ตอนที่ 353. หักเล่ห์ชิงเหลี่ยม
เจี้ยนอันศกปีที่สิบแปด เดือนสี่ เล่าเจี้ยงและเล่าปี่เกิดผิดใจกัน ทางฝ่ายเล่าเจี้ยงโลเลตามคำที่ปรึกษาว่าเล่าปี่จะคิดทำอันตราย ในขณะที่เล่าปี่ก็ไม่พอใจเล่าเจี้ยงที่ขอยืมทหารและเสบียงเพื่อยกกลับไปช่วยเมืองเกงจิ๋ว แล้วเล่าเจี้ยงให้ทหารและเสบียงแบบเสียไม่ได้ เล่าปี่จึงตัดสินใจชิงเอาเมืองเสฉวน และทำหนังสือลวงเล่าเจี้ยงว่าจะยกกลับไปป้องกันเมืองเกงจิ๋วก่อน
ฝ่ายเตียวสงอยู่ที่เมืองเสฉวน ได้เข้าร่วมประชุมขุนนางข้าราชการตามปกติ ครั้นได้ทราบความว่าเล่าปี่มีหนังสือมาถึงเล่าเจี้ยง ขอยกกองทัพกลับไปป้องกันเมืองเกงจิ๋วก่อนก็สำคัญว่าเป็นเรื่องจริง
เตียวสงเห็นว่าการที่เล่าปี่ยกกองทัพล่วงมาในแดนเมืองเสฉวนถึงเพียงนี้แล้ว หากยกกลับไปเมืองเกงจิ๋วโอกาสก็จะเสียไป จึงทำหนังสือถึงเล่าปี่ว่าซึ่งท่านยกกองทัพเข้ามาอยู่ในแดนเมืองเสฉวนบัดนี้ อาณาประชาราษฎรก็มีน้ำใจรักท่านเป็นอันมาก กิตติศัพท์ลือชาปรากฏทั่วไปว่าน้ำใจท่านโอบอ้อมอารีแก่คนทั้งปวง คนทั้งปวงต่างอยากอยู่ด้วยท่าน เหตุการณ์เป็นทีแล้วชอบที่จะยกเข้าตีเอาเมืองเสฉวนก็จะสำเร็จดังปรารถนา ซึ่งท่านจะยกกองทัพกลับไปเมืองเกงจิ๋วนั้นพึงงดไว้ก่อน เพราะลำพังขงเบ้งอยู่รักษาเมืองเกงจิ๋วก็เห็นจะพอแก่การรับมือกับศึกเหนือเสือใต้ทั้งปวง ขอให้ท่านเร่งยกกองทัพเข้าตีเอาเมืองเสฉวนเถิด ข้าพเจ้าจะช่วยคิดทำการอยู่ภายในเมือง
เตียวสงเขียนหนังสือเสร็จแล้วใส่ซองเข้าผนึกเตรียมจะเรียกคนสนิทให้มารับหนังสือถือเอาไปส่งแก่เล่าปี่ที่ด่านแฮบังก๋วน ก็พอดีเตียวซกซึ่งเป็นพี่ชายของเตียวสงมีตำแหน่งเป็นที่เจ้าเมืองเกงฮัน ได้ผลุนผลันเข้ามาเยี่ยมเตียวสงถึงในเรือนโดยมิได้บอกกล่าวนัดหมายให้ทราบล่วงหน้า
เตียวสงเห็นเตียวซกผู้พี่ชายเข้ามาดังนั้นจึงเอาหนังสือซึ่งปิดผนึกซ่อนไว้ในแขนเสื้อ แล้วคำนับต้อนรับเตียวซกผู้พี่ชาย
เตียวซกเห็นอากัปกิริยาของเตียวสงลนลานลุกลี้ลุกลนประหนึ่งว่าจะปกปิดสิ่งใดเป็นเงื่อนงำก็แคลงใจ แต่นึกไม่ออกว่าจะเป็นเรื่องราวอันใด จึงทักทายเตียวสงตามประเพณี
เตียวสงเห็นพี่ชายมาเยือนก็มีความยินดีจึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยงสุราเตียวซก สองพี่น้องกินโต๊ะดื่มสุรากันเป็นเวลาช้านาน แต่เตียวสงนั้นคออ่อนเมาสุราก่อนเตียวซก หนังสือถึงเล่าปี่ซึ่งอยู่ในแขนเสื้อพลัดตกลงกับพื้นโดยไม่รู้ตัว
บ่าวของเตียวซกเห็นหนังสือก็ลอบเก็บไว้ ครั้นกินโต๊ะเสร็จก็มอบหนังสือนั้นให้แก่เตียวซก
เตียวซกเปิดผนึกหนังสือออกอ่านดูก็รู้ความว่าเตียวสงน้องชายคิดคดทรยศต่อเล่าเจี้ยง สมคบกับเล่าปี่ให้ยกกองทัพเข้ามาชิงเอาเมืองเสฉวน เตียวซกยิ่งคิดก็ยิ่งพรั่นใจว่าเตียวสงคิดอ่านครั้งนี้จะไม่สำเร็จ หากความลับรั่วไหลหรือเตียวสงมีอันเป็นไปประการใดภัยก็จะตกมาถึงเตียวซกด้วย
