ตอนที่ 325. จุดชนวนสงครามภาคพายัพ
ม้าเท้งแม้ยกกองทัพม้ามาจากเมืองเสเหลียงด้วยความระมัดระวังตน เพราะแคลงใจโจโฉว่าหมายรับสั่งเรียกตัวเข้าเมืองหลวงครั้งนี้อาจเป็นอุบายก็ตาม แต่ก็เผลอเรอหลงเชื่อกลอุบายของอุยกุ๋ยคนแปลกหน้า โดยหารู้ไม่ว่าอุยกุ๋ยมีปัญหาลามกภายในเรือน จึงหลวมตัวยกทหารไปที่ประตูเมืองตามแผนการของอุยกุ๋ยจนตกอยู่ในวงล้อมของทหารโจโฉ
กองทัพของม้าเท้งตกอยู่ในท่ามกลางวงล้อมของทหารโจโฉทั้งสี่ด้านภายในพริบตาจึงพากันแตกตื่นตกใจอลหม่าน ม้าเท้งชักม้ากลับจะตีฝ่าออกมาทางด้านหลังก็เห็นทหาร โจโฉล้อมอยู่อย่างหนาแน่น ไม่ทันที่จะสั่งการประการใดห่าเกาทัณฑ์ก็ถูกยิงมาทั้งสี่ทิศ
ม้าเท้งใช้ทวนปัดเกาทัณฑ์อยู่บนหลังม้าเป็นพัลวัน แต่ม้าเทียดปัดเกาทัณฑ์ไม่ทันจึงถูกห่าเกาทัณฑ์พลัดตกลงจากหลังม้าถึงแก่ความตาย ทหารของม้าเท้งจะตีฝ่าออกไปทางไหนก็ไม่ได้ จึงถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ตกลงจากหลังม้าถึงแก่ความตายราวกับใบไม้ร่วง
ทหารโจโฉระดมยิงเกาทัณฑ์และตีวงรัดแคบเข้าไป ทหารม้าเท้งก็เหลือน้อยตัวลงทุกที พวกที่กลัวความตายจึงยอมจำนน เหลือม้าเท้งกับม้าฮิวอยู่ท่ามกลางวงล้อมและถูกเกาทัณฑ์พลัดลงจากหลังม้าทั้งสองคน ทหารโจโฉจึงรุมกันเข้าจับตัวม้าเท้งและม้าฮิวได้แล้วมัดกลับเข้าไปในเมือง
ครั้นโจโฉเห็นม้าเท้งและม้าฮิวถูกควบคุมตัวเข้ามาก็ยินดี จึงสั่งให้ทหารคุมตัวอุยกุ๋ยออกมาพร้อมหน้ากัน แล้วถามว่าเหตุไฉนพวกเจ้าจึงคิดร้ายต่อเรา
อุยกุ๋ยและม้าเท้งต่างปฏิเสธว่าไม่ได้คิดร้าย อุยกุ๋ยนั้นอ้างว่าไม่ทราบความแต่ประการใด ในขณะที่ม้าเท้งอ้างว่ายกทหารมาตามหมายรับสั่งแล้วถูกรุมล้อมโดยไม่รู้ตัว จึงไม่มีความผิด
โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงสั่งทหารให้คุมตัวเบียวเต๊กออกมาเผชิญหน้ากับอุยกุ๋ยแล้วถามอุยกุ๋ยว่าเจ้ารู้จักคนผู้นี้หรือไม่
อุยกุ๋ยเห็นเบียวเต๊กก็ประหลาดใจ แต่ไม่ทราบความนัยว่าเบียวเต๊กนำความลับมาบอกโจโฉจนความแตกขึ้นแล้ว จึงรับว่ารู้จักกับเบียวเต๊กเป็นอย่างดีเพราะเป็นน้องของภรรยาหลวง
โจโฉจึงสั่งให้เบียวเต๊กให้การไปตามจริงว่าม้าเท้งกับอุยกุ๋ยได้คบคิดกันประการใด เบียวเต๊กรับคำสั่งโจโฉแล้วจึงให้การไปตามความจริงทุกประการ
ม้าเท้งได้ฟังดังนั้นก็มองหน้าอุยกุ๋ยแต่อุยกุ๋ยนั้นแม้ตกใจแต่ยังฝืนใจปฏิเสธต่อไปว่าคำอันเบียวเต๊กกล่าวเป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะในชั่วสามวันมานี้อุยกุ๋ยไม่เคยพบหน้าหรือพูดจากับเบียวเต๊กแม้แต่สักคำเดียว กรณีเป็นเรื่องที่เบียวเต๊กเสกสรรปั้นแต่งขึ้นเอง
โจโฉจึงไต่สวนเบียวเต๊กต่อไปว่า ความซึ่งเจ้าให้การนี้เจ้ารู้เห็นมาจากที่ใด
เบียวเต๊กจึงว่าความอันข้าพเจ้าให้การนี้นางลิซุ่นเอี๋ยงผู้เป็นภรรยาน้อยของอุยกุ๋ยเป็นผู้นำความมาบอกเล่า
โจโฉจึงสรุปความตามที่เบียวเต๊กยืนยันให้การว่าเมื่อประกอบกับพฤติการที่ม้าเท้งยกกำลังทหารเข้ามาที่ประตูเมืองโดยมิได้นัดหมายก่อนคือการคบคิดกัน
