ตอนที่ 330. กลศึกริมฝั่งแม่น้ำ

 ปลายเจี้ยนอันศกปีที่สิบหก เดือนสิบเอ็ด ย่างเข้าฤดูหนาว กองทัพโจโฉยังคงเผชิญหน้าอยู่กับกองทัพของม้าเฉียวที่ด่านตงก๋วน โจโฉได้แต่ให้ทหารตั้งมั่นอยู่ในค่าย ไม่ออกรบกับกองทัพเมืองเสเหลียง จนทำให้ขวัญของทหารเริ่มท้อถอย แต่ทุกครั้งที่ทราบข่าวว่าทหารเมืองเสเหลียงมาเพิ่มเติมโจโฉกลับมีความยินดี เป็นที่ประหลาดใจของบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวง

            โจโฉไม่ยอมรับแผนการของซิหลงที่ให้แบ่งทหารเป็นสองกอง ตั้งยันอยู่ที่หน้าด่านกองหนึ่ง และยกอ้อมไปทางด้านหลังด่านอีกกองหนึ่ง แล้วค่อยยกเข้าโจมตีพร้อมกัน อ้างว่าแม้เป็นแผนการที่ดีแต่เป็นแผนการที่ตื้นเขิน ตัวโจโฉเองมีแผนการที่ลึกซึ้งกว่า

            ทหารทั้งปวงได้ฟังดังนั้นจึงถามว่าซึ่งท่านว่ามีแผนการที่ลึกซึ้งกว่านั้นเป็นประการใด

            โจโฉหัวเราะแล้วถามกลับมาว่า ซึ่งเราหัวเราะในทุกครั้งที่ทราบข่าวว่ากองทัพเมืองเสเหลียงหนุนมาเพิ่มเติมนั้น พวกท่านทราบหรือไม่ว่ามีเหตุผลประการใด

            นายทหารทั้งปวงตอบว่าไม่ทราบ โจโฉจึงว่าเหตุที่เรารั้งรอไม่ยกออกรบด้วยกองทัพเมืองเสเหลียงก็เพราะว่ากองทัพเมืองเสเหลียงนั้นเป็นกองทัพม้า ยกมายึดด่านตงก๋วนได้โดยรวดเร็ว ดังนั้นกองทัพทหารราบซึ่งเดินเท้าจึงยังตามมาไม่ทัน หากเรายกออกไปทำศึกด้วยม้าเฉียว ครั้นถูกทหารเมืองเสเหลียงยกเพิ่มเติมมา เราก็จะตกอยู่ระหว่างศึกกระหนาบ ไม่อาจทำการได้โดยสะดวก เรารั้งรออยู่ถึงบัดนี้ คะเนว่ากองทัพเมืองเสเหลียงยกมาที่ด่านตงก๋วนถ้วนสิ้นแล้ว ดังนั้นจึงเป็นการอันสมควรที่จะเปิดศึกใหญ่ให้แตกหักกันต่อไป

            บรรดาทหารทั้งปวงได้ฟังโจโฉดังนั้นก็สิ้นที่สงสัยว่าเหตุไฉนโจโฉจึงรั้งรอแล้วก่อให้เกิดความเข้าใจผิดว่ามีความคิดเกรงกลัวม้าเฉียว จึงถามต่อไปว่าเมื่อกองทัพเมืองเสเหลียงหนุนเนื่องมาพร้อมกันดังนี้แล้ว ท่านจะทำการประการใด

            โจโฉยังคงไม่ตอบคำ กลับกล่าวสืบไปว่าอันด่านตงก๋วนนี้เป็นด่านปราการสำคัญขวางกั้นการสัญจรไปมาค้าขายระหว่างภาคกลางกับภาคพายัพ เมื่อครั้งสงครามเซ็กเพ็กเราได้ให้ชีซียกมาป้องกันรักษาเมืองฮูโต๋ และให้มาตั้งอยู่ที่ด่านตงก๋วนนี้ ครั้นเรากลับถึงเมืองหลวงแล้วกองทัพเมืองเสเหลียงมิได้ยกมา ชีซีจึงขอกลับไปเมืองหลวงรักษาสุสานของมารดา การซึ่งเสียด่านตงก๋วนแก่ม้าเฉียว ทำให้กองทัพเมืองเสเหลียงสามารถเข้าตั้งมั่นอยู่ในด่าน ในขณะที่กองทัพของเราต้องตั้งอยู่นอกด่าน บัดนี้ฤดูหนาวย่างกรายเข้ามาแล้ว หากไม่รีบทำการศึกให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็จะได้ความยากลำบากแก่ทหาร