เตียวซกนึกกลัวภัยจะมาถึงตัวจึงลืมนึกถึงชีวิตของเตียวสง แล้วคิดต่อไปว่าถ้าหากเรานิ่งเสียไม่แจ้งแก่เล่าเจี้ยง หากเล่าเจี้ยงจับผิดเตียวสงได้ก็จะเอาผิดมาถึงครอบครัวรวมทั้งตัวเราด้วย กระนั้นเลยชอบที่เราจะนำความไปแจ้งให้เล่าเจี้ยงทราบเราจึงจะรอดปลอดภัย
เตียวซกคิดดังนั้นแล้วจึงรีบเข้าไปหาเล่าเจี้ยง มอบหนังสือซึ่งเตียวสงเขียนถึงเล่าปี่แก่เล่าเจี้ยงแล้วว่า เตียวสงน้องข้าพเจ้าไม่เห็นแก่ความเดือดร้อนของพี่น้องและญาติมิตร ละความภักดีต่อท่าน คบคิดกับเล่าปี่ให้ยกกองทัพมายึดเอาเมืองเสฉวน ท่านจงพิจารณาลงโทษเตียวสงตามกบิลเมืองเถิด
เล่าเจี้ยงฟังคำเตียวซกแล้วอ่านหนังสือซึ่งเตียวสงเขียนถึงเล่าปี่ ทราบความก็โกรธ ลำเลิกขึ้นว่าตัวเราได้เลี้ยงดูบำรุงอุปถัมภ์เตียวสงและครอบครัวมานานช้า ควรที่จะมีน้ำใจกตัญญูต่อเรา สิกลับมาทรยศคบคิดกับเล่าปี่ให้ทำอันตรายเราอีก คนประพฤติตนเป็นข้าขายเจ้าบ่าวขายนายดังนี้จะเลี้ยงไว้ก็เปลืองข้าวแดงแกงร้อนเปล่า
ว่าแล้วเล่าเจี้ยงจึงสั่งทหารให้ไปจับตัวเตียวสงและครอบครัวบุตรภรรยาเอาไปประหารเสียทั้งสิ้น
จากนั้นเล่าเจี้ยงจึงเรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวง ปรารภความซึ่งเตียวสงคบคิดกับเล่าปี่จะยึดเอาเมืองเสฉวน และได้สั่งให้ประหารชีวิตเตียวสงพร้อมครอบครัวลูกเมียแล้ว จึงปรึกษาว่าจะคิดอ่านประการใดสืบไป
อุยก๋วนขุนนางฝ่ายค้านของเตียวสงได้ฟังปรารภดังนั้นก็มีความยินดี รีบกล่าวว่าซึ่งข้าพเจ้าได้ทักท้วงทัดทานเตียวสงมาแต่ก่อนก็เพราะอ่านแผนการความคิดของเตียวสงกระจ่างแจ้ง มาบัดนี้ความจริงได้ประจักษ์แล้วเพราะบุญท่านยังไม่สิ้น จึงทราบความอันเป็นแผนการร้ายได้ทันท่วงที แลเมื่อเล่าปี่คบคิดกันจะทำร้ายท่านดังนี้ เห็นเล่าปี่จะยกกองทัพรุกเข้าแดนเมือง เสฉวนเป็นมั่นคง ขอท่านจงแต่งเมืองและด่านทั้งปวงป้องกันมิให้ เล่าปี่ยกล่วงเข้ามาทำอันตรายได้
เล่าเจี้ยงได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบ จึงมีหนังสือสั่งการไปถึงด่านและบรรดาหัวเมืองทั้งปวงให้กวดขันระมัดระวังป้องกันมิให้กองทัพเล่าปี่ยกล้ำเข้ามาในแดนเมืองเสฉวนได้
ทางฝ่ายเล่าปี่ครั้นมีหนังสือแจ้งความแก่เล่าเจี้ยงว่าจะเลิกทัพกลับไปป้องกันเมืองเกงจิ๋วแล้ว ก็จัดแจงให้กองทัพทั้งปวงเลิกทัพกลับจากด่านแฮบังก๋วนลงทางใต้ไปทางด่านโปยสิก๋วน ซึ่งเป็นด่านทางภาคใต้ปลายแดนเมืองเกงจิ๋วและเมืองเสฉวน
เล่าปี่เดินทัพถึงเขตด่านโปยสิก๋วนเป็นเวลาใกล้พลบจึงให้ตั้งค่าย แล้วให้ทหารเข้าไปแจ้งแก่เอียวหวยและโกภายว่าโจโฉยกกองทัพมาตีเมืองเกงจิ๋ว เล่าปี่จึงจำเป็นต้องเลิกทัพกลับไปป้องกันเมืองเกงจิ๋วก่อน บัดนี้เล่าปี่เดินทัพมาถึงเขตด่านจึงหวังจะได้พบหน้าเพื่อร่ำลาตามธรรมเนียม
เอียวหวยและโกภายผู้รักษาด่านโปยสิก๋วนได้ทราบความตามหนังสือของเล่าเจี้ยงซึ่งสั่งกำชับให้ทุกด่านระมัดระวังเล่าปี่แล้ว ครั้นทราบความจากทหารของเล่าปี่จึงปรึกษากันว่าเล่าปี่จะเลิกทัพกลับไปเมืองเกงจิ๋วครั้งนี้เราจะคิดอ่านประการใด
