ตอนที่ 352. สองลักษณะคำปรึกษา
เจี้ยนอันศกปีที่สิบแปด เดือนสาม หลังจากผ่านพ้นวันตรุษแล้วความหนาวเย็นของฤดูหนาวก็เบาบางลง แต่ฝนนอกฤดูกลับตกหนักมาเป็นเวลาหลายวัน กองทัพเมืองกังตั๋งและกองทัพเมืองหลวงซึ่งตั้งยันกันแบบซังกะตายได้รับความยากลำบากนัก ซุนกวนจึงมีหนังสือถึงโจโฉขอหย่าศึก
โจโฉเห็นหนังสือของซุนกวนแล้วก็หัวเราะชอบใจเพราะไม่มีลักษณะเป็นการข่มขู่ลำเลิกหรือที่เรียกโดยสมัยนิยมว่าแบล็คเมล์ เหมือนกับการแบล็คเมล์ของพรรคฝ่ายค้านในกรณีจับผู้แทนคาหนังคาเขาในบ่อนกลางเมือง แล้วมีการแบล็คเมล์ว่าผู้แทนฝ่ายรัฐบาลก็มีบ่อนเหมือนกัน และเห็นว่าตามหนังสือของซุนกวนนั้นได้ยกย่องโจโฉว่าเป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ จึงสั่งทหารคนสนิทให้เบิกของกำนัลมอบเป็นรางวัลแก่ทหารของซุนกวนเป็นอันมาก
แล้วโจโฉจึงว่าเจ้าจงกลับไปบอกซุนกวนเถิดว่าเมื่อซุนกวนแสดงความคารวะแก่เราดังนี้แล้ว เราก็จะเลิกทัพกลับไปเมืองหลวงตามที่ซุนกวนขอร้อง
ครั้นทหารนั้นกลับไปแล้วโจโฉจึงสั่งให้เลิกทัพกลับเมืองหลวง ฝ่ายซุนกวนทราบว่ากองทัพโจโฉเลิกทัพกลับไปแล้วจึงสั่งให้เลิกทัพแล้วยกกลับไปเมืองเบาะเหลง
ครั้นถึงเมืองเบาะเหลงซุนกวนจึงเรียกประชุมที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวง ปรึกษาว่าบัดนี้โจโฉเลิกทัพกลับไปเมืองหลวงแล้ว แต่เล่าปี่ยังติดพันอยู่ที่การข้างเมืองเสฉวน ดังนั้นเราจึงคิดที่จะยกกองทัพไปตีเอาเมืองเกงจิ๋ว ท่านทั้งปวงจะมีความเห็นเป็นประการใด
เตียวเจียวที่ปรึกษาได้ฟังดังนั้นจึงว่าบัดนี้ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว โจโฉเพิ่งเลิกทัพกลับไปยังวางใจมิได้ หากทราบว่าท่านยกไปรบเมืองเกงจิ๋วก็จะยกกองทัพมาตีเมืองกังตั๋ง อนึ่งนั้นเล่าปี่ยกไปอยู่ที่ด่านแฮบังก๋วนหากทราบว่าเมืองเกงจิ๋วเกิดศึกก็อาจยกกองทัพกลับมาช่วย ท่านก็จะห่วงหน้าพะวงหลังเห็นจะทำการไม่ตลอด ข้าพเจ้ามีกลอุบายประการหนึ่งซึ่งเห็นว่าจะได้เมืองเกงจิ๋วโดยไม่เหนื่อยแรง
ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงถามว่ากลอุบายตามความคิดท่านนั้นเป็นประการใด
เตียวเจียวจึงว่าขอให้ท่านมีหนังสือไปถึงเล่าเจี้ยง ยุเล่าเจี้ยงว่าเล่าปี่นี้เป็นคนไม่มีความกตัญญู ขณะนี้กำลังคบคิดกับเตียวล่อเห็นจะคิดร้ายเล่าเจี้ยงแล้วชิงเอาเมืองเสฉวน ขอให้ระมัดระวังเล่าปี่ให้จงดี และให้มีหนังสือไปถึงเตียวล่ออีกฉบับหนึ่งยุ เตียวล่อว่าบัดนี้เล่าปี่ยกกองทัพเมืองเกงจิ๋วไปช่วยเล่าเจี้ยง ทหารในเมืองเกงจิ๋วเบาบางอยู่แล้ว ถ้าเตียวล่อยกไปตีเมืองเกงจิ๋วก็จะได้โดยง่าย เมื่อเล่าเจี้ยงและเตียวล่อได้รับหนังสือจากท่านแล้วก็จะเกิดการรบพุ่งติดพันกันทั้งเล่าเจี้ยง เล่าปี่ และเตียวล่อ ท่านก็จะยกกองทัพไปตีเมืองเกงจิ๋วได้โดยสะดวก เมื่อถึงเวลานั้นแม้ว่าเล่าปี่จะยกกองทัพมาช่วยเมืองเกงจิ๋วก็จะไม่ทันการด้วยการศึกติดพัน รุกหน้าก็มิได้ถอยหลังก็ไม่สะดวก เห็นจะพะวงเป็นศึกสามด้านสามเส้าอยู่
ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงให้แต่งหนังสือให้ทหารถือไปเมืองเสฉวนและเมืองฮันต๋งตามคำของเตียวเจียวทุกประการ
ทางฝ่ายเล่าปี่ยกกองทัพไปตั้งอยู่ที่ด่านแฮบังก๋วน ได้ดำเนินอุบายทางการเมืองผูกน้ำใจอาณาประชาราษฎร จนชาวเมืองมีน้ำใจรักใคร่ทหารเมืองเกงจิ๋วทุกคน
ครั้นเล่าปี่ได้รับหนังสือของขงเบ้งว่านางซุนฮูหยินอ้างเหตุมารดาป่วยหนักกลับไปเมืองกังตั๋งแล้วก็เศร้าโศกเสียใจเป็นอันมาก ครั้นต่อมาก็ได้ทราบความจากหนังสือของขงเบ้งอีกว่าบัดนี้โจโฉยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋ง ตั้งยันอยู่กับกองทัพของซุนกวนที่ปากน้ำเมืองยี่สู เล่าปี่ก็เกรงว่าโจโฉจะยกกองทัพวกเข้าตีเอาเมืองเกงจิ๋ว
เล่าปี่จึงเชิญบังทองมาปรึกษาว่าการสงครามระหว่างโจโฉกับซุนกวนครั้งนี้หากเสร็จศึกแล้วโจโฉได้ชัยชนะแก่เมืองกังตั๋ง ก็เห็นจะยกกองทัพไปตีเอาเมืองเกงจิ๋ว หรือแม้หากกองทัพเมืองกังตั๋งได้ชัยชนะต่อกองทัพของเมืองหลวงก็เห็นจะยกกองทัพไปตีเอาเมืองเกงจิ๋วเช่นเดียวกัน ท่านจะคิดอ่านประการใด
บังทองได้ฟังดังนั้นก็รู้ใจเล่าปี่ว่ามีกังวลคิดจะยกกองทัพกลับไปรักษาเมืองเกงจิ๋ว จึงว่าซึ่งท่านจะเลิกทัพกลับไปเมืองเกงจิ๋วนั้น ชอบที่จะมีหนังสือไปแจ้งแก่เล่าเจี้ยงก่อนว่าบัดนี้โจโฉยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋ง ซุนกวนให้มีหนังสือมาขอกองทัพไปช่วย และจำใจต้องยกกองทัพไปช่วยด้วยเป็นดองกับซุนกวน แลการซึ่งจะยกกองทัพไปช่วยซุนกวนครั้งนี้ให้ขอยืมทหารเมืองเสฉวนสามหมื่น แลเสบียงอีกสิบหมื่นถัง การข้างเมืองฮันต๋งนั้นขอ เล่าเจี้ยงอย่าได้พะวงเพราะกองทัพเตียวล่อเป็นแต่ทหารบ้านนอก ไม่สามารถเอาชนะทหารเมืองเสฉวนได้ และเมื่อการศึกข้างเมืองเกงจิ๋วเสร็จแล้วก็จะรีบยกกองทัพกลับมาช่วยเล่าเจี้ยงสืบไป
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงแต่งหนังสือให้ทหารถือไปให้เล่าเจี้ยงที่เมืองเสฉวน พอผู้ถือหนังสือไปถึงด่านโปยเสีย เอียวหวยและโกภายซึ่งเป็นผู้รักษาด่านทราบว่าเป็นทหารของเล่าปี่ถือหนังสือไปขอทหารและเสบียงจากเล่าเจี้ยงก็เกรงว่า เล่าเจี้ยงจะหลงกลมอบทหารและเสบียงแก่เล่าปี่ เอียวหวยจึงให้โกภายอยู่รักษาด่าน แล้วพาทหารของเล่าปี่นั้นเข้าไปในเมืองเสฉวน
พอถึงเมืองเสฉวนเอียวหวยจึงพาทหารของเล่าปี่เข้าไปหาเล่าเจี้ยง เล่าเจี้ยงเห็นเอียวหวยก็ขุ่นใจ รีบถามว่าเราให้ท่านดูแลรักษาด่านโปยเสีย บัดนี้ไม่มีราชการสิ่งใดเรียกหา ไฉนท่านจึงทิ้งราชการด่านโดยพละการดังนี้
เอียวหวยจึงว่าซึ่งข้าพเจ้าจะละทิ้งราชการด่านนั้นหามิได้ ที่เดินทางมาพบท่านในครั้งนี้ก็เพราะทราบจากทหารของเล่าปี่ว่าจะเลิกทัพกลับไปช่วยซุนกวน แล้วจะขอยืมทหารแลเสบียงจากท่าน หากปล่อยให้ทหารของเล่าปี่มาพบท่านโดยลำพังก็เกรงว่าท่านจะหลงคำเล่าปี่ ให้ยืมทหารแลเสบียงแล้วจะทำให้เล่าปี่กล้าแข็งขึ้น ยกมาทำอันตรายต่อเมือง เสฉวน ดังนั้นจึงเดินทางมาเพื่อจะท้วงติงไม่ให้ท่านมอบทหารและเสบียงแก่เล่าปี่ การทั้งนี้แม้เป็นความผิดก็ขอท่านได้อดโทษแก่ข้าพเจ้าด้วย