            โจโฉกล่าวต่อไปว่า ด่านตงก๋วนนี้ตั้งอยู่บนคุ้งน้ำในระหว่างซอกเขาตามสภาพที่เป็นไปแห่งภูมิประเทศ การสัญจรไปมาค้าขายระหว่างภาคกลางกับภาคพายัพล้วนต้องผ่านทางด่านนี้ ไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางน้ำ แลทางน้ำนั้นมีแม่น้ำอุยโหอยู่ทางด้านตะวันออกของด่าน ทอดไหลจากภาคพายัพไปทางทิศอาคเนย์ ทางด้านตะวันตกของด่านเป็นทิวเขาสูงตระหง่านดุจปราการป้องกันข้าศึก ทางทิศพายัพเป็นทุ่งราบแห้งแล้งทุรกันดารไปจนถึงเมืองเตียงอันและเมืองเสเหลียง บางแห่งก็เป็นทะเลทราย ส่วนทางทิศอาคเนย์ของด่านเป็นทุ่งราบที่อุดมสมบูรณ์ไปจนถึงภาคกลาง

            แลสองฟากของแม่น้ำอุยโหนั้นมีที่ราบริมฝั่งทั้งสองข้าง พ้นที่ราบไปเป็นป่าแลเขาชอบกลอยู่ ประตูด่านมีอยู่สามด้านคือประตูด้านทิศอาคเนย์สำหรับตรวจตราผู้คนที่เดินทางมาแต่เมืองหลวง อันเราเห็นอยู่แต่ไกลนั้น ประตูด้านทิศพายัพสำหรับตรวจตราผู้คนที่เดินทางมาแต่เมืองเตียงอันและภาคพายัพอยู่ทางอีกด้านหนึ่งของค่ายเรา ส่วนประตูทางด้านตะวันออกอยู่ทางด้านแม่น้ำอุยโหสำหรับตรวจตราเก็บภาษีที่ผ่านเข้าออกโดยทางเรือ

            เพราะเหตุที่กองทัพเมืองเสเหลียงยึดด่านตงก๋วนไว้ได้จึงรับศึกด้านหน้าที่เรายกมาแต่เมืองหลวงเพียงด้านเดียว แม้จะขาดความระมัดระวังทางด้านหลังอยู่ แต่การซึ่งจะแยกกองทัพออกเป็นสองกองกระหนาบตีหน้าหลังพร้อมกันนั้นเห็นขัดสน เพราะทั้งด้านหน้าแลด้านหลังของด่านล้วนมีปราการเชิงเทินแข็งแรง ในขณะที่ทางข้างด่านด้านแม่น้ำอุยโหนั้นเปราะบางอยู่

            ความคิดของเรานั้นจะแบ่งทหารให้รักษาค่ายทั้งสามค่ายนี้ไว้แต่น้อยเพียงเพื่อตั้งยันกองทัพเมืองเสเหลียงไม่ให้ยกล่วงเข้าแดนภาคกลางได้เท่านั้น ส่วนทหารที่เหลือให้แบ่งเป็นสองกอง กองหนึ่งให้ยกข้ามแม่น้ำอุยโหบุกเข้าตีทางประตูด่านด้านแม่น้ำ อีกกองหนึ่งยกอ้อมข้ามแม่น้ำอุยโหบุกเข้าตีทางประตูด่านด้านหลัง กองทัพเมืองเสเหลียงถูกโจมตีพร้อมกันทั้งสามด้านก็จะละล้าละลังมิรู้ที่จะป้องกันจุดหนักเบาประการใด เห็นจะเสียทีแก่เราเป็นมั่นคง