โกภายจึงว่าเล่าปี่ครั้งนี้เห็นจะไม่พ้นความตาย ข้าพเจ้าคิดกลอุบายให้ฝ่ายเรายกทหารออกไปหาเล่าปี่ ทำทีว่านำข้าวของออกไปคำนับเพื่อส่งเล่าปี่กลับไปเมืองเกงจิ๋ว เล่าปี่ไม่ทันระวังตัวเราก็จะฉวยโอกาสนั้นสังหารเล่าปี่เสีย เมืองเสฉวนก็จะพ้นอันตราย เราสองคนก็จะได้ความชอบเป็นอันมาก
เอียวหวยได้ฟังคำโกภายก็เห็นด้วย จึงสั่งให้จัดแจงข้าวของที่จะออกไปคำนับเล่าปี่ ครั้นรุ่งขึ้นเช้าเอียวหวยและโกภายจึงพาทหารสองร้อยซ่อนอาวุธสั้นไว้ในแขนเสื้อ แล้วคุมข้าวของออกไปหาเล่าปี่ที่ค่าย
ฝ่ายเล่าปี่ปรึกษาอยู่กับบังทอง พอได้ทราบรายงานจากทหารรักษาการณ์ว่าบัดนี้เอียวหวยและโกภายผู้รักษาด่านคุมข้าวของจะมาคำนับส่งเล่าปี่กลับเมืองเกงจิ๋ว เล่าปี่จึงถามบังทองว่าเอียวหวยและโกภายมาครั้งนี้จะดีร้ายประการใด
บังทองได้ฟังดังนั้นก็แจ้งในอุบายก็คิดหักเล่ห์ชิงเหลี่ยมเอียวหวยและโกภาย จึงว่าเอียวหวยและโกภายมาครั้งนี้จะวางใจนั้นมิได้ เห็นจะเป็นกลอุบายทำร้ายท่านเป็นมั่นคง บังทองกล่าวสืบไปว่าเอียวหวย โกภาย ออกมาบัดนี้สมคะเนที่ได้คิดอ่านแล้ว ให้ท่านจับเอียวหวยและโกภายฆ่าเสีย ยึดเอาด่านโปยสิก๋วนไว้เป็นฐานที่มั่น แล้วยกไปยึดเอาเมืองเสฉวนต่อไป
บังทองกล่าวพอขาดคำก็บังเกิดลมหัวด้วนพัดหมุนถูกธงชัยประจำตัวเล่าปี่หักล้มลง
เล่าปี่เห็นดังนั้นก็พรั่นใจ จึงถามบังทองว่าซึ่งลมพายุหมุนพัดมาต้องธงชัยประจำทัพหักล้มลงดังนี้เป็นนิมิตดีร้ายประการใด
บังทองจับยามตามคัมภีร์อี้จิงแล้วจึงกล่าวกับเล่าปี่ว่า ซึ่งบังเกิดเหตุทั้งนี้เนื่องแต่เทพยดามาบันดาลนิมิตให้ปรากฏแก่ท่านว่าเอียวหวยและโกภายคิดอ่านจะทำร้ายท่าน ให้เร่งระมัดระวังตัว อย่าได้ประมาท
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงแต่งตัวใส่เกราะเตรียมอาวุธสำหรับมือแล้วเรียกอุยเอี๋ยนและ ฮองตงเข้ามาหา สั่งว่าให้คุมทหารห้าร้อยออกไปตั้งอยู่หน้าค่ายของเล่าปี่ เมื่อเอียวหวย โกภายยกมาแล้วให้กันทหารของเอียวหวยและโกภายไว้แต่ภายนอก ปล่อยให้เอียวหวยและโกภายเข้ามาหาเล่าปี่แต่เพียงสองคน พอเอียวหวยและโกภายเข้ามาในค่ายแล้วก็ให้จับทหารเอียวหวยและโกภายไว้จงสิ้น อย่าให้หลุดรอดไปได้แม้แต่คนเดียว
อุยเอี๋ยนและฮองตงรับคำสั่งแล้วคำนับเล่าปี่กลับออกไปจัดแจงตามที่เล่าปี่สั่งทุกประการ
ฝ่ายเอียวหวย โกภาย พาทหารสองร้อยพร้อมด้วยข้าวของมาถึงค่ายของเล่าปี่ก็ถูกอุยเอี๋ยนและฮองตงกันทหารทั้งปวงไว้ภายนอก แล้วเชิญเอียวหวยและโกภายเข้าไปพบเล่าปี่ที่ในค่าย
เอียวหวยและโกภายเข้าไปในค่ายเห็นเล่าปี่นั่งอยู่กับบังทองก็ทำทีเข้าไปคำนับ แล้วว่าข้าพเจ้าทราบข่าวว่าท่านจะเดินทัพกลับเมืองเกงจิ๋ว จึงคุมข้าวของมาคำนับตามธรรมเนียม
