ตอนที่ 374. อุบาย "ตีท้ายครัว"
เล่าปี่ยกกองทัพไปป้องกันด่านแฮบังก๋วนและให้เตียวหุยออกรบกับม้าเฉียว ครั้นได้เห็นบุคลิกลักษณะท่วงท่าการรบของม้าเฉียวสมเป็นยอดทหารเสือก็ต้องใจ ใคร่จะได้ตัวม้าเฉียวไว้ในราชการ ครั้นการรบในวันใหม่จะเริ่มขึ้นขงเบ้งก็ยกมาถึง และเสนอแผนการที่จะทำให้ม้าเฉียวต้องเข้ามาสวามิภักดิ์แต่โดยดี เล่าปี่ได้ฟังก็มีความยินดี ถามถึงแผนการจากขงเบ้ง
ขงเบ้งจึงว่าเตียวล่อนี้มีที่ปรึกษาผู้หนึ่งเป็นที่ไว้วางใจเชื่อถือมีชื่อว่าเอียวสง อันเอียวสงผู้นี้เป็นคนโลภโมโทสัน เห็นแต่จะได้ทรัพย์สิ่งสินไว้เป็นประโยชน์ตน ก็สามารถยอมพลีกายใจทำการใด ๆ ก็ได้ จึงขอให้ท่านแต่งสินบนอันเป็นที่ต้องใจ แล้วให้คนถือหนังสือลอบไปให้เอียวสง ขอให้เอียวสงยุยงเตียวล่อว่า “ตัวท่านยกกองทัพมานี้จะตีเอาแต่เมือง เสฉวน หวังจะช่วยแก้แค้นซึ่งเล่าเจี้ยงให้ฆ่ามารดาเตียวล่อเสีย แม้เล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวนจะให้มาว่ากล่าวสิ่งใดแก่เตียวล่อก็อย่าให้เอาธุระเลย ถ้าท่านได้เมืองเสฉวนแล้ว จะตั้งใจบำรุงให้เตียวล่อขึ้นเป็นเจ้าในเมืองฮันต๋งจงได้ แล้วให้เตียวล่อมีหนังสือมาหาตัวม้าเฉียวกลับไป”
ขงเบ้งได้เสนอแผนการต่อไปว่า ในช่วงที่ม้าเฉียวจะเลิกทัพกลับไปเมืองฮันต๋งนั้น ข้าพเจ้าจะคิดอ่านแผนการอุบายเกลี้ยกล่อมเอาตัวม้าเฉียวให้มาสวามิภักดิ์กับท่านให้จงได้
เล่าปี่ได้ฟังแผนการอุบายตีท้ายครัวม้าเฉียวดังนั้นก็มีความยินดี จึงแต่งหนังสือตามคำของขงเบ้งแล้วจัดแจงเงินทองข้าวของแพรพรรณอย่างดีเป็นจำนวนมาก ให้ซุนเขียนถือหนังสือและข้าวของเหล่านั้นลอบเอาไปให้แก่เอียวสงที่เมืองฮันต๋ง
ซุนเขียนนักการทูตคนสำคัญของเล่าปี่รับธุระแล้วก็รีบเดินทางไปหาเอียวสง ครั้นได้พบกับเอียวสงก็คำนับตามประเพณี แล้วว่าเล่าปี่นายข้าพเจ้ามอบหมายธุระให้ข้าพเจ้ามาคำนับท่าน ไหว้วานให้ช่วยส่งหนังสือแก่เตียวล่อ ส่วนของกำนัลทั้งปวงนี้เล่าปี่ขอมอบเป็นการคารวะแก่ท่าน ขอจงรับเอาน้ำใจไมตรีของเล่าปี่เถิด
เอียวสงเป็นคนโลภโมโทสัน เห็นทรัพย์สินข้าวของเงินทองเป็นอันมากก็หัวใจพองโต สายตาเปล่งประกายด้วยความโลภ เห็นธุระของซุนเขียนเป็นแค่ผงธุลีก็รีบรับคำ แล้วสั่งให้คนรับใช้รีบขนข้าวของทั้งปวงเข้าไปเก็บ และพาซุนเขียนเข้าไปหาเตียวล่อตั้งแต่เวลานั้น
ครั้นไปถึงเตียวล่อเอียวสงได้คำนับตามประเพณี แล้วกล่าวว่าบัดนี้เล่าปี่ให้ซุนเขียนถือหนังสือฝากไมตรีมาถึงท่าน ซุนเขียนได้ถือจังหวะนั้นคำนับเตียวล่อตามธรรมเนียม ในขณะที่เอียวสงก็ส่งหนังสือของเล่าปี่ให้แก่เตียวล่อ
เตียวล่อรับเอาหนังสือมาอ่านทราบความแล้วจึงถามว่า “ตัวเล่าปี่นั้นเป็นแต่นายทหารกองนอก เหตุใดจึงบังอาจล่วงว่าจะช่วยทำนุบำรุงเราให้เป็นเจ้านั้น เกินกำลังความคิดแลยศศักดิ์นัก”