            ทหารทั้งปวงได้ฟังดังนั้นก็สรรเสริญแผนการความคิดของโจโฉเป็นอันมาก โจโฉเห็นทหารทั้งปวงเห็นชอบพร้อมกันก็มีความยินดี จึงสั่งให้โจหยินคุมทหารรักษาค่ายทั้งสามที่ยันหน้าด่านเมืองตงก๋วนไว้แต่ไม่ให้ออกรบ ให้ซิหลงกับโจเหลงคุมทหารสี่พันลอบยกข้ามแม่น้ำอุยโหอ้อมป่าเขาแล้วไปซุ่มคอยท่าอยู่ในป่าตรงท่าน้ำซึ่งจะข้ามมาประตูด่านด้านที่ติดแม่น้ำ แต่ให้คอยทีกองทัพโจโฉยกเข้าโจมตีก่อนจึงค่อยยกข้ามน้ำไป ส่วนโจโฉจะคุมทหารที่เหลือยกอ้อมคุ้งน้ำ และยกข้ามน้ำเข้าตีทางประตูด่านด้านหลัง

            ครั้นวันรุ่งขึ้นโจโฉและซิหลงก็ยกทหารข้ามแม่น้ำอุยโหไปทางด้านตะวันออก และยกอ้อมป่าเขาขึ้นไปทางด้านพายัพ พอถึงซอกเขาที่จะออกมาทางท่าน้ำตรงข้ามประตูด่านริมแม่น้ำ ซิหลงกับโจเหลงก็คุมทหารสี่พันแยกซุ่มอยู่ในป่า ส่วนโจโฉก็ยกทหารอ้อมไปยังคุ้งน้ำตรงที่ข้ามไปยังทางด้านหลังด่าน

            กองทหารของโจโฉและซิหลงต่างตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำ แล้วเกณฑ์ระดมเรือเพื่อเตรียมยกทหารข้ามแม่น้ำตามแผนการ

            ฝ่ายม้าเฉียวครั้นได้ทราบความเคลื่อนไหวของกองทัพโจโฉดังนั้นจึงปรึกษาด้วยหันซุยว่าโจโฉยกพลข้ามแม่น้ำอุยโหไปตั้งอยู่เป็นสองด้าน เห็นทีเตรียมกำลังยกเข้าตีด่านทางด้านแม่น้ำและทางด้านหลังเป็นมั่นคง ข้าพเจ้าคิดที่จะยกกองทัพข้ามแม่น้ำไปตีกองทัพโจโฉให้แตกพ่ายไปจงได้

            หันซุยจึงว่าเวลานี้กองทัพโจโฉทั้งสองกองได้ยกไปตั้งมั่นที่ริมแม่น้ำอุยโหทั้งสองด้าน หากท่านยกข้ามน้ำไปแล้วกองทัพโจโฉยกมาสกัดโจมตีท่านก็จะเสียทีแก่ข้าศึก เพราะทหารที่ไปถึงฝั่งน้ำได้นั้นมีน้อยตัวนัก และทหารโจโฉซึ่งอยู่บนฝั่งตั้งมั่นคงอยู่ก็สามารถใช้เกาทัณฑ์ระดมยิง เห็นจะไม่ได้ชัยชนะ

            ม้าเฉียวจึงว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ความคิดของท่านอาจะเห็นเป็นประการใด

            หันซุยจึงว่าอันพิชัยสงครามว่าด้วยการทำสงครามข้ามแม่น้ำนั้นเจ้าไม่รู้เลยหรือ ม้าเฉียวจึงตอบว่าพิชัยสงครามประการนี้เป็นประการใด ข้าพเจ้าไม่รู้เลย

            หันซุยจึงว่าโจโฉยกทหารข้ามแม่น้ำไปตั้งอยู่เป็นสองกองก็เพราะแจ้งอยู่ในพิชัยสงครามว่าเมื่อยกทหารข้ามน้ำมาก็อาจถูกเจ้ายกไปโจมตี เหตุนี้จึงแบ่งทหารเป็นสองกอง จะได้ร่วมกันกระหนาบเพื่อจะยกข้ามน้ำมาให้จงได้ โจโฉคิดอ่านระวังด้านหน้าดังนี้เราจึงชอบที่จะคิดซ้อนย้อนความคิดของโจโฉจึงจะเอาชัยชนะได้โดยง่าย