เล่าเจี้ยงได้ฟังดังนั้นก็ตวาดเอียวหวยว่า เล่าปี่กับเราเป็นพี่น้องแซ่เดียวกัน เราเดือดร้อนขอให้เล่าปี่ยกกองทัพมาช่วยเขาก็สู้อุตส่าห์มาตามที่เราขอร้อง แลบัดนี้เขาเดือดร้อนบ้างจะไม่ให้ช่วยเขาย่อมไม่ชอบ
เล่าป๊าขุนนางเมืองเสฉวนได้ฟังคำเล่าเจี้ยงดังนั้นจึงท้วงว่าเล่าปี่นี้เป็นคนอกตัญญู ซึ่งยกเข้ามาในแดนเมืองเสฉวนนี้ก็เหมือนดังหนึ่งเอาเสือเข้ามาไว้ในบ้าน ท่านจะให้เสบียงและทหารอีกเล่าก็เหมือนหนึ่งเพิ่มอาหารไปเลี้ยงเสือ เพิ่มเชื้อฟืนให้กับกองไฟ อันตรายก็จะยิ่งมีแก่ท่าน นานวันไปเล่าปี่ก็จะทำร้ายท่านเหมือนคำเอียวหวย
เล่าเจี้ยงเป็นคนโลเล ได้ฟังคำขุนนางทัดทานดังนั้นก็แคลงใจเล่าปี่ แต่ใจหนึ่งก็เกรงใจเล่าปี่เสียไม่ได้ จึงจัดทหารที่มีอายุมากจำนวนสี่พันและข้าวหมื่นถัง แล้วแต่งคนคุมข้าวของแลทหารไปกับคนถือหนังสือของเล่าปี่ และนำไปส่งแก่เล่าปี่ที่ด่านแฮบังก๋วน
เล่าเจี้ยงเกิดความโลเลแล้วจึงกำชับเอียวหวยให้กวดขันรักษาด่านโปยเสียให้มั่นคงยิ่งกว่าแต่ก่อน
ครั้นคนถือหนังสือเดินทางกลับจากเมืองเสฉวนก็นำความเข้าไปแจ้งแก่เล่าปี่ เล่าปี่ได้ทราบความก็โกรธเล่าเจี้ยง ลุกขึ้นยืนแล้วว่า “เสียแรงมาช่วยป้องกันรักษาบ้านเมืองไว้ แต่เราขัดสนผู้คนข้าวปลาอาหาร ให้ไปขอควรหรือให้มาแต่เท่านี้ แลเราจะทำการสืบไปก็จะเสียเปล่า”
เล่าปี่ด่าเล่าเจี้ยงดังนั้นแล้วก็ฉีกหนังสือของเล่าเจี้ยงซึ่งกำกับมากับเสบียงและทหารสูงอายุ กระทืบเท้าแล้วเดินวนไปวนมา ทหารซึ่งถือหนังสือของเล่าเจี้ยงไปมอบแก่เล่าปี่เห็นดังนั้นก็ตกใจ พอสบช่องโอกาสก็คำนับลาเล่าปี่แล้วรีบเดินทางกลับเมืองเสฉวน
พอคนทั้งปวงกลับออกไปแล้วบังทองจึงติงเล่าปี่ว่า “แต่ก่อนท่านทำน้ำใจสุภาพไม่หยาบช้าคนทั้งปวงก็ปรากฏ แลบัดนี้ท่านมาโกรธวู่วามฉีกหนังสือทิ้งเสียแล้วว่ากล่าวหยาบช้าฉะนี้คนทั้งปวงก็แจ้งไป เสียแรงทำดีมาแต่ก่อนนั้น จะมิเสียประโยชน์เสียเปล่าหรือ”
เล่าปี่ฟังคำติงของบังทองแล้วได้สติก็ตกใจ จึงว่าข้าพเจ้าทำการทั้งนี้พลาดพลั้งผิดไปแล้ว ท่านจะคิดอ่านแก้ไขประการใด
บังทองจึงว่าท่านทำการครั้งนี้ความก็แจ้งไปถึงคนอื่นแล้ว ซึ่งจะแก้ไขให้คืนดีนั้นเห็นขัดสน แต่เมื่อการเป็นไปถึงเพียงนี้แล้วจะนิ่งเฉยอยู่นั้นอันตรายก็จะมีมาถึงท่าน
เล่าปี่ได้ฟังบังทองว่าดังนั้นก็เห็นด้วย จึงปรึกษาว่าเมื่อการล่วงมาดังนี้ชอบที่จะดำเนินการประการใดสืบไป
บังทองจึงว่าหนทางเดินข้างหน้ามีอยู่สามทาง ทางหนึ่งนั้นให้ท่านแต่งกองทัพประกอบด้วยหน่วยทหารฝีมือดีเคลื่อนที่เร็วรีบลอบยกเข้ายึดเอาเมืองเสฉวน ทางที่สองให้ท่านทำทีเป็นยกกองทัพจะกลับเมืองเกงจิ๋ว เห็นเอียวหวยและโกภายซึ่งรักษาด่านโปยเสียจะออกมาส่งตามประเพณี ได้ทีแล้วให้จับตัวเอียวหวยและโกภายฆ่าเสียชิงเอาด่านโปยเสียไว้เป็นฐานที่มั่นแล้วยกเข้ายึดเมืองเสฉวนต่อไป ส่วนทางที่สามนั้นให้ท่านเคลื่อนกองทัพไปตั้งอยู่ที่เมืองเป๊กเต้ พอได้ทีก็ยกหนีกลับไปเมืองเกงจิ๋ว เตรียมสะสมกำลังให้พรักพร้อมแล้วค่อยยกเข้าตีเอาเมืองเสฉวน