เอียวสงไม่เปิดโอกาสให้ซุนเขียนตอบความ และชิงตอบเสียเองว่า “เล่าปี่นั้นเป็นนายทหารก็จริงแต่เป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ พระเจ้าเหี้ยนเต้นับถือว่าเป็นอา แล้วเล่าปี่จะพิดทูลสิ่งใด พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ชอบพระอัชฌาสัย ข้าพเจ้าเห็นว่าเล่าปี่ได้ออกปากไว้แล้ว ก็คงจะช่วยกันทำนุบำรุงท่านให้ขึ้นเป็นเจ้าได้”
เอียวสงเป็นคนโลภในทรัพย์ พอได้ทรัพย์ก็สามารถพิดทูลประการใดได้ดังใจปรารถนา ส่วนเตียวล่อผู้เป็นนายก็เป็นคนโลภในยศศักดิ์ ต้องการตั้งตัวเป็นเจ้ามาช้านาน พอได้ฟังคำของเอียวสงว่าเล่าปี่เป็นเชื้อวงศ์ของฮ่องเต้ สามารถเพ็ดทูลให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ตั้งแต่งให้ขึ้นเป็นเจ้าได้ก็สมกับความคิดที่มีมาแต่ก่อนก็เคลิบเคลิ้มไปกับคำกล่าวของ เอียวสง จึงมีความยินดียิ่งนัก
เตียวล่อกำเริบความคิดดังนั้นแล้วจึงตกปากรับคำกับซุนเขียนว่าการของนายท่านเพียงเท่านี้อย่าได้วิตกไปเลย ตัวเรากับเล่าเจี้ยงก็เป็นอริกันมาแต่ก่อน เราจะเรียกทัพม้าเฉียวกลับมาในทันที
ซุนเขียนและเอียวสงเห็นการสำเร็จสมกับธุระที่รับมาแต่เล่าปี่ก็มีความยินดี คำนับลาเตียวล่อแล้วพากันกลับออกไป เอียวสงยังติดใจในทรัพย์สิ่งสินบน ทั้งเห็นผลประโยชน์ในเบื้องหน้าจะมีมาเป็นอันมากก็คิดผูกน้ำใจซุนเขียน จึงเอ่ยปากชวนซุนเขียนให้ไปพักคอยฟังข่าวที่บ้าน ซุนเขียนเองก็เห็นว่าการไปพักอยู่ที่บ้านของเอียวสงจะเป็นประโยชน์แก่การใหญ่ของเล่าปี่และจะได้ถือโอกาสนี้กำหนดแผนการกับเอียวสงสืบไป จึงรับคำเอียวสงด้วยความยินดี
ฝ่ายเตียวล่อตกปากรับคำซุนเขียนแล้วจึงให้ม้าเร็วถือหนังสือไปถึงม้าเฉียวให้รีบยกกองทัพกลับเมืองฮันต๋ง แต่ม้าเฉียวกำลังคึกคะนองกับการศึก ใคร่จะต่อสู้กับเตียวหุยให้รู้แพ้แลชนะจึงไม่ยอมยกทัพกลับ และสั่งม้าเร็วให้กลับไปรายงานเตียวล่อว่าขอผ่อนเวลาทำการศึกให้ได้ชัยชนะก่อน แล้วจะยกกองทัพกลับไปเมืองฮันต๋ง
เตียวล่อรับรายงานจากม้าเร็วแล้วก็ขุ่นใจ สั่งม้าเร็วให้กลับไปเรียกตัวม้าเฉียวอีกสองสามครั้ง ม้าเฉียวก็ไม่ยอมยกกองทัพกลับ ยังคงอ้างเหตุผลว่าขอทำศึกให้ได้รับชัยชนะมีความชอบก่อนแล้วจึงจะกลับ
ความอันเป็นไปดังกล่าวนั้นทราบถึงเอียวสง ได้ปรึกษาหารือกับซุนเขียนแล้ว เอียวสงจึงเข้าไปหาเตียวล่อ แล้วว่า “อันม้าเฉียวนั้นเป็นคนหากตัญญูไม่ ซึ่งท่านให้ไปหาตัวมิได้ยกกองทัพกลับมานั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าม้าเฉียวจะเอาใจออกหากท่านเป็นมั่นคง ให้ท่านคิดอ่านระวังตัวจงดี”
เตียวล่อได้ฟังคำเอียวสงก็เกิดความลังเลสงสัยม้าเฉียว แต่ไม่ตอบถ้อยคำประการใด เอียวสงรู้น้ำใจนายเป็นอย่างดี เห็นอาการดังนั้นก็รู้ว่าไฟแห่งความสงสัยไม่ไว้วางใจม้าเฉียวได้คุกรุ่นขึ้นในใจเตียวล่อแล้ว จึงคำนับลาเตียวล่อกลับไปบ้าน แล้วแต่งผู้คนออกไปซุบซิบนินทาปล่อยข่าวว่าม้าเฉียวเป็นคนมีความอกตัญญู ฉวยโอกาสที่เตียวล่อให้คุมทหารยกไปด่านแฮบังก๋วนจะยึดเอาเมืองเสฉวนเสียเอง เพื่อซ่องสุมกำลังแล้วยกไปตีเมืองฮูโต๋เพื่อแก้แค้นโจโฉที่ฆ่าบิดา
