ตอนที่ 319. หลั่งน้ำตาร้อยพันธมิตร

 ปลายเจี้ยนอันศกปีที่สิบห้าเดือนยี่ จิวยี่ฟื้นคืนจากพิษเกาทัณฑ์เมื่อเวลาพ้นยามแรกแห่งราตรี รู้ตัวว่าชีวิตจะไม่รอดแน่แล้ว จึงอาศัยเวลาที่เหลืออีกน้อยนิดคิดอ่านปกป้องคุ้มครองเมืองกังตั๋งให้ปลอดภัย ทำหนังสือลับถึงซุนกวน แล้วร้องขึ้นด้วยความแค้นว่าฟ้าให้จิวยี่มาเกิดแล้ว ไฉนจึงให้ขงเบ้งมาเกิดด้วยเล่าอยู่หลายครั้ง และสิ้นใจในค่ำนั้น

            มรณกรรมของจิวยี่นำความโศกเศร้าเสียใจให้แก่กองทัพเมืองกังตั๋งที่รั้งรออยู่ที่ตำบลปาชิวปลายแม่น้ำที่จะไปยังเมืองเสฉวน เสียงร้องไห้อาดูรระงมไปทั่วทั้งกองทัพเรือ บรรดาแม่ทัพนายกองได้ปรึกษาหารือร่วมกันเห็นว่าจิวยี่ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่สิ้นใจลงท่ามกลางศึกดังนี้ การที่จะยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวนก็ขัดสน ไม่อาจทำการรุดหน้าไปได้อีก เทียเภาขุนพลผู้ใหญ่จึงตัดสินใจให้เลิกทัพกลับเมืองกังตั๋ง

            กองทัพเรือของเมืองกังตั๋งเคลื่อนกลับมาที่เมืองฉสองกุ๋น แล้วเทียเภาจึงให้ตั้งการพิธีศพของจิวยี่ตามบรรดาศักดิ์ และสั่งการให้ทหารสื่อสารรีบนำหนังสือลับของจิวยี่ไปรายงานให้ซุนกวนทราบในทันที

            ซุนกวนได้ทราบความว่าจิวยี่ถึงแก่ความตายก็รำลึกถึงคุณงามความดีแต่หนหลัง และความใกล้ชิดสนิทสนมที่มั่นคงภักดีอุทิศตนเพื่อตระกูลซุนโดยที่ไม่เห็นแก่ความยากลำบาก ซุนกวนจึงอาลัยรักจิวยี่แล้วร้องไห้เป็นอันมาก

            พอสร่างจากโศกซุนกวนจึงเปิดหนังสือลับของจิวยี่ออกอ่าน เป็นใจความว่าข้าพเจ้าจิวยี่ผู้อาภัพ ขอคำนับลามายังซุนกวนผู้เป็นนาย ด้วยว่าข้าพเจ้าได้อาสาทำกลอุบายจะยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวนเพื่อลวงจับเล่าปี่แล้วคืนเอาเมืองเกงจิ๋วแก่ท่าน แต่การไม่สำเร็จเพราะเสียทีแก่ความคิดของขงเบ้ง อันตัวข้าพเจ้านี้นับแต่ได้เข้ารับราชการกับซุนเซ็กก็ได้ตั้งหน้าทำนุบำรุงเมืองกังตั๋งและเจ้านายในตระกูลซุนโดยไม่คิดเห็นแก่ชีวิต แต่ความคิดแลสติปัญญาของข้าพเจ้านั้นสู้ขงเบ้งไม่ได้จึงเสียทีแก่ความคิดของขงเบ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ได้ความอัปยศอดสูแก่ใจนัก ไม่อาจหักใจพบหน้าผู้คนได้อีกต่อไป ความป่วยปัจจุบันอันเกิดแต่พิษเกาทัณฑ์จึงกำเริบขึ้น ข้าพเจ้ารู้ตัวดีว่าไม่สามารถกลับมาคำนับลาท่านได้ถึงเมืองกังตั๋งจึงขอสั่งความเป็นหนังสือมาคำนับลาแทนตัว เห็นทีชีวิตข้าพเจ้าจะไม่ข้ามราตรีนี้ แต่ให้กังวลด้วยการเมืองกังตั๋ง หวังจะสนองคุณท่านให้ครองเมืองกังตั๋งสืบสานปณิธานของซุนเกี๋ยนและซุนเซ็กไปชั่วกาลนาน ด้วยแผ่นดินทุกวันนี้ยังไม่ราบคาบ โจโฉครองอำนาจในภาคเหนือ ยังมีน้ำใจพยาบาทคิดอ่านจะยกมาทำร้ายเมืองเราอยู่ ฝ่ายเล่าปี่อยู่ที่เมืองเกงจิ๋วก็เติบใหญ่แก่กล้าขึ้นทุกวัน นานไปจะเป็นอันตรายต่อเมืองกังตั๋งเรา การซึ่งจะกำจัดศัตรูให้ราบคาบเพื่อความสถิตสถาพรของตระกูลซุนและรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งยังไม่สำเร็จ แต่ข้าพเจ้าก็จำต้องด่วนจากไป จึงแค้นใจยิ่งนัก ทอดสายตาดูขุนนางทั่วแคว้นแดนกังตั๋งแล้วไม่เห็นผู้ใดที่จะว่าราชการแทนที่ข้าพเจ้าได้ มีก็แต่โลซกผู้เดียวที่มีความจงรักภักดีต่อตระกูลซุนมั่นคงดุจภูเขาไท้ซาน ทั้งมีสติปัญญาลึกซึ้งหลักแหลม สมควรที่จะรั้งหน้าที่ราชการแทนข้าพเจ้าได้ เหตุนี้หากแม้นท่านมีเมตตาข้าพเจ้าอยู่สืบไป ก็จงตั้งโลซกให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่แทนข้าพเจ้าด้วยเถิด

            ซุนกวนอ่านหนังสือลับของจิวยี่จบแล้วก็รำพึงว่า มาตรแม้