ตอนที่ 320. ฝุ่นในตา เสี้ยนในตีน

 ขงเบ้งข้ามอ่าวไปเคารพศพจิวยี่ เซ่นไหว้ร้องไห้คร่ำครวญถึงขนาดโขกศีรษะกับพื้นจนหน้าผากห้อเลือดเป็นที่เวทนานัก แต่เนื้อหาแห่งคำรำพันที่อาบเอิบด้วยการสดุดีคุณงามความดีและวีรกรรมของจิวยี่นั้น ได้แฝงฝังไว้ด้วยกลยุทธ์สำคัญแห่งยุทธศาสตร์สามก๊ก คือการย้ำแล้วย้ำเล่าให้บรรดาขุนนางข้าราชการเมืองกังตั๋งเข้าใจว่าปณิธานของจิวยี่คือการสถาปนาความเป็นพันธมิตรระหว่างซุนกวนกับเล่าปี่ให้มั่นคง

            นั่นคือเนื้อหาสำคัญของกลยุทธ์ “เหนือรบโจโฉ ใต้เป็นพันธมิตรซุนกวน” แห่งยุทธศาสตร์สามก๊กซึ่งขงเบ้งได้เสนอไว้แก่เล่าปี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ ณ เขาโงลังกั๋ง เพราะหากแม้นกลยุทธ์ดังกล่าวยังมีอุปสรรคขวากหนามก็ไม่อาจย่างก้าวเข้าสู่ยุทธศาสตร์สามก๊กขั้นที่สอง คือการยึดเมืองเสฉวนได้ และถ้าหากความเป็นพันธมิตรระหว่างเล่าปี่กับซุนกวนไม่แน่นแฟ้น การไปยึดเมืองเสฉวนซึ่งเป็นหนทางไกลก็จะขัดสน เพราะเหนือก็ต้องระวังโจโฉ ใต้ก็ต้องห่วงซุนกวน

            บรรดาแม่ทัพนายกองและเหล่าทหารเมืองกังตั๋งเคยฟังแต่ข่าวเล่าลือว่าขงเบ้งกับจิวยี่เป็นอริขุ่นเคืองและจ้องจองล้างจองผลาญกัน แต่เป็นเพียงคำเล่าข่าวลือที่พูดกันปากต่อปาก มีแต่คนวงในไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ความจริงว่าสองยอดกุนซือต่างมุ่งล้างผลาญกัน โดยจิวยี่คิดผลาญขงเบ้งเพื่อความปลอดภัยของกังตั๋ง ในขณะที่ขงเบ้งก็ต้องการผลาญจิวยี่เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามของกลยุทธ์ “เหนือรบโจโฉ ใต้เป็นพันธมิตรซุนกวน”

            เพราะเหตุที่บรรดาแม่ทัพนายกองและเหล่าทหารเมืองกังตั๋งไม่ทราบความนัยที่แท้จริง ซึ่งเป็นความลับเฉพาะบุคคลสำคัญระดับซุนกวนและโลซก ครั้นได้เห็นประจักษ์ถึงความผูกพันรักใคร่สนิทแน่นแฟ้นอันขงเบ้งได้กระทำให้ปรากฏถึงความโศกเศร้าเสียใจอาลัยอาวรณ์ลึกซึ้งนัก ก็หวั่นไหวไปตามภาพซึ่งได้เห็น แล้วเกิดความลังเลไม่แน่ใจว่าคำเล่าข่าวลือที่เคยสดับมา เห็นท่าว่าจะไร้ซึ่งความจริง จึงกระซิบกระซาบต่อกันว่าที่ภายนอกเล่าลือกันว่าขงเบ้งกับจิวยี่เป็นอริบาดหมางมุ่งล้างผลาญต่อกันนั้นไม่สมจริง หรือว่าเป็นการปล่อยข่าวลวงของฝ่ายโจโฉให้เกิดความกินแหนงแคลงใจระหว่างกองทัพของซุนกวนและเล่าปี่ เพราะทีท่าวาจาอันขงเบ้งโศกเศร้าเสียใจอาลัยอาวรณ์อันได้ประจักษ์แก่ตาทุกคนเห็นได้ชัดว่าขงเบ้งมีน้ำใจรักซื่อตรงและผูกพันลึกซึ้งกับจิวยี่เป็นอันมาก