คำเล่าข่าวลือแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าไฟป่า คนทั้งปวงล้วนเอ่ยปากบอกกล่าวต่อ ๆ กันไปว่าเขาว่าม้าเฉียวเช่นนั้น เมื่อข่าวแพร่หลายมาจากทุกทิศทางเป็นหลายกระแสเข้าไปถึงหูของเตียวล่อความตรงกัน ไฟแห่งความลังเลสงสัยที่มีอยู่ในใจคุกรุ่นอยู่แล้วนั้นก็คุโชนโชติช่วงขึ้น
เตียวล่อจึงเชื่อไปตามคำลือว่าเหตุที่ม้าเฉียวขัดคำสั่งถึงสองสามครั้ง ไม่ยอมยกกองทัพกลับก็เพราะมีเจตนาจะยกไปตีเมืองเสฉวน เพื่อซ่องสุมกำลังไปล้างแค้นโจโฉให้กับบิดา
อานุภาพของข่าวลือทำให้แผนการของเอียวสงบรรลุผลสำเร็จ เตียวล่อเชื่อข่าวลือแล้วจึงเรียกเอียวสงเข้ามาปรึกษาว่าคนทั้งปวงกล่าวขานเรื่องม้าเฉียวทั่วไปดังนี้ ท่านจะมีความเห็นเป็นประการใด
เอียวสงเป็นคนเจ้าเล่ห์ ได้ฟังคำเตียวล่อดังนั้นจึงกล่าวว่า ข้าพเจ้าก็ได้ฟังข่าวสมดังคำท่าน ซึ่งท่านคิดอ่านว่าม้าเฉียวจะทรยศนั้นช่างปรีชาสามารถนัก แล้วว่าเพื่อทดสอบลองใจของม้าเฉียวเป็นขั้นสุดท้าย ขอให้ท่านมีหนังสือไปถึงม้าเฉียว ตั้งเงื่อนไขสามประการให้ม้าเฉียวปฏิบัติ
ข้อหนึ่ง ให้ม้าเฉียวเร่งทำศึกให้ได้ชัยชนะแก่เล่าปี่โดยเร็วที่สุด
ข้อสอง เมื่อได้ชัยชนะแก่เล่าปี่แล้วให้รีบยกไปตีเมืองเสฉวน
ข้อสาม เมื่อได้เมืองเสฉวนแล้วแม้นว่าเล่าเจี้ยงจะหนีก็ให้ม้าเฉียวติดตามตัดศีรษะเล่าเจี้ยงกลับมาเมืองฮันต๋ง
ถ้าหากม้าเฉียวทำการสำเร็จตามเงื่อนไขทั้งสามประการก็จะปูนบำเหน็จให้เป็นอันมาก แต่ถ้าขาดไปแม้ข้อใดข้อหนึ่งก็จะประหารชีวิตม้าเฉียวเสีย
เอียวสงเห็นเตียวล่อนั่งฟังอย่างสงบนิ่งก็รู้อัธยาศัยว่าเตียวล่อคล้อยตาม จึงสำทับสืบไปว่าเพื่อป้องกันม้าเฉียวทรยศคิดร้ายต่อท่าน ชอบที่จะให้เตียวโอยน้องท่านยกทหารออกไปขัดตาทัพม้าเฉียวไว้ทุกด่านทุกตำบล หากแม้นม้าเฉียวไม่สุจริตคิดทำร้ายท่านก็จะป้องกันแก้ไขได้ทัน
เตียวล่อได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบ สั่งการให้จัดแจงตามข้อเสนอของเอียวสงทุกประการ
อันเงื่อนไขสามประการนี้ดูภายนอกช่างดีเลิศงดงาม เป็นประโยชน์แก่เตียวล่อยิ่งนัก แต่เนื้อแท้ก็คือการบีบบังคับให้ม้าเฉียวกระทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ ทั้งการจัดทหารขัดตาทัพไว้ทุกด่านทุกตำบลก็คือการแสดงความไม่ไว้วางใจในกรณีที่ม้าเฉียวจะยกกองทัพกลับ
ดังนั้นในทันทีที่ม้าเฉียวได้เห็นหนังสือเงื่อนไขของเตียวล่อแล้วก็เกิดความวิตกกังวล จึงปรึกษาด้วยม้าต้ายผู้น้องว่าเตียวล่อมีหนังสือคาดโทษมาหนักหนาถึงสามประการดังนี้ เกิดแต่ความโกรธที่ตัวเราไม่ยกกองทัพกลับไปตามคำสั่ง การซึ่งจะทำให้สำเร็จตามเงื่อนไขทั้งสามข้อนั้น ยากที่จะทำให้สำเร็จได้ จึงควรจะรีบเลิกทัพกลับไปเมืองฮันต๋งจึงจะพ้นโทษ
ม้าต้ายได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบ ดังนั้นสองพี่น้องทายาทของม้าเท้งขุนพลผู้ภักดีแห่งราชวงศ์ฮั่นจึงเลิกทัพจะยกกลับไปเมืองฮันต๋ง
เมื่อเตียวล่อให้ม้าเร็วถือหนังสือไปถึงม้าเฉียวนั้น เอียวสงได้แต่งทหารคนสนิทร่วมขบวนไปด้วย พอทราบความทหารคนสนิทของเอียวสงจึงรีบรายงานให้เอียวสงทราบ