แล้วบังทองจึงว่า “เล่ห์กลสามประการนี้ท่านจะเห็นประการใดดีก็ตามอัชฌาสัยเถิด ซึ่งท่านจะนิ่งอยู่มิได้คิดทำการต่อไปนั้น นานไปภัยจะมีมาถึงตัวเป็นมั่นคง”
ลักษณะการให้คำปรึกษาของบังทองนั้นมีลักษณะที่แตกต่างจากการให้คำปรึกษาของขงเบ้ง บังทองให้คำปรึกษาโดยเสนอหนทางและความเป็นไปได้ทั้งหมด และมอบให้ผู้เป็นนายตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะเลือกเอาหนทางใด ในขณะที่ขงเบ้งจะประเมินประมาณสถานการณ์แล้วกำหนดเป็นหนทางสายเอกเพียงสายเดียวเสนอให้ผู้เป็นนายเห็นชอบ เมื่อเห็นชอบพร้อมกันแล้วก็ปฏิบัติไปตามนั้นนี่ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง บังทองให้คำปรึกษาในลักษณะเชิงรับ ปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนแล้วจึงค่อยให้คำปรึกษาไปตามสถานการณ์ ในขณะที่ขงเบ้งให้คำปรึกษาในเชิงรุก จะประมาณประเมินสถานการณ์โดยรอบคอบรอบด้านก่อน จากนั้นจึงกำหนดเป็นแผนการแล้วสร้างเสกสถานการณ์ให้เกิดขึ้นตามแผนการนั้น
ดังกรณีที่เล่าเจี้ยงให้คนถือหนังสือคุมทหารและเสบียงมามอบแก่เล่าปี่นั้น บังทองมิได้คาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และมิได้เสนอแนะให้เล่าปี่เตรียมรับกับสถานการณ์ประการใด ครั้นเล่าปี่โกรธรักษาอาการไว้ไม่ได้ก็ถูกบังทองติติง แม้ได้สติยั้งคิดก็ไม่อาจถอนคืนอาการซึ่งเสียไปนั้นได้ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับขงเบ้ง ดังเช่นกรณีที่โลซกมาเมืองเกงจิ๋ว ขงเบ้งประเมินประมาณสถานการณ์แล้วคาดการณ์ว่าเป็นเรื่องราวอันใด จากนั้นจึงกำหนดแผนการปฏิบัติเสนอแก่เล่าปี่ ความพลั้งพลาดจึงไม่เกิดขึ้น หรือในกรณีที่เตียวสงถามเล่าปี่เกี่ยวกับความข้างเมืองเกงจิ๋ว ขงเบ้งเกรงว่าเล่าปี่จะพลาดพลั้งกล่าวถึงเมืองเสฉวน จะก่อให้เกิดความหวาดระแวงแก่เตียวสงจึงชิงตอบเรื่องนี้เสียเอง
ความแตกต่างของสองยอดกุนซือในลักษณะให้คำปรึกษาดังนี้จึงทำให้สถานการณ์ที่เล่าปี่ยกมาเมืองเสฉวนโดยมีบังทองเป็นกุนซือย่อมให้ผลที่แตกต่างกับกรณีที่ถ้าหากขงเบ้งมาด้วยเล่าปี่มากมายนัก แต่นี่เป็นลิขิตแห่งสวรรค์อันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ กรณีจึงเป็นไปดังนั้น
ครั้นเล่าปี่ได้ฟังถึงหนทางที่บังทองเสนอให้เลือกทั้งสามทางแล้ว จึงว่าหนทางสายแรกนั้นเป็นหนทางที่ตึงเกินไป ส่วนหนทางสายที่สามเล่าก็หย่อนเกินไป เหลือแต่หนทางสายที่สองเป็นหนทางสายกลาง เห็นจะเหมาะแก่การ
ดังนั้นเล่าปี่จึงตัดสินใจเลือกหนทางปฏิบัติหนทางที่สองคือทำทีจะยกกลับไปเมืองเกงจิ๋ว แล้วจะชิงเอาด่านโปยสิก๋วนเป็นที่มั่น โอกาสอำนวยแล้วก็จะเข้ายึดเอาเมืองเสฉวนต่อไป
เมื่อตัดสินใจดังนั้นเล่าปี่จึงแต่งหนังสือถึงเล่าเจี้ยงเป็นใจความว่า บัดนี้ขงเบ้งมีหนังสือแจ้งความมาว่าโจโฉยกกองทัพมาทำอันตรายเมืองเกงจิ๋ว ขอให้ข้าพเจ้ารีบยกทหารกลับไปช่วย เหตุนี้จึงเนิ่นช้าอยู่มิได้ ข้าพเจ้าจำจะขออำลาท่านยกกองทัพกลับไปป้องกันรักษาเมืองเกงจิ๋วก่อน ไม่มีโอกาสได้เข้ามาคำนับลา ท่านอย่าได้น้อยใจเลย.