ม้าเท้งอารมณ์ร้อน รู้ว่าตกที่นั่งลำบากเพราะเหตุแต่อุยกุ๋ยประมาทพลาดพลั้งดังนั้นจึงด่าอุยกุ๋ยด้วยเสียงอันดังว่า “อ้ายคนหลงทำให้เสียการของกูไป ถึงตัวกูจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต แต่มาคิดน้อยใจว่าจะล้างศัตรูราชสมบัติเสีย ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุขก็ไม่สมความคิด”
อุยกุ๋ยฟังคำด่าม้าเท้งแล้วจึงด่าเบียวเต๊กว่าเป็นคนอกตัญญู ไม่รู้คุณตัวที่ได้อุปการะเลี้ยงดูอยู่ในบ้าน และสาปแช่งให้เบียวเต๊กต้องตายโหงตามไปด้วย
โจโฉจึงซักไซร้ไล่เลียงต่อไปว่ายังมีผู้ใดรู้เห็นเป็นใจคบคิดอีกหรือไม่ ถ้าให้การตามความเป็นจริงก็จะเว้นโทษตายให้
อุยกุ๋ยขุนนางใจเสาะ แม้คิดจะเอาตัวรอดแต่มิรู้จะซัดทอดผู้ใดเพราะความอันเป็นไปทั้งนี้มิได้เกิดแต่การคบคิดกับคนอื่น หากเกิดแต่การเมาสุราแล้วพลั้งปากคิดการใหญ่เกินตัวเท่านั้น จึงได้แต่นิ่งร้องไห้เสียดายชีวิตอยู่ในที่นั้น
ส่วนม้าเท้งมีน้ำใจเป็นชาติทหาร และความจริงก็มิได้สมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่น และเห็นว่าโจโฉมีพยาบาทตัวมาแต่ครั้งตังสิน ถึงจะแก้ตัวอ้อนวอนประการใดย่อมไร้ผล ดังนั้นม้าเท้งจึงได้แต่ด่าว่าอุยกุ๋ยและโจโฉเป็นอันมาก
โจโฉเห็นว่าการไต่สวนทวนคดีความสิ้นกระแสฟังได้ชัดว่าม้าเท้งและอุยกุ๋ยคบคิดกันวางแผนสังหาร จึงสั่งให้ทหารคุมตัวม้าเท้ง ม้าฮิว และอุยกุ๋ยเอาไปประหาร ม้าเท้งนั้นมิได้หวั่นเกรงต่ออาญา ยังคงด่าว่าโจโฉว่าเป็นศัตรูราชสมบัติไม่ขาดคำ จนกระทั่งเพชฌฆาตลงดาบประหาร
หลังจากสั่งประหารม้าเท้ง ม้าฮิวและอุยกุ๋ยแล้ว โจโฉจึงหันมากล่าวกับเบียวเต๊กว่าตัวเจ้าทำความชอบไว้แก่เราเป็นอันมาก จึงสามารถกำจัดศัตรูผู้กบฏได้สำเร็จในครั้งนี้ ดังนั้นเราจะปูนบำเหน็จเจ้าให้สมควรแก่ความชอบ หากเจ้าปรารถนาตำแหน่งขุนนางหรือทรัพย์สินสิ่งใด เราจะเต็มใจปูนบำเหน็จให้แก่เจ้าดังปรารถนา
เบียวเต๊กได้ฟังดังนั้นจึงคำนับโจโฉแล้วว่า ซึ่งข้าพเจ้านำความลับมาบอกกล่าวแก่ท่านนี้หาได้มีจิตคิดหวังลาภยศหรือตำแหน่งประการใดไม่ จะขอก็แต่เพียงนางลิซุ่นเอี๋ยงผู้เป็นภรรยาน้อยของอุยกุ๋ยมาเป็นภรรยา ขอให้ท่านอัครมหาเสนาบดีได้อนุญาต
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ฉงนใจ จึงว่าเกิดเป็นชายควรมุ่งหมายหาสตรีที่ซื่อตรงจงรักภักดีต่อสามีไว้เป็นคู่ อันนางลิซุ่นเอี๋ยงผู้นี้เป็นหญิงโฉดชั่ว ไม่รู้คุณของสามีที่เลี้ยงดูอุปถัมภ์ พี่เขยเจ้าก็ตายเพราะปากนางกาลีผู้นี้ ซึ่งเจ้าจะเลี้ยงหญิงกาลีเป็นภรรยานั้นไม่สมควร เราคิดที่จะประหารนางมารกาลีนี้เสียด้วยซ้ำ
เบียวเต๊กได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ กลัวโจโฉจะสั่งประหารนางลิซุ่นเอี๋ยงจึงว่า ข้าพเจ้าทำความชอบไว้แก่ท่านครั้งนี้ปรารถนาก็แต่เพียงนางลิซุ่นเอี๋ยงเท่านั้น เพราะนางผู้นี้เป็นภรรยาน้อยของอุยกุ๋ย ได้รับความทรมานเนื่องแต่อุยกุ๋ยไร้ซึ่งความสามารถ ข้าพเจ้ามีความสงสารจึงผูกรักสมัครสมานได้เสียเป็นเมียผัวกันมา ขอท่านได้เห็นแก่ความชอบแล้วอนุญาตให้เราสองได้ครองคู่กันดังปรารถนานั้นเถิด