            ดังนั้นน้ำใจแค้นเคืองที่กัดเขี้ยวเคี้ยวฟันใคร่สังหารขงเบ้งแต่ครั้งแรกที่ขึ้นจากท่าเรือมาที่ศาลาว่าราชการของบรรดาทหารเมืองกังตั๋งจึงเสื่อมคลาย กลายเป็นนึกสงสารขงเบ้งและคิดอ่านสนับสนุนให้ความสัมพันธ์ซุนกวนกับเล่าปี่แน่นแฟ้นตามปณิธานของจิวยี่ดังที่ขงเบ้งได้รำพันนั้น

            แม้กระทั่งโลซกเห็นขงเบ้งโศกเศร้าเสียใจร้องไห้รำพันล้ำลึกนักก็พลอยสงสารแล้วร้องไห้ตาม และคิดว่าขงเบ้งนี้มีน้ำใจอารี มิได้ผูกพยาบาทต่อจิวยี่ ทั้ง ๆ ที่จิวยี่คิดร้ายต่อขงเบ้งหลายครั้งหลายหน ขงเบ้งก็มิได้ผูกใจเจ็บ ยังเห็นแก่น้ำมิตรที่ร่วมการสงครามกันมา จิวยี่ต่างหากที่เป็นฝ่ายริษยาพยาบาทอาฆาตแค้นจนตัวตาย

            ทั้งเนื้อความที่ขงเบ้งพรรณนาปรารถนาให้ความเป็นพันธมิตรระหว่างซุนกวนกับเล่าปี่แน่นแฟ้นเป็นปราการต้านการรุกรานของโจโฉก็ต้องด้วยน้ำใจของโลซกมาแต่เดิม โลซกจึงคิดว่าหลังสิ้นจิวยี่แล้วความสัมพันธ์ระหว่างซุนกวนกับเล่าปี่คงจะมั่นคงยิ่งขึ้น

            ครั้นโลซกเห็นขงเบ้งเซ่นไหว้ศพจิวยี่เสร็จพิธีแล้วจึงเชิญขงเบ้งไปกินโต๊ะ

            สองยอดกุนซือคือขงเบ้งซึ่งเป็นกุนซือของเล่าปี่ กับจิวยี่ซึ่งเป็นกุนซือของซุนกวน แต่เดิมมาหาได้มีความขุ่นแค้นขัดเคืองต่อกันแม้แต่น้อย แต่ต่างฝ่ายต่างต้องรักษาผลประโยชน์ของผู้เป็นนาย จึงบันดาลให้ต้องมาเข้าเกี่ยวข้องกันแล้วทำศึกต่อกันจนล้มตายไปข้างหนึ่ง

            ชั่วระยะเวลาตั้งแต่เดือนสิบเอ็ดแห่งเจี้ยนอันศกปีที่สิบสาม ถึงเดือนยี่ปลายเจี้ยนอันศกปีที่สิบห้าเป็นเวลาสองปีเศษ สองยอดกุนซือได้กระทำยุทธนาการต่อกันหลายครั้ง อันสมควรประมวลขึ้นแสดงดังนี้