โจโฉเห็นหนังสือของซุนกวนแล้วก็หัวเราะชอบใจเพราะไม่มีลักษณะเป็นการข่มขู่ลำเลิกหรือที่เรียกโดยสมัยนิยมว่าแบล็คเมล์ เหมือนกับการแบล็คเมล์ของพรรคฝ่ายค้านในกรณีจับผู้แทนคาหนังคาเขาในบ่อนกลางเมือง แล้วมีการแบล็คเมล์ว่าผู้แทนฝ่ายรัฐบาลก็มีบ่อนเหมือนกัน และเห็นว่าตามหนังสือของซุนกวนนั้นได้ยกย่องโจโฉว่าเป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ จึงสั่งทหารคนสนิทให้เบิกของกำนัลมอบเป็นรางวัลแก่ทหารของซุนกวนเป็นอันมาก
แล้วโจโฉจึงว่าเจ้าจงกลับไปบอกซุนกวนเถิดว่าเมื่อซุนกวนแสดงความคารวะแก่เราดังนี้แล้ว เราก็จะเลิกทัพกลับไปเมืองหลวงตามที่ซุนกวนขอร้อง
ครั้นทหารนั้นกลับไปแล้วโจโฉจึงสั่งให้เลิกทัพกลับเมืองหลวง ฝ่ายซุนกวนทราบว่ากองทัพโจโฉเลิกทัพกลับไปแล้วจึงสั่งให้เลิกทัพแล้วยกกลับไปเมืองเบาะเหลง
ครั้นถึงเมืองเบาะเหลงซุนกวนจึงเรียกประชุมที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองทั้งปวง ปรึกษาว่าบัดนี้โจโฉเลิกทัพกลับไปเมืองหลวงแล้ว แต่เล่าปี่ยังติดพันอยู่ที่การข้างเมืองเสฉวน ดังนั้นเราจึงคิดที่จะยกกองทัพไปตีเอาเมืองเกงจิ๋ว ท่านทั้งปวงจะมีความเห็นเป็นประการใด
เตียวเจียวที่ปรึกษาได้ฟังดังนั้นจึงว่าบัดนี้ฤดูหนาวผ่านไปแล้ว โจโฉเพิ่งเลิกทัพกลับไปยังวางใจมิได้ หากทราบว่าท่านยกไปรบเมืองเกงจิ๋วก็จะยกกองทัพมาตีเมืองกังตั๋ง อนึ่งนั้นเล่าปี่ยกไปอยู่ที่ด่านแฮบังก๋วนหากทราบว่าเมืองเกงจิ๋วเกิดศึกก็อาจยกกองทัพกลับมาช่วย ท่านก็จะห่วงหน้าพะวงหลังเห็นจะทำการไม่ตลอด ข้าพเจ้ามีกลอุบายประการหนึ่งซึ่งเห็นว่าจะได้เมืองเกงจิ๋วโดยไม่เหนื่อยแรง
ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงถามว่ากลอุบายตามความคิดท่านนั้นเป็นประการใด
เตียวเจียวจึงว่าขอให้ท่านมีหนังสือไปถึงเล่าเจี้ยง ยุเล่าเจี้ยงว่าเล่าปี่นี้เป็นคนไม่มีความกตัญญู ขณะนี้กำลังคบคิดกับเตียวล่อเห็นจะคิดร้ายเล่าเจี้ยงแล้วชิงเอาเมืองเสฉวน ขอให้ระมัดระวังเล่าปี่ให้จงดี และให้มีหนังสือไปถึงเตียวล่ออีกฉบับหนึ่งยุ เตียวล่อว่าบัดนี้เล่าปี่ยกกองทัพเมืองเกงจิ๋วไปช่วยเล่าเจี้ยง ทหารในเมืองเกงจิ๋วเบาบางอยู่แล้ว ถ้าเตียวล่อยกไปตีเมืองเกงจิ๋วก็จะได้โดยง่าย เมื่อเล่าเจี้ยงและเตียวล่อได้รับหนังสือจากท่านแล้วก็จะเกิดการรบพุ่งติดพันกันทั้งเล่าเจี้ยง เล่าปี่ และเตียวล่อ ท่านก็จะยกกองทัพไปตีเมืองเกงจิ๋วได้โดยสะดวก เมื่อถึงเวลานั้นแม้ว่าเล่าปี่จะยกกองทัพมาช่วยเมืองเกงจิ๋วก็จะไม่ทันการด้วยการศึกติดพัน รุกหน้าก็มิได้ถอยหลังก็ไม่สะดวก เห็นจะพะวงเป็นศึกสามด้านสามเส้าอยู่
ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงให้แต่งหนังสือให้ทหารถือไปเมืองเสฉวนและเมืองฮันต๋งตามคำของเตียวเจียวทุกประการ
ทางฝ่ายเล่าปี่ยกกองทัพไปตั้งอยู่ที่ด่านแฮบังก๋วน ได้ดำเนินอุบายทางการเมืองผูกน้ำใจอาณาประชาราษฎร จนชาวเมืองมีน้ำใจรักใคร่ทหารเมืองเกงจิ๋วทุกคน
