืองกองอั๋นก็พรั่นใจ ความคิดที่จะทวงเอาเมืองเกงจิ๋วคืนจึงกำเริบขึ้นในใจของซุนกวนอีกครั้งหนึ่ง

            เมื่อคิดดังนั้นแล้วซุนกวนจึงเรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาแม่ทัพนายกองและขุนนาง ข้าราชการเมืองกังตั๋ง ปรารภความเดิมซึ่งเล่าปี่ ขงเบ้ง ได้ขอยืมเมืองเกงจิ๋วไว้ชั่วคราว และสัญญาจะคืนให้เมื่อยึดได้เมืองเสฉวนแล้ว และว่าบัดนี้เมื่อเล่าปี่ยึดเมืองเสฉวนได้แล้วจึงถึงกำหนดตามสัญญาที่เล่าปี่จะต้องคืนเมืองเกงจิ๋วให้แก่เรา ชอบที่จะแต่งคนไปทวงเอาเมืองเกงจิ๋วคืน หากแม้นเล่าปี่ขัดขืนก็จำเป็นต้องยกกองทัพไปตีเอาเมืองเกงจิ๋วให้จงได้ ท่านทั้งปวงจะมีความเห็นเป็นประการใด

            เตียวเจียวจึงว่าแคว้นกังตั๋งได้ผ่านศึกสงครามหลายครั้งหลายหน การสงครามเพิ่งสงบลงไม่ทันนาน บรรดาทหารทั้งปวงยังอิดโรย ทั้งการสั่งสมเสบียงอาหารเล่าก็ยังไม่บริบูรณ์อันควรแก่การทำศึก ซึ่งจะยกกองทัพไปตีเอาเมืองเกงจิ๋วนั้น จงผันผ่อนไว้อีกชั่วเวลาหนึ่ง ข้าพเจ้าจะคิดอ่านอุบายให้ท่านได้เมืองเกงจิ๋วโดยไม่ต้องเปลืองเรี่ยวแรงแห่งทหารเอง

            ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ รีบถามว่าแผนการอุบายของท่านเป็นประการใด จึงจะได้เมืองเกงจิ๋วโดยไม่ต้องทำสงครามแก่กัน

            เตียวเจียวจึงว่าเล่าปี่เข้มแข็งเติบใหญ่ได้ หาใช่เพราะสติปัญญาและฝีมือของเล่าปี่ไม่ การทั้งปวงสำเร็จและได้มาก็เพราะปัญญาวิชาคุณของขงเบ้ง แลขงเบ้งนั้นเป็นน้องชายของจูกัดกิ๋นซึ่งเป็นที่ปรึกษาของท่าน ขอให้ท่านจับเอาครอบครัวของจูกัดกิ๋นจำขังไว้ทั้งสิ้น แล้วให้จูกัดกิ๋นไปว่ากล่าวกับขงเบ้ง ให้เร่งหว่านล้อมให้เล่าปี่คืนเมืองเกงจิ๋วแก่ท่าน ขงเบ้งเห็นผู้เป็นพี่ชายเดือดร้อนดังนี้คงจะมีแก่ใจที่จะว่ากล่าวให้เล่าปี่คืนเมืองเกงจิ๋วแก่ท่าน ดังนี้ท่านก็จะได้เมืองเกงจิ๋วคืนดังปรารถนา

            ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็อึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วว่า “จูกัดกิ๋นเป็นคนสัตย์ซื่อ แล้วก็หาความผิดมิได้ ครั้นเราจะทำเหมือนท่านว่า จูกัดกิ๋นจะน้อยใจ ประการหนึ่งคนทั้งปวงก็จะครหานินทาเรา”

            เตียวเจียวจึงขยายความต่อไปว่า การทั้งนี้ใช่ว่าจะเป็นเรื่องจริง หากเป็นเพียงกลอุบายทวงเอาเมืองเกงจิ๋วโดยสันติเท่านั้น เมื่อท่านปลงใจที่จะทำการตามอุบายนี้แล้ว จงบอกความทั้งปวงแก่จูกัดกิ๋นและครอบครัวให้แจ้งก่อน จูกัดกิ๋นเป็นคนมีน้ำใจกตัญญูแลภักดีต่อท่าน เมื่อได้รู้แผนการอุบายแล้วคงจะสนองคุณท่าน อย่าได้สงสัยเลย

            ครั้นเสร็จจากการออกว่าราชการแล้ว ซุนกวนจึงให้หาจูกัดกิ๋นเข้ามาพบที่ในจวน แล้วปรารภความตามแผนการอุบายของเตียวเจียวให้จูกัดกิ๋นฟังทุกประการ และย้ำว่าเราเห็นด้วยกับแผนการอุบายครั้งนี้เพื่อหวังจะรักษาไมตรีกับเล่าปี่ไว้ให้ยั่งยืน และไม่ต้องการให้เปลืองชีวิตของทหารทั้งสองฝ่าย หากการสำเร็จดังประสงค์เราและเล่าปี่ก็จะมีไมตรีอันแน่นแฟ้นต่อกัน ท่านกับขงเบ้งก็จะสมานฉันท์เยี่ยงพี่น้องสืบไปชั่วกาลนาน ท่านอย่าได้น้อยใจ ขอจงรับเอาธุระของเราที่ไหว้วานครั้งนี้