เอียวสงทราบความแล้วจึงแต่งคนออกไปซุบซิบปล่อยข่าวลือว่าม้าเฉียวโกรธเตียวล่อที่ให้เลิกทัพกลับ จึงยกทัพกลับมาหวังจะยึดเอาเมืองฮันต๋ง จากนั้นจึงประสานงานกับแม่ทัพเมืองฮันต๋งให้จัดส่งทหารเพิ่มเติมไปขัดตาทัพม้าเฉียวไว้ทุกด่านทุกตำบลอีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งสั่งกำชับว่าให้ป้องกันมิให้ทหารม้าเฉียวล่วงล้ำแดนเมืองฮันต๋งได้แม้แต่คนเดียว
พอกองทัพม้าเฉียวยกมาถึงด่านปลายแดนเมืองฮันต๋ง ทหารซึ่งรักษาด่านก็ไม่ยอมให้เข้าด่าน ตั้งขัดตาทัพแข็งขันไม่ยอมพูดจา ม้าเฉียวจะชี้แจงประการใดก็ไม่ยอมรับฟัง กลับสั่งทหารให้ขึ้นรักษาการณ์บนเชิงเทินและกำแพงด่านอย่างแข็งขันทั้งกลางวันและกลางคืน
ม้าเฉียวพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดดังนั้นก็หวาดวิตก เพราะจะยกเข้าไปในด่านก็ไม่ได้ หากยกกลับไปรบกับเล่าปี่ที่ด่านแฮบังก๋วนก็เกรงว่าเตียวล่อจะยิ่งสงสัย จะทำการในทางหนึ่งทางใดก็คิดไม่ตก ม้าเฉียวจึงมีความกลุ้มและกังวลเป็นอันมาก ขณะที่ในใจก็คิดว่าการที่เตียวล่อตั้งเงื่อนไขเป็นฉกรรจ์ถึงสามประการ ได้แฝงเร้นไว้ซึ่งเจตนาร้ายหมายสังหารม้าเฉียวเสีย ทั้งการที่ให้ทหารขัดตาทัพไว้ก็คือการไม่ไว้วางใจให้ยกเข้าไปในแดนเมืองฮันต๋ง อันตัวเราก็กำพร้าบิดา บุตรสืบสายสกุลก็สิ้นแล้ว หากถูกเตียวล่อสังหารไหนเลยวิญญาณเราจะกล้าพบหน้าบิดาในปรโลกได้ ม้าเฉียวยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มจนหมกไหม้หม่นหมอง ได้แต่ตั้งค่ายสงบนิ่งอยู่ที่หน้าด่าน
ความอันเป็นไปในกองทัพของม้าเฉียวและเมืองฮันต๋งตกอยู่ภายใต้การสอดแนมอย่างละเอียดถี่ถ้วนของขงเบ้ง ครั้นขงเบ้งทราบรายงานความเป็นไปทั้งปวงแล้ว จึงกล่าวแก่เล่าปี่ว่า บัดนี้ม้าเฉียวตกในที่อับสิ้นความคิดแล้ว ข้าพเจ้าขออาสาท่านไปเกลี้ยกล่อมม้าเฉียวให้เข้ามาสวามิภักดิ์แก่ท่าน
เล่าปี่จึงว่าเวลานี้เป็นยามหน้าศึก ตัวท่านกับม้าเฉียวก็มิได้คุ้นเคยกันมาแต่ก่อน เกรงว่าจะเกิดอันตราย “ตัวท่านอุปมาเหมือนหนึ่งดวงใจเรา ซึ่งท่านจะไปเกลี้ยกล่อม ม้าเฉียวนั้น เกลือกจะมีความอันตรายสิ่งใดมา เราจะได้ความเดือดร้อน”
เล่าปี่กล่าวสิ้นคำลงทหารรักษาการณ์ก็วิ่งเข้ามารายงานว่า ขณะนี้มีผู้ถือหนังสือของจูล่งจะมาส่งแก่ท่าน เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี เรียกเอาหนังสือของจูล่งมาเปิดอ่านดูก็รู้ความว่า จูล่งได้ให้ลิอิ๋นชาวเมืองเสฉวนซึ่งรู้จักสนิทคุ้นเคยมาแต่ก่อน ถือหนังสือของจูล่งฝากฝังให้ลิอิ๋นทำราชการอยู่กับเล่าปี่
เล่าปี่อ่านหนังสือของจูล่งจบแล้วก็มีความยินดี ถามทหารว่าลิอิ๋นอยู่ที่ไหน ทหารรักษาการณ์แจ้งว่าลิอิ๋นรออยู่ที่ด้านนอก เล่าปี่จึงออกไปต้อนรับแล้วเชิญลิอิ๋นเข้ามานั่งสนทนาด้วยกัน
ลิอิ๋นคำนับเล่าปี่ตามธรรมเนียมแล้วเล่าปี่จึงถามว่า เมื่อครั้งที่เล่าเจี้ยงดำริจะเรียกหาเราเข้าไปในเมืองเสฉวนนั้น ตัวท่านได้ห้ามปรามเล่าเจี้ยงมิให้เรียกเราเข้าไป บัดนี้เหตุไฉนจึงเอาใจออกหากจากเล่าเจี้ยงแล้วจะมาอยู่ด้วยเราเล่า.