ครั้นเล่าปี่ได้รับหนังสือของขงเบ้งว่านางซุนฮูหยินอ้างเหตุมารดาป่วยหนักกลับไปเมืองกังตั๋งแล้วก็เศร้าโศกเสียใจเป็นอันมาก ครั้นต่อมาก็ได้ทราบความจากหนังสือของขงเบ้งอีกว่าบัดนี้โจโฉยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋ง ตั้งยันอยู่กับกองทัพของซุนกวนที่ปากน้ำเมืองยี่สู เล่าปี่ก็เกรงว่าโจโฉจะยกกองทัพวกเข้าตีเอาเมืองเกงจิ๋ว
เล่าปี่จึงเชิญบังทองมาปรึกษาว่าการสงครามระหว่างโจโฉกับซุนกวนครั้งนี้หากเสร็จศึกแล้วโจโฉได้ชัยชนะแก่เมืองกังตั๋ง ก็เห็นจะยกกองทัพไปตีเอาเมืองเกงจิ๋ว หรือแม้หากกองทัพเมืองกังตั๋งได้ชัยชนะต่อกองทัพของเมืองหลวงก็เห็นจะยกกองทัพไปตีเอาเมืองเกงจิ๋วเช่นเดียวกัน ท่านจะคิดอ่านประการใด
บังทองได้ฟังดังนั้นก็รู้ใจเล่าปี่ว่ามีกังวลคิดจะยกกองทัพกลับไปรักษาเมืองเกงจิ๋ว จึงว่าซึ่งท่านจะเลิกทัพกลับไปเมืองเกงจิ๋วนั้น ชอบที่จะมีหนังสือไปแจ้งแก่เล่าเจี้ยงก่อนว่าบัดนี้โจโฉยกกองทัพไปตีเมืองกังตั๋ง ซุนกวนให้มีหนังสือมาขอกองทัพไปช่วย และจำใจต้องยกกองทัพไปช่วยด้วยเป็นดองกับซุนกวน แลการซึ่งจะยกกองทัพไปช่วยซุนกวนครั้งนี้ให้ขอยืมทหารเมืองเสฉวนสามหมื่น แลเสบียงอีกสิบหมื่นถัง การข้างเมืองฮันต๋งนั้นขอ เล่าเจี้ยงอย่าได้พะวงเพราะกองทัพเตียวล่อเป็นแต่ทหารบ้านนอก ไม่สามารถเอาชนะทหารเมืองเสฉวนได้ และเมื่อการศึกข้างเมืองเกงจิ๋วเสร็จแล้วก็จะรีบยกกองทัพกลับมาช่วยเล่าเจี้ยงสืบไป
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงแต่งหนังสือให้ทหารถือไปให้เล่าเจี้ยงที่เมืองเสฉวน พอผู้ถือหนังสือไปถึงด่านโปยเสีย เอียวหวยและโกภายซึ่งเป็นผู้รักษาด่านทราบว่าเป็นทหารของเล่าปี่ถือหนังสือไปขอทหารและเสบียงจากเล่าเจี้ยงก็เกรงว่า เล่าเจี้ยงจะหลงกลมอบทหารและเสบียงแก่เล่าปี่ เอียวหวยจึงให้โกภายอยู่รักษาด่าน แล้วพาทหารของเล่าปี่นั้นเข้าไปในเมืองเสฉวน
พอถึงเมืองเสฉวนเอียวหวยจึงพาทหารของเล่าปี่เข้าไปหาเล่าเจี้ยง เล่าเจี้ยงเห็นเอียวหวยก็ขุ่นใจ รีบถามว่าเราให้ท่านดูแลรักษาด่านโปยเสีย บัดนี้ไม่มีราชการสิ่งใดเรียกหา ไฉนท่านจึงทิ้งราชการด่านโดยพละการดังนี้
เอียวหวยจึงว่าซึ่งข้าพเจ้าจะละทิ้งราชการด่านนั้นหามิได้ ที่เดินทางมาพบท่านในครั้งนี้ก็เพราะทราบจากทหารของเล่าปี่ว่าจะเลิกทัพกลับไปช่วยซุนกวน แล้วจะขอยืมทหารแลเสบียงจากท่าน หากปล่อยให้ทหารของเล่าปี่มาพบท่านโดยลำพังก็เกรงว่าท่านจะหลงคำเล่าปี่ ให้ยืมทหารแลเสบียงแล้วจะทำให้เล่าปี่กล้าแข็งขึ้น ยกมาทำอันตรายต่อเมือง เสฉวน ดังนั้นจึงเดินทางมาเพื่อจะท้วงติงไม่ให้ท่านมอบทหารและเสบียงแก่เล่าปี่ การทั้งนี้แม้เป็นความผิดก็ขอท่านได้อดโทษแก่ข้าพเจ้าด้วย
เล่าเจี้ยงได้ฟังดังนั้นก็ตวาดเอียวหวยว่า เล่าปี่กับเราเป็นพี่น้องแซ่เดียวกัน เราเดือดร้อนขอให้เล่าปี่ยกกองทัพมาช่วยเขาก็สู้อุตส่าห์มาตามที่เราขอร้อง แลบัดนี้เขาเดือดร้อนบ้างจะไม่ให้ช่วยเขาย่อมไม่ชอบ
