ตอนที่ 366. อุบาย "ซุ่มซ้ำซุ่ม"

  ขงเบ้งเดินทัพมาสมทบกับกองทัพของเล่าปี่แล้วได้สำรวจตรวจสอบข้อมูลและข่าวสาร ตลอดจนภูมิประเทศกระจ่างแจ้งแล้ว จึงกำหนดเป้าหมายกำจัดเตียวหยิมให้ได้ก่อนก็จะได้เมืองลกเสียโดยง่าย เมื่อกำหนดดังนี้จึงวางแผนอุบายที่จะจับตัวเตียวหยิม และเรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวงเพื่อรับคำสั่ง

            ขงเบ้งเห็นสามยอดขุนพลนั่งตั้งใจฟังคำสั่งเป็นอันดีแล้วจึงว่า ทางด้านตะวันออกของเมืองลกเสียนอกคูเมืองมีสะพานไม้ข้ามแม่น้ำอยู่แห่งหนึ่งชื่อว่ากิ๋มงันเกียวโป๋หรือสะพานห่านป่าทองคำ เชิงสะพานข้างทิศตะวันออกมีแนวป่าเป็นที่ชอบกล ให้จูล่งคุมทหารห้าร้อยยกไปซุ่มในแนวป่าเชิงสะพานข้างทิศเหนือ ให้เล่าปี่และเงียมหงันคุมทหารสองพันยกไปซุ่มอยู่ในแนวป่าสองข้างทางห่างจากสะพานไปทางด้านตะวันออกยี่สิบเส้น ส่วนที่เชิงสะพานข้างทิศใต้นั้นมีทางตรงไปที่ดงป่าอ้อให้ฮองตงและอุยเอี๋ยนคุมทหารคนละพันเข้าซุ่มอยู่ทั้งสองข้างทางซ้ายขวาในป่าอ้อ แลก่อนถึงป่าอ้อนั้นจะมีทางแคบแยกไปข้างทิศตะวันตก ให้เตียวหุยคุมทหารหนึ่งพันไปซุ่มไว้ที่สองข้างทาง

            ขงเบ้งกำหนดจุดที่ตั้งซุ่มกองทหารเสร็จแล้วจึงถามว่า มีผู้ใดสงสัยในภูมิประเทศและจุดหมายที่ตั้งกองซุ่มหรือไม่

            เมื่อทุกคนตอบพร้อมกันว่าทราบที่ตั้งเป็นอย่างดีแล้ว ขงเบ้งจึงกล่าวสืบไปว่าเราจะทำทีไปล่อเตียวหยิมให้ยกออกมารบ เมื่อเตียวหยิมยกทหารข้ามสะพานไล่ตามเราไปแล้ว ให้จูล่งคุมทหารรื้อสะพานเสีย อย่าให้เตียวหยิมกลับเข้าไปในเมืองได้ แล้วยกทหารออกไปเรียงรายไว้ทางด้านทิศเหนือของแนวทางเชิงสะพาน และเมื่อเตียวหยิมยกทหารไปถึงจุดซุ่มสองข้างทางด้านทิศตะวันออกก็ให้เล่าปี่และเงียมหงันยกทหารออกสกัดไว้ เตียวหยิมก็จะแตกหนีกลับมาทางเชิงสะพานเพื่อจะเข้าไปในเมือง ครั้นเห็นสะพานถูกรื้อแล้วก็จะไปทางข้างทิศเหนือไม่ได้ด้วยจูล่งคุมทหารตั้งกองสกัดอยู่ เตียวหยิมก็จะพาทหารหนีไปทางข้างทิศใต้เข้าไปในดงป่าอ้อ ให้ฮองตงและอุยเอี๋ยนตีกระหนาบเตียวหยิมอย่าให้ผ่านไปได้ เตียวหยิมก็จะถอยร่นลงมาที่ทางแยกแล้วหนีไปทางข้างทิศตะวันตกซึ่งเป็นทางแคบคับขัน เมื่อถึงจุดนั้นก็ให้เตียวหุยคุมทหารล้อมจับตัวเตียวหยิมให้จงได้