            ม้าเฉียวจึงว่าท่านอามีแผนการประการใดจงว่าให้แจ้งเถิด

            หันซุยจึงว่าอันแม่น้ำอุยโหนั้นคุ้งน้ำทางทิศพายัพบางตอนยังตื้นเขินอยู่แต่โจโฉ ไม่รู้ภูมิประเทศอันชอบกลนี้ ดังนั้นแทนที่เจ้าจะยกกองทัพไปปะทะซึ่งหน้า ก็ให้เจ้าลอบยกทหารข้ามแม่น้ำอุยโหในตอนที่ตื้นเขินให้แล้วเสร็จในค่ำคืนนี้ แล้วยกอ้อมไปซุ่มอยู่ในป่าด้านหลังทหารของโจโฉ รอให้ทหารโจโฉข้ามน้ำสักครึ่งหนึ่งก่อนแล้วเจ้าจึงค่อยยกโจมตี ทหารโจโฉส่วนหนึ่งข้ามแม่น้ำแล้ว ส่วนหนึ่งกำลังข้ามแม่น้ำอยู่ ส่วนหนึ่งอยู่บนฝั่งน้ำช่วยเหลือเกื้อกูลกันไม่ได้ ทั้งกำลังบนฝั่งก็เหลือน้อย แลโจโฉนั้นระวังอยู่บนฝั่งเบื้องหน้า ประมาทไม่ระมัดระวังทางด้านหลัง เมื่อเจ้ายกทหารออกโจมตีคงจะได้ชัยชนะโดยง่าย

            ม้าเฉียวได้ฟังแผนการความคิดของหันซุยดังนั้นก็เห็นด้วย จึงสั่งทหารหน่วยสอดแนมให้ติดตามความเคลื่อนไหวของทหารโจโฉอย่างใกล้ชิดว่าจะยกกองทัพข้ามแม่น้ำอุยโหเมื่อใด พอค่ำลงม้าเฉียวก็ยกกำลังทหารม้าออกจากประตูด่านทางด้านพายัพย้อนไปทางต้นน้ำที่ตื้นเขิน แล้วข้ามต้นน้ำอุยโหไปทางอีกฟากหนึ่ง และยกอ้อมย้อนลงมาในเขตป่าเขาทางด้านหลังจุดที่กองทหารของโจโฉตั้งอยู่นั้น

            ครั้นวันรุ่งขึ้นพอแสงพระอาทิตย์ในต้นฤดูหนาวเริ่มสาดแสง โจโฉและซิหลงจึงต่างจัดแจงทหารเป็นสามกอง ให้กองแรกลงเรือข้ามฟากไปก่อน อีกสองกองตั้งมั่นอยู่บนฝั่ง เตรียมพร้อมที่จะยกตามไป พอกองแรกขึ้นฝั่งโจโฉก็สั่งให้กองที่สองลงเรือเตรียมทยอยข้ามฟากตามกองแรกไป

            พอกองที่สองลงเรือล่องออกจากฝั่ง โจโฉยังคงคุมทหารกองที่สามเตรียมจะยกข้ามฟากต่อไป พลันเสียงประทัดสัญญาณก็ดังก้องขึ้นในป่าด้านหลัง ทหารม้าของเมืองเสเหลียงภายใต้ธงสำคัญประจำตัวม้าเฉียวก็ยกออกจากราวป่า จู่โจมตรงมาที่ริมฝั่งน้ำซึ่งโจโฉนั่งบัญชาการอยู่

            โจโฉได้ยินเสียงทหารม้าเฉียวโห่ร้องก้องดังสนั่นลั่นแนวป่าก็ตกใจมิรู้ที่จะทำประการใดเพราะทหารบนฝั่งก็เหลือน้อย เห็นจะต้านทานกองทัพม้าเฉียวไม่ได้ และทหารจำนวนมากก็ยังไม่ได้ลงเรือ ในขณะที่โจโฉละล้าละลังอยู่นั้น เคาทูนายทหารเอกของโจโฉซึ่งเตรียมเรือคอยรับโจโฉอยู่ที่ริมแม่น้ำเห็นดังนั้นจึงกระโจนขึ้นบนฝั่ง อุ้มโจโฉแล้วกระโจนลงมาในเรือ และถอยเรือออกจากฝั่ง

            กองทหารม้าเฉียวได้รุกรบโจมตีทหารโจโฉที่อยู่บนฝั่งบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก เพียงครู่เดียวก็ตีตะลุยมาถึงฝั่งน้ำ

            เคาทูเพิ่งถอยเรือพาโจโฉออกจากฝั่งก็ถูกทหารที่อยู่บนฝั่งแย่งชิงกันลงเรือ บ้างก็ว่ายน้ำจะตามมาขึ้นเรือทำให้เรือเสียหลัก เคาทูเห็นดังนั้นจึงเอากระบี่ฟันทหารซึ่งแย่งชิงกันจะขึ้นเรือและที่เกาะแคมเรืออยู่บาดเจ็บล้มตายจนหมดสิ้น แล้วเร่งแจวเรือให้ห่างออกจากฝั่ง

