ตอนที่ 360. ทุ่งหงส์ร่วง

 เล่าปี่เดินทัพเข้าตีเมืองลกเสียเป็นสองทาง โดยเล่าปี่คุมทัพไปตามเส้นทางใหญ่ส่วนบังทองคุมทัพไปตามเส้นทางลัดอันเป็นทางทุรกันดาร ในขณะที่เตียวหยิมนายทหารเอกเมืองเสฉวนได้ยกทหารมาซุ่มอยู่บนหน้าผาสองข้างทางที่บังทองจะผ่านไปนั้น

            เตียวหยิมคุมทหารเตรียมพร้อมคอยทีกองทัพเล่าปี่ที่จะเดินทัพมาตามเส้นทางลัดพักใหญ่ ก็เห็นอุยเอี๋ยนคุมทหารเป็นกองหน้ายกมาจึงกำชับทหารทั้งปวงให้สงบเสียง แล้วบอกต่อกันว่าคนซึ่งขี่ม้าสีขาวที่ยกตามมานั้นคือเล่าปี่ ให้ทหารทั้งปวงพยายามยิงเกาทัณฑ์ไปที่เล่าปี่ก็จะได้ชัยชนะ

            ความจริงเตียวหยิมเคยเห็นเล่าปี่ขี่ม้าสีขาว มองไปจากที่ไกลไม่เห็นหน้าคนถนัด จำได้แต่ม้าสีขาวก็สำคัญว่าคนขี่คือเล่าปี่ แต่เล่าปี่เปลี่ยนม้าให้บังทองขี่ในขณะที่จะออกเดินทัพ ดังนั้นเตียวหยิมจึงสำคัญผิดคิดว่าเป็นเล่าปี่ และสั่งให้ระดมยิงเกาทัณฑ์ไปที่คนขี่ม้าขาวซึ่งเป็นบังทอง

            บังทองคุมทัพมาตามซอกเขา ในช่วงแรกก็สามารถขี่ม้าเรียงหน้ากันได้สามแถว แต่พอผ่านทางมาระยะหนึ่งก็ขี่ม้าเรียงหน้ากันได้เพียงสองแถว และข้างหน้าก็เป็นทางแคบลงอีก แม้ม้าสองแถวก็ยังจะต้องเบียดกัน บังทองเห็นทางแคบลงทุกทีและสังเกตเห็นสองข้างทางเป็นหน้าผา ใจก็รำลึกถึงหลักภูมิแห่งพิชัยสงครามว่าภูมิประเทศดังนี้เป็นมรณภูมิก็พรั่นใจ

            บังทองจึงชักม้าหยุดอยู่ตรงแนวผาที่สูงชัน แล้วถามทหารซึ่งนำทางว่าตำบลนี้มีชื่อว่าอย่างไร
ทหารเมืองเสฉวนซึ่งนำทางก็บอกว่าตำบลนี้มีชื่อว่าตำบลลกห้องโห หรือตำบลทุ่งหงส์ร่วง

            บังทองได้ยินนามของภูมิประเทศก็สะดุ้งใจ “คิดว่าตัวเราอาจารย์แต่งนามไว้ให้ชื่อว่าฮองซู แลทางจะออกจากซอกเขานี้เป็นท้องทุ่ง ธรรมดาว่าหงส์นั้นแม้จะตกทุ่งก็มิอาจบินไปได้ ตัวเราก็ได้ชื่อว่านามหงส์ จะตกลงท้องทุ่งนี้ก็จะมีอันตราย”

            บังทองสะดุ้งใจดังนั้นจึงออกคำสั่งให้ทหารถอยทัพกลับไปตามเส้นทางเดิม แต่พอสิ้นเสียงคำสั่งประทัดสัญญาณก็ดังขึ้นจากแนวหน้าผาทั้งสองข้าง ทหารของเตียวหยิมได้ระดมยิงเกาทัณฑ์มาที่บังทองราวห่าฝนถูกซอกคอบังทองพลัดตกลงจากหลังม้าถึงแก่ความตาย