โจโฉฟังเบียวเต๊กสิ้นคำก็โกรธจนตัวสั่น แล้วว่า “ตัวเป็นน้องภรรยาเขา บังอาจทำชู้กับภรรยาน้อยของพี่เขย แล้วคิดอ่านล้างชีวิตเขาเสียด้วยประสงค์หญิงผู้เดียว ตัวเป็นคนมิได้มีสัตย์กตัญญู ถ้าเราไม่เอาโทษบัดนี้ คนทั้งปวงก็จะดูเยี่ยงอย่างสืบไป”
โจโฉกล่าวด้วยโทสะดังนั้นแล้ว จึงสั่งทหารให้คุมตัวเบียวเต๊กเอาไปประหาร และให้ทหารไปคุมตัวนางลิซุ่นเอี๋ยงและพรรคพวกพี่น้อง ตลอดจนพรรคพวกพี่น้องของอุยกุ๋ยและครอบครัวเอาไปประหารเสียทั้งสิ้น
โจโฉนี้นับว่าเป็นคนแปลกประหลาด หากเป็นคนสัตย์ซื่อกตัญญู ถึงแม้เป็นเชลยศึกก็มักอภัยโทษแล้วเกลี้ยกล่อมไว้ใช้สอยในราชการ แต่ถ้าหากเป็นคนอกตัญญูไม่รู้คุณคน ไม่ว่าคนใกล้หรือคนไกล หากประสบพบแล้วก็จะบังเกิดโทสะและมักจะสั่งประหารสิ้น ท่าทีสองอย่างนี้ได้กลายเป็นบุคลิกประจำตัวของโจโฉอยู่ตลอดชีวิต มาครั้งนี้ในตอนแรกโจโฉเห็นความชอบของเบียวเต๊กที่นำความลับมาแจ้งทำให้สามารถกำจัดศัตรูทางการเมืองได้สำเร็จ และคิดจะบำเหน็จความชอบแก่เบียวเต๊ก แต่ครั้นความปรากฏว่าเบียวเต๊กนำความลับมาบอกมิใช่ความปรารถนาความปลอดภัยให้แก่ตัวของโจโฉ แต่เป็นเรื่องที่ต้องการยืมน้ำมือของโจโฉประหารชีวิตของอุยกุ๋ยเพื่อชิงเอานางลิซุ่นเอี๋ยงชู้รักมาครอง โจโฉจึงลบเลือนความชอบของเบียวเต๊กจนหมดสิ้นและบังเกิดโทสะขึ้นแทนที่ แล้วสั่งประหารชีวิตเสียทั้งครอบครัว
ครั้นกำจัดศัตรูทางการเมืองได้แล้ว โจโฉจึงให้เกลี้ยกล่อมบรรดาทหารม้าเมืองเสเหลียงที่ถูกจับเป็นเชลยให้เข้ารับราชการในเมืองหลวง ด้วยพึงใจในความเก่งกล้าสามารถในการรบบนหลังม้าของทหารม้าเมืองเสเหลียงมาแต่ก่อน ทหารม้าจำนวนหนึ่งที่ยินยอมพร้อมใจเข้าสวามิภักดิ์ โจโฉก็ให้จัดสังกัดเข้าประจำกองทัพของเมืองหลวง พวกที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ โจโฉก็สั่งประหารชีวิตจนหมดสิ้น
ในขณะที่โจโฉกำลังเกลี้ยกล่อมทหารเมืองเสเหลียงอยู่นั้น หน่วยสอดแนมได้รายงานว่ากองทัพของม้าเท้งที่ยกมาเมืองหลวงครั้งนี้เป็นกองทัพหน้าและกองทัพหลวง ส่วนกองทัพหลังของม้าต้ายยังตามมาไม่ถึง
โจโฉทราบความดังนั้นจึงสั่งให้มีหนังสือไปยังนายด่านทุกตำบล ให้เข้มงวดกวดขันมิให้ม้าต้ายยกกองทัพล่วงเขตแดนเข้ามาได้ และให้สกัดจับม้าต้ายส่งเข้าเมืองหลวง ผู้ใดจับม้าต้ายได้จะให้บำเหน็จความชอบเป็นพิเศษ
ฝ่ายม้าต้ายยกกองทัพหลังตามกองทัพม้าเท้งมาในระยะห่าง ไม่ทันกับกองทัพของม้าเท้ง ครั้นยกกองทัพถึงแดนเมืองฮูโต๋ก็สวนกับทหารของม้าเท้งที่รอดตายออกมาจากวงล้อมแล้วหนีกลับตามเส้นทางที่ยกมา จึงทราบว่าม้าเท้ง ม้าฮิว เสียทีแก่โจโฉแล้วก็ตกใจ
ม้าต้ายเห็นว่ากำลังทหารของกองทัพหลังมีจำนวนน้อย ไม่พอแก่การยกเข้าโจมตีเมืองหลวง ทั้งเห็นว่าม้าเท้งผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ถูกจับกุมแล้วคงจะไม่รอดชีวิต จึงรีบยกกองทัพจะกลับเมืองเสเหลียง
แต่ตามระหว่างทางได้ทราบว่าโจโฉได้สั่งให้นายด่านทุกตำบลสกัดจับ จึงปลอมแปลงตัวเป็นพ่อค้าและอาศัยเวลากลางคืนเล็ดรอดหนีกลับไปเมืองเสเหลียง