พอเอียวหวยและโกภายคำนับเล่าปี่แล้ว เล่าปี่จึงร้องขึ้นว่าบัดนี้ไอ้โจรเข้ามาอยู่ในเงื้อมมือเราแล้ว ให้เร่งจับกุมตัวไว้ในทันที ในทันใดนั้นเล่าฮอง กวนเป๋ง และทหารของ เล่าปี่ก็กรูออกมาจับตัวเอียวหวย โกภายได้โดยละม่อม
เล่าปี่จึงว่าตัวเรากับเล่าเจี้ยงเป็นพี่น้องแซ่เดียวกัน เหตุไฉนเจ้าทั้งสองจึงคิดอ่านทำร้ายเรา
เอียวหวยและโกภายได้ฟังคำเล่าปี่ก็รีบปฏิเสธว่าข้าพเจ้าเป็นแต่ผู้น้อยรักษาด่านอยู่ภายนอก ไหนเลยจะกล้าคิดอ่านทำร้ายท่าน
บังทองจึงสั่งให้ทหารเข้าตรวจค้นตัวเอียวหวยและโกภายก็ได้อาวุธสั้นซึ่งซุกซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ เล่าปี่จึงสั่งทหารให้เอาตัวเอียวหวยและโกภายออกไปตัดศีรษะเสีย
ฝ่ายอุยเอี๋ยนและฮองตงคุมทหารกันทหารของเอียวหวยและโกภายอยู่ภายนอก พอเอียวหวยและโกภายเข้าไปในค่ายเล่าปี่ลับตาแล้ว อุยเอี๋ยนและฮองตงจึงสั่งทหารให้ล้อมจับตัวทหารของเอียวหวยและโกภายไว้ได้จนหมดสิ้น และควบคุมตัวมาคอยท่าอยู่ที่หน้าค่ายของเล่าปี่
พอเล่าปี่สั่งตัดศีรษะเอียวหวยและโกภายแล้วก็ชวนบังทองออกมาที่นอกค่าย เห็นอุยเอี๋ยน ฮองตง และทหารควบคุมทหารของเอียวหวยและโกภายไว้ก็มีความยินดี จึงกล่าวกับบรรดาทหารเหล่านั้นว่าท่านทั้งปวงเป็นผู้น้อย จึงไม่ทราบความว่าเอียวหวยและโกภายออกมาหาเราในครั้งนี้มีเจตนาคิดร้าย ได้ซุกซ่อนอาวุธเข้ามาหวังสังหารตัวเรา แต่เดชะบุญที่เทพยดาบันดาลให้เรารู้เหตุการณ์ก่อนจึงไม่เป็นอันตราย ท่านทั้งปวงมิได้ร่วมรู้คบคิดด้วยเอียวหวย โกภาย ย่อมไม่มีความผิด อย่าได้ตกใจเลย
ว่าแล้วเล่าปี่จึงสั่งให้แต่งโต๊ะเลี้ยงบรรดาทหารทั้งนั้น ทหารของเอียวหวยและโกภายเห็นเล่าปี่มีน้ำใจโอบอ้อมอารีมิได้เอาโทษก็มีความยินดี จึงกินโต๊ะเสพสุราแล้วพากันคำนับขอบคุณ และสรรเสริญเล่าปี่เป็นอันมาก
บังทองสังเกตเห็นทหารของเอียวหวยและโกภายมีน้ำใจยินดีด้วยเล่าปี่ดังนั้นจึงกล่าวว่า พระเจ้าอาเล่าปี่เป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีน้ำใจโอบอ้อมอารีแก่อาณาประชาราษฎรทั้งปวง กิตติศัพท์ลือชาปรากฏประจักษ์แก่ตาทุกผู้คนดีอยู่แล้ว ได้ยกกองทัพมาตามที่เล่าเจี้ยงขอร้องให้มาป้องกันเมืองเสฉวนมิให้เตียวล่อยกมาทำอันตราย แต่เล่าเจี้ยงกลับคิดร้ายสั่งให้เอียวหวยและโกภายสังหารเล่าปี่ผิดประเพณีไปดังนี้ จึงจำที่เล่าปี่ต้องคิดอ่านป้องกันตัวมิให้เป็นอันตราย
แล้วบังทองจึงว่า เราจะคิดอ่านยกกองทัพเข้ายึดเอาด่านโปยสิก๋วน การสำเร็จแล้วจะปูนบำเหน็จความชอบแก่ท่านทั้งปวงเป็นอันมาก ใครผู้ใดจะอาสาเข้าร่วมการกับกองทัพของเล่าปี่เราก็มีความยินดี ผู้ใดไม่มีความเต็มใจเราก็จะปล่อยกลับไป
ทหารของเอียวหวยและโกภายได้กิตติศัพท์ของเล่าปี่ว่ามีน้ำใจโอบอ้อมอารีรักทหารทั้งปวงก็มีความคิดจะเข้าอยู่กับเล่าปี่ ครั้นได้ฟังคำบังทองดังนั้นจึงต่างคนต่างอาสา เล่าปี่และบังทองเห็นดังนั้นก็มีความยินดี.