            ครั้งแรก เป็นศึกทางการทูตเมื่อครั้งที่ขงเบ้งแรกเดินทางถึงกังตั๋ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะยุให้ซุนกวนทำสงครามกับโจโฉ แต่จิวยี่ต้องการให้ขงเบ้งร้องขอให้ซุนกวนช่วยเหลือเพื่อจะได้กุมเงื่อนไขให้เล่าปี่เป็นเพียงผู้อาศัย แต่ขงเบ้งวางอุบายยั่วยุให้จิวยี่โกรธ โดยปลอมโคลงของโจโฉที่ปราสาทนกยูงทองแดงริมแม่น้ำเจียงโหว่าโจโฉยกกองทัพลงใต้เพียงเพื่อปรารถนาสองหญิงงาม ซึ่งคนหนึ่งเป็นภรรยาของซุนเซ็กและอีกคนหนึ่งเป็นภรรยาของจิวยี่ ทำให้จิวยี่ลุแก่โทสะต้องปราชัยในทางการทูต ประกาศสงครามกับโจโฉและร้องขอให้ขงเบ้งช่วยเหลือ แทนที่ขงเบ้งจะต้องเป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือ

            ครั้งที่สอง จิวยี่เริ่มหวาดระแวงว่าขงเบ้งจะเป็นอันตรายต่อเมืองกังตั๋งในวันหน้า จึงคิดอุบายยืมมือโจโฉฆ่าขงเบ้ง แต่งให้ขงเบ้งไปตีเสบียงของโจโฉ แต่ขงเบ้งแจ้งในอุบายแล้วย้อนกลยั่วยุจิวยี่ว่าถนัดแต่รบทางทะเลไม่ถนัดรบทางบก จิวยี่ลุแก่โทสะยกเลิกคำสั่งให้ขงเบ้งไปตีคลังเสบียง และจะไปตีคลังเสบียงเสียเอง จนขงเบ้งต้องเตือนสติให้จิวยี่เลิกความคิดที่จะไปตีเสบียงของโจโฉ

            ครั้งที่สาม จิวยี่วางแผนให้ขงเบ้งทำทัณฑ์บนเพื่อทำลูกเกาทัณฑ์สิบหมื่นให้ทันกำหนดในสามวัน แต่ขงเบ้งแจ้งในการอากาศว่าหมอกจะลงจัด จึงทำกลอุบายไปลวงเอาเกาทัณฑ์มาจากกองทัพของโจโฉได้ครบและทันตามจำนวนและเวลาที่กำหนด

            ครั้งที่สี่ หลังจากเรียกลมสลาตันได้ตามความประสงค์แล้ว จิวยี่ยิ่งเกรงความรู้ของ  ขงเบ้งจึงคิดสังหาร และสั่งให้ชีเซ่ง เตงฮอง ไปสังหารขงเบ้งที่ลานพิธี แต่ขงเบ้งวางแผนหนีไว้ล่วงหน้าให้จูล่งเอาเรือมารับและข้ามอ่าวกลับไปเมืองกังแฮได้สำเร็จ

            ครั้งที่ห้า เป็นศึกสามเส้าระหว่างขงเบ้ง จิวยี่ และโจหยิน ชิงหัวเมืองฝั่งเหนือของแม่น้ำแยงซี สามหัวเมืองเอก สี่หัวเมืองโท ขงเบ้งวางกลอุบายและซ้อนกลจิวยี่ปล่อยให้จิวยี่และโจหยินทำศึกกันจนอ่อนเปลี้ยสิ้นกำลังทั้งสองฝ่าย แล้วเข้ายึดเอาเมืองลำกุ๋น เมืองเกงจิ๋วและเมืองซงหยงได้โดยง่าย หลังจากโจหยินและจิวยี่เลิกทัพกลับแล้ว ขงเบ้งจึงขยายอำนาจให้แก่เล่าปี่ยึดเอาเมืองเลงเหลง เมืองบุเหลง เมืองฮุยเอี๋ยงและเมืองเตียงสาได้สำเร็จ ทำให้พิษเกาทัณฑ์กำเริบและจิวยี่ต้องอาเจียนเป็นโลหิตเป็นครั้งแรก

            ครั้งที่หก เป็นศึกนางลวงที่จิวยี่วางกลอุบายให้เล่าปี่มาแต่งงานด้วยน้องสาวซุนกวน แล้วจะจับเล่าปี่แลกเอาเมืองเกงจิ๋วคืน แต่ขงเบ้งแก้กลอุบายโดยใช้หนังสือลับฉบับแรกกำหนดให้เล่าปี่และจูล่งเปิดโปงแผนร้ายของจิวยี่และซุนกวน ทำให้การลวงมาแต่งงานกลายเป็นเรื่องจริง ผูกดองเล่าปี่และซุนกวนให้แน่นแฟ้นขึ้นอีกเปราะหนึ่ง