โจโฉคิดอ่านกำจัดม้าเท้งเพื่อจะยกกองทัพลงใต้ แต่หาคิดไม่ว่าการสังหาร ม้าเท้งเสียในครั้งนี้ได้ก่อชนวนสงครามภาคพายัพขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะแต่เดิมมาแม้ม้าเท้งจะได้คบคิดกับตังสินสนองพระบรมราชโองการเลือดของพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่เมื่อตังสินถูกประหารชีวิตแล้ว ม้าเท้งก็ยังคงครองเมืองเสเหลียงอย่างสงบสันติ เพราะแม้จะชิงชังเคียดแค้นโจโฉสักเพียงไรก็ยังเกรงโจโฉซึ่งเป็นอัครมหาเสนาบดีทำการในพระปรมาภิไธยของฮ่องเต้ว่ามีอำนาจโดยชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมาย ทั้งกำลังทหารของเมืองหลวงนั้นเล่าก็มีเป็นจำนวนมาก ถึงหากจะยกกองทัพมาก็ขัดสน เหตุนี้จึงทำให้สถานการณ์ระหว่างเมืองหลวงกับเมืองเสเหลียงแห่งภาคพายัพสงบสันติตลอดมา แต่ด้วยกโลบายทางรัฐประศาสนศาสตร์อันแปลกประหลาดของโจโฉจึงแทนที่จะทำให้ภาคพายัพสงบสันติกลับถูกจุดเป็นชนวนสงครามขึ้น เพราะการสังหารม้าเท้งในครั้งนี้ได้ผูกพยาบาทอาฆาตแค้นให้กับม้าเฉียวผู้เป็นบุตร และชาวเมืองเสเหลียงซึ่งมีกองกำลังทหารม้าอันเข้มแข็งเกรียงไกรให้ยกมาล้างแค้น ดังนั้นในพลันที่คมดาบของเพชฌฆาตตัดศีรษะม้าเท้ง จึงเท่ากับว่าชนวนสงครามภาคพายัพได้ระเบิดขึ้นแล้ว
ฝ่ายโจโฉหลังจากกำจัดเสี้ยนหนามทางการเมืองคือม้าเท้งได้สำเร็จแล้ว ก็คิดอ่านจะยกกองทัพบุกภาคใต้อีกครั้งหนึ่งเพื่อกำจัดเล่าปี่และซุนกวน ซึ่งเป็นเสี้ยนหนามทางการเมืองในภาคใต้ให้จงได้
ดำริดังนั้นโจโฉจึงเรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาขุนนางและแม่ทัพนายกองทั้งปวง แล้วปรารภว่าบัดนี้เรากำจัดม้าเท้งได้สำเร็จแล้ว จึงหมดกังวลว่าเมืองเสเหลียงจะยกกองทัพมาโจมตีเมืองฮูโต๋ ดังนั้นเราจึงปรารถนาที่จะยกกองทัพลงภาคใต้อีกครั้งหนึ่งเพื่อกำจัดเล่าปี่และซุนกวนให้จงได้ ท่านทั้งหลายจะมีความเห็นเป็นประการใด
ยังไม่ทันที่ผู้ใดจะได้ออกความเห็น ทหารรักษาการณ์ได้เข้ามารายงานความแก่โจโฉว่าหน่วยสอดแนมได้เดินทางกลับมาจากเมืองเกงจิ๋ว รายงานความให้ทราบว่าบัดนี้เล่าปี่ได้จัดแจงซ่องสุมผู้คนและเสบียงอาหารเป็นอันมาก มีกิตติศัพท์เล่าลือว่าเล่าปี่เตรียมการทั้งนี้เพื่อจะยกไปตีเมืองเสฉวน
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงว่าอันเมืองเสฉวนนี้เป็นเมืองใหญ่ มีหัวเมืองใหญ่น้อยขึ้นต่อเป็นจำนวนมาก เสบียงอาหารแลผู้คนก็สมบูรณ์ แต่เล่าเจี้ยงผู้เป็นเจ้าเมืองนั้นเป็นคนโลเลไร้สติปัญญา หากเล่าปี่ยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวนแล้วเห็นจะได้เมืองเสฉวนโดยง่าย และถ้าหากเล่าปี่ตีเมืองเสฉวนได้แล้วเล่าปี่ก็จะเติบใหญ่กล้าแข็งขึ้น ยากที่จะกำจัดได้อีกต่อไป ท่านทั้งปวงจะมีความเห็นเป็นประการใด
ตันกุ๋ยซึ่งเป็นที่ปรึกษาได้ฟังคำโจโฉดังนั้นจึงว่า ซึ่งเล่าปี่คิดอ่านจะยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวนนั้นท่านอย่าได้วิตกเลย ข้าพเจ้ามีกลอุบายที่จะสกัดกั้นไม่ให้เล่าปี่ยกไปตีเมืองเสฉวนได้สำเร็จ.