            อันธรรมดาสรรพสิ่งก่อนที่จะปรากฏย่อมมีเหตุให้เป็นที่สังเกตรู้ได้ แม้ฝนฟ้าที่ตกต้องมาจากอากาศก็ย่อมมีเมฆและความครึ้มให้สัมผัสได้ คงเหลืออยู่แต่ว่าจะมีผู้ใดใฝ่สังเกตหรือไม่ และสังเกตแล้วจะรู้นัยความหมายที่ถูกต้องถ่องแท้หรือไม่ ซึ่ง  เล่าปี่ยกกองทัพไปตีเมืองลกเสียครั้งนี้ก็มีนิมิตลางหลายอย่างบ่งบอกว่าจะเกิดเหตุร้ายกับขุนพลคนสำคัญ ทั้งได้รับการตักเตือนจากผู้มีสติปัญญาอย่างหนักหน่วง แต่นิมิตลางทั้งปวงและคำตักเตือนทั้งหลายก็ยังไม่สามารถยับยั้งวินาศนั้นได้ นี่มิใช่อย่างอื่นหากเป็นไปตามลิขิตแห่งสวรรค์หรือกฎแห่งกรรมนั่นเอง

            ในขณะที่บังทองถึงแก่ความตายนั้นมีอายุได้สามสิบหกปี ตรงกับเทศกาลวันสารทตงชิวหรือวันสารทกลางปี ในปีเจี้ยนอันศกที่สิบแปด เดือนเก้า ขึ้นเก้าค่ำ

            ทหารในกองทัพของบังทองรู้ตัวว่าถูกซุ่มโจมตีก็พากันแตกตื่นตกใจ อลหม่านกระทบไปถึงกองหน้าของอุยเอี๋ยน แล้วแจ้งแก่อุยเอี๋ยนว่าบังทองถูกข้าศึกซุ่มยิงถึงแก่ความตายแล้ว

            อุยเอี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ แลไปข้างหน้าก็เห็นทหารของเตียวหยิมอีกกองหนึ่งตั้งสกัดขวางทางไว้ เห็นจะตีฝ่าออกไปไม่ได้จึงรีบคุมทหารยกกลับมาตามทางเดิม และปะทะกับเตียวหยิมซึ่งคุมทหารออกมาจากจุดที่ซุ่มยิงบังทอง

            ทหารของทั้งสองฝ่ายได้สู้รบกันเป็นสามารถ ทหารของเตียวหยิมได้ตีกระหนาบกองทหารของอุยเอี๋ยนเข้ามาทั้งสองด้าน ทหารของอุยเอี๋ยนถูกกระหนาบโจมตีก็พากันแตกตื่นตกใจ

            อุยเอี๋ยนขี่ม้าคุมทหารรบอยู่ท่ามกลางศึกกระหนาบทั้งสองด้าน จะรุกไปข้างหน้าก็มิได้ จะถอยไปข้างหลังก็มิได้ จึงวุ่นวายในจิตใจมิรู้ที่จะทำประการใด ได้แต่สู้รบประคองตัวเพื่อเอาชีวิตรอด

            ทหารเมืองเสฉวนซึ่งนำทางจึงบอกแก่อุยเอี๋ยนว่ารบอยู่ท่ามกลางศึกกระหนาบดังนี้เห็นจะเสียทีแก่ข้าศึกในที่อันไม่ไกลนี้ที่ข้างซ้ายมีเส้นทางแยกออกไปยังเส้นทางใหญ่ได้ ชอบที่ท่านจะตีฝ่าออกไปตามเส้นทางนั้น

            อุยเอี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบ จึงขี่ม้านำหน้าทหารตีฝ่าวงล้อมออกไปตามเส้นทางแยกด้านซ้ายมือเพื่อจะไปออกเส้นทางใหญ่สมทบกับกองทัพของเล่าปี่ ทหารของเตียวหยิมก็ไล่ตามตีไปข้างหลัง

            อุยเอี๋ยนหนีมาตามเส้นทางแยกได้สามสิบเส้นเห็นลุยต๋องและงอหลันคุมทหารเมืองเสฉวนตั้งสกัดอยู่ก็ตกใจ เหลียวกลับมาดูทางด้านหลังก็เห็นเตียวหยิมคุมทหารไล่ตามกระชั้นเข้ามา จะหักไปข้างหน้าก็ขัดสน จะกลับไปข้างหลังก็มิได้