            ครั้งที่เจ็ด จิวยี่วางกลอุบายให้ซุนกวนปรนเปรอเล่าปี่ ใช้โลกธรรมทั้งสี่ผูกมัดเล่าปี่ให้ติดยึดอยู่กับเมืองกังตั๋งไม่ยอมกลับเมืองเกงจิ๋ว แต่ขงเบ้งแก้กลอุบายโดยใช้หนังสือลับฉบับที่สองให้จูล่งลวงเล่าปี่ว่าโจโฉยกมาตีเมืองเกงจิ๋ว จนเล่าปี่เกิดแรงมานะหลุดจากบ่วงโลกธรรม ชวนภรรยาหนีกลับไปเมืองเกงจิ๋ว

            ครั้งที่แปด จิวยี่และซุนกวนวางแผนสกัดจับเล่าปี่ขณะหนีไปติดอยู่ที่ชายทะเลแดนเมืองฉสองกุ๋นเพื่อจะข้ามอ่าวไปยังเมืองเกงจิ๋ว ใช้ทหารถึงสามกอง แต่ขงเบ้งใช้อุบายโดยหนังสือลับฉบับที่สามให้เล่าปี่บอกเล่าความจริงที่จิวยี่และซุนกวนวางกลอุบายลวงมาเมือง กังตั๋งเพื่อจะจับเอาเล่าปี่แลกเมืองเกงจิ๋วกลับคืน ทำให้นางซุนฮูหยินเสียใจที่ตกเป็นเหยื่อแล้วอาศัยศักดิ์ฐานะแห่งตระกูลซุนขัดขวางไม่ให้กองทหารเมืองกังตั๋งทำร้ายเล่าปี่ และหนีลงเรือซึ่งขงเบ้งปลอมเป็นเรือพาณิชย์มาคอยรับล่องกลับไปแดนเมืองเกงจิ๋วได้

            ครั้งที่เก้า จิวยี่ยกกองทัพเรือติดตามไล่ล่าเล่าปี่ แต่ขงเบ้งพาเล่าปี่หนีขึ้นไปบนเนินเขาลวงให้จิวยี่ยกกองทัพเข้าไปในจุดซุ่ม ซึ่งขงเบ้งได้สั่งให้กวนอู อุยเอี๋ยน และฮองตงคุมทหารซุ่มโจมตีกองทัพของจิวยี่ที่จะยกไล่ติดตามมา จนจิวยี่แค้นใจอาเจียนเป็นโลหิตครั้งที่สอง และยกทัพกลับไปเมืองกังตั๋ง

            ครั้งที่สิบ จิวยี่วางกลอุบายว่าจะยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวนให้เล่าปี่แลกกับเมือง   เกงจิ๋วเพื่อจะลวงให้เล่าปี่ออกมาต้อนรับแล้วจับเล่าปี่ฆ่าเสีย แต่ขงเบ้งแจ้งในกลอุบายซ้อนกลจิวยี่ โดยเตรียมทหารป้องกันเมืองอย่างเข้มแข็งและแสดงให้เห็นว่าแจ้งในกลของจิวยี่ ทำให้จิวยี่อาเจียนเป็นโลหิตด้วยพิษเกาทัณฑ์เป็นครั้งที่สาม และยังยั่วยุให้จิวยี่มุมานะจะยกไปตีเมืองเสฉวน

