ตอนที่ 328. ศึกชิงด่านตงก๋วน

โจโฉสังหารม้าเท้งแล้วยังชักจูงให้หันซุยผู้เป็นสหายสนิทของม้าเท้งจับม้าเฉียวและพี่น้องมามอบที่เมืองหลวง แล้วจะตั้งให้เป็นเจ้าเมืองเสเหลียง แต่หันซุยมีน้ำใจสัตย์ซื่อต่อมิตรจึงไม่ยอมปฏิบัติตาม และแจ้งความให้ม้าเฉียวทราบ ม้าเฉียวซึ่งมีความพยาบาทโจโฉคิดล้างแค้นอยู่แล้ว ครั้นได้รับหนังสือจากเล่าปี่ก็ยกกองทัพจะมาตีเมืองฮูโต๋ ระหว่างเดินทัพก็ยึดเมืองเตียงอันได้สำเร็จ

            โจโฉจึงต้องตัดสินใจยกกองทัพออกจากเมืองหลวงเพื่อป้องกันด่านตงก๋วนมิให้กองทัพม้าเฉียวยกล่วงเข้ามายังเมืองหลวงได้ ดังนั้นความปรารถนาที่จะยกกองทัพลงใต้กำจัดเล่าปี่และซุนกวนจึงต้องเลิกล้มไปโดยปริยาย

            เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ที่เร่งรัดให้กองทัพเมืองหลวงยกไปช่วยป้องกันรักษาด่านตงก๋วน โจโฉจึงตั้งให้โจหองเป็นแม่ทัพหน้า ให้ซิหลงเป็นปลัดทัพ คุมทหารม้าหมื่นหนึ่งยกออกจากเมืองฮูโต๋ไปช่วยจงฮิวป้องกันรักษาด่านตงก๋วน และกำชับว่าให้ร่วมกันคิดอ่านรักษาด่านตงก๋วนไว้ให้ได้ในสิบวัน รอกองทัพหลวงของโจโฉซึ่งจะยกตามไปในภายหลัง เพราะถ้าหากเสียด่านตงก๋วนแล้วกองทัพเมืองเสเหลียงก็จะยกล่วงเขตแดนเมืองหลวงได้โดยสะดวก ดังนั้นหากรักษาด่านตงก๋วนไม่ได้ภายในสิบวัน ทั้งโจหองและซิหลงก็ต้องรับโทษ แต่ถ้าหากพ้นสิบวันแล้วโจโฉยังยกตามไปไม่ทัน แม้หากจะเสียด่านตงก๋วนก็จะไม่มีความผิด

            โจหองและซิหลงรับคำสั่งโจโฉแล้ว คำนับลาออกไปจัดแจงทหารหมื่นหนึ่งแล้วรีบยกไปด่านตงก๋วนแต่วันนั้น

            พอโจหองออกไปแล้ว โจหยินจึงติงโจโฉว่าอันโจหองนั้นเป็นนายทหารหนุ่มเบาความนัก ทั้งวู่วามในการสงคราม แม้มีซิหลงตามไปด้วยแต่เกรงว่าซิหลงจะไม่อาจทัดทานความดื้อรั้นของโจหองได้ก็จะเสียการของท่านไป หากเสียด่านตงก๋วนแล้วแม้ท่านยกตามไปก็จะได้ยากลำบาก

            โจโฉได้ฟังคำติงแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงว่า คำท่านที่ว่ามานั้นชอบแล้ว ดังนั้นจึงให้ท่านคุมทหารอีกหมื่นหนึ่งรีบยกตามโจหองไป หากพลาดพลั้งประการใดก็จะได้ป้องกันด่านตงก๋วนไว้ได้ทัน

            โจหยินคำนับลาโจโฉแล้วจัดแจงทหารรีบยกตามโจหองไป

            ฝ่ายม้าเฉียวและหันซุยครั้นยึดเมืองเตียงอันไว้ได้แล้ว แต่งทหารซึ่งวางใจรักษาเมือง แล้วเคลื่อนกองทัพเข้าประชิดด่านตงก๋วน ตั้งค่ายล้อมด่านตงก๋วนไว้อย่างแน่นหนา

