ตอนที่ 364. เข้าตีเมื่อข้าศึกอ่อนล้าอิดโรย

 กองทัพของเตียวหยิมเสียทีเล่าปี่ต้องแตกหนีกลับเข้าเมืองลกเสีย ครั้นเล่าปี่ยกกองทัพเข้าหักเอาเมืองก็ป้องกันรักษาเมืองไว้เป็นสามารถ เตียวหยิมเห็นกองทัพเล่าปี่ยกมาท้ารบตั้งแต่เช้าจนบ่ายอ่อนล้าอิดโรย มีท่าทีว่าจะถอยทัพ จึงจัดกองทัพออกเป็นสองสายเพื่อโจมตีกองทัพของเล่าปี่

            การดำเนินกลยุทธ์ของเตียวหยิมในครั้งนี้ประจักษ์ชัดว่ายอดขุนพลเมืองเสฉวนนามเตียวหยิมนั้นหาใช่ขุนพลธรรมดาไม่ หากเป็นผู้เชี่ยวชาญจัดจ้านในเชิงพิชัยสงคราม ดังจะเห็นจากการวางแผนซุ่มตีกองทัพของบังทอง จนถึงการวางแผนรุกรบจนเล่าปี่ต้องถอยหนีกลับเข้าไปอยู่ที่ด่านโปยสิก๋วน ในตอนแรกที่เล่าปี่ยกกองทัพมาประชิดเมืองเตียวหยิมเห็นว่ากองทัพของเล่าปี่ยังฮึกเหิมจึงไม่ยอมออกรบ จนกระทั่งวันเวลาผ่านไปถึงสองวันและทอดเวลาตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย ทำให้ทหารของเล่าปี่ซึ่งกรำแดดอยู่ทั้งวันต้องอ่อนล้าอิดโรย ลดทอนความแข็งแกร่งของกองทัพเล่าปี่ลงเป็นอันมาก พอถึงเวลาบ่ายกองทัพเล่าปี่มีท่าทีว่าจะถอยทัพกลับไปค่าย ก็กุมทีกระทำด้วยเล็งเห็นชัยชนะอันเป็นหลักการยุทธ์สำคัญแห่งพิชัยสงครามที่กำหนดให้เข้าตีเมื่อข้าศึกอ่อนล้าอิดโรย การที่เตียวหยิมสามารถกุมหลักการยุทธ์แห่งพิชัยสงคราม ประสานกับโอกาสและสภาพความจริงในการรบอย่างถูกต้องเช่นนี้ จึงต้องนับว่าเตียวหยิมเป็นยอดนักพิชัยยุทธ์คนหนึ่ง

            เล่าปี่ยกทหารมาประชิดเมืองลกเสีย ท้าให้ในเมืองยกออกมารบตั้งแต่เช้าจนบ่ายเห็นทหารอ่อนล้าอิดโรยลงและเห็นในเมืองไม่ยกออกมารบจึงสั่งให้ถอยทัพเพื่อจะกลับไปค่าย

            พอทหารเล่าปี่เคลื่อนขบวนถอยทัพ เสียงประทัดสัญญาณก็ดังขึ้นจากในเมืองลกเสีย เตียวหยิมได้คุมกองทัพออกมาจากประตูเมืองด้านทิศใต้ วกมาทางด้านตะวันตกไล่ตามตีกองทัพเล่าปี่ ในขณะที่ลุยต๋องและงอหลันคุมกองทัพยกออกมาจากประตูเมืองด้านทิศเหนือวกอ้อมไล่ตามตีกองทัพของอุยเอี๋ยนและฮองตง

            กองทัพเล่าปี่ อุยเอี๋ยนและฮองตง กำลังจะถอยทัพกลับเข้าค่ายไม่อยู่ในสภาพพร้อมรบ ครั้นถูกกองทัพเมืองลกเสียยกไล่ตามตีเข้ามาอย่างรวดเร็วดังนั้น ทหารของเล่าปี่ทั้งสองกองก็แตกตื่นอลหม่านกระจัดกระจาย ถูกทหารเมืองลกเสียฆ่าฟันบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก

            เล่าปี่เห็นทหารแตกตื่นตกใจคุมกันไม่ติดก็ขี่ม้าหนีไปตามทางน้อยระหว่างซอกเขา เตียวหยิมเห็นเล่าปี่ขับม้าหนีและมีทหารติดตามไปไม่กี่คนก็พาทหารไล่ตามเล่าปี่ไป

            ในขณะนั้นกองทัพของเตียวหุยโดยการนำทางของเงียมหงันได้เดินทัพตรงมาเมืองลกเสียอย่างราบรื่นสะดวกดาย พอเดินทัพมาตามทางน้อยระหว่างซอกเขาได้ยินเสียงโห่ร้องของทหารดังอยู่เบื้องหน้าก็คิดว่าคงเป็นการสู้รบระหว่างกองทัพเมืองเกงจิ๋วกับกองทัพเมืองลกเสีย จึงเร่งทหารให้รีบยกไปเพื่อจะสมทบกับทหารเมืองเกงจิ๋ว ทหารของเตียวหุยรับคำสั่งแล้วก็โห่ร้องชิงกันรุกไปข้างหน้า เสียงดังสนั่นหวั่นไหวในท่ามกลางซอกเขานั้น

            ฝ่ายเล่าปี่ถูกเตียวหยิมไล่ตามตีอย่างกระชั้นชิด พลันได้ยินเสียงทหารโห่ร้องก้องดังอยู่เบื้องหน้า ก็สำคัญว่าต้องกลของเตียวหยิมซุ่มทหารสกัดทางน้อย ซึ่งจะรุกไปข้างหน้าก็เหมือนหนึ่งถลำลึกเข้าไปในกลอุบาย จะถอยกลับมาข้างหลังกองทัพของเตียวหยิมก็กระชั้นเข้ามา เล่าปี่จึงท้อใจปรารภว่าครั้งนี้เทพยดาจะผลาญชีวิตเราเสียเป็นแน่แท้

            เล่าปี่ปรารภความไม่ทันสิ้นคำ เสียงทหารซึ่งโห่ร้องอยู่ข้างหน้าก็ยกตรงมาถึง เล่าปี่แลเห็นเป็นธงกองทัพเมืองเกงจิ๋วก็ค่อยคลายใจ แต่พอเห็นธงสำหรับตัวนายทัพว่าเตียวหุยคุมทัพมาเองก็มีความยินดี

            เล่าปี่จ้องไปข้างหน้าเห็นเตียวหุยขี่ม้าถือทวนนำหน้าทหารทั้งปวงตรงมา จึงรีบร้องบอกเตียวหุยว่ามีข้าศึกยกกองทัพไล่ตามตีมาข้างหลัง

            เตียวหุยเห็นเหตุการณ์ดังนั้นจึงขี่ม้านำหน้าทหารผ่านเล่าปี่ไปสกัดหน้าม้าของเตียวหยิมไว้

            เตียวหยิมกำลังไล่ตามตีเล่าปี่ด้วยความฮึกเหิม แต่ในทันใดนั้นกลับถูกเตียวหุยชักม้ามาสกัดไว้ก็ตกใจ แต่ด้วยระยะกระชั้นชิดจึงจำเข้ารบด้วยเตียวหุย

            เตียวหยิมรบกับเตียวหุยได้เพียงสิบเพลงก็ได้ยินเสียงทหารโห่ร้องยกหนุนเนื่องตามเตียวหุยมา เห็นเป็นเงียมหงันอดีตเจ้าเมืองปากุ๋นคุมทหารยกมาเป็นอันมาก เตียวหยิมก็ตกใจรีบชักม้าผละออกจากวงรบ หันหลังกลับพาทหารหนีไปทางเมืองลกเสีย

            เตียวหุยเห็นได้ทีก็สั่งทหารให้ยกไล่ตามตีเตียวหยิมไปจนถึงเชิงกำแพงเมือง เห็นเตียวหยิมหนีกลับเข้าเมืองได้และทหารในเมืองได้ระดมยิงเกาทัณฑ์สกัดกั้นไว้ จึงพาทหารย้อนกลับมาหาเล่าปี่