            ขงเบ้งวางแผนจัดกำลังและอธิบายแผนการกลอุบายซุ่มซ้ำซุ่มให้บรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จึงถามว่ามีผู้ใดสงสัยประการใดบ้างหรือไม่ แม่ทัพนายกองทั้งปวงได้ฟังก็คำนับรับคำสั่งขงเบ้ง แล้วว่ากุนซือจงวางใจ จากนั้นก็คำนับลาขงเบ้ง กลับอออกไปจัดแจงทหาร ครั้นเวลาปลายยามสามกองทหารทุกกองก็ยกไปตั้งตามจุดซุ่มที่กำหนด

            รุ่งขึ้นเวลาเช้าขงเบ้งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอันซอมซ่อ ขึ้นนั่งบนเกวียนน้อย รายล้อมด้วยทหารที่สูงอายุสามสิบคน ติดตามด้วยทหารราบอีกสองร้อยคน ยกออกจากค่ายไปที่ด้านตะวันออกของเมืองลกเสีย ข้ามสะพานห่านป่าทองคำแล้วให้ทหารร้องท้าทายเตียวหยิมให้ยกทหารออกมารบกัน

            ทางด้านเมืองลกเสียหลังจากเตียวหยิมมีหนังสือไปถึงเล่าเจี้ยงขอให้ส่งกำลังสนับสนุนแล้ว พอเล่าเจี้ยงทราบความก็ตกใจรีบเกณฑ์ทหารสามหมื่นให้โตเอ๋งเป็นแม่ทัพยกมาช่วยเตียวหยิมที่เมืองลกเสีย บรรดานายทหารเมืองเสฉวนที่รักษาเมืองลกเสียเมื่อทราบว่าเล่าเจี้ยงส่งกำลังหนุนมาก็มีความยินดี

            ในเช้าวันที่ขงเบ้งยกกำลังออกมาท้ารบนั้น เตียวหยิมและบรรดานายทหารเมือง เสฉวนยืนสังเกตเหตุการณ์อยู่บนเชิงเทิน

            เตียวหยิมมองลงมาจากเชิงเทินเห็นธงประจำตัวนายทัพระบุชื่อว่าจูกัดเหลียง-ขงเบ้ง ก็นึกคร้ามอยู่ในใจ แต่พอเห็นคนที่นั่งอยู่ในเกวียนภายใต้ธงจูกัดเหลียงนั้นกลายเป็นคนหนุ่มแต่งตัวซอมซ่อและบรรดาทหารที่รายเรียงติดตามมาก็ล้วนเป็นคนสูงอายุและไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยตามกระบวนศึก จึงนึกประมาทว่านี่นะหรือขงเบ้งที่เขาร่ำลือว่ามีสติปัญญาบัญชาการทหารได้ดุจดังเทพยดา แท้จริงก็เป็นคำลือที่เล่าลวงหลอกคนทั้งปวงแค่นั้นเอง

            ขงเบ้งเห็นเตียวหยิมและบรรดานายทหารเมืองเสฉวนยืนอยู่บนเชิงเทินก็เอาพัดขนนกชี้หน้านายทหารเหล่านั้น แล้วว่าเมื่อครั้งสงครามเซ็กเพ็กเราได้ทำลายกองทัพโจโฉถึงร้อยหมื่น พวกเจ้าอยู่ในเมืองน้อยเพียงเท่านี้ไหนเลยจะต่อสู้กับเราได้ จงรีบออกมาคำนับแต่โดยดี เราจะไม่เอาโทษ

            เตียวหยิมนึกประมาทขงเบ้งว่ามีชื่อเสียงจอมปลอม ครั้นได้ฟังคำยั่วยุของขงเบ้งก็โกรธจึงลงจากเชิงเทิน สั่งให้เตียวเอ๊กอยู่รักษาเมือง ให้โตเอ๋งคุมทหารเป็นกองหลัง เตียวหยิมคุมทหารเป็นกองหน้ายกออกจากประตูเมืองทางด้านตะวันออก ข้ามคูเมืองตรงไปที่สะพานห่านป่าทองคำ

            พอเตียวหยิมนำทหารมาถึงประตูเมืองก็เอาทวนชี้ไปที่เกวียนขงเบ้งแล้วว่า “ขงเบ้งนี้ได้ยินเล่าลือว่ามีปัญญาความคิด รู้แต่งกลศึกล่อลวงเป็นหลายประการ บัดนี้เราเห็นทำการเข้ามาดังคนหาปัญญาไม่ ไม่สมกับคำเขาลือเลย จะกลัวอะไรกับขงเบ้ง”