ขงเบ้งจึงว่าเตียวล่อนี้มีที่ปรึกษาผู้หนึ่งเป็นที่ไว้วางใจเชื่อถือมีชื่อว่าเอียวสง อันเอียวสงผู้นี้เป็นคนโลภโมโทสัน เห็นแต่จะได้ทรัพย์สิ่งสินไว้เป็นประโยชน์ตน ก็สามารถยอมพลีกายใจทำการใด ๆ ก็ได้ จึงขอให้ท่านแต่งสินบนอันเป็นที่ต้องใจ แล้วให้คนถือหนังสือลอบไปให้เอียวสง ขอให้เอียวสงยุยงเตียวล่อว่า “ตัวท่านยกกองทัพมานี้จะตีเอาแต่เมือง เสฉวน หวังจะช่วยแก้แค้นซึ่งเล่าเจี้ยงให้ฆ่ามารดาเตียวล่อเสีย แม้เล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวนจะให้มาว่ากล่าวสิ่งใดแก่เตียวล่อก็อย่าให้เอาธุระเลย ถ้าท่านได้เมืองเสฉวนแล้ว จะตั้งใจบำรุงให้เตียวล่อขึ้นเป็นเจ้าในเมืองฮันต๋งจงได้ แล้วให้เตียวล่อมีหนังสือมาหาตัวม้าเฉียวกลับไป”
ขงเบ้งได้เสนอแผนการต่อไปว่า ในช่วงที่ม้าเฉียวจะเลิกทัพกลับไปเมืองฮันต๋งนั้น ข้าพเจ้าจะคิดอ่านแผนการอุบายเกลี้ยกล่อมเอาตัวม้าเฉียวให้มาสวามิภักดิ์กับท่านให้จงได้
เล่าปี่ได้ฟังแผนการอุบายตีท้ายครัวม้าเฉียวดังนั้นก็มีความยินดี จึงแต่งหนังสือตามคำของขงเบ้งแล้วจัดแจงเงินทองข้าวของแพรพรรณอย่างดีเป็นจำนวนมาก ให้ซุนเขียนถือหนังสือและข้าวของเหล่านั้นลอบเอาไปให้แก่เอียวสงที่เมืองฮันต๋ง
ซุนเขียนนักการทูตคนสำคัญของเล่าปี่รับธุระแล้วก็รีบเดินทางไปหาเอียวสง ครั้นได้พบกับเอียวสงก็คำนับตามประเพณี แล้วว่าเล่าปี่นายข้าพเจ้ามอบหมายธุระให้ข้าพเจ้ามาคำนับท่าน ไหว้วานให้ช่วยส่งหนังสือแก่เตียวล่อ ส่วนของกำนัลทั้งปวงนี้เล่าปี่ขอมอบเป็นการคารวะแก่ท่าน ขอจงรับเอาน้ำใจไมตรีของเล่าปี่เถิด
เอียวสงเป็นคนโลภโมโทสัน เห็นทรัพย์สินข้าวของเงินทองเป็นอันมากก็หัวใจพองโต สายตาเปล่งประกายด้วยความโลภ เห็นธุระของซุนเขียนเป็นแค่ผงธุลีก็รีบรับคำ แล้วสั่งให้คนรับใช้รีบขนข้าวของทั้งปวงเข้าไปเก็บ และพาซุนเขียนเข้าไปหาเตียวล่อตั้งแต่เวลานั้น
ครั้นไปถึงเตียวล่อเอียวสงได้คำนับตามประเพณี แล้วกล่าวว่าบัดนี้เล่าปี่ให้ซุนเขียนถือหนังสือฝากไมตรีมาถึงท่าน ซุนเขียนได้ถือจังหวะนั้นคำนับเตียวล่อตามธรรมเนียม ในขณะที่เอียวสงก็ส่งหนังสือของเล่าปี่ให้แก่เตียวล่อ
เตียวล่อรับเอาหนังสือมาอ่านทราบความแล้วจึงถามว่า “ตัวเล่าปี่นั้นเป็นแต่นายทหารกองนอก เหตุใดจึงบังอาจล่วงว่าจะช่วยทำนุบำรุงเราให้เป็นเจ้านั้น เกินกำลังความคิดแลยศศักดิ์นัก”
เอียวสงไม่เปิดโอกาสให้ซุนเขียนตอบความ และชิงตอบเสียเองว่า “เล่าปี่นั้นเป็นนายทหารก็จริงแต่เป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ พระเจ้าเหี้ยนเต้นับถือว่าเป็นอา แล้วเล่าปี่จะพิดทูลสิ่งใด พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ชอบพระอัชฌาสัย ข้าพเจ้าเห็นว่าเล่าปี่ได้ออกปากไว้แล้ว ก็คงจะช่วยกันทำนุบำรุงท่านให้ขึ้นเป็นเจ้าได้”