            อุยเอี๋ยนจึงตัดสินใจสู้ตาย สั่งทหารให้เข้าตะลุมบอน ทหารของทั้งสองฝ่ายจึงสู้รบกันถึงขั้นตะลุมบอนกันอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ทหารเมืองเสฉวนเห็นได้ทีก็พากันโห่ร้องข่มขวัญสนั่นหวั่นไหวไปทั้งราวป่า

            ในขณะนั้นฮองตงคุมทหารเป็นกองหน้าของเล่าปี่ยกมาตามเส้นทางใหญ่ ครั้นมาถึงปากทางแยกก็ได้ยินเสียงทหารโห่ร้องอยู่ที่ทางแยกด้านใน แลตามหลังไปเห็นเป็นทหารของเมืองเสฉวนซึ่งคุมโดยงอหลันและลุยต๋องก็คิดว่าชะรอยอุยเอี๋ยนจะยกมาตามเส้นทางแยกแล้วถูกข้าศึกสกัดไว้

            ฮองตงจึงสั่งทหารให้ยกเข้าไปในทางแยกหวังจะตีกระหนาบทหารเมืองเสฉวนสมทบกับกองทหารของอุยเอี๋ยน โดยที่หารู้ไม่ว่าในขณะนั้นอุยเอี๋ยนกำลังตกอยู่ในสถานะย่ำแย่จวนจะพ่ายแพ้แก่ข้าศึกอยู่แล้ว
ทหารของฮองตงพอได้รับคำสั่งก็พากันกรูยกเข้าไปในทางแยก เข้าโจมตีทางด้านหลังกองทหารของงอหลันและลุยต๋องอย่างดุเดือด

            ทหารของงอหลันและลุยต๋องกำลังสู้รบกับทหารของอุยเอี๋ยนทางข้างหน้ามิได้ระวังหลัง ครั้นถูกจู่โจมโดยไม่ทันรู้ตัวก็ตกใจสำคัญว่าต้องกลของกองทัพเล่าปี่ก็พากันแตกตื่นอลหม่านขึ้น

            ทหารของอุยเอี๋ยนกำลังตกอยู่ในท่ามกลางศึกกระหนาบ พอรู้ว่ากองทัพของฮองตงตีกระหนาบหลังทหารเมืองเสฉวนซึ่งสกัดอยู่ กำลังขวัญและกำลังใจก็กลับฟื้นคืนมา พากันจู่โจมกระหนาบกองทหารของงอหลันและลุยต๋อง ฆ่าฟันทหารเมืองเสฉวนบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก

            งอหลันและลุยต๋องเห็นสถานการณ์ตกอยู่ท่ามกลางศึกกระหนาบ และทหารแตกตื่นคุมกันไม่ติดก็ตกใจ เหลียวซ้ายแลขวาเห็นว่าจะสู้มิได้ก็พากันหนีเข้าไปในป่า และวกอ้อมไปทางด้านหลังจะกลับไปเมืองลกเสีย

            ฮองตงและอุยเอี๋ยนเห็นดังนั้นจึงคุมทหารไล่ตามตีกองทหารของงอหลันและลุยต๋องไปถึงเชิงกำแพงเมืองลกเสีย ก็พอดีกองทัพเล่าปี่ยกมาถึง จึงช่วยกันเข้าตีเมือง

            ส่วนเล่ากุ๋ยซึ่งอยู่รักษาเมืองลกเสียเห็นกองทัพเมืองเกงจิ๋วรุกเข้าโจมตีดังนั้นก็สั่งทหารบนกำแพงและเชิงเทินให้ระดมยิงเกาทัณฑ์สกัดไว้ไม่ให้กองทหารของเล่าปี่ยกเข้ามาใกล้กำแพงเมืองได้