ฝ่ายเตียวสงอยู่ที่เมืองเสฉวน ได้เข้าร่วมประชุมขุนนางข้าราชการตามปกติ ครั้นได้ทราบความว่าเล่าปี่มีหนังสือมาถึงเล่าเจี้ยง ขอยกกองทัพกลับไปป้องกันเมืองเกงจิ๋วก่อนก็สำคัญว่าเป็นเรื่องจริง
เตียวสงเห็นว่าการที่เล่าปี่ยกกองทัพล่วงมาในแดนเมืองเสฉวนถึงเพียงนี้แล้ว หากยกกลับไปเมืองเกงจิ๋วโอกาสก็จะเสียไป จึงทำหนังสือถึงเล่าปี่ว่าซึ่งท่านยกกองทัพเข้ามาอยู่ในแดนเมืองเสฉวนบัดนี้ อาณาประชาราษฎรก็มีน้ำใจรักท่านเป็นอันมาก กิตติศัพท์ลือชาปรากฏทั่วไปว่าน้ำใจท่านโอบอ้อมอารีแก่คนทั้งปวง คนทั้งปวงต่างอยากอยู่ด้วยท่าน เหตุการณ์เป็นทีแล้วชอบที่จะยกเข้าตีเอาเมืองเสฉวนก็จะสำเร็จดังปรารถนา ซึ่งท่านจะยกกองทัพกลับไปเมืองเกงจิ๋วนั้นพึงงดไว้ก่อน เพราะลำพังขงเบ้งอยู่รักษาเมืองเกงจิ๋วก็เห็นจะพอแก่การรับมือกับศึกเหนือเสือใต้ทั้งปวง ขอให้ท่านเร่งยกกองทัพเข้าตีเอาเมืองเสฉวนเถิด ข้าพเจ้าจะช่วยคิดทำการอยู่ภายในเมือง
เตียวสงเขียนหนังสือเสร็จแล้วใส่ซองเข้าผนึกเตรียมจะเรียกคนสนิทให้มารับหนังสือถือเอาไปส่งแก่เล่าปี่ที่ด่านแฮบังก๋วน ก็พอดีเตียวซกซึ่งเป็นพี่ชายของเตียวสงมีตำแหน่งเป็นที่เจ้าเมืองเกงฮัน ได้ผลุนผลันเข้ามาเยี่ยมเตียวสงถึงในเรือนโดยมิได้บอกกล่าวนัดหมายให้ทราบล่วงหน้า
เตียวสงเห็นเตียวซกผู้พี่ชายเข้ามาดังนั้นจึงเอาหนังสือซึ่งปิดผนึกซ่อนไว้ในแขนเสื้อ แล้วคำนับต้อนรับเตียวซกผู้พี่ชาย
เตียวซกเห็นอากัปกิริยาของเตียวสงลนลานลุกลี้ลุกลนประหนึ่งว่าจะปกปิดสิ่งใดเป็นเงื่อนงำก็แคลงใจ แต่นึกไม่ออกว่าจะเป็นเรื่องราวอันใด จึงทักทายเตียวสงตามประเพณี
เตียวสงเห็นพี่ชายมาเยือนก็มีความยินดีจึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยงสุราเตียวซก สองพี่น้องกินโต๊ะดื่มสุรากันเป็นเวลาช้านาน แต่เตียวสงนั้นคออ่อนเมาสุราก่อนเตียวซก หนังสือถึงเล่าปี่ซึ่งอยู่ในแขนเสื้อพลัดตกลงกับพื้นโดยไม่รู้ตัว
บ่าวของเตียวซกเห็นหนังสือก็ลอบเก็บไว้ ครั้นกินโต๊ะเสร็จก็มอบหนังสือนั้นให้แก่เตียวซก
เตียวซกเปิดผนึกหนังสือออกอ่านดูก็รู้ความว่าเตียวสงน้องชายคิดคดทรยศต่อเล่าเจี้ยง สมคบกับเล่าปี่ให้ยกกองทัพเข้ามาชิงเอาเมืองเสฉวน เตียวซกยิ่งคิดก็ยิ่งพรั่นใจว่าเตียวสงคิดอ่านครั้งนี้จะไม่สำเร็จ หากความลับรั่วไหลหรือเตียวสงมีอันเป็นไปประการใดภัยก็จะตกมาถึงเตียวซกด้วย
เตียวซกนึกกลัวภัยจะมาถึงตัวจึงลืมนึกถึงชีวิตของเตียวสง แล้วคิดต่อไปว่าถ้าหากเรานิ่งเสียไม่แจ้งแก่เล่าเจี้ยง หากเล่าเจี้ยงจับผิดเตียวสงได้ก็จะเอาผิดมาถึงครอบครัวรวมทั้งตัวเราด้วย กระนั้นเลยชอบที่เราจะนำความไปแจ้งให้เล่าเจี้ยงทราบเราจึงจะรอดปลอดภัย