            ทางด้านจงฮิวรักษาด่านตงก๋วนอยู่ พอได้กำลังหนุนจากโจหองและซิหลงก็มีความยินดี แต่ไม่ทันข้ามคืนก็ทราบข่าวจากหน่วยลาดตระเวนว่ากองทัพเมืองเสเหลียงกำลังเคลื่อนตรงมาที่ด่านตงก๋วน จึงสั่งทหารให้ป้องกันรักษาด่าน ระแวดระวังทุกเวลา

            ม้าเฉียวตั้งค่ายรายล้อมด่านแล้วไม่เห็นข้างในด่านยกทหารออกมาสู้รบ จึงให้ทหารออกไปท้าทายให้ข้างในด่านยกทหารออกมารบกัน แต่ข้างในด่านยึดมั่นในคำสั่งของโจโฉ มุ่งรักษาด่านให้ได้ในสิบวัน จึงไม่ยอมออกรบด้วย

            ม้าเฉียวจึงให้ทหารออกไปด่าปรามาสโจโฉเป็นหยาบช้าตั้งแต่โคตรปู่ พ่อ มาจนถึงตัวโจโฉว่าเป็นศัตรูราชสมบัติ ข่มเหงยำเยงพระเจ้าเหี้ยนเต้ เบียดเบียนอาณาประชาราษฎร สร้างความทุกข์ร้อนให้เกิดขึ้นทั่วทั้งแผ่นดิน

            โจหองเป็นเชื้อสายที่สนิทของโจโฉ ได้ฟังคำด่าลำเลิกถึงสามชั่วโคตรก็โกรธม้าเฉียว ฮึดฮัดจะยกทหารออกไปรบกับทหารเมืองเสเหลียง แต่ซิหลงซึ่งเป็นผู้ใหญ่ได้ทัดทานไว้ว่าท่านอัครมหาเสนาบดีมีคำสั่งให้ป้องกันรักษาด่านไว้ให้ได้ในสิบวันมิฉะนั้นจะเป็นโทษสถานหนัก ซึ่งทหารม้าเฉียวออกมาก่นด่าหยาบช้าดังนี้เป็นเพียงกลศึกอันต่ำต้อย เพื่อทำให้ท่านมีโทสะแล้วยกออกไปสู้รบ ทหารเมืองเสเหลียงมากกว่าเราแลเป็นทหารม้ากล้าแข็งนัก หากออกจากด่านไปสู้รบแล้วอาจจะเสียทีแก่ข้าศึก ด่านตงก๋วนก็จะอันตราย ท่านจงอดกลั้นจำทนไว้ชั่วคราวก่อน รอท่านอัครมหาเสนาบดียกกองทัพหลวงมาแล้วจึงค่อยคิดการสืบไป

            โจหองได้ฟังคำทัดทานของซิหลงก็ได้คิด แต่ความโกรธยังหนักอยู่จึงฮึดฮัด เดินวนไปเวียนมาภายในด่าน

            ทางฝ่ายม้าเฉียวเห็นข้างในด่านไม่ยกออกมารบก็เกณฑ์ทหารออกเป็นสามผลัด ให้ผลัดกันไปร้องด่าปรามาสโจโฉเป็นหยาบช้าทั้งวันทั้งคืน

            โจหองทราบคำด่าอันหยาบช้าของทหารเมืองเสเหลียงก็โกรธ คิดจะยกทหารออกไปรบด้วยเมืองเสเหลียงอีกแต่ซิหลงก็ทัดทานไว้เหมือนดังเดิม จนเวลาล่วงไปถึงเก้าวัน โจหองทนฟังคำด่าของทหารเมืองเสเหลียงต่อไปไม่ได้จึงฮึดฮัดจะยกทหารออกไปนอกด่าน แต่ซิหลงก็ยังคงทัดทานไว้อีก แล้วว่าท่านอดทนมาได้ถึงเก้าวันเหตุไฉนจะอดทนอีกสักวันหนึ่งไม่ได้เล่า โจหองได้ฟังคำทัดทานดังนั้นก็เกรงใจซิหลงจึงถอยกลับมานั่งที่เก้าอี้