            สองพี่น้องร่วมสาบานแห่งสวนท้อได้พบหน้ากันอีกครั้งหนึ่งจึงต่างมีความยินดี คำนับกันตามธรรมเนียมแล้วเตียวหุยก็เข้าไปกอดเล่าปี่ เล่าปี่ก็กอดเตียวหุยเอาไว้แน่น

            ครู่หนึ่งเตียวหุยจึงว่าขงเบ้งได้เกณฑ์ทหารยกมาทั้งทางบกและทางเรือ ตัวข้าพเจ้าเป็นแม่ทัพยกมาตามทางบก ส่วนขงเบ้งยกมาตามแม่น้ำกิมกั๋ง ควรที่จะมาถึงก่อนข้าพเจ้าแต่ข้าพเจ้ากลับมาถึงก่อน ว่าแล้วเตียวหุยก็หัวเราะด้วยความคึกคะนอง

            เล่าปี่ประหลาดใจจึงถามว่าน้องเล็กเจ้าหัวเราะด้วยเรื่องอันใด เตียวหุยจึงว่าแรกจะยกกองทัพมานั้นขงเบ้งได้เร่งเดินทัพกำหนดว่ากองทัพใดมาถึงก่อนก็จะได้รับบำเหน็จความชอบเป็นอันมาก บัดนี้ข้าพเจ้ามาถึงก่อนจึงได้รับความชอบก่อนขงเบ้ง

            เล่าปี่สงสัยในคำของเตียวหุยจึงถามว่า อันหนทางบกซึ่งจะยกมาเมืองลกเสียนี้เป็นทางไกลแลทุรกันดาร ทั้งมีด่านและกองทหารเมืองเสฉวนตั้งสกัดกั้นอยู่เป็นอันมาก เหตุไฉนน้องเล็กเจ้าจึงสามารถเคลื่อนทัพมาได้อย่างรวดเร็วดั่งนี้

            เตียวหุยได้ฟังคำเล่าปี่ดังนั้นจึงเรียกเงียมหงันมาคำนับเล่าปี่แล้วว่า “อันทางนี้มีด่านถึงสี่สิบห้าตำบลคับขันก็จริง แต่ว่าท่านผู้เฒ่าเงียมหงันนี้มีความภักดีมาด้วย ช่วยว่ากล่าวขุนนางทั้งปวงให้อ่อนน้อมทุกตำบล มิได้ขัดแข็ง จึงมาได้โดยสะดวก อันความชอบของท่านผู้เฒ่าครั้งนี้หาที่สุดมิได้”

            เตียวหุยแนะนำเงียมหงันแก่เล่าปี่ดังนั้นแล้ว จึงเล่าความที่ได้สู้รบกับเงียมหงันที่เมืองปากุ๋นให้เล่าปี่ฟังทุกประการ

            เล่าปี่ฟังคำเตียวหุยแล้วจึงเดินเข้าไปหาเงียมหงัน รับคำนับแล้วก้มลงประคองเงียมหงันให้ลุกขึ้น แล้วว่า “ครั้งนี้หากท่านผู้เฒ่ามีความเมตตาน้องข้าพเจ้าอุตส่าห์มาด้วยจึงไม่มีอันตราย ถ้าหาไม่ที่ไหนน้องข้าพเจ้าจะมาถึงโดยสะดวก คุณท่านมีแก่ข้าพเจ้าหาที่สุดมิได้”

            พอเงียมหงันลุกขึ้นแล้วก็ยังคงยืนคำนับเล่าปี่นิ่งอยู่ เล่าปี่เห็นดังนั้นก็มีความเมตตาจึงถอดเกราะทองออกจากตัวใส่ให้กับเงียมหงันเป็นรางวัลบำเหน็จความชอบ เงียมหงันรับเอาเกราะทองมาใส่แล้วจึงคุกเข่าลงคำนับเล่าปี่ แล้วว่าเตียวหุยมีน้ำใจการุณย์ไว้ชีวิตข้าพเจ้า มิได้ทำอันตรายหรือข่มเหงย่ำยี คุณจึงมีแก่ข้าพเจ้าหาที่สุดมิได้ดุจกัน ชีวิตใหม่ในวันนี้เป็นชีวิตที่เตียวหุยประทานให้ ข้าพเจ้าจะขออาสาทำการสนองคุณมิได้เห็นแก่ชีวิต  บัดนี้มาประจักษ์น้ำใจท่านโอบอ้อมอารีสมคำร่ำลือ ก็ยิ่งมีความยินดีเป็นอันมาก ท่านมีการใดใช้สอยก็อย่าได้แคลงใจ ข้าพเจ้าขออาสาเอาชีวิตนี้พลีสนองคุณท่าน