เตียวซกคิดดังนั้นแล้วจึงรีบเข้าไปหาเล่าเจี้ยง มอบหนังสือซึ่งเตียวสงเขียนถึงเล่าปี่แก่เล่าเจี้ยงแล้วว่า เตียวสงน้องข้าพเจ้าไม่เห็นแก่ความเดือดร้อนของพี่น้องและญาติมิตร ละความภักดีต่อท่าน คบคิดกับเล่าปี่ให้ยกกองทัพมายึดเอาเมืองเสฉวน ท่านจงพิจารณาลงโทษเตียวสงตามกบิลเมืองเถิด
เล่าเจี้ยงฟังคำเตียวซกแล้วอ่านหนังสือซึ่งเตียวสงเขียนถึงเล่าปี่ ทราบความก็โกรธ ลำเลิกขึ้นว่าตัวเราได้เลี้ยงดูบำรุงอุปถัมภ์เตียวสงและครอบครัวมานานช้า ควรที่จะมีน้ำใจกตัญญูต่อเรา สิกลับมาทรยศคบคิดกับเล่าปี่ให้ทำอันตรายเราอีก คนประพฤติตนเป็นข้าขายเจ้าบ่าวขายนายดังนี้จะเลี้ยงไว้ก็เปลืองข้าวแดงแกงร้อนเปล่า
ว่าแล้วเล่าเจี้ยงจึงสั่งทหารให้ไปจับตัวเตียวสงและครอบครัวบุตรภรรยาเอาไปประหารเสียทั้งสิ้น
จากนั้นเล่าเจี้ยงจึงเรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวง ปรารภความซึ่งเตียวสงคบคิดกับเล่าปี่จะยึดเอาเมืองเสฉวน และได้สั่งให้ประหารชีวิตเตียวสงพร้อมครอบครัวลูกเมียแล้ว จึงปรึกษาว่าจะคิดอ่านประการใดสืบไป
อุยก๋วนขุนนางฝ่ายค้านของเตียวสงได้ฟังปรารภดังนั้นก็มีความยินดี รีบกล่าวว่าซึ่งข้าพเจ้าได้ทักท้วงทัดทานเตียวสงมาแต่ก่อนก็เพราะอ่านแผนการความคิดของเตียวสงกระจ่างแจ้ง มาบัดนี้ความจริงได้ประจักษ์แล้วเพราะบุญท่านยังไม่สิ้น จึงทราบความอันเป็นแผนการร้ายได้ทันท่วงที แลเมื่อเล่าปี่คบคิดกันจะทำร้ายท่านดังนี้ เห็นเล่าปี่จะยกกองทัพรุกเข้าแดนเมือง เสฉวนเป็นมั่นคง ขอท่านจงแต่งเมืองและด่านทั้งปวงป้องกันมิให้ เล่าปี่ยกล่วงเข้ามาทำอันตรายได้
เล่าเจี้ยงได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบ จึงมีหนังสือสั่งการไปถึงด่านและบรรดาหัวเมืองทั้งปวงให้กวดขันระมัดระวังป้องกันมิให้กองทัพเล่าปี่ยกล้ำเข้ามาในแดนเมืองเสฉวนได้
ทางฝ่ายเล่าปี่ครั้นมีหนังสือแจ้งความแก่เล่าเจี้ยงว่าจะเลิกทัพกลับไปป้องกันเมืองเกงจิ๋วแล้ว ก็จัดแจงให้กองทัพทั้งปวงเลิกทัพกลับจากด่านแฮบังก๋วนลงทางใต้ไปทางด่านโปยสิก๋วน ซึ่งเป็นด่านทางภาคใต้ปลายแดนเมืองเกงจิ๋วและเมืองเสฉวน
เล่าปี่เดินทัพถึงเขตด่านโปยสิก๋วนเป็นเวลาใกล้พลบจึงให้ตั้งค่าย แล้วให้ทหารเข้าไปแจ้งแก่เอียวหวยและโกภายว่าโจโฉยกกองทัพมาตีเมืองเกงจิ๋ว เล่าปี่จึงจำเป็นต้องเลิกทัพกลับไปป้องกันเมืองเกงจิ๋วก่อน บัดนี้เล่าปี่เดินทัพมาถึงเขตด่านจึงหวังจะได้พบหน้าเพื่อร่ำลาตามธรรมเนียม
เอียวหวยและโกภายผู้รักษาด่านโปยสิก๋วนได้ทราบความตามหนังสือของเล่าเจี้ยงซึ่งสั่งกำชับให้ทุกด่านระมัดระวังเล่าปี่แล้ว ครั้นทราบความจากทหารของเล่าปี่จึงปรึกษากันว่าเล่าปี่จะเลิกทัพกลับไปเมืองเกงจิ๋วครั้งนี้เราจะคิดอ่านประการใด