            ครั้งที่สิบเอ็ด ขงเบ้งวางแผนพิฆาตสังหารจิวยี่ด้วยสุดยอดวิชาขันที แต่งหนังสือลับให้เล่าฮองและกวนเป๋งยกทหารไปตั้งสกัดกองทัพจิวยี่ไว้ที่ต้นแม่น้ำตำบลปาชิวทางจะไปเมืองเสฉวน โดยความในหนังสือลับนั้นได้ชี้ให้เห็นถึงทางตันที่จิวยี่ไม่อาจเดินได้อีกต่อไปในทุกทาง ทำให้จิวยี่แค้นเคืองถึงที่สุด และอาเจียนเป็นโลหิตสิ้นสติสมประดีเป็นครั้งที่สี่ แม้แก้ไขฟื้นแล้วก็สุดแค้นสุดรำพัน รำพึงเป็นถ้อยคำสุดท้ายว่าฟ้าให้จิวยี่มาเกิดแล้ว ไฉนจึงให้ขงเบ้งมาเกิดด้วยเล่า และสิ้นใจตาย ณ ตำบลปาชิวนั้น

            ศึกสองกุนซือทั้งสิบเอ็ดครั้งเป็นทั้งศึกทางการทูต ศึกกลอุบาย ศึกแห่งภูมิปัญญา และศึกแห่งสุดยอดวิชาอันลี้ลับ ทำให้จิวยี่ปราชัยครั้งแล้วครั้งเล่า ขัดข้องเคืองแค้นขุ่นใจและไร้ทางออกในทุกทางจนรากเลือดถึงแก่ความตาย

            หะแรกนั้นขงเบ้งหาได้คิดที่จะสังหารผลาญชีวิตจิวยี่แต่ประการใดไม่ คงหวังเอาความร่วมใจร่วมจิตเป็นพันธมิตรเพื่อต่อสู้กับโจโฉ แต่ครั้นประจักษ์ว่าจิวยี่มักขี้ระแวงและคิดอ่านทำร้ายทั้งเล่าปี่และตัวขงเบ้งเองหลายครั้งหลายหน และประจักษ์ในจุดยืนทางการเมืองของจิวยี่ว่าเป็นอันตรายและเป็นอุปสรรคต่อกลยุทธ์ “เหนือรบโจโฉ ใต้เป็นพันธมิตรซุนกวน” อันทำให้ยุทธศาสตร์สามก๊กขั้นที่สองไม่อาจก้าวรุดไปข้างหน้าได้ ดังนั้นในขณะที่ด้านหนึ่งจะต้องร่วมมือกันต่อต้านโจโฉ อีกด้านหนึ่งต้องขยายกำลังของ  เล่าปี่ให้เติบใหญ่เข้มแข็ง ขงเบ้งจึงต้องคิดอ่านผลาญชีวิตจิวยี่ให้จงได้

            แม้ว่ายุทธนาการทั้งสิบเอ็ดครั้งจะมิได้รุนแรงเหมือนการศึกในสงครามเซ็กเพ็ก เพราะมิได้มุ่งหมายทำลายชีวิตทหารเมืองกังตั๋ง ทั้งยังหวังสร้างความรู้สึกความเข้าใจที่ดีระหว่างกองทัพเล่าปี่และซุนกวน แต่กลับโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก เพราะมุ่งกระทำต่อการทำลายความคิดจิตใจของจิวยี่ให้วายวอดเป็นจุณจนไม่อาจคิดรักษาชีวิตเอาไว้ได้

            สิ้นจิวยี่แล้วขงเบ้งยังคงเกรงว่าความรู้สึกของบรรดาแม่ทัพนายกองและทหารเมืองกังตั๋งยังฝังใจพยาบาทต่อเล่าปี่ จึงสู้ข้ามอ่าวอาศัยพิธีเซ่นไหว้ศพจิวยี่มาลบเลือนความรู้สึกเคืองแค้นพยาบาทนั้นจนสลายไปสิ้น ก่อความรู้สึกนึกคิดที่จะร่วมเป็นพันธมิตรระหว่างซุนกวนกับเล่าปี่ไว้สืบไป ด้วยเข้าใจว่านี่แล้วคือปณิธานของจิวยี่ ซึ่งอาจถือได้ว่านี่คือมหายุทธนาการครั้งที่สิบสอง แต่เป็นการกระทำของขงเบ้งแต่ฝ่ายเดียวต่อร่างไร้วิญญาณของจิวยี่