เอียวสงเป็นคนโลภในทรัพย์ พอได้ทรัพย์ก็สามารถพิดทูลประการใดได้ดังใจปรารถนา ส่วนเตียวล่อผู้เป็นนายก็เป็นคนโลภในยศศักดิ์ ต้องการตั้งตัวเป็นเจ้ามาช้านาน พอได้ฟังคำของเอียวสงว่าเล่าปี่เป็นเชื้อวงศ์ของฮ่องเต้ สามารถเพ็ดทูลให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ตั้งแต่งให้ขึ้นเป็นเจ้าได้ก็สมกับความคิดที่มีมาแต่ก่อนก็เคลิบเคลิ้มไปกับคำกล่าวของ เอียวสง จึงมีความยินดียิ่งนัก
เตียวล่อกำเริบความคิดดังนั้นแล้วจึงตกปากรับคำกับซุนเขียนว่าการของนายท่านเพียงเท่านี้อย่าได้วิตกไปเลย ตัวเรากับเล่าเจี้ยงก็เป็นอริกันมาแต่ก่อน เราจะเรียกทัพม้าเฉียวกลับมาในทันที
ซุนเขียนและเอียวสงเห็นการสำเร็จสมกับธุระที่รับมาแต่เล่าปี่ก็มีความยินดี คำนับลาเตียวล่อแล้วพากันกลับออกไป เอียวสงยังติดใจในทรัพย์สิ่งสินบน ทั้งเห็นผลประโยชน์ในเบื้องหน้าจะมีมาเป็นอันมากก็คิดผูกน้ำใจซุนเขียน จึงเอ่ยปากชวนซุนเขียนให้ไปพักคอยฟังข่าวที่บ้าน ซุนเขียนเองก็เห็นว่าการไปพักอยู่ที่บ้านของเอียวสงจะเป็นประโยชน์แก่การใหญ่ของเล่าปี่และจะได้ถือโอกาสนี้กำหนดแผนการกับเอียวสงสืบไป จึงรับคำเอียวสงด้วยความยินดี
ฝ่ายเตียวล่อตกปากรับคำซุนเขียนแล้วจึงให้ม้าเร็วถือหนังสือไปถึงม้าเฉียวให้รีบยกกองทัพกลับเมืองฮันต๋ง แต่ม้าเฉียวกำลังคึกคะนองกับการศึก ใคร่จะต่อสู้กับเตียวหุยให้รู้แพ้แลชนะจึงไม่ยอมยกทัพกลับ และสั่งม้าเร็วให้กลับไปรายงานเตียวล่อว่าขอผ่อนเวลาทำการศึกให้ได้ชัยชนะก่อน แล้วจะยกกองทัพกลับไปเมืองฮันต๋ง
เตียวล่อรับรายงานจากม้าเร็วแล้วก็ขุ่นใจ สั่งม้าเร็วให้กลับไปเรียกตัวม้าเฉียวอีกสองสามครั้ง ม้าเฉียวก็ไม่ยอมยกกองทัพกลับ ยังคงอ้างเหตุผลว่าขอทำศึกให้ได้รับชัยชนะมีความชอบก่อนแล้วจึงจะกลับ
ความอันเป็นไปดังกล่าวนั้นทราบถึงเอียวสง ได้ปรึกษาหารือกับซุนเขียนแล้ว เอียวสงจึงเข้าไปหาเตียวล่อ แล้วว่า “อันม้าเฉียวนั้นเป็นคนหากตัญญูไม่ ซึ่งท่านให้ไปหาตัวมิได้ยกกองทัพกลับมานั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าม้าเฉียวจะเอาใจออกหากท่านเป็นมั่นคง ให้ท่านคิดอ่านระวังตัวจงดี”
เตียวล่อได้ฟังคำเอียวสงก็เกิดความลังเลสงสัยม้าเฉียว แต่ไม่ตอบถ้อยคำประการใด เอียวสงรู้น้ำใจนายเป็นอย่างดี เห็นอาการดังนั้นก็รู้ว่าไฟแห่งความสงสัยไม่ไว้วางใจม้าเฉียวได้คุกรุ่นขึ้นในใจเตียวล่อแล้ว จึงคำนับลาเตียวล่อกลับไปบ้าน แล้วแต่งผู้คนออกไปซุบซิบนินทาปล่อยข่าวว่าม้าเฉียวเป็นคนมีความอกตัญญู ฉวยโอกาสที่เตียวล่อให้คุมทหารยกไปด่านแฮบังก๋วนจะยึดเอาเมืองเสฉวนเสียเอง เพื่อซ่องสุมกำลังแล้วยกไปตีเมืองฮูโต๋เพื่อแก้แค้นโจโฉที่ฆ่าบิดา
คำเล่าข่าวลือแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าไฟป่า คนทั้งปวงล้วนเอ่ยปากบอกกล่าวต่อ ๆ กันไปว่าเขาว่าม้าเฉียวเช่นนั้น เมื่อข่าวแพร่หลายมาจากทุกทิศทางเป็นหลายกระแสเข้าไปถึงหูของเตียวล่อความตรงกัน ไฟแห่งความลังเลสงสัยที่มีอยู่ในใจคุกรุ่นอยู่แล้วนั้นก็คุโชนโชติช่วงขึ้น