            เล่าปี่หันมาทางเตียวหุยแล้วถามว่าฮองตงและอุยเอี๋ยนคุมทหารอยู่อีกกองหนึ่งยกเข้าตีเมืองทางด้านตะวันออก แต่บัดนี้ยังไม่พบหน้า มิรู้เหตุการณ์ประการใด มีใครรู้เห็นบ้าง

            ทหารคนหนึ่งจึงรายงานว่าในขณะที่ท่านแตกหนีออกมานั้น อีกด้านหนึ่งเห็นทหารเมืองลกเสียยกเข้าตีกระหนาบ ทหารของฮองตงและอุยเอี๋ยนแตกหนีกระจัดกระจายไปทางข้างทิศตะวันออก แต่จะเป็นตายร้ายดีประการใดนั้นไม่แจ้ง

            เตียวหุยได้ฟังดังนั้นจึงขันอาสาว่าซึ่งทหารเมืองลกเสียเข้าโจมตีฮองตงและอุยเอี๋ยนครั้งนี้ ชอบที่พี่ใหญ่จะยกกองทัพไปช่วยโดยเร่งด่วน ขอให้พี่ใหญ่ยกกองทัพไปทางด้านขวา ข้าพเจ้าจะยกไปทางด้านซ้าย ตีกระหนาบกระทบเข้าหากัน เห็นจะได้ชัยชนะแก่ข้าศึก

            ฝ่ายฮองตงและอุยเอี๋ยนคุมทหารอยู่ทางด้านประตูทางออกของเมืองลกเสียจนถึงเวลาบ่ายทหารก็อ่อนล้าอิดโรยลงเช่นเดียวกับกองทัพของเล่าปี่ จึงสั่งทหารให้ถอยทัพจะกลับไปค่าย ในขณะนั้นกองทหารของเมืองลกเสียก็ยกตีกระหนาบเข้ามาทั้งสองด้าน โดยงอหลันและลุยต๋องคุมทหารตีเข้ามาทางด้านซ้าย งออี้และเล่ากุ๋ยคุมทหารตีเข้ามาทางด้านขวา

            ทหารของฮองตงและอุยเอี๋ยนกำลังอ่อนล้าอิดโรย และกำลังเคลื่อนทัพจะกลับค่าย มิได้เตรียมพร้อมสู้รบ เมื่อถูกโจมตีกระหนาบเข้ามาทั้งสองด้านพร้อมกันก็พากันแตกตื่นตกใจ แต่ฮองตงและอุยเอี๋ยนสมเป็นนายทหารเอก คุมทหารออกต้านทานทหารเมืองลกเสียอย่างดุเดือด

            งออี้และเล่ากุ๋ยคุมทหารรุกโจมตีกองทหารของฮองตงและอุยเอี๋ยนอย่างฮึกเหิม ในทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงทหารเล่าปี่และเตียวหุยโห่ร้องอึงคะนึงมาก็ตกใจเกรงว่าจะถูกตีกระหนาบ จึงรีบพาทหารหนีกลับเข้าไปในเมือง เล่าปี่และเตียวหุยจึงยกทหารไล่ตามไปแต่ไม่ทัน งออี้และเล่ากุ๋ยหนีกลับเข้าไปในเมืองได้

            เล่าปี่และเตียวหุยจึงยกทหารย้อนกลับมาตีกระหนาบกองทหารของงอหลันและลุยต๋อง ในขณะนั้นงอหลันและลุยต๋องคุมทหารรุกเข้าตีกองทหารของฮองตงและอุยเอี๋ยนกระชั้นเข้าไป ทั้งฮองตงและอุยเอี๋ยนจึงชักม้าดาหน้าเข้าปะทะงอหลันและลุยต๋อง

