ตอนที่ 365. จับโจรต้องจับหัวหน้าโจร

 กองทัพของเล่าปี่ในขณะนี้ครองอำนาจเหนือแดนด่านแฮบังก๋วนและด่านโปยสิก๋วนแล้ว และรุดหน้าเข้าตีเมืองลกเสีย บรรจบทัพกับกองทัพของเตียวหุยซึ่งได้อาศัยเงียมหงันเจ้าเมืองปากุ๋นกำราบสี่สิบห้าหัวเมืองที่ขึ้นต่อตั้งแต่แดนเมืองปากุ๋นมาจนถึงแดนเมืองลกเสีย ทำให้ดินแดนแคว้นเสฉวนในความยึดครองของเล่าปี่มีพื้นที่ขยายกว้างขวางขึ้น

            เตียวหยิมและบรรดานายทหารเมืองเสฉวนซึ่งรักษาเมืองลกเสียเห็นเหตุการณ์คับขัน จึงปรึกษาและเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องขอกำลังจากเมืองเสฉวนยกมาช่วยเพิ่มเติมจึงจะสามารถรับมือกับกองทัพเล่าปี่ได้

            เมื่อเห็นพ้องกันแล้วเตียวหยิมจึงแต่งหนังสือให้ทหารรีบถือไปหาเล่าเจี้ยง เร่งให้ส่งกำลังทหารมาเพิ่มเติมโดยเร็วที่สุด

            ครั้นส่งทหารเดินสารไปเมืองเสฉวนแล้ว เตียวหยิมขุนพลผู้ชาญการยุทธ์จึงว่า ในระหว่างที่รอกำลังหนุนอยู่นี้ หากตั้งมั่นรับมือข้าศึกแต่ในเมืองข้าศึกก็จะกำเริบ ทหารในเมืองก็จะท้อแท้เสียขวัญและกำลังใจ ชอบที่จะยกกองทัพออกไปต่อกรด้วยกองทัพเล่าปี่ หากเป็นทีก็จะตีทัพเล่าปี่ให้แตกพ่ายไป แม้นสู้มิได้จึงค่อยหนีกลับมาตั้งรับอยู่ในเมือง

            บรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบ เตียวหยิมจึงเสนอแผนการรบต่อเล่าชุนผู้เป็นบุตรของเล่าเจี้ยงว่า “เวลาพรุ่งนี้เราจะยกทหารออกรบกับเล่าปี่ แล้วจะทำเสียทีแตกมาข้างเชิงกำแพงด้านเหนือ ให้งออี้คุมทหารออกไปซุ่มสกัดทางอยู่ ถ้าเห็นทหารเล่าปี่ไล่ตามมาจงออกสกัดตี ทหารเล่าปี่มิทันรู้ตัวก็จะแตกไป เห็นจะได้ชัยชนะโดยง่าย แลตัวเล่ากุ๋ยนั้นจงอยู่รักษาเมืองกับท่าน ช่วยกันตรวจตรากำชับทหารอย่าได้ประมาท”

            เตียวหยิมในบัดนี้ได้กลายเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพเมืองลกเสียไปโดยอัตโนมัติแล้ว เพราะแม้ว่าเล่าชุนจะมีฐานะสูงเพราะเป็นบุตรของเล่าเจี้ยง และบรรดาแม่ทัพนายกองคนอื่นล้วนไม่มีความคิดเห็นและแผนการอื่นใดที่จะรับมือกับข้าศึก ดังนั้นเมื่อเตียวหยิมเสนอแผนการดังกล่าวเล่าชุนและบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงจึงเห็นชอบพร้อมกัน

            เล่าชุนจึงให้เตียวหยิมเป็นแม่ทัพจัดแจงทหารให้พร้อมและให้ยกไปรบกับเล่าปี่ในวันรุ่งขึ้น

            พอรุ่งขึ้นเช้าเตียวหยิมจัดทหารทั้งปวงตามแผนการพร้อมสรรพแล้วจึงยกทหารออกจากเมืองเป็นสองกอง กองหนึ่งเตียวหยิมคุมทหารยกออกทางประตูเมืองด้านตะวันออกตรงไปที่ค่ายของเล่าปี่ อีกกองหนึ่งงออี้คุมทหารยกออกทางประตูเมืองด้านเหนือแล้วซุ่มทหารไว้ในราวป่าริมแม่น้ำกิมกั๋ง

            ทางฝ่ายเล่าปี่ทราบรายงานจากทหารว่าเตียวหยิมยกกองทัพออกมาจากเมือง จึงให้เตียวหุยคุมทหารออกไปรบกับเตียวหยิม

            เตียวหุยคุมทหารออกจากค่ายแล้ว เห็นเตียวหยิมคุมทหารยกตรงมาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งทหารให้ตะลุยเข้าโจมตีกองทหารของเตียวหยิมในทันที ทหารทั้งสองฝ่ายได้สู้รบตะลุมบอนกันอย่างดุเดือด