            ซิหลงเห็นโจหองมีทีท่าฟังคำทัดทานก็วางใจ จึงกลับออกไปตรวจสอบคลังเสบียงอาหาร แต่พอซิหลงกลับออกไปโจหองก็ขึ้นไปบนเชิงเทินหน้าประตูด่าน เห็นทหารม้าเฉียวพวกหนึ่งยืนร้องด่าว่าปรามาสโจโฉด้วยคำอันหยาบช้าลามก ส่วนพวกอีกสองผลัดนอนเล่นอยู่ตามราวป่า ราวกับว่าทหารในด่านไม่มีน้ำยาที่จะออกสู้รบก็ยิ่งโกรธ ทั้งคิดว่าทหารเมืองเสเหลียงจัดผลัดวนเวียนมาด่าว่าดังนี้ถึงเก้าวันแล้ว ในด่านไม่ออกไปรบด้วยจึงตั้งอยู่ในความประมาท ดังนั้นถ้าหากยกทหารออกโจมตีคงจะได้ชัยชนะโดยง่าย

            โจหองคิดดังนั้นแล้วจึงออกมาจัดแจงทหารสามพัน สั่งให้นายประตูด่านเปิดประตูแล้วยกออกนอกด่าน ตรงเข้าโจมตีทหารของม้าเฉียว

            ทหารของม้าเฉียวเห็นกองทหารในด่านเปิดประตูยกออกมาก็พากันวิ่งหนี พวกที่นอนเล่นอยู่ตามราวป่าก็พากันวิ่งหนีเข้าไปในป่า โจหองไม่รู้ความนัยว่ากองทัพเมืองเสเหลียงคิดอ่านวางแผนประการใดก็พาทหารไล่ตามทหารเมืองเสเหลียงไป

            ซิหลงตรวจตราเสบียงอาหารอยู่ภายในด่าน ได้ยินเสียงอื้ออึงก็สงสัยจึงวิ่งออกไปไต่ถาม พอได้ทราบความว่าโจหองยกทหารออกไปนอกด่านก็ตกใจ สั่งจงฮิวให้คุมทหารยกตามโจหองไป

            ซิหลงและจงฮิวคุมทหารไล่ตามโจหองพอทันก็บอกโจหองให้รีบยกกลับเข้าไปในด่าน แต่ไม่ทันที่โจหองจะว่าประการใด เสียงประทัดสัญญาณก็ดังขึ้นทั้งสี่ด้าน ปรากฏกองทหารม้าเมืองเสเหลียงยกออกมาจากแนวป่า มีธงประจำตัวนายทัพว่าม้าเฉียว ซิหลงเห็นดังนั้นก็ตกใจ เหลียวกลับมาทางด่านก็เห็นกองทหารม้าเมืองเสเหลียงอีกกองหนึ่งยกออกจากป่ามาสกัดทางกลับเข้าด่าน มีธงประจำตัวนายทัพว่าม้าต้าย

            โจหอง ซิหลง และจงฮิว เห็นดังนั้นก็ตกใจ รู้ว่าต้องกลแก่กองทัพเมืองเสเหลียง ซิหลงเป็นนายทหารผู้ใหญ่มีประสบการณ์ ตรองการณ์แล้วร้องบอกทหารทั้งปวงให้ตีฝ่ากลับเข้าไปในด่านให้จงได้ และรีบควบม้านำหน้าทหารเตรียมจะตีฝ่ากองทหารของม้าต้ายเพื่อจะเข้าไปในด่าน

            พอโจหอง ซิหลง และจงฮิว ยกมาใกล้กองทัพของม้าต้าย พลันประทัดสัญญาณก็ดังขึ้นอีกชุดใหญ่ปรากฏทหารม้าเมืองเสเหลียงอีกกองหนึ่งยกออกมาจากราวป่าอีกข้างหนึ่งของกองทัพม้าต้าย ปรากฏธงประจำตัวนายทัพว่าบังเต๊กก็ยิ่งตกใจ เกรงว่าจะตีฝ่าเข้าไปในด่านไม่ได้

            ในทันใดนั้นกองทหารของเมืองเสเหลียงทั้งสามกองได้จู่โจมเข้ามาพร้อมกันทั้งสามทาง ทหารทั้งสองฝ่ายได้สู้รบกันเป็นชุลมุนถึงขั้นประจัญบาน ทหารของโจหองได้บาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมาก

            โจหองและซิหลงตกอยู่ในท่ามกลางวงล้อมและเห็นทหารบาดเจ็บล้มตายลงเป็นอันมากเห็นจะต้านทานไว้มิได้ ก็ชำเลืองมองช่องทางที่จะตีฝ่าหนีกลับไปทางเมืองหลวง พอสบช่องโอกาสทั้งโจหองและซิหลงก็ตีฝ่าทหารของเมืองเสเหลียงกลับไปทางด้านเมืองฮูโต๋ บังเต๊กเห็นดังนั้นก็ไล่ตามตีจนพ้นเขตด่านตงก๋วน เห็นโจหองและซิหลงพาทหารหนีไปไกลแล้วจึงยกทหารมาสมทบกับม้าเฉียว

            กองทัพเมืองเสเหลียงได้ชัยชนะอย่างงดงาม จึงพากันยกเข้าไปตั้งอยู่ในด่านตงก๋วน เตรียมการที่จะเคลื่อนทัพไปตีเมืองฮูโต๋ต่อไป

            ฝ่ายโจหองและซิหลงพาทหารหนีกองทัพเมืองเสเหลียงพ้นเขตด่านตงก๋วนแล้วค่อยชะลอฝีเท้าม้าลง ครู่หนึ่งก็สวนกับกองทัพของโจหยินซึ่งยกตามมา จึงรายงานความซึ่งเสียด่านตงก๋วนให้โจหยินทราบทุกประการ

            โจหยินครั้นทราบว่าเสียด่านจึงว่าแก่โจหองและซิหลงว่า ท่านเสียทีมาครั้งนี้มีความผิดนัก ด้วยท่านอัครมหาเสนาบดีได้กำชับเป็นสำคัญว่าให้รักษาด่านไว้ให้ได้ในสิบวัน ตัวเรากริ่งใจอยู่จึงถือคำสั่งของโจโฉยกตามมา แต่เมื่อเสียด่านเสียการไปดังนี้แล้วซึ่งจะเดินทัพต่อไปข้างหน้าเห็นจะขัดสนนัก ชอบที่จะยกกองทัพกลับไปรายงานให้ท่านอัครมหาเสนาบดีทราบเสียก่อน

            ปรึกษาเห็นพ้องต้องกันแล้วโจหยิน โจหอง ซิหลง และจงฮิว จึงพากันยกทหารกลับมาทางเมืองหลวง ครั้นเดินทัพกลับได้หนึ่งวันก็สวนกับกองทัพหลวงของโจโฉซึ่งยกตามมา สี่นายทหารแม้ใจประหวั่นพรั่นพรึงแต่ก็จำต้องเข้าไปรายงานความทั้งปวงให้โจโฉทราบ

            โจโฉทราบความว่าเสียด่านตงก๋วนก็โกรธ ตวาดโจหองว่า “เมื่อเราจะให้ตัวยกทหารมานั้นก็ได้กำชับไว้ว่าให้ตั้งมั่นรักษาด่านไว้อย่าให้เป็นอันตรายในสิบวัน เหตุใดตัวจึงทิ้งด่านตงก๋วนเสียให้ข้าศึกได้ใจ”

            โจหองได้ฟังคำโจโฉด้วยน้ำเสียงอันดุดันก็ตกใจกลัว รีบแก้ตัวว่าซึ่งจะละเมิดคำกำชับของท่านนั้นหามิได้ ข้าพเจ้าตั้งใจมั่นจะรักษาด่านให้ได้ในสิบวัน แต่ม้าเฉียวให้ทหารมาผลัดเปลี่ยนเวียนกันด่าโคตรเหง้าตระกูล “โจ” และตัวท่านถึงสามชั่วโคตรด้วยถ้อยคำหยาบช้าลามกนัก ข้าพเจ้าเคียดแค้นกลั้นโทสะไม่ได้จึงยกกองทัพออกไปรบกับม้าเฉียว  ถึงกระนั้นก็สำนึกว่าได้ทำการพลาดพลั้งเสียการของท่านไป ผิดโทษประการใดก็สุดแท้แต่จะโปรดเถิด