โกภายจึงว่าเล่าปี่ครั้งนี้เห็นจะไม่พ้นความตาย ข้าพเจ้าคิดกลอุบายให้ฝ่ายเรายกทหารออกไปหาเล่าปี่ ทำทีว่านำข้าวของออกไปคำนับเพื่อส่งเล่าปี่กลับไปเมืองเกงจิ๋ว เล่าปี่ไม่ทันระวังตัวเราก็จะฉวยโอกาสนั้นสังหารเล่าปี่เสีย เมืองเสฉวนก็จะพ้นอันตราย เราสองคนก็จะได้ความชอบเป็นอันมาก
เอียวหวยได้ฟังคำโกภายก็เห็นด้วย จึงสั่งให้จัดแจงข้าวของที่จะออกไปคำนับเล่าปี่ ครั้นรุ่งขึ้นเช้าเอียวหวยและโกภายจึงพาทหารสองร้อยซ่อนอาวุธสั้นไว้ในแขนเสื้อ แล้วคุมข้าวของออกไปหาเล่าปี่ที่ค่าย
ฝ่ายเล่าปี่ปรึกษาอยู่กับบังทอง พอได้ทราบรายงานจากทหารรักษาการณ์ว่าบัดนี้เอียวหวยและโกภายผู้รักษาด่านคุมข้าวของจะมาคำนับส่งเล่าปี่กลับเมืองเกงจิ๋ว เล่าปี่จึงถามบังทองว่าเอียวหวยและโกภายมาครั้งนี้จะดีร้ายประการใด
บังทองได้ฟังดังนั้นก็แจ้งในอุบายก็คิดหักเล่ห์ชิงเหลี่ยมเอียวหวยและโกภาย จึงว่าเอียวหวยและโกภายมาครั้งนี้จะวางใจนั้นมิได้ เห็นจะเป็นกลอุบายทำร้ายท่านเป็นมั่นคง บังทองกล่าวสืบไปว่าเอียวหวย โกภาย ออกมาบัดนี้สมคะเนที่ได้คิดอ่านแล้ว ให้ท่านจับเอียวหวยและโกภายฆ่าเสีย ยึดเอาด่านโปยสิก๋วนไว้เป็นฐานที่มั่น แล้วยกไปยึดเอาเมืองเสฉวนต่อไป
บังทองกล่าวพอขาดคำก็บังเกิดลมหัวด้วนพัดหมุนถูกธงชัยประจำตัวเล่าปี่หักล้มลง
เล่าปี่เห็นดังนั้นก็พรั่นใจ จึงถามบังทองว่าซึ่งลมพายุหมุนพัดมาต้องธงชัยประจำทัพหักล้มลงดังนี้เป็นนิมิตดีร้ายประการใด
บังทองจับยามตามคัมภีร์อี้จิงแล้วจึงกล่าวกับเล่าปี่ว่า ซึ่งบังเกิดเหตุทั้งนี้เนื่องแต่เทพยดามาบันดาลนิมิตให้ปรากฏแก่ท่านว่าเอียวหวยและโกภายคิดอ่านจะทำร้ายท่าน ให้เร่งระมัดระวังตัว อย่าได้ประมาท
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงแต่งตัวใส่เกราะเตรียมอาวุธสำหรับมือแล้วเรียกอุยเอี๋ยนและ ฮองตงเข้ามาหา สั่งว่าให้คุมทหารห้าร้อยออกไปตั้งอยู่หน้าค่ายของเล่าปี่ เมื่อเอียวหวย โกภายยกมาแล้วให้กันทหารของเอียวหวยและโกภายไว้แต่ภายนอก ปล่อยให้เอียวหวยและโกภายเข้ามาหาเล่าปี่แต่เพียงสองคน พอเอียวหวยและโกภายเข้ามาในค่ายแล้วก็ให้จับทหารเอียวหวยและโกภายไว้จงสิ้น อย่าให้หลุดรอดไปได้แม้แต่คนเดียว
อุยเอี๋ยนและฮองตงรับคำสั่งแล้วคำนับเล่าปี่กลับออกไปจัดแจงตามที่เล่าปี่สั่งทุกประการ
ฝ่ายเอียวหวย โกภาย พาทหารสองร้อยพร้อมด้วยข้าวของมาถึงค่ายของเล่าปี่ก็ถูกอุยเอี๋ยนและฮองตงกันทหารทั้งปวงไว้ภายนอก แล้วเชิญเอียวหวยและโกภายเข้าไปพบเล่าปี่ที่ในค่าย
เอียวหวยและโกภายเข้าไปในค่ายเห็นเล่าปี่นั่งอยู่กับบังทองก็ทำทีเข้าไปคำนับ แล้วว่าข้าพเจ้าทราบข่าวว่าท่านจะเดินทัพกลับเมืองเกงจิ๋ว จึงคุมข้าวของมาคำนับตามธรรมเนียม
พอเอียวหวยและโกภายคำนับเล่าปี่แล้ว เล่าปี่จึงร้องขึ้นว่าบัดนี้ไอ้โจรเข้ามาอยู่ในเงื้อมมือเราแล้ว ให้เร่งจับกุมตัวไว้ในทันที ในทันใดนั้นเล่าฮอง กวนเป๋ง และทหารของ เล่าปี่ก็กรูออกมาจับตัวเอียวหวย โกภายได้โดยละม่อม