            เตียวหยิมเข้ารบกับเตียวหุยได้สิบสองเพลงก็ทำทีเป็นทานกำลังเตียวหุยมิได้ ชักม้าพาทหารหนีไปทางด้านทิศเหนือของเมืองลกเสีย เตียวหุยไม่รู้กลเห็นว่าได้ทีจึงคุมทหารไล่ตามเตียวหยิมไป

            เตียวหยิมทำทีแตกถอยไปทางจุดซุ่มที่ราวป่าใกล้แม่น้ำกิมกั๋ง งออี้เห็นเตียวหุยหลงกลไล่ตามเตียวหยิมมาดังนั้นก็สงบทหารไว้ในราวป่า จนเตียวหุยไล่ตามเตียวหยิมผ่านพ้นจุดซุ่มไปแล้ว จึงสั่งทหารยกออกจากที่ซุ่มไล่ตามตี ในขณะที่เตียวหยิมได้ยินเสียงทหารของงออี้ไล่ตามตีเตียวหุยดังนั้นก็สั่งทหารให้กลับหลังเข้าต่อสู้ด้วยทหารของเตียวหุย

            ทหารของเตียวหุยจึงตกอยู่ในท่ามกลางวงล้อมของทหารเมืองลกเสียจึงพากันแตกตื่นตกใจ ในขณะที่ทหารเมืองลกเสียก็ตีวงล้อมกระชับเข้ามา เตียวหยิมเห็นได้ทีจึงสั่งทหารให้ระดมยิงเกาทัณฑ์เข้าไปในวงล้อมถูกทหารเตียวหุยบาดเจ็บล้มตายลง เตียวหุยเองก็ได้แต่เอาทวนป้องปัดลูกเกาทัณฑ์มิให้ต้องกาย แต่ไม่รู้ว่าจะตีฝ่าออกไปได้ประการใด

            ในขณะที่เตียวหุยกำลังตกอยู่ในภาวะคับขันท่ามกลางวงล้อมและห่าเกาทัณฑ์ของทหารเมืองลกเสียนั้น พลันได้ยินเสียงทหารโห่ร้องกึกก้องมาทางด้านหลังกองทหารของงออี้ รุกตีทหารของงออี้แตกกระจัดกระจาย เตียวหุยเหลือบไปเห็นธง “เสียงสานจูล่ง” ตีตะลุยตลบหลังเข้ามา รู้ว่าเป็นจูล่งนำทหารยกมาช่วยก็มีความยินดี

            ความจริงจูล่งและขงเบ้งยกกองทัพเรือมาตามแม่น้ำกิมกั๋งโดยจูล่งเป็นกองทัพหน้า พอยกมาถึงริมแม่น้ำข้างทิศเหนือเมืองลกเสีย ได้ยินเสียงสู้รบของทหารอึงคะนึงก็สำคัญว่าทหารเมืองเกงจิ๋วกำลังสู้รบกับทหารเมืองลกเสียจึงรีบพาทหารยกพลขึ้นบกรีบรุดตรงมา ครั้นเห็นเตียวหุยตกอยู่ในวงล้อมก็ตีตลบหลังทหารของงออี้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

            ทหารของงออี้ไม่ทันระวังหลังจึงถูกทหารจูล่งฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก จูล่งขี่ม้าตีตะลุยขึ้นไปจนถึงตัวงออี้ พอดีงออี้ได้ยินเสียงสู้รบของทหารทางด้านหลังจึงเหลียวกลับไปดู จูล่งก็จู่โจมเข้าจับตัวงออี้ได้บนหลังม้า ทหารของงออี้เห็นตัวนายถูกจับได้ก็พากันสวามิภักดิ์ต่อจูล่งสิ้น

            เตียวหุยพอคลายความกดดันจากทหารของงออี้ซึ่งตีกระหนาบอยู่ด้านหลังเพราะเหตุที่จูล่งยกมาช่วยได้ทันท่วงที จึงสั่งทหารให้โจมตีทหารของเตียวหยิมแต่ด้านเดียว

            เตียวหยิมเพิ่งกลับหลังยกมาล้อมเตียวหุยไว้ กำลังกระหยิ่มใจว่าเตียวหุยตกอยู่ในวงล้อมคงจะเสียทีเป็นมั่นคง แต่พอเห็นกองทัพเมืองเกงจิ๋วตีตลบหลังมาทางด้านทหารของงออี้ก็สำคัญว่าต้องกลของเล่าปี่ ทำให้อุบายซึ่งคิดตีกระหนาบเตียวหุยเสียการไป ดังนั้นเตียวหยิมจึงใช้สุดยอดกลยุทธ์คือหนีเอาตัวรอด สั่งทหารให้กลับหลังแล้วพากันหนีกลับเข้าประตูเมืองทางด้านตะวันตก