กองทัพของม้าเท้งตกอยู่ในท่ามกลางวงล้อมของทหารโจโฉทั้งสี่ด้านภายในพริบตาจึงพากันแตกตื่นตกใจอลหม่าน ม้าเท้งชักม้ากลับจะตีฝ่าออกมาทางด้านหลังก็เห็นทหาร โจโฉล้อมอยู่อย่างหนาแน่น ไม่ทันที่จะสั่งการประการใดห่าเกาทัณฑ์ก็ถูกยิงมาทั้งสี่ทิศ
ม้าเท้งใช้ทวนปัดเกาทัณฑ์อยู่บนหลังม้าเป็นพัลวัน แต่ม้าเทียดปัดเกาทัณฑ์ไม่ทันจึงถูกห่าเกาทัณฑ์พลัดตกลงจากหลังม้าถึงแก่ความตาย ทหารของม้าเท้งจะตีฝ่าออกไปทางไหนก็ไม่ได้ จึงถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ตกลงจากหลังม้าถึงแก่ความตายราวกับใบไม้ร่วง
ทหารโจโฉระดมยิงเกาทัณฑ์และตีวงรัดแคบเข้าไป ทหารม้าเท้งก็เหลือน้อยตัวลงทุกที พวกที่กลัวความตายจึงยอมจำนน เหลือม้าเท้งกับม้าฮิวอยู่ท่ามกลางวงล้อมและถูกเกาทัณฑ์พลัดลงจากหลังม้าทั้งสองคน ทหารโจโฉจึงรุมกันเข้าจับตัวม้าเท้งและม้าฮิวได้แล้วมัดกลับเข้าไปในเมือง
ครั้นโจโฉเห็นม้าเท้งและม้าฮิวถูกควบคุมตัวเข้ามาก็ยินดี จึงสั่งให้ทหารคุมตัวอุยกุ๋ยออกมาพร้อมหน้ากัน แล้วถามว่าเหตุไฉนพวกเจ้าจึงคิดร้ายต่อเรา
อุยกุ๋ยและม้าเท้งต่างปฏิเสธว่าไม่ได้คิดร้าย อุยกุ๋ยนั้นอ้างว่าไม่ทราบความแต่ประการใด ในขณะที่ม้าเท้งอ้างว่ายกทหารมาตามหมายรับสั่งแล้วถูกรุมล้อมโดยไม่รู้ตัว จึงไม่มีความผิด
โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงสั่งทหารให้คุมตัวเบียวเต๊กออกมาเผชิญหน้ากับอุยกุ๋ยแล้วถามอุยกุ๋ยว่าเจ้ารู้จักคนผู้นี้หรือไม่
อุยกุ๋ยเห็นเบียวเต๊กก็ประหลาดใจ แต่ไม่ทราบความนัยว่าเบียวเต๊กนำความลับมาบอกโจโฉจนความแตกขึ้นแล้ว จึงรับว่ารู้จักกับเบียวเต๊กเป็นอย่างดีเพราะเป็นน้องของภรรยาหลวง
โจโฉจึงสั่งให้เบียวเต๊กให้การไปตามจริงว่าม้าเท้งกับอุยกุ๋ยได้คบคิดกันประการใด เบียวเต๊กรับคำสั่งโจโฉแล้วจึงให้การไปตามความจริงทุกประการ
ม้าเท้งได้ฟังดังนั้นก็มองหน้าอุยกุ๋ยแต่อุยกุ๋ยนั้นแม้ตกใจแต่ยังฝืนใจปฏิเสธต่อไปว่าคำอันเบียวเต๊กกล่าวเป็นความเท็จทั้งสิ้น เพราะในชั่วสามวันมานี้อุยกุ๋ยไม่เคยพบหน้าหรือพูดจากับเบียวเต๊กแม้แต่สักคำเดียว กรณีเป็นเรื่องที่เบียวเต๊กเสกสรรปั้นแต่งขึ้นเอง
โจโฉจึงไต่สวนเบียวเต๊กต่อไปว่า ความซึ่งเจ้าให้การนี้เจ้ารู้เห็นมาจากที่ใด
เบียวเต๊กจึงว่าความอันข้าพเจ้าให้การนี้นางลิซุ่นเอี๋ยงผู้เป็นภรรยาน้อยของอุยกุ๋ยเป็นผู้นำความมาบอกเล่า
โจโฉจึงสรุปความตามที่เบียวเต๊กยืนยันให้การว่าเมื่อประกอบกับพฤติการที่ม้าเท้งยกกำลังทหารเข้ามาที่ประตูเมืองโดยมิได้นัดหมายก่อนคือการคบคิดกัน
ม้าเท้งอารมณ์ร้อน รู้ว่าตกที่นั่งลำบากเพราะเหตุแต่อุยกุ๋ยประมาทพลาดพลั้งดังนั้นจึงด่าอุยกุ๋ยด้วยเสียงอันดังว่า “อ้ายคนหลงทำให้เสียการของกูไป ถึงตัวกูจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต แต่มาคิดน้อยใจว่าจะล้างศัตรูราชสมบัติเสีย ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุขก็ไม่สมความคิด”