เล่าปี่จึงว่าตัวเรากับเล่าเจี้ยงเป็นพี่น้องแซ่เดียวกัน เหตุไฉนเจ้าทั้งสองจึงคิดอ่านทำร้ายเรา
เอียวหวยและโกภายได้ฟังคำเล่าปี่ก็รีบปฏิเสธว่าข้าพเจ้าเป็นแต่ผู้น้อยรักษาด่านอยู่ภายนอก ไหนเลยจะกล้าคิดอ่านทำร้ายท่าน
บังทองจึงสั่งให้ทหารเข้าตรวจค้นตัวเอียวหวยและโกภายก็ได้อาวุธสั้นซึ่งซุกซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ เล่าปี่จึงสั่งทหารให้เอาตัวเอียวหวยและโกภายออกไปตัดศีรษะเสีย
ฝ่ายอุยเอี๋ยนและฮองตงคุมทหารกันทหารของเอียวหวยและโกภายอยู่ภายนอก พอเอียวหวยและโกภายเข้าไปในค่ายเล่าปี่ลับตาแล้ว อุยเอี๋ยนและฮองตงจึงสั่งทหารให้ล้อมจับตัวทหารของเอียวหวยและโกภายไว้ได้จนหมดสิ้น และควบคุมตัวมาคอยท่าอยู่ที่หน้าค่ายของเล่าปี่
พอเล่าปี่สั่งตัดศีรษะเอียวหวยและโกภายแล้วก็ชวนบังทองออกมาที่นอกค่าย เห็นอุยเอี๋ยน ฮองตง และทหารควบคุมทหารของเอียวหวยและโกภายไว้ก็มีความยินดี จึงกล่าวกับบรรดาทหารเหล่านั้นว่าท่านทั้งปวงเป็นผู้น้อย จึงไม่ทราบความว่าเอียวหวยและโกภายออกมาหาเราในครั้งนี้มีเจตนาคิดร้าย ได้ซุกซ่อนอาวุธเข้ามาหวังสังหารตัวเรา แต่เดชะบุญที่เทพยดาบันดาลให้เรารู้เหตุการณ์ก่อนจึงไม่เป็นอันตราย ท่านทั้งปวงมิได้ร่วมรู้คบคิดด้วยเอียวหวย โกภาย ย่อมไม่มีความผิด อย่าได้ตกใจเลย
ว่าแล้วเล่าปี่จึงสั่งให้แต่งโต๊ะเลี้ยงบรรดาทหารทั้งนั้น ทหารของเอียวหวยและโกภายเห็นเล่าปี่มีน้ำใจโอบอ้อมอารีมิได้เอาโทษก็มีความยินดี จึงกินโต๊ะเสพสุราแล้วพากันคำนับขอบคุณ และสรรเสริญเล่าปี่เป็นอันมาก
บังทองสังเกตเห็นทหารของเอียวหวยและโกภายมีน้ำใจยินดีด้วยเล่าปี่ดังนั้นจึงกล่าวว่า พระเจ้าอาเล่าปี่เป็นเชื้อพระวงศ์ของพระเจ้าเหี้ยนเต้ มีน้ำใจโอบอ้อมอารีแก่อาณาประชาราษฎรทั้งปวง กิตติศัพท์ลือชาปรากฏประจักษ์แก่ตาทุกผู้คนดีอยู่แล้ว ได้ยกกองทัพมาตามที่เล่าเจี้ยงขอร้องให้มาป้องกันเมืองเสฉวนมิให้เตียวล่อยกมาทำอันตราย แต่เล่าเจี้ยงกลับคิดร้ายสั่งให้เอียวหวยและโกภายสังหารเล่าปี่ผิดประเพณีไปดังนี้ จึงจำที่เล่าปี่ต้องคิดอ่านป้องกันตัวมิให้เป็นอันตราย
แล้วบังทองจึงว่า เราจะคิดอ่านยกกองทัพเข้ายึดเอาด่านโปยสิก๋วน การสำเร็จแล้วจะปูนบำเหน็จความชอบแก่ท่านทั้งปวงเป็นอันมาก ใครผู้ใดจะอาสาเข้าร่วมการกับกองทัพของเล่าปี่เราก็มีความยินดี ผู้ใดไม่มีความเต็มใจเราก็จะปล่อยกลับไป
ทหารของเอียวหวยและโกภายได้กิตติศัพท์ของเล่าปี่ว่ามีน้ำใจโอบอ้อมอารีรักทหารทั้งปวงก็มีความคิดจะเข้าอยู่กับเล่าปี่ ครั้นได้ฟังคำบังทองดังนั้นจึงต่างคนต่างอาสา เล่าปี่และบังทองเห็นดังนั้นก็มีความยินดี.