            เตียวหุยคุมทหารไล่ตามตีเตียวหยิมไปจนถึงประตูเมือง ทหารในเมืองก็ยิงเกาทัณฑ์มาสกัดไว้ เห็นว่าจะตีเข้าเมืองไม่ได้จึงพาทหารยกย้อนกลับมาหาจูล่ง ต่างฝ่ายต่างคำนับกันตามธรรมเนียมแล้ว เตียวหุยจึงถามว่าบัดนี้ขงเบ้งอยู่ที่ไหน

            จูล่งจึงว่าบัดนี้ขงเบ้งยกกองทัพเรือมาถึงแล้ว ได้ขึ้นฝั่งคะเนว่ากำลังเข้าไปสนทนากับเล่าปี่

            เตียวหุยจึงถามสืบไปว่าเหตุไฉนท่านจึงทราบว่าข้าพเจ้าตกอยู่ในท่ามกลางที่ล้อมของข้าศึก

            จูล่งจึงว่าเมื่อกองทัพเรือยกมาถึงริมฝั่งแม่น้ำด้านทิศเหนือเมืองลกเสีย ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งจากขงเบ้งให้รีบยกมาช่วยท่าน แล้วขงเบ้งก็ขึ้นเรือแยกไปหาเล่าปี่

            เตียวหุยได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงพาทหารและเชลยศึกกลับไปที่ค่าย เตียวหุยใจร้อนรีบก้าวเท้าเข้าไปในค่าย เห็นขงเบ้งนั่งสนทนาอยู่กับเล่าปี่จึงตรงเข้าไปคำนับด้วยใบหน้าที่ยิ้มย่องผ่องใส เป็นนัยว่าตัวข้าพเจ้าเตียวหุยนี้แม้น้อยด้อยปัญญาแต่ก็สามารถยกกองทัพล่วงมาถึงเมืองลกเสียได้ก่อนท่าน

            ขงเบ้งเห็นเตียวหุยดังนั้นก็รู้นัย จึงยิ้มให้เตียวหุยแล้วถามว่าท่านทำประการใดจึงสามารถยกกองทัพมาถึงเมืองลกเสียก่อนข้าพเจ้า

            เตียวหุยได้ทีก็เล่าความซึ่งได้สู้รบกับเงียมหงันแล้วได้อาศัยเงียมหงันเกลี้ยกล่อมบรรดาขุนนางข้าราชการเมืองเสฉวนทั้งสี่สิบห้าตำบลให้เข้าเป็นพวก จึงสามารถเดินทัพมาถึงเมืองลกเสียได้อย่างปลอดโปร่ง

            ขงเบ้งฟังเตียวหุยเล่าความไปก็พยักหน้าเป็นครั้งคราว พอเตียวหุยกล่าวความสิ้นคำลงขงเบ้งจึงกล่าวกับเล่าปี่ว่า “อันเตียวหุยนี้แต่ก่อนมีใจร้ายกาจนัก แลมาดับใจให้เสียพยศอันร้าย สู้เอาราชการเป็นประมาณได้ทั้งนี้ก็เพราะบุญของท่าน”

            ขงเบ้งกล่าวกับเล่าปี่แต่กลับชายตามาหาเตียวหุย

            เตียวหุยก็รู้ทีว่าขงเบ้งกล่าวความกับเล่าปี่ทั้งนี้คือการยกย่องสรรเสริญความสามารถของตัวก็กระหยิ่มยิ้มย่องดีใจคำนับขงเบ้ง

            พอจูล่งคุมตัวงออี้เข้าไปหาเล่าปี่แล้วรายงานว่า บัดนี้ข้าพเจ้าจับตัวงออี้ทหารเมืองลกเสียได้ จึงขอนำมามอบแก่ท่าน

            เล่าปี่เห็นดังนั้นจึงกล่าวกับงออี้ว่าบัดนี้ตัวท่านตกเป็นเชลยของเราแล้ว จะคิดอ่านประการใด

            งออี้จึงว่าเมื่อข้าพเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือท่าน จะเป็นตายร้ายดีประการใดก็สุดแต่น้ำใจท่านจะประทานให้ หากแม้นไว้ชีวิตข้าพเจ้าก็จะขอเป็นข้าทาสรับใช้ท่านไปตลอดชีวิต

            เล่าปี่เห็นดังนั้นจึงลุกมาแก้มัดงออี้ แล้วว่าท่านยินดีอยู่ด้วยเราดังนี้ เราจะชุบเลี้ยงมิให้อนาทร