เล่าป๊าขุนนางเมืองเสฉวนได้ฟังคำเล่าเจี้ยงดังนั้นจึงท้วงว่าเล่าปี่นี้เป็นคนอกตัญญู ซึ่งยกเข้ามาในแดนเมืองเสฉวนนี้ก็เหมือนดังหนึ่งเอาเสือเข้ามาไว้ในบ้าน ท่านจะให้เสบียงและทหารอีกเล่าก็เหมือนหนึ่งเพิ่มอาหารไปเลี้ยงเสือ เพิ่มเชื้อฟืนให้กับกองไฟ อันตรายก็จะยิ่งมีแก่ท่าน นานวันไปเล่าปี่ก็จะทำร้ายท่านเหมือนคำเอียวหวย
เล่าเจี้ยงเป็นคนโลเล ได้ฟังคำขุนนางทัดทานดังนั้นก็แคลงใจเล่าปี่ แต่ใจหนึ่งก็เกรงใจเล่าปี่เสียไม่ได้ จึงจัดทหารที่มีอายุมากจำนวนสี่พันและข้าวหมื่นถัง แล้วแต่งคนคุมข้าวของแลทหารไปกับคนถือหนังสือของเล่าปี่ และนำไปส่งแก่เล่าปี่ที่ด่านแฮบังก๋วน
เล่าเจี้ยงเกิดความโลเลแล้วจึงกำชับเอียวหวยให้กวดขันรักษาด่านโปยเสียให้มั่นคงยิ่งกว่าแต่ก่อน
ครั้นคนถือหนังสือเดินทางกลับจากเมืองเสฉวนก็นำความเข้าไปแจ้งแก่เล่าปี่ เล่าปี่ได้ทราบความก็โกรธเล่าเจี้ยง ลุกขึ้นยืนแล้วว่า “เสียแรงมาช่วยป้องกันรักษาบ้านเมืองไว้ แต่เราขัดสนผู้คนข้าวปลาอาหาร ให้ไปขอควรหรือให้มาแต่เท่านี้ แลเราจะทำการสืบไปก็จะเสียเปล่า”
เล่าปี่ด่าเล่าเจี้ยงดังนั้นแล้วก็ฉีกหนังสือของเล่าเจี้ยงซึ่งกำกับมากับเสบียงและทหารสูงอายุ กระทืบเท้าแล้วเดินวนไปวนมา ทหารซึ่งถือหนังสือของเล่าเจี้ยงไปมอบแก่เล่าปี่เห็นดังนั้นก็ตกใจ พอสบช่องโอกาสก็คำนับลาเล่าปี่แล้วรีบเดินทางกลับเมืองเสฉวน
พอคนทั้งปวงกลับออกไปแล้วบังทองจึงติงเล่าปี่ว่า “แต่ก่อนท่านทำน้ำใจสุภาพไม่หยาบช้าคนทั้งปวงก็ปรากฏ แลบัดนี้ท่านมาโกรธวู่วามฉีกหนังสือทิ้งเสียแล้วว่ากล่าวหยาบช้าฉะนี้คนทั้งปวงก็แจ้งไป เสียแรงทำดีมาแต่ก่อนนั้น จะมิเสียประโยชน์เสียเปล่าหรือ”
เล่าปี่ฟังคำติงของบังทองแล้วได้สติก็ตกใจ จึงว่าข้าพเจ้าทำการทั้งนี้พลาดพลั้งผิดไปแล้ว ท่านจะคิดอ่านแก้ไขประการใด
บังทองจึงว่าท่านทำการครั้งนี้ความก็แจ้งไปถึงคนอื่นแล้ว ซึ่งจะแก้ไขให้คืนดีนั้นเห็นขัดสน แต่เมื่อการเป็นไปถึงเพียงนี้แล้วจะนิ่งเฉยอยู่นั้นอันตรายก็จะมีมาถึงท่าน
เล่าปี่ได้ฟังบังทองว่าดังนั้นก็เห็นด้วย จึงปรึกษาว่าเมื่อการล่วงมาดังนี้ชอบที่จะดำเนินการประการใดสืบไป
บังทองจึงว่าหนทางเดินข้างหน้ามีอยู่สามทาง ทางหนึ่งนั้นให้ท่านแต่งกองทัพประกอบด้วยหน่วยทหารฝีมือดีเคลื่อนที่เร็วรีบลอบยกเข้ายึดเอาเมืองเสฉวน ทางที่สองให้ท่านทำทีเป็นยกกองทัพจะกลับเมืองเกงจิ๋ว เห็นเอียวหวยและโกภายซึ่งรักษาด่านโปยเสียจะออกมาส่งตามประเพณี ได้ทีแล้วให้จับตัวเอียวหวยและโกภายฆ่าเสียชิงเอาด่านโปยเสียไว้เป็นฐานที่มั่นแล้วยกเข้ายึดเมืองเสฉวนต่อไป ส่วนทางที่สามนั้นให้ท่านเคลื่อนกองทัพไปตั้งอยู่ที่เมืองเป๊กเต้ พอได้ทีก็ยกหนีกลับไปเมืองเกงจิ๋ว เตรียมสะสมกำลังให้พรักพร้อมแล้วค่อยยกเข้าตีเอาเมืองเสฉวน
แล้วบังทองจึงว่า “เล่ห์กลสามประการนี้ท่านจะเห็นประการใดดีก็ตามอัชฌาสัยเถิด ซึ่งท่านจะนิ่งอยู่มิได้คิดทำการต่อไปนั้น นานไปภัยจะมีมาถึงตัวเป็นมั่นคง”