            แล้วเตียวหยิมจึงสั่งทหารให้รุกเข้าจู่โจมขงเบ้งในทันที

            ขงเบ้งคุมทหารคอยทีอยู่ที่เชิงสะพานห่านป่าทองคำ พอเห็นเตียวหยิมออกจากประตูเมืองก็ลงจากเกวียนขึ้นม้า พาทหารถอยข้ามมายังฟากสะพานด้านตะวันออก ทำทีเป็นกลัวเตียวหยิม

            เตียวหยิมเห็นดังนั้นจึงสั่งทหารให้เร่งเข้าจับตัวขงเบ้ง ขงเบ้งก็ขี่ม้าพาทหารหนีไปทางด้านตะวันออก เตียวหยิมไม่รู้กลก็พาทหารไล่ตามไป

            จูล่งคุมทหารซุ่มอยู่ในป่าเชิงสะพาน เห็นเตียวหยิมยกทหารข้ามสะพานไล่ตามขงเบ้งพ้นไปแล้วจึงยกทหารออกจากที่ซุ่มรื้อสะพานไม้ แล้วสั่งทหารให้เรียงรายตั้งมั่นอยู่ข้างทิศเหนือของเชิงสะพาน

            เตียวหยิมไล่ตามขงเบ้งมาครู่หนึ่ง ขบวนของขงเบ้งก็หายไปในราวป่า เตียวหยิมสั่งทหารให้ไล่ติดตาม ในทันใดนั้นเสียงประทัดสัญญาณก็ดังขึ้นจากสองข้างทาง กองทหารของเล่าปี่และเงียมหงันได้ยกออกจากที่ซุ่ม โห่ร้องก้องดังสนั่นรุดเข้าตีกระหนาบกองทหารของเตียวหยิมอย่างดุเดือด

            เตียวหยิมเห็นทหารเมืองเกงจิ๋วยกออกมาจากสองข้างทางราวป่าก็ตกใจ รู้ว่าต้องกลขงเบ้ง จึงสั่งให้ทหารถอยทัพกลับมาตามเส้นทางเดิม เล่าปี่และเงียมหงันได้ทีก็ไล่ตามตีทหารของเตียวหยิมบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก

            เตียวหยิมพาทหารถอยมาใกล้เชิงสะพาน คิดจะอ้อมไปเข้าประตูเมืองด้านทิศเหนือแต่เห็นทหารของจูล่งตั้งมั่นเรียงรายอิงป่าอยู่เป็นอันมากก็เกรงว่าจะตีฝ่าไปไม่พ้น จึงพาทหารหนีไปตามทางข้างทิศใต้ หวังจะอ้อมไปเข้าประตูเมืองทางทิศใต้

            ฝ่ายฮองตงและอุยเอี๋ยนคุมทหารซุ่มอยู่ในป่าอ้อ ครั้นเห็นเตียวหยิมพาทหารแตกหนีมาถึงจุดซุ่มก็จุดประทัดสัญญาณขึ้น ทหารเมืองเกงจิ๋วทั้งสองข้างทางของป่าอ้อก็ยกตีกระหนาบเข้ามาพร้อมกัน ฆ่าฟันทหารของเตียวหยิมบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก

            เตียวหยิมรู้ว่าต้องกลถูกซุ่มซ้ำอีกก็ตกใจ เห็นทหารที่ตามมาเหลืออยู่เพียงสามสิบคนไม่สามารถตีฝ่าไปข้างหน้าได้ จึงขี่ม้าพาทหารถอยร่นมาทางด้านหลัง เห็นทางด้านซ้ายมีทางแยกที่จะวกอ้อมไปเข้าประตูเมืองทางด้านทิศใต้ได้ จึงพาทหารสามสิบคนเข้าไปในทางแยก