            งออี้คำนับขอบคุณเล่าปี่ที่ไว้ชีวิต เล่าปี่รับคำนับแล้วจึงว่าท่านอยู่ด้วยเราแล้วจงตั้งใจทำราชการให้สำเร็จ ความชอบก็จะมีแก่ท่าน อาณาประชาราษฎรก็จะได้ความสุขเพราะท่าน

            ขงเบ้งเห็นงออี้สวามิภักดิ์ต่อเล่าปี่ดังนั้นแล้ว จึงถามงออี้ว่าซึ่งเมืองลกเสียต่อต้านแข็งขืนอยู่ดังนี้ มีผู้ใดเป็นหัวหน้ารักษาเมืองหรือ

            งออี้จึงว่าเมืองลกเสียนี้เป็นเมืองสำคัญ เล่าเจี้ยงจึงใช้ให้เล่าชุนผู้บุตรมาอยู่รักษาเมือง มีแม่ทัพสองคนคือเล่ากุ๋ยและเตียวหยิม แต่เตียวหยิมนั้นเป็นทหารมีฝีมือกล้าแข็งและชำนาญการพิชัยสงครามยิ่งกว่าคนทั้งปวง

            ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นจึงว่า อันประเพณีการสู้รบจะต้องจู่โจมที่หัวใจ แม้นจะจับโจรจะต้องจับหัวหน้าโจรก่อนจึงจะทำการได้สำเร็จโดยง่าย ซึ่งจะตีเมืองลกเสียให้ได้นั้นก็จะต้องกำจัดเตียวหยิมเสียก่อน

            ว่าแล้วขงเบ้งจึงคำนับลาเล่าปี่ออกไปด้านนอกค่าย แล้วขึ้นม้าพาทหารสิบสองคนไปตรวจตราดูภูมิประเทศโดยรอบเมืองลกเสียอย่างละเอียดถี่ถ้วน ครั้นมาถึงประตูเมืองทางด้านตะวันออกขงเบ้งเห็นเป็นภูมิประเทศชอบกล เพราะมีแม่น้ำเล็ก ๆ เป็นคูเมือง มีสะพานไม้ทอดข้าม และห่างออกไปจากสะพานนี้หกสิบเส้นเป็นป่าอ้อสูงท่วมเหนือศีรษะหนาแน่น

            ขงเบ้งยืนพินิจพิจารณาภูมิประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทอดสายตาไปที่ประตูเมืองไล่เลียงมาที่สะพานและตามเส้นทางที่ทอดมาถึงป่าอ้อก็ผงกศีรษะ ในขณะที่เอามือทั้งสองไพล่ไว้ที่ด้านหลัง ครู่หนึ่งจึงขี่ม้าสำรวจภูมิประเทศข้างเคียงอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้งหนึ่ง แล้วพาทหารกลับไปค่าย

            ขงเบ้งเพิ่งมาถึงเมืองลกเสียก็ลงมือสำรวจภูมิประเทศเพื่อเตรียมการทำศึกและจะจับตัวเตียวหยิมให้ได้ ซึ่งการทั้งนี้แตกต่างกับการบัญชาการรบของบังทอง เพราะบังทองนั้นเดินทัพโดยมิได้สำรวจภูมิประเทศอย่างกระจ่างแจ้งก่อน จึงก้าวล่วงเข้าสู่มรณะภูมิและเสียทีแก่ข้าศึกจนตัวตาย แต่ขงเบ้งนั้นให้ความสำคัญและให้ความสนใจแก่ภูมิประเทศเป็นอย่างยิ่ง หากเป็นแดนเมืองซงหยงซึ่งเป็นแดนเกิดก็จะเห็นได้ว่าขงเบ้งสามารถบัญชาการรบได้โดยไม่ต้องออกตรวจตราภูมิประเทศ ก็สามารถกำหนดแผนการยุทธ์ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่เมื่อถึงแดนเมืองเสฉวนขงเบ้งไม่รู้สภาพภูมิประเทศมาก่อนจึงต้องออกมาศึกษาภูมิประเทศด้วยตนเอง เห็นภูมิประเทศแล้วจึงสามารถกำหนดแผนการยุทธ์ให้สอดคล้องต้องกันได้

            ขงเบ้งกำหนดแผนการเผด็จศึกเมืองลกเสียโดยวางเป้าหมายที่การกำจัดเตียวหยิม หลังจากสำรวจภูมิประเทศเสร็จแล้วแผนการที่จะกำจัดเตียวหยิมก็ถูกกำหนดขึ้น พอกลับถึงค่ายก็เรียกจูล่ง ฮองตง และอุยเอี๋ยนเข้ามาพบ แล้วว่าในวันพรุ่งนี้เราจะวางกลอุบายจับตัวเตียวหยิมให้จงได้ สามนายทหารเอกได้ฟังคำขงเบ้งดังนั้นก็พากันนิ่งตั้งใจฟังว่าขงเบ้งจะกำหนดแผนการประการใด.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