ลักษณะการให้คำปรึกษาของบังทองนั้นมีลักษณะที่แตกต่างจากการให้คำปรึกษาของขงเบ้ง บังทองให้คำปรึกษาโดยเสนอหนทางและความเป็นไปได้ทั้งหมด และมอบให้ผู้เป็นนายตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะเลือกเอาหนทางใด ในขณะที่ขงเบ้งจะประเมินประมาณสถานการณ์แล้วกำหนดเป็นหนทางสายเอกเพียงสายเดียวเสนอให้ผู้เป็นนายเห็นชอบ เมื่อเห็นชอบพร้อมกันแล้วก็ปฏิบัติไปตามนั้นนี่ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง บังทองให้คำปรึกษาในลักษณะเชิงรับ ปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนแล้วจึงค่อยให้คำปรึกษาไปตามสถานการณ์ ในขณะที่ขงเบ้งให้คำปรึกษาในเชิงรุก จะประมาณประเมินสถานการณ์โดยรอบคอบรอบด้านก่อน จากนั้นจึงกำหนดเป็นแผนการแล้วสร้างเสกสถานการณ์ให้เกิดขึ้นตามแผนการนั้น
ดังกรณีที่เล่าเจี้ยงให้คนถือหนังสือคุมทหารและเสบียงมามอบแก่เล่าปี่นั้น บังทองมิได้คาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และมิได้เสนอแนะให้เล่าปี่เตรียมรับกับสถานการณ์ประการใด ครั้นเล่าปี่โกรธรักษาอาการไว้ไม่ได้ก็ถูกบังทองติติง แม้ได้สติยั้งคิดก็ไม่อาจถอนคืนอาการซึ่งเสียไปนั้นได้ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับขงเบ้ง ดังเช่นกรณีที่โลซกมาเมืองเกงจิ๋ว ขงเบ้งประเมินประมาณสถานการณ์แล้วคาดการณ์ว่าเป็นเรื่องราวอันใด จากนั้นจึงกำหนดแผนการปฏิบัติเสนอแก่เล่าปี่ ความพลั้งพลาดจึงไม่เกิดขึ้น หรือในกรณีที่เตียวสงถามเล่าปี่เกี่ยวกับความข้างเมืองเกงจิ๋ว ขงเบ้งเกรงว่าเล่าปี่จะพลาดพลั้งกล่าวถึงเมืองเสฉวน จะก่อให้เกิดความหวาดระแวงแก่เตียวสงจึงชิงตอบเรื่องนี้เสียเอง
ความแตกต่างของสองยอดกุนซือในลักษณะให้คำปรึกษาดังนี้จึงทำให้สถานการณ์ที่เล่าปี่ยกมาเมืองเสฉวนโดยมีบังทองเป็นกุนซือย่อมให้ผลที่แตกต่างกับกรณีที่ถ้าหากขงเบ้งมาด้วยเล่าปี่มากมายนัก แต่นี่เป็นลิขิตแห่งสวรรค์อันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ กรณีจึงเป็นไปดังนั้น
ครั้นเล่าปี่ได้ฟังถึงหนทางที่บังทองเสนอให้เลือกทั้งสามทางแล้ว จึงว่าหนทางสายแรกนั้นเป็นหนทางที่ตึงเกินไป ส่วนหนทางสายที่สามเล่าก็หย่อนเกินไป เหลือแต่หนทางสายที่สองเป็นหนทางสายกลาง เห็นจะเหมาะแก่การ
ดังนั้นเล่าปี่จึงตัดสินใจเลือกหนทางปฏิบัติหนทางที่สองคือทำทีจะยกกลับไปเมืองเกงจิ๋ว แล้วจะชิงเอาด่านโปยสิก๋วนเป็นที่มั่น โอกาสอำนวยแล้วก็จะเข้ายึดเอาเมืองเสฉวนต่อไป
เมื่อตัดสินใจดังนั้นเล่าปี่จึงแต่งหนังสือถึงเล่าเจี้ยงเป็นใจความว่า บัดนี้ขงเบ้งมีหนังสือแจ้งความมาว่าโจโฉยกกองทัพมาทำอันตรายเมืองเกงจิ๋ว ขอให้ข้าพเจ้ารีบยกทหารกลับไปช่วย เหตุนี้จึงเนิ่นช้าอยู่มิได้ ข้าพเจ้าจำจะขออำลาท่านยกกองทัพกลับไปป้องกันรักษาเมืองเกงจิ๋วก่อน ไม่มีโอกาสได้เข้ามาคำนับลา ท่านอย่าได้น้อยใจเลย.