อุยกุ๋ยฟังคำด่าม้าเท้งแล้วจึงด่าเบียวเต๊กว่าเป็นคนอกตัญญู ไม่รู้คุณตัวที่ได้อุปการะเลี้ยงดูอยู่ในบ้าน และสาปแช่งให้เบียวเต๊กต้องตายโหงตามไปด้วย
โจโฉจึงซักไซร้ไล่เลียงต่อไปว่ายังมีผู้ใดรู้เห็นเป็นใจคบคิดอีกหรือไม่ ถ้าให้การตามความเป็นจริงก็จะเว้นโทษตายให้
อุยกุ๋ยขุนนางใจเสาะ แม้คิดจะเอาตัวรอดแต่มิรู้จะซัดทอดผู้ใดเพราะความอันเป็นไปทั้งนี้มิได้เกิดแต่การคบคิดกับคนอื่น หากเกิดแต่การเมาสุราแล้วพลั้งปากคิดการใหญ่เกินตัวเท่านั้น จึงได้แต่นิ่งร้องไห้เสียดายชีวิตอยู่ในที่นั้น
ส่วนม้าเท้งมีน้ำใจเป็นชาติทหาร และความจริงก็มิได้สมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่น และเห็นว่าโจโฉมีพยาบาทตัวมาแต่ครั้งตังสิน ถึงจะแก้ตัวอ้อนวอนประการใดย่อมไร้ผล ดังนั้นม้าเท้งจึงได้แต่ด่าว่าอุยกุ๋ยและโจโฉเป็นอันมาก
โจโฉเห็นว่าการไต่สวนทวนคดีความสิ้นกระแสฟังได้ชัดว่าม้าเท้งและอุยกุ๋ยคบคิดกันวางแผนสังหาร จึงสั่งให้ทหารคุมตัวม้าเท้ง ม้าฮิว และอุยกุ๋ยเอาไปประหาร ม้าเท้งนั้นมิได้หวั่นเกรงต่ออาญา ยังคงด่าว่าโจโฉว่าเป็นศัตรูราชสมบัติไม่ขาดคำ จนกระทั่งเพชฌฆาตลงดาบประหาร
หลังจากสั่งประหารม้าเท้ง ม้าฮิวและอุยกุ๋ยแล้ว โจโฉจึงหันมากล่าวกับเบียวเต๊กว่าตัวเจ้าทำความชอบไว้แก่เราเป็นอันมาก จึงสามารถกำจัดศัตรูผู้กบฏได้สำเร็จในครั้งนี้ ดังนั้นเราจะปูนบำเหน็จเจ้าให้สมควรแก่ความชอบ หากเจ้าปรารถนาตำแหน่งขุนนางหรือทรัพย์สินสิ่งใด เราจะเต็มใจปูนบำเหน็จให้แก่เจ้าดังปรารถนา
เบียวเต๊กได้ฟังดังนั้นจึงคำนับโจโฉแล้วว่า ซึ่งข้าพเจ้านำความลับมาบอกกล่าวแก่ท่านนี้หาได้มีจิตคิดหวังลาภยศหรือตำแหน่งประการใดไม่ จะขอก็แต่เพียงนางลิซุ่นเอี๋ยงผู้เป็นภรรยาน้อยของอุยกุ๋ยมาเป็นภรรยา ขอให้ท่านอัครมหาเสนาบดีได้อนุญาต
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ฉงนใจ จึงว่าเกิดเป็นชายควรมุ่งหมายหาสตรีที่ซื่อตรงจงรักภักดีต่อสามีไว้เป็นคู่ อันนางลิซุ่นเอี๋ยงผู้นี้เป็นหญิงโฉดชั่ว ไม่รู้คุณของสามีที่เลี้ยงดูอุปถัมภ์ พี่เขยเจ้าก็ตายเพราะปากนางกาลีผู้นี้ ซึ่งเจ้าจะเลี้ยงหญิงกาลีเป็นภรรยานั้นไม่สมควร เราคิดที่จะประหารนางมารกาลีนี้เสียด้วยซ้ำ
เบียวเต๊กได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ กลัวโจโฉจะสั่งประหารนางลิซุ่นเอี๋ยงจึงว่า ข้าพเจ้าทำความชอบไว้แก่ท่านครั้งนี้ปรารถนาก็แต่เพียงนางลิซุ่นเอี๋ยงเท่านั้น เพราะนางผู้นี้เป็นภรรยาน้อยของอุยกุ๋ย ได้รับความทรมานเนื่องแต่อุยกุ๋ยไร้ซึ่งความสามารถ ข้าพเจ้ามีความสงสารจึงผูกรักสมัครสมานได้เสียเป็นเมียผัวกันมา ขอท่านได้เห็นแก่ความชอบแล้วอนุญาตให้เราสองได้ครองคู่กันดังปรารถนานั้นเถิด
โจโฉฟังเบียวเต๊กสิ้นคำก็โกรธจนตัวสั่น แล้วว่า “ตัวเป็นน้องภรรยาเขา บังอาจทำชู้กับภรรยาน้อยของพี่เขย แล้วคิดอ่านล้างชีวิตเขาเสียด้วยประสงค์หญิงผู้เดียว ตัวเป็นคนมิได้มีสัตย์กตัญญู ถ้าเราไม่เอาโทษบัดนี้ คนทั้งปวงก็จะดูเยี่ยงอย่างสืบไป”