            ฝ่ายเตียวหุยคุมทหารซุ่มคอยทีอยู่ในป่าอ้อสองข้างทางแยกซึ่งแคบและขรุขระ เมื่อเห็นเตียวหยิมขี่ม้านำหน้าทหารมาถึงจึงจุดประทัดสัญญาณขึ้น กองทหารของเตียวหุยก็โห่ร้องและยกออกจากป่าอ้อสกัดทางหน้าหลังไว้ เตียวหยิมเห็นดังนั้นก็ตกใจ ขี่ม้าจะถอยกลับมาทางด้านหลังก็เห็นเตียวหุยขี่ม้าขวางหน้าอยู่ มิรู้ที่จะทำประการใดจึงตัดสินใจจะเข้ารบกับเตียวหุย

            เตียวหุยเห็นดังนั้นก็ตวาดขึ้นด้วยเสียงอันดัง ทหารของเตียวหยิมที่ตามมาพากันตกใจ นั่งลงคุกเข่าร้องไห้ขอยอมแพ้แต่โดยดี

            เตียวหยิมยืนม้าอยู่ผู้เดียวท่ามกลางวงล้อมก็รู้สึกตกใจเป็นอันมาก เตียวหุยเห็นดังนั้นจึงสั่งทหารให้ล้อมกระชับเข้าไปจับเตียวหยิมได้โดยละม่อม และให้ทหารมัดเตียวหยิมพากลับไปที่ค่ายของเล่าปี่

            ในขณะที่เตียวหยิมพาทหารหนีไปทางทิศใต้นั้น โตเอ๋งยกตามมาข้างหลังหนีไปไม่ทันเพราะถูกจูล่งสั่งทหารให้ยกสกัดไว้ โตเอ๋งเคยได้ยินกิตติศัพท์ของจูล่งมาแต่ก่อนว่ามีฝีมือลือชากล้าแข็งนัก พอปะหน้ากับจูล่งขวัญก็หนีดีก็ฝ่อ รีบลงจากหลังม้ายอมแพ้แก่จูล่งแต่โดยดี จูล่งจึงให้ทหารจับโตเอ๋งมัดไว้ และให้คุมทหารของโตเอ๋งเป็นเชลยศึกพาไปหาเล่าปี่

            เล่าปี่และขงเบ้งเมื่อทำการตามแผนการแล้วก็พาทหารกลับมารออยู่ที่ค่าย พักหนึ่งจูล่งก็คุมโตเอ๋งเข้ามาหา โตเอ๋งเห็นเล่าปี่ก็รีบคุกเข่าลงคำนับ ร้องขอให้เล่าปี่ไว้ชีวิตแล้วจะยอมเป็นทาสรับใช้ไปจนตาย

            เล่าปี่เห็นดังนั้นก็มีความยินดี ลุกขึ้นมาแก้มัดให้โตเอ๋งและสั่งทหารให้ปูนบำเหน็จแก่โตเอ๋งแล้วว่า ท่านนอบน้อมต่อเราดังนี้ก็ดีแล้ว จงใส่ใจในราชการให้เป็นปกติ เราจะเลี้ยงดูมิให้อนาทร

            เล่าปี่กล่าวพอสิ้นคำเตียวหุยก็คุมตัวเตียวหยิมเข้ามาหา แล้วรายงานการรบพุ่งให้เล่าปี่ฟังทุกประการ แต่เตียวหยิมนั้นยืนทะนงอยู่ไม่ยอมคุกเข่าลงคำนับ

            เล่าปี่จึงถามเตียวหยิมว่า บรรดาทหารในเมืองเสฉวนนี้ได้อ่อนน้อมยอมสวามิภักดิ์ต่อเราโดยดีสิ้นแล้ว เหลือแต่ท่านผู้เดียวเหตุไฉนจึงแข็งขืนอยู่เล่า 

            เตียวหยิมได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ตวาดใส่เล่าปี่ว่า “ตัวเราเป็นชายชาติทหาร จะกลัวอันตรายกลับไปนบนอบเข้าด้วยผู้อื่นหวังจะรักษาชีวิตนั้น ก็มิควรแก่คนที่ซื่อต่อเจ้า อันเป็นชาติทหารแลจะมีเจ้าเป็นสองนั้นก็มิต้องประเพณี ธรรมดาสตรีที่ดีมีมารยาท ก็มิอาจมีผัวให้เป็นสอง แม้ท่านจะขืนให้เรานบนอบนั้น ขัดมิได้ก็จะคำนับ แต่ว่าเรามิได้ตั้งภักดีต่อท่าน”