            ม้าเฉียวพอคุมทหารม้ามาถึงริมฝั่งเห็นโจโฉอยู่ในเรือไม่ไกลจากฝั่งเท่าใดนัก จึงสั่งทหารให้ระดมยิงเกาทัณฑ์ไปที่เรือของโจโฉ และเรืออื่น ๆ ซึ่งกำลังถอยห่างออกจากฝั่ง ถูกทหารโจโฉบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก

            เคาทูเกรงเกาทัณฑ์จะถูกโจโฉจึงเอามือซ้ายถืออานม้าคอยปัดป้องมิให้เกาทัณฑ์เข้ามาใกล้ตัวโจโฉได้ ในมือขวาก็ใช้ถ่อรีบค้ำเรือให้ล่องไปกลางแม่น้ำ สองขาก็หนีบหางเสือเรือเป็นชุลมุน ในขณะที่โจโฉก็ก้มตัวลงกับกราบเรือที่ระหว่างขาของเคาทูนั้น

            บรรดาทหารของโจโฉกองแรกและทหารของซิหลงพอข้ามฟากไปถึงฝั่งเห็นม้าเฉียวยกกองทัพเข้าโจมตีทหารกองที่สามก็รู้ว่าต้องกลของข้าศึก จึงพากันลงเรือมาสมทบกับกองเรือกองที่สองและกองเรือของโจโฉที่อยู่ในแม่น้ำนั้น

            ม้าเฉียวเห็นทหารโจโฉที่รอดตายต่างอยู่ในเรือ จึงสั่งทหารให้เลียบไปตามริมฝั่งแม่น้ำแล้วใช้เกาทัณฑ์ระดมยิงไปยังกองเรือของทหารโจโฉเป็นห่าฝน ทหารของโจโฉจะขึ้นฝั่งทางด้านม้าเฉียวไม่ได้ เพราะกองทัพม้าเฉียวยกเลียบแม่น้ำไล่ยิงเกาทัณฑ์แน่นขนัดอยู่ ครั้นจะยกขึ้นฝั่งทางด้านซึ่งตั้งค่ายอยู่ก็เกรงว่ากองทัพเมืองเสเหลียงที่ในด่านจะยกออกมาโจมตี จึงพากันล่องเรือตามลำน้ำอุยโหจนพ้นค่ายทั้งสามไปทางปลายน้ำด้านที่จะไปยังเมืองอุยหลำ

            ฝ่ายเต๋งฮุยเจ้าเมืองอุยหลำครั้นทราบข่าวว่าโจโฉเสียทีแก่ข้าศึก ก็ยกทหารออกมา  รออยู่ที่ริมฝั่งน้ำเพื่อเตรียมรับโจโฉขึ้นฝั่ง แต่หวั่นว่ากองทัพม้าเฉียวจะยกข้ามแม่น้ำตามมาจึงคิดว่า “ทหารม้าเฉียวยกมาแต่เมืองเสเหลียงก็ช้านาน อดเสบียงอาหารสดคาวอยู่” กระนั้นเลยเพื่อมิให้กองทัพม้าเฉียวยกตามมา เราจะเอาม้า แพะ และแกะเข้าล่อ ทหารเมืองเสเหลียงซึ่งอดอาหารเนื้อสัตว์มาช้านานก็จะสาละวนแย่งชิงม้า แพะ และแกะนั้น เราก็จะช่วยโจโฉเข้าไปในเมืองอุยหลำได้สำเร็จ

            เต๋งฮุยคิดดังนั้นแล้วจึงเกณฑ์เอาม้า แพะ และแกะเป็นอันมากเอามาปล่อยไว้ที่ริมฝั่งน้ำ พอกองเรือของโจโฉล่องมาถึง เห็นเต๋งฮุยเจ้าเมืองอุยหลำซึ่งขึ้นต่อเมืองหลวงมาคอยท่ารอรับอยู่ก็มีความยินดี เต๋งฮุยคำนับโจโฉแล้วจึงเชิญให้โจโฉเข้าไปในเมืองอุยหลำ.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