            โจโฉได้ฟังคำโจหองผู้ญาติกล่าวคำเจือด้วยความรู้สึกสำนึกผิดชอบก็สงสาร จึงหันมาทางซิหลงแล้วต่อว่าซิหลงว่า เราเห็นอยู่ว่าโจหองเป็นหนุ่มอ่อนแก่ความนัก เกรงว่าจะเสียทีแก่ข้าศึก จึงให้ท่านซึ่งเป็นนายทหารผู้ใหญ่ มีประสบการณ์ในสงครามตามมาในกองทัพด้วย หวังจะได้ช่วยแนะนำท้วงติงตักเตือนในสิ่งที่ชอบที่ควร สิกลับละเลยปล่อยให้โจหองทำการโดยวู่วามจนเสียด่านแก่ข้าศึก หาชอบไม่

            ซิหลงได้ฟังดังนั้นก็เสียใจ กล่าวชี้แจงไปตามความเป็นจริงว่าข้าพเจ้าได้ยึดถือคำกำชับของท่านเป็นสำคัญทุกเมื่อเชื่อวัน ครั้นม้าเฉียวให้ทหารมาด่าว่าปรามาสท่านและโคตรตระกูล โจหองก็โกรธแค้นจะยกออกไปรบเป็นหลายครั้ง ข้าพเจ้าก็ได้ท้วงติงและโจหองก็เชื่อฟังทุกครั้งไป แลเกิดเหตุขึ้นทั้งนี้เพราะในครั้งสุดท้ายข้าพเจ้าออกไปตรวจตราเสบียงอาหาร ไม่รู้ว่าโจหองจะขึ้นไปบนเชิงเทิน แล้วลุแก่โทสะยกทหารออกไปนอกด่าน เมื่อทราบความแล้วเกรงว่าโจหองจะเสียทีจึงรีบยกทหารตามไปเพื่อป้องกันแก้ไขโจหองมิให้เป็นอันตรายจึงเสียการดังนี้ ผิดโทษประการใดข้าพเจ้าขออภัยต่อท่านด้วย

            โจโฉได้ฟังดังนั้นก็เห็นว่าความผิดไม่ได้อยู่ที่ซิหลง แต่เป็นเรื่องที่โจหองวู่วามลุแก่โทสะจึงเสียด่านตงก๋วนแก่ข้าศึก จึงสั่งทหารให้คุมตัวโจหองเอาไปประหารตามพระอัยการศึก

            บรรดาแม่ทัพนายกองทั้งปวงเห็นดังนั้นก็พากันคุกเข่าอ้อนวอนขอให้โจโฉเว้นโทษไว้ชีวิตโจหองสักครั้งหนึ่ง ด้วยเป็นหน้าศึกไม่ควรที่จะประหารชีวิตนายทหาร จะทำให้เสียขวัญกำลังใจและฤกษ์ชัยในการสงคราม

            โจโฉได้ฟังคำท้วงของเหล่าแม่ทัพนายกองก็เกรงใจ ทั้งน้ำใจก็เมตตาโจหองผู้เป็นญาติผู้น้องเป็นทุนเดิม จึงยกโทษให้โจหองแต่ให้ทำหนังสือภาคทัณฑ์ไว้ว่า เมื่อหน้าหากทำผิดก็พร้อมที่จะรับโทษประหาร

            แล้วโจโฉจึงออกคำสั่งให้กองทัพทั้งปวงยกไปที่ด่านตงก๋วน ครั้นใกล้ด่านตงก๋วนระยะยี่สิบเส้นโจหยินจึงขี่ม้าเข้าไปปรึกษากับโจโฉว่า บัดนี้ข้าศึกตั้งอยู่ในด่านเป็นที่มั่นคงอยู่ ฝ่ายเราเพิ่งเคลื่อนทัพมาถึงยังไม่แจ้งความศึกว่ากองทัพเมืองเสเหลียงจะคิดอ่านกลอุบายประการใด หากยกกองทัพล่วงไปประชิดด่านก็อาจเสียทีแก่ข้าศึก จึงขอให้ยั้งกองทัพไว้ที่นี่ก่อน เมื่อแจ้งสภาพการศึกกระจ่างแล้วจึงค่อยคิดการสืบไป.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