เตียวล่อจึงเชื่อไปตามคำลือว่าเหตุที่ม้าเฉียวขัดคำสั่งถึงสองสามครั้ง ไม่ยอมยกกองทัพกลับก็เพราะมีเจตนาจะยกไปตีเมืองเสฉวน เพื่อซ่องสุมกำลังไปล้างแค้นโจโฉให้กับบิดา
อานุภาพของข่าวลือทำให้แผนการของเอียวสงบรรลุผลสำเร็จ เตียวล่อเชื่อข่าวลือแล้วจึงเรียกเอียวสงเข้ามาปรึกษาว่าคนทั้งปวงกล่าวขานเรื่องม้าเฉียวทั่วไปดังนี้ ท่านจะมีความเห็นเป็นประการใด
เอียวสงเป็นคนเจ้าเล่ห์ ได้ฟังคำเตียวล่อดังนั้นจึงกล่าวว่า ข้าพเจ้าก็ได้ฟังข่าวสมดังคำท่าน ซึ่งท่านคิดอ่านว่าม้าเฉียวจะทรยศนั้นช่างปรีชาสามารถนัก แล้วว่าเพื่อทดสอบลองใจของม้าเฉียวเป็นขั้นสุดท้าย ขอให้ท่านมีหนังสือไปถึงม้าเฉียว ตั้งเงื่อนไขสามประการให้ม้าเฉียวปฏิบัติ
ข้อหนึ่ง ให้ม้าเฉียวเร่งทำศึกให้ได้ชัยชนะแก่เล่าปี่โดยเร็วที่สุด
ข้อสอง เมื่อได้ชัยชนะแก่เล่าปี่แล้วให้รีบยกไปตีเมืองเสฉวน
ข้อสาม เมื่อได้เมืองเสฉวนแล้วแม้นว่าเล่าเจี้ยงจะหนีก็ให้ม้าเฉียวติดตามตัดศีรษะเล่าเจี้ยงกลับมาเมืองฮันต๋ง
ถ้าหากม้าเฉียวทำการสำเร็จตามเงื่อนไขทั้งสามประการก็จะปูนบำเหน็จให้เป็นอันมาก แต่ถ้าขาดไปแม้ข้อใดข้อหนึ่งก็จะประหารชีวิตม้าเฉียวเสีย
เอียวสงเห็นเตียวล่อนั่งฟังอย่างสงบนิ่งก็รู้อัธยาศัยว่าเตียวล่อคล้อยตาม จึงสำทับสืบไปว่าเพื่อป้องกันม้าเฉียวทรยศคิดร้ายต่อท่าน ชอบที่จะให้เตียวโอยน้องท่านยกทหารออกไปขัดตาทัพม้าเฉียวไว้ทุกด่านทุกตำบล หากแม้นม้าเฉียวไม่สุจริตคิดทำร้ายท่านก็จะป้องกันแก้ไขได้ทัน
เตียวล่อได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบ สั่งการให้จัดแจงตามข้อเสนอของเอียวสงทุกประการ
อันเงื่อนไขสามประการนี้ดูภายนอกช่างดีเลิศงดงาม เป็นประโยชน์แก่เตียวล่อยิ่งนัก แต่เนื้อแท้ก็คือการบีบบังคับให้ม้าเฉียวกระทำในสิ่งที่ทำไม่ได้ ทั้งการจัดทหารขัดตาทัพไว้ทุกด่านทุกตำบลก็คือการแสดงความไม่ไว้วางใจในกรณีที่ม้าเฉียวจะยกกองทัพกลับ
ดังนั้นในทันทีที่ม้าเฉียวได้เห็นหนังสือเงื่อนไขของเตียวล่อแล้วก็เกิดความวิตกกังวล จึงปรึกษาด้วยม้าต้ายผู้น้องว่าเตียวล่อมีหนังสือคาดโทษมาหนักหนาถึงสามประการดังนี้ เกิดแต่ความโกรธที่ตัวเราไม่ยกกองทัพกลับไปตามคำสั่ง การซึ่งจะทำให้สำเร็จตามเงื่อนไขทั้งสามข้อนั้น ยากที่จะทำให้สำเร็จได้ จึงควรจะรีบเลิกทัพกลับไปเมืองฮันต๋งจึงจะพ้นโทษ
ม้าต้ายได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบ ดังนั้นสองพี่น้องทายาทของม้าเท้งขุนพลผู้ภักดีแห่งราชวงศ์ฮั่นจึงเลิกทัพจะยกกลับไปเมืองฮันต๋ง
เมื่อเตียวล่อให้ม้าเร็วถือหนังสือไปถึงม้าเฉียวนั้น เอียวสงได้แต่งทหารคนสนิทร่วมขบวนไปด้วย พอทราบความทหารคนสนิทของเอียวสงจึงรีบรายงานให้เอียวสงทราบ