โจโฉกล่าวด้วยโทสะดังนั้นแล้ว จึงสั่งทหารให้คุมตัวเบียวเต๊กเอาไปประหาร และให้ทหารไปคุมตัวนางลิซุ่นเอี๋ยงและพรรคพวกพี่น้อง ตลอดจนพรรคพวกพี่น้องของอุยกุ๋ยและครอบครัวเอาไปประหารเสียทั้งสิ้น
โจโฉนี้นับว่าเป็นคนแปลกประหลาด หากเป็นคนสัตย์ซื่อกตัญญู ถึงแม้เป็นเชลยศึกก็มักอภัยโทษแล้วเกลี้ยกล่อมไว้ใช้สอยในราชการ แต่ถ้าหากเป็นคนอกตัญญูไม่รู้คุณคน ไม่ว่าคนใกล้หรือคนไกล หากประสบพบแล้วก็จะบังเกิดโทสะและมักจะสั่งประหารสิ้น ท่าทีสองอย่างนี้ได้กลายเป็นบุคลิกประจำตัวของโจโฉอยู่ตลอดชีวิต มาครั้งนี้ในตอนแรกโจโฉเห็นความชอบของเบียวเต๊กที่นำความลับมาแจ้งทำให้สามารถกำจัดศัตรูทางการเมืองได้สำเร็จ และคิดจะบำเหน็จความชอบแก่เบียวเต๊ก แต่ครั้นความปรากฏว่าเบียวเต๊กนำความลับมาบอกมิใช่ความปรารถนาความปลอดภัยให้แก่ตัวของโจโฉ แต่เป็นเรื่องที่ต้องการยืมน้ำมือของโจโฉประหารชีวิตของอุยกุ๋ยเพื่อชิงเอานางลิซุ่นเอี๋ยงชู้รักมาครอง โจโฉจึงลบเลือนความชอบของเบียวเต๊กจนหมดสิ้นและบังเกิดโทสะขึ้นแทนที่ แล้วสั่งประหารชีวิตเสียทั้งครอบครัว
ครั้นกำจัดศัตรูทางการเมืองได้แล้ว โจโฉจึงให้เกลี้ยกล่อมบรรดาทหารม้าเมืองเสเหลียงที่ถูกจับเป็นเชลยให้เข้ารับราชการในเมืองหลวง ด้วยพึงใจในความเก่งกล้าสามารถในการรบบนหลังม้าของทหารม้าเมืองเสเหลียงมาแต่ก่อน ทหารม้าจำนวนหนึ่งที่ยินยอมพร้อมใจเข้าสวามิภักดิ์ โจโฉก็ให้จัดสังกัดเข้าประจำกองทัพของเมืองหลวง พวกที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ โจโฉก็สั่งประหารชีวิตจนหมดสิ้น
ในขณะที่โจโฉกำลังเกลี้ยกล่อมทหารเมืองเสเหลียงอยู่นั้น หน่วยสอดแนมได้รายงานว่ากองทัพของม้าเท้งที่ยกมาเมืองหลวงครั้งนี้เป็นกองทัพหน้าและกองทัพหลวง ส่วนกองทัพหลังของม้าต้ายยังตามมาไม่ถึง
โจโฉทราบความดังนั้นจึงสั่งให้มีหนังสือไปยังนายด่านทุกตำบล ให้เข้มงวดกวดขันมิให้ม้าต้ายยกกองทัพล่วงเขตแดนเข้ามาได้ และให้สกัดจับม้าต้ายส่งเข้าเมืองหลวง ผู้ใดจับม้าต้ายได้จะให้บำเหน็จความชอบเป็นพิเศษ
ฝ่ายม้าต้ายยกกองทัพหลังตามกองทัพม้าเท้งมาในระยะห่าง ไม่ทันกับกองทัพของม้าเท้ง ครั้นยกกองทัพถึงแดนเมืองฮูโต๋ก็สวนกับทหารของม้าเท้งที่รอดตายออกมาจากวงล้อมแล้วหนีกลับตามเส้นทางที่ยกมา จึงทราบว่าม้าเท้ง ม้าฮิว เสียทีแก่โจโฉแล้วก็ตกใจ
ม้าต้ายเห็นว่ากำลังทหารของกองทัพหลังมีจำนวนน้อย ไม่พอแก่การยกเข้าโจมตีเมืองหลวง ทั้งเห็นว่าม้าเท้งผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ถูกจับกุมแล้วคงจะไม่รอดชีวิต จึงรีบยกกองทัพจะกลับเมืองเสเหลียง
แต่ตามระหว่างทางได้ทราบว่าโจโฉได้สั่งให้นายด่านทุกตำบลสกัดจับ จึงปลอมแปลงตัวเป็นพ่อค้าและอาศัยเวลากลางคืนเล็ดรอดหนีกลับไปเมืองเสเหลียง