            ในขณะที่สี่นายทหารและนายทหารของทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดนั้น เล่าปี่และเตียวหุยก็ยกทหารตีกระหนาบเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง ทหารของงอหลันและลุยต๋องบาดเจ็บและล้มตายเป็นอันมาก

            ฮองตงและอุยเอี๋ยนรู้ว่าเล่าปี่และเตียวหุยยกกองทัพตีกระหนาบเข้ามาก็ขยั้นม้าประกบงอหลันและลุยต๋องไว้มิให้ห่าง ด้วยเกรงว่าสองนายทหารเมืองลกเสียจะปลีกม้าหลบหนีไป

            งอหลันและลุยต๋องต่อสู้ติดพันอยู่กับฮองตงและอุยเอี๋ยน เห็นทหารแตกตื่นบาดเจ็บล้มตายก็คิดหาทางหนี แลไปทางด้านหน้าทั้งฮองตงและอุยเอี๋ยนก็เหมือนหนึ่งจะรู้ท่าคอยประกบไว้ไม่ให้หนีออกจากวงรบได้ เหลียวไปทางด้านหลังก็เห็นเล่าปี่และเตียวหุยคุมทหารตีกระชับเข้ามาก็ตกใจ เห็นว่าขืนต่อสู้ต่อไปก็คงต้องตายเปล่า ดังนั้นสองนายทหารเมืองลกเสียจึงโยนอาวุธแล้วลงจากหลังม้ายอมสวามิภักดิ์ต่อฮองตงและอุยเอี๋ยน

            แล้วงอหลันและลุยต๋องจึงสั่งทหารเมืองลกเสียที่ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมให้ยอมสวามิภักดิ์ทั้งสิ้น

            ครั้นทหารเมืองลกเสียยอมจำนนแล้ว เล่าปี่จึงขี่ม้านำหน้าเตียวหุยตรงเข้ามาหางอหลันและลุยต๋อง สองนายทหารเมืองลกเสียเห็นเล่าปี่ขี่ม้าเข้ามาหาก็คำนับเล่าปี่ แล้วว่าชีวิตข้าพเจ้าทั้งสองตกอยู่ในเงื้อมมือท่านแล้ว หากท่านไว้ชีวิตก็จะขออาสาทำการสนองคุณท่านสืบไป

            เล่าปี่เพิ่งได้เห็นคุณของการที่ทหารเมืองเสฉวนเข้าสวามิภักดิ์จากความสำเร็จในการเคลื่อนทัพของเตียวหุย ครั้นเห็นสองนายทหารเมืองเสฉวนยอมสวามิภักดิ์อีกก็มีความยินดี รับคำนับงอหลันและลุยต๋อง แล้วว่าซึ่งท่านมีน้ำใจเข้าอยู่ด้วยเรานั้นเรามีความยินดีเป็นที่สุด ด้วยเรายกมาทั้งนี้หวังที่จะทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎรทั้งปวงให้ได้ความสุข ปกป้องพระราชอาณาจักรแห่งราชวงศ์ฮั่นมิให้ถูกแย่งชิงไป ท่านจงเต็มใจในราชการเถิด เราจะทำนุบำรุงให้สมแก่ความชอบ

            แล้วเล่าปี่จึงจัดสังกัดงอหลันและลุยต๋องเข้าเป็นทหารในกองทัพเมืองเกงจิ๋วและสั่งให้เคลื่อนทัพไปตั้งค่ายประชิดเมืองลกเสียทางด้านตะวันออก

            ฝ่ายเตียวหยิมหลังจากแตกทัพเสียทีแก่เตียวหุยหนีกลับเข้าเมืองแล้ว พักใหญ่งออี้และเล่ากุ๋ยก็เสียทีแตกหนีกลับเข้าเมือง ต่างฝ่ายต่างเล่าความศึกแก่กันฟังทุกประการ อีกครู่หนึ่งก็ได้รับรายงานจากทหารว่าบัดนี้งอหลันและลุยต๋องได้เข้าสวามิภักดิ์กับเล่าปี่แล้วก็พากันตกใจ.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