            อันอุบายร้องไห้หน้าศพนั้น โจโฉเคยแสร้งร้องไห้หน้าศพของอ้วนเสี้ยว แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการผูกความคิดจิตใจของคนแซ่อ้วนให้ภักดีต่อโจโฉได้ จึงต้องทำสงครามกับลูกหลานสกุลอ้วนอีกหลายครั้งจึงราบคาบ เล่าปี่ก็เคยร้องไห้หน้าศพของเล่าเปียว และประสบความสำเร็จในการครองน้ำใจอาณาประชาราษฎรจนกิตติศัพท์ลือเลื่อง แต่ขงเบ้งร้องไห้หน้าศพจิวยี่ครั้งนี้เป้าหมายกลับมิใช่เพื่อสร้างความรักผูกพันหรือเกียรติคุณใด ๆ สำหรับตัว หากอยู่ที่การลบเลือนความรู้สึกเจ็บแค้นพยาบาทในหัวใจของบรรดาแม่ทัพนายกองและทหารเมืองกังตั๋งให้สูญสิ้น แล้วหันมายึดมั่นในความเป็นพันธมิตรซุนกวน-เล่าปี่ ตามที่เข้าใจว่าเป็นปณิธานของจิวยี่ ซึ่งนับว่าขงเบ้งประสบความสำเร็จครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง

            อันฝุ่นในตา เสี้ยนในตีนนั้น แม้ว่าเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่หากไม่กำจัดแล้วก็ไม่อาจมองเห็นการณ์ข้างหน้าได้ ไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้ฉันใด เมื่อจิวยี่เป็นอุปสรรคขัดขวางกลยุทธ์ “เหนือรบโจโฉ ใต้เป็นพันธมิตรซุนกวน” จึงไม่อาจไม่กำจัดฉันนั้น และถ้าหากกำจัดจิวยี่เสียได้แต่ยังมีความอาฆาตพยาบาทในจิตใจบรรดาแม่ทัพนายกองและทหารเมืองกังตั๋งแล้ว ก็เท่ากับว่าฝุ่นในตาและเสี้ยนในตีนยังไม่หมดไป เพราะน้ำใจพยาบาทของคนหมู่มากก็จะเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการดำเนินกลยุทธ์สำคัญแห่งยุทธศาสตร์สามก๊กต่อไปอีก

            ดังนั้นในปลายเจี้ยนอันศกปีที่สิบห้า เดือนยี่ จึงต้องถือว่าเป็นระยะเวลาที่ขงเบ้งได้กำจัดเสี้ยนหนามสำคัญของยุทธศาสตร์สามก๊กได้อย่างสิ้นเชิง

            ครั้นกินโต๊ะกับโลซกและสนทนาว่าด้วยความร่วมมือเป็นพันธมิตรซุนกวนกับเล่าปี่เป็นที่มั่นคงแล้ว ขงเบ้งจึงคำนับโลซกลากลับ โลซกก็ได้ออกมาส่งถึงหน้าประตูศาลาว่าราชการทหาร

            เมื่อขงเบ้งออกมาจากศาลาว่าราชการทหารไปที่ท่าเรือและกำลังจะลงเรือ พลันรู้สึกตัวว่ามีคนมายุดชายแขนเสื้อไว้ และได้ยินเสียงหัวเราะมาจากข้างหลัง แล้วกล่าวความว่า “ท่านแกล้งทำกลอุบายให้จิวยี่มีความแค้นจนตายแล้ว มิหนำซ้ำมาแกล้งทำเป็นเซ่น เศร้าโศกร้องไห้รักจิวยี่อีกเล่า ทำการเยาะเย้ยดูถูกทั้งนี้เห็นว่าชาวบ้านกังตั๋งไม่มีผู้รู้เท่าท่านแล้วหรือ”.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