            เล่าปี่คุมทหารเข้าตีเมืองลกเสียเป็นเวลากว่าชั่วยามก็ไม่สามารถรุกฝ่าเข้าไปใกล้กำแพงเมืองได้ เพราะข้างในเมืองระดมยิงเกาทัณฑ์สกัดไว้แน่นหนา เห็นว่าจะตีเมืองไม่สำเร็จจึงสั่งให้ทหารถอยทัพกลับไปตามเส้นทางเดิม

            เล่ากุ๋ยเห็นกองทัพเล่าปี่ถอยออกไปจึงคุมทหารยกออกจากเมืองไล่ตามตีเล่าปี่ไปตามเส้นทางใหญ่

            ฝ่ายเตียวหยิมหลังจากไล่ตามตีอุยเอี๋ยนไปทางเส้นทางแยกไม่ทันแล้วก็พาทหารยกกลับมาตามเส้นทางลัด แล้วยกออกไปที่เส้นทางใหญ่หวังจะยกกลับไปเมืองลกเสีย ครั้นเห็นกองทัพเล่าปี่กำลังถูกกองทัพเมืองเสฉวนไล่ตามตีก็สั่งทหารให้เข้าโจมตีสกัดกองทัพเล่าปี่ไว้

            เล่าปี่เห็นเตียวหยิมคุมทหารสกัดอยู่จึงสั่งทหารให้ตีฝ่ารุดไปข้างหน้าให้จงได้ ทหารเมืองเกงจิ๋วได้ยินคำสั่งเล่าปี่ก็ตีฝ่ากองทหารของเตียวหยิมออกไปข้างหน้า

            เตียวหยิมจึงคุมทหารไล่ตามตีกองทัพเล่าปี่ต่อไป เล่าปี่ถูกกองทัพเมืองเสฉวนไล่ตามตีมาอย่างกระชั้นชิดจะหนีเข้าค่ายปากทางไม่ได้ จึงพาทหารหนีกลับไปทางด่านโปยสิก๋วน กองทหารเมืองเสฉวนเห็นได้ทีก็ไล่ตามตีไปติด ๆ

            ทางฝ่ายกวนเป๋งและเล่าฮองซึ่งรักษาด่านโปยสิก๋วนทราบว่าเล่าปี่เสียทีแก่ข้าศึกและกำลังถูกไล่ตามตีก็ตกใจ จึงยกทหารสามหมื่นออกจากด่านโปยสิก๋วนยกออกไปช่วย ครั้นสวนกับกองทัพของเล่าปี่ก็ร้องบอกให้เล่าปี่รีบหนีเข้าไปในด่าน ในขณะที่กวนเป๋งและเล่า ฮองคุมทหารยกสวนเข้าโจมตีทหารของเตียวหยิมที่ยกตามมานั้น

            เตียวหยิม งอหลัน และเล่ากุ๋ย กำลังไล่ตามตีกองทัพของเล่าปี่อย่างมันมือ พลันถูกกองทัพม้าของกวนเป๋งและเล่าฮองยกเข้าโจมตีอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็แตกตื่นอลหม่านคุมกันไม่ติด กวนเป๋งและเล่าฮองจึงขับทหารเข้าฆ่าฟันทหารเมืองเสฉวนบาดเจ็บล้มตายลงเป็นจำนวนมาก

            เตียวหยิม งอหลัน และเล่ากุ๋ย เห็นทหารแตกตื่นและบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมากก็พาทหารที่เหลือหนีกลับไปเมืองลกเสีย กวนเป๋งและเล่าฮองก็ไล่ตามโจมตีกองทัพของเตียวหยิมแตกพ่ายไป แล้วเก็บเอาม้า ศาสตราวุธที่ถูกทิ้งไว้ได้เป็นจำนวนมาก จากนั้นจึงยกทหารกลับเข้าไปในด่านโปยสิก๋วน

            เล่าปี่เมื่อเข้าไปถึงด่านแล้วก็เรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวง แล้วถามว่าผู้ใดรู้เห็นว่าบังทองไปอยู่เสียที่ไหน หรือเป็นตายร้ายดีประการใดบ้าง

            ทหารในกองทัพของบังทองจึงแจ้งว่าบังทองถูกทหารของเตียวหยิมซุ่มยิงถึงแก่ความตายในซอกเขา หลังจากนั้นกองทัพก็แตกกระจัดกระจายจนกระทั่งมาสมทบกับกองทัพของท่านที่หน้าเมืองลกเสียแล้วพากันถอยกลับมาที่ด่านโปยสิก๋วนนี้

            เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ ร้องไห้รักบังทองเป็นอันมากจนสิ้นสติสมประดี ทหารทั้งปวงเห็นเล่าปี่ร้องไห้ก็พากันร้องไห้ตามทุกตัวคน แล้วช่วยกันแก้ไขจนเล่าปี่ฟื้นคืนปกติ

            เล่าปี่ฟื้นคืนสติแล้วยังคงร้องไห้รำลึกถึงบังทองเป็นอันมาก ปากก็รำพึงว่าเบื้องบนนั้นได้บันดาลนิมิตให้สังหรณ์ เบื้องล่างแพเอี้ยวและขงเบ้งก็ได้ตักเตือนให้ระมัดระวังอันตราย ตัวเราเองก็สังหรณ์ใจเป็นหนักหนาว่าครานี้บังทองจะเป็นอันตราย จึงได้ทักท้วงห้ามปรามแต่มิวายเกิดเหตุจนได้

            แล้วเล่าปี่จึงให้แต่งการพิธีเซ่นไหว้บังทองตามประเพณี เล่าปี่เซ่นไหว้ไปก็ร้องไห้รักบังทอง ทหารทั้งปวงก็พากันร้องไห้อีก เล่าปี่ราดสุราสังเวยดวงวิญญาณของบังทองลงกับพื้นดินแล้วยังคงจ้องอยู่ที่พื้นดินด้วยจิตใจอันเหม่อลอย รำลึกถึงบังทองเป็นนักหนา

            ฮองตงขุนศึกผู้เฒ่าผ่านเหตุการณ์เป็นตายร้ายแรงมายาวนาน เห็นเหตุการณ์ดังนั้นจึงเข้าไปปลอบเล่าปี่ว่า ซึ่งอาจารย์บังทองถึงแก่ความตายในครั้งนี้ ท่านจะมัวโศกเศร้าเสียใจอยู่นั้นไม่สมควร ด้วยเตียวหยิมได้ทีแก่การสงครามแล้วเห็นจะมีใจกำเริบ คงจะยกมาโจมตีด่านโปยสิก๋วนในไม่ช้านี้ แลการซึ่งจะเข้าตีเอาเมืองเสฉวนนั้นเป็นการใหญ่ เมื่อขาดไร้ซึ่งอาจารย์ผู้ใหญ่ดังบังทองแล้วท่านก็จะทำการขัดสน จึงชอบที่จะเชิญขงเบ้งมาช่วยคิดอ่านทำการ

            ฮองตงกล่าวสิ้นคำทหารรักษาการณ์ก็วิ่งเข้ามารายงานเล่าปี่ว่าบัดนี้เตียวหยิมยกกองทัพจะมาตีด่านโปยสิก๋วน ขณะนี้ยกเข้ามาใกล้กำแพงด่านแล้ว

            ฮองตงและอุยเอี๋ยนได้ฟังดังนั้นจึงอาสาเล่าปี่ขอยกกองทัพไปตีกองทัพเมืองเสฉวน

            เล่าปีจึงว่าการศึกข้างหน้ายังยาวไกล ซึ่งท่านจะยกทหารไปสู้รบก็จะบาดเจ็บล้มตายลงทั้งสองฝ่าย แม้นได้ชัยชนะกองทัพของเราก็จะอ่อนด้อยถอยลง จะทำการสืบไปเห็นขัดสน จึงชอบที่จะป้องกันรักษาด่านไว้ให้มั่นคง รอขงเบ้งมาถึงก่อนแล้วค่อยคิดการสืบไป

            ฮองตงและอุยเอี๋ยนได้ฟังคำเล่าปี่ก็คำนับเป็นทีเห็นพ้องกับความเห็นของเล่าปี่ ดังนั้นเล่าปี่จึงแต่งหนังสือให้กวนเป๋งรีบถือไปให้แก่ขงเบ้งที่เมืองเกงจิ๋วตั้งแต่เวลานั้น.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