            เตียวหยิมตวาดเล่าปี่ดังนั้นแล้วก็ด่าเล่าปี่ด้วยถ้อยคำหยาบช้าว่าเล่าปี่เป็นคนทรยศ เนรคุณ หักหลังเล่าเจี้ยงซึ่งเป็นคนแซ่เดียวกัน

            ขงเบ้งนั่งฟังและสังเกตอากัปกิริยาของเตียวหยิมโดยตลอด เห็นทรนงแข็งกร้าวและเด็ดเดี่ยวนัก ก็เห็นว่าคนแบบเตียวหยิมนี้ถึงจะเกลี้ยกล่อมประการใดก็ไม่มีทางที่จะแปรผันให้หันมาสวามิภักดิ์แก่เล่าปี่ได้ หากแม้นทนการบังคับไม่ได้จำยอมอ่อนน้อมแล้ว วันหน้ามีโอกาสคราใดก็จะทำร้ายต่อเล่าปี่ให้เสียการไป

            ขงเบ้งตระหนักดังนั้นแล้ว มองหน้าเล่าปี่เห็นเล่าปี่ส่ายศีรษะก็รู้นัยว่ามีความคิดนึกตรึกอย่างเดียวกัน ขงเบ้งจึงสั่งทหารให้คุมตัวเตียวหยิมไปประหาร ครู่หนึ่งทหารก็เอาศีรษะเตียวหยิมใส่ถาดเข้ามารายงานเล่าปี่ว่าได้ประหารชีวิตเตียวหยิมแล้ว

            เล่าปี่เห็นศีรษะเตียวหยิมก็คิดว่าเตียวหยิมผู้นี้สมเป็นชายชาติทหาร มีสติปัญญาเก่งกล้าสามารถนัก ทั้งยังมีน้ำใจกตัญญูภักดีต่อนาย มิได้เสียดายแก่ชีวิตตัว ก็นึกนับถือน้ำใจเตียวหยิม ความสงสารก็บังเกิดขึ้น ดังนั้นเล่าปี่จึงสั่งทหารให้เอาศพเตียวหยิมไปฝังที่เชิงสะพานห่านป่าทองคำตามอย่างธรรมเนียม และสมเกียรตินายทหารเอก

            เล่าปี่หวังจะให้ทหารทั้งปวงมีน้ำใจภักดีต่อเจ้า และถือเอาความซื่อสัตย์กตัญญูของเตียวหยิมเป็นแบบอย่าง จึงให้ก่อสุสานครอบหลุมฝังศพของเตียวหยิมที่เชิงสะพานนั้น และให้จารึกความที่ป้ายหน้าหลุมศพว่า “เตียวหยิมเป็นคนซื่อตรง”

            ครั้นเวลารุ่งเช้าเล่าปี่และขงเบ้งจึงยกกองทัพเข้าไปประชิดเมืองลกเสีย ให้เงียมหงัน งออี้ และบรรดาทหารเมืองเสฉวนซึ่งยอมอ่อนน้อมสวามิภักดิ์เป็นกองหน้า เล่าปี่ ขงเบ้งและทหารเมืองเกงจิ๋วเป็นกองทัพหลวง

            เงียมหงันยกกองทัพหน้าเข้าประชิดกำแพงเมืองแล้ว เห็นเล่าชุนและเล่ากุ๋ยยืนสังเกตการณ์อยู่บนเชิงเทิน จึงร้องบอกเล่าชุนและเล่ากุ๋ยว่าเล่าปี่มีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อคนทั้งปวง หวังทำนุบำรุงราษฎรให้เป็นสุข คนทั้งปวงก็มีน้ำใจยินดีด้วยเล่าปี่สิ้น ทั้งขงเบ้งก็มีสติปัญญาเป็นอันมาก ท่านจะแข็งขืนอยู่ก็เห็นจะทำการไม่ตลอด รังแต่จะทำให้ราษฎรและทหารทั้งปวงได้รับความเดือดร้อน ท่านอย่าดื้อรั้นต่อไปเลยจงเปิดประตูเมืองยอมอ่อนน้อมแก่เล่าปี่โดยดีเถิด เพราะถึงแม้ขัดขืนต่อไปก็จะพากันตายสิ้น.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