เอียวสงทราบความแล้วจึงแต่งคนออกไปซุบซิบปล่อยข่าวลือว่าม้าเฉียวโกรธเตียวล่อที่ให้เลิกทัพกลับ จึงยกทัพกลับมาหวังจะยึดเอาเมืองฮันต๋ง จากนั้นจึงประสานงานกับแม่ทัพเมืองฮันต๋งให้จัดส่งทหารเพิ่มเติมไปขัดตาทัพม้าเฉียวไว้ทุกด่านทุกตำบลอีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งสั่งกำชับว่าให้ป้องกันมิให้ทหารม้าเฉียวล่วงล้ำแดนเมืองฮันต๋งได้แม้แต่คนเดียว
พอกองทัพม้าเฉียวยกมาถึงด่านปลายแดนเมืองฮันต๋ง ทหารซึ่งรักษาด่านก็ไม่ยอมให้เข้าด่าน ตั้งขัดตาทัพแข็งขันไม่ยอมพูดจา ม้าเฉียวจะชี้แจงประการใดก็ไม่ยอมรับฟัง กลับสั่งทหารให้ขึ้นรักษาการณ์บนเชิงเทินและกำแพงด่านอย่างแข็งขันทั้งกลางวันและกลางคืน
ม้าเฉียวพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดดังนั้นก็หวาดวิตก เพราะจะยกเข้าไปในด่านก็ไม่ได้ หากยกกลับไปรบกับเล่าปี่ที่ด่านแฮบังก๋วนก็เกรงว่าเตียวล่อจะยิ่งสงสัย จะทำการในทางหนึ่งทางใดก็คิดไม่ตก ม้าเฉียวจึงมีความกลุ้มและกังวลเป็นอันมาก ขณะที่ในใจก็คิดว่าการที่เตียวล่อตั้งเงื่อนไขเป็นฉกรรจ์ถึงสามประการ ได้แฝงเร้นไว้ซึ่งเจตนาร้ายหมายสังหารม้าเฉียวเสีย ทั้งการที่ให้ทหารขัดตาทัพไว้ก็คือการไม่ไว้วางใจให้ยกเข้าไปในแดนเมืองฮันต๋ง อันตัวเราก็กำพร้าบิดา บุตรสืบสายสกุลก็สิ้นแล้ว หากถูกเตียวล่อสังหารไหนเลยวิญญาณเราจะกล้าพบหน้าบิดาในปรโลกได้ ม้าเฉียวยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มจนหมกไหม้หม่นหมอง ได้แต่ตั้งค่ายสงบนิ่งอยู่ที่หน้าด่าน
ความอันเป็นไปในกองทัพของม้าเฉียวและเมืองฮันต๋งตกอยู่ภายใต้การสอดแนมอย่างละเอียดถี่ถ้วนของขงเบ้ง ครั้นขงเบ้งทราบรายงานความเป็นไปทั้งปวงแล้ว จึงกล่าวแก่เล่าปี่ว่า บัดนี้ม้าเฉียวตกในที่อับสิ้นความคิดแล้ว ข้าพเจ้าขออาสาท่านไปเกลี้ยกล่อมม้าเฉียวให้เข้ามาสวามิภักดิ์แก่ท่าน
เล่าปี่จึงว่าเวลานี้เป็นยามหน้าศึก ตัวท่านกับม้าเฉียวก็มิได้คุ้นเคยกันมาแต่ก่อน เกรงว่าจะเกิดอันตราย “ตัวท่านอุปมาเหมือนหนึ่งดวงใจเรา ซึ่งท่านจะไปเกลี้ยกล่อม ม้าเฉียวนั้น เกลือกจะมีความอันตรายสิ่งใดมา เราจะได้ความเดือดร้อน”
เล่าปี่กล่าวสิ้นคำลงทหารรักษาการณ์ก็วิ่งเข้ามารายงานว่า ขณะนี้มีผู้ถือหนังสือของจูล่งจะมาส่งแก่ท่าน เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี เรียกเอาหนังสือของจูล่งมาเปิดอ่านดูก็รู้ความว่า จูล่งได้ให้ลิอิ๋นชาวเมืองเสฉวนซึ่งรู้จักสนิทคุ้นเคยมาแต่ก่อน ถือหนังสือของจูล่งฝากฝังให้ลิอิ๋นทำราชการอยู่กับเล่าปี่
เล่าปี่อ่านหนังสือของจูล่งจบแล้วก็มีความยินดี ถามทหารว่าลิอิ๋นอยู่ที่ไหน ทหารรักษาการณ์แจ้งว่าลิอิ๋นรออยู่ที่ด้านนอก เล่าปี่จึงออกไปต้อนรับแล้วเชิญลิอิ๋นเข้ามานั่งสนทนาด้วยกัน
ลิอิ๋นคำนับเล่าปี่ตามธรรมเนียมแล้วเล่าปี่จึงถามว่า เมื่อครั้งที่เล่าเจี้ยงดำริจะเรียกหาเราเข้าไปในเมืองเสฉวนนั้น ตัวท่านได้ห้ามปรามเล่าเจี้ยงมิให้เรียกเราเข้าไป บัดนี้เหตุไฉนจึงเอาใจออกหากจากเล่าเจี้ยงแล้วจะมาอยู่ด้วยเราเล่า.