โจโฉคิดอ่านกำจัดม้าเท้งเพื่อจะยกกองทัพลงใต้ แต่หาคิดไม่ว่าการสังหาร ม้าเท้งเสียในครั้งนี้ได้ก่อชนวนสงครามภาคพายัพขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะแต่เดิมมาแม้ม้าเท้งจะได้คบคิดกับตังสินสนองพระบรมราชโองการเลือดของพระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่เมื่อตังสินถูกประหารชีวิตแล้ว ม้าเท้งก็ยังคงครองเมืองเสเหลียงอย่างสงบสันติ เพราะแม้จะชิงชังเคียดแค้นโจโฉสักเพียงไรก็ยังเกรงโจโฉซึ่งเป็นอัครมหาเสนาบดีทำการในพระปรมาภิไธยของฮ่องเต้ว่ามีอำนาจโดยชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมาย ทั้งกำลังทหารของเมืองหลวงนั้นเล่าก็มีเป็นจำนวนมาก ถึงหากจะยกกองทัพมาก็ขัดสน เหตุนี้จึงทำให้สถานการณ์ระหว่างเมืองหลวงกับเมืองเสเหลียงแห่งภาคพายัพสงบสันติตลอดมา แต่ด้วยกโลบายทางรัฐประศาสนศาสตร์อันแปลกประหลาดของโจโฉจึงแทนที่จะทำให้ภาคพายัพสงบสันติกลับถูกจุดเป็นชนวนสงครามขึ้น เพราะการสังหารม้าเท้งในครั้งนี้ได้ผูกพยาบาทอาฆาตแค้นให้กับม้าเฉียวผู้เป็นบุตร และชาวเมืองเสเหลียงซึ่งมีกองกำลังทหารม้าอันเข้มแข็งเกรียงไกรให้ยกมาล้างแค้น ดังนั้นในพลันที่คมดาบของเพชฌฆาตตัดศีรษะม้าเท้ง จึงเท่ากับว่าชนวนสงครามภาคพายัพได้ระเบิดขึ้นแล้ว
ฝ่ายโจโฉหลังจากกำจัดเสี้ยนหนามทางการเมืองคือม้าเท้งได้สำเร็จแล้ว ก็คิดอ่านจะยกกองทัพบุกภาคใต้อีกครั้งหนึ่งเพื่อกำจัดเล่าปี่และซุนกวน ซึ่งเป็นเสี้ยนหนามทางการเมืองในภาคใต้ให้จงได้
ดำริดังนั้นโจโฉจึงเรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาขุนนางและแม่ทัพนายกองทั้งปวง แล้วปรารภว่าบัดนี้เรากำจัดม้าเท้งได้สำเร็จแล้ว จึงหมดกังวลว่าเมืองเสเหลียงจะยกกองทัพมาโจมตีเมืองฮูโต๋ ดังนั้นเราจึงปรารถนาที่จะยกกองทัพลงภาคใต้อีกครั้งหนึ่งเพื่อกำจัดเล่าปี่และซุนกวนให้จงได้ ท่านทั้งหลายจะมีความเห็นเป็นประการใด
ยังไม่ทันที่ผู้ใดจะได้ออกความเห็น ทหารรักษาการณ์ได้เข้ามารายงานความแก่โจโฉว่าหน่วยสอดแนมได้เดินทางกลับมาจากเมืองเกงจิ๋ว รายงานความให้ทราบว่าบัดนี้เล่าปี่ได้จัดแจงซ่องสุมผู้คนและเสบียงอาหารเป็นอันมาก มีกิตติศัพท์เล่าลือว่าเล่าปี่เตรียมการทั้งนี้เพื่อจะยกไปตีเมืองเสฉวน
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงว่าอันเมืองเสฉวนนี้เป็นเมืองใหญ่ มีหัวเมืองใหญ่น้อยขึ้นต่อเป็นจำนวนมาก เสบียงอาหารแลผู้คนก็สมบูรณ์ แต่เล่าเจี้ยงผู้เป็นเจ้าเมืองนั้นเป็นคนโลเลไร้สติปัญญา หากเล่าปี่ยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวนแล้วเห็นจะได้เมืองเสฉวนโดยง่าย และถ้าหากเล่าปี่ตีเมืองเสฉวนได้แล้วเล่าปี่ก็จะเติบใหญ่กล้าแข็งขึ้น ยากที่จะกำจัดได้อีกต่อไป ท่านทั้งปวงจะมีความเห็นเป็นประการใด
ตันกุ๋ยซึ่งเป็นที่ปรึกษาได้ฟังคำโจโฉดังนั้นจึงว่า ซึ่งเล่าปี่คิดอ่านจะยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวนนั้นท่านอย่าได้วิตกเลย ข้าพเจ้ามีกลอุบายที่จะสกัดกั้นไม่ให้เล่าปี่ยกไปตีเมืองเสฉวนได้สำเร็จ.