            จูกัดกิ๋นได้ฟังดังนั้นจึงว่าธุระของท่านเพียงเท่านี้จะปรารมย์ไปไย ข้าพเจ้าจะขออาสาไปทำการให้สำเร็จดังประสงค์ให้จงได้ แล้วจูกัดกิ๋นจึงคำนับลาซุนกวนกลับไปที่พัก บอกกล่าวความให้บุตรภรรยาและครอบครัวทราบ

            วันรุ่งขึ้นกองทหารเมืองกังตั๋งก็มาจับตัวจูกัดกิ๋น บุตรภรรยาและครอบครัวไปทั้งสิ้น สำหรับบุตรภรรยาและครอบครัวนั้นทหารนำไปขังกักบริเวณไว้ที่บ้านพักรับรองแขกเมือง และพาตัวจูกัดกิ๋นไปพบซุนกวน

            จูกัดกิ๋นคำนับซุนกวนตามธรรมเนียมแล้ว ซุนกวนจึงว่าเราทำการทั้งนี้ละอายใจแก่ความเสียสละของท่านนัก การสำเร็จแล้วจะปูนบำเหน็จโดยสมควรแก่ความชอบ ท่านจงรีบเดินทางไปเมืองเสฉวนและนำหนังสือฉบับนี้มอบแก่เล่าปี่เถิด

            จูกัดกิ๋นรับหนังสือจากซุนกวนแล้วจึงคำนับลาซุนกวน และออกเดินทางไปเมืองเสฉวนในวันเดียวกันนั้น

            ฝ่ายเล่าปี่ครั้นได้รับทราบรายงานจากทหารรักษาการณ์ว่าบัดนี้จูกัดกิ๋นพี่ชายของขงเบ้งเดินทางมาแต่เมืองกังตั๋งและจะขอเข้าพบ เวลานี้ได้จัดให้พักที่ตึกรับรองแขกเมือง ก็รู้สึกประหลาดใจ จึงเชิญขงเบ้งมาปรึกษาแล้วถามว่า ซึ่งจูกัดกิ๋นพี่ชายของท่านเดินทางมาเมืองเสฉวนครั้งนี้จะเป็นเพราะเหตุสิ่งใดหรือ

            ขงเบ้งฟังคำถามของเล่าปี่แล้วยกมือขึ้นจับยามตามคัมภีร์แต่โบราณ แล้วผงกศีรษะสองสามครั้ง จากนั้นจึงกล่าวกับเล่าปี่ว่า จูกัดกิ๋นพี่ชายของข้าพเจ้ามาแต่เมืองกังตั๋งในครั้งนี้เพราะซุนกวนใช้ให้มาทวงเอาเมืองเกงจิ๋ว

            เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงว่า บัดนี้เรายึดเอาเมืองเสฉวนแล้ว จึงถึงกำหนดตามสัญญาที่ให้ไว้กับซุนกวน ดังนั้นเมื่อเขามาทวงเอาเมืองเกงจิ๋วคืน ท่านจะคิดอ่านประการใด

            ขงเบ้งเอียงหน้ามาที่ข้างหูของเล่าปี่ กระซิบความอยู่ครู่หนึ่งแล้วเล่าปี่และขงเบ้งก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน ขงเบ้งคำนับลาเล่าปี่และตรงไปที่ตึกรับรองแขกเมือง เข้าไปหาจูกัดกิ๋น คำนับกันตามธรรมเนียม ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบตามประสาพี่น้องแล้ว ขงเบ้งจึงถามว่าท่านพี่เดินทางมาเมืองเสฉวนครั้งนี้มีกิจธุระสิ่งใดหรือ

            จูกัดกิ๋นได้ฟังคำขงเบ้งแล้วทำทีเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้น คร่ำครวญเป็นอันมาก ปากก็เอ่ยว่าการครั้งนี้หากเจ้าไม่เต็มใจช่วยเหลือแล้ว ครอบครัวเราคงวายวอดสิ้น

            ขงเบ้งทำเป็นตกใจ และถามว่าพี่มาเมืองเสฉวนพอพบหน้าข้าพเจ้าแล้วโศกเศร้าร้องไห้ดังนี้ มีเหตุการณ์ร้ายประการใด สิ่งไหนที่ข้าพเจ้าจะช่วยเหลือได้ท่านพี่จงว่ากล่าวอย่าได้ปิดบังเลย

            จูกัดกิ๋นแกล้งทำสีหน้าเศร้าโศก เอาชายเสื้อเช็ดน้ำตาอีกครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวว่าบัดนี้ซุนกวนจับเอาบุตรภรรยาและครอบครัวของพี่ไปขังไว้ หากเจ้าไม่ช่วยคงจะถึงแก่ความตายสิ้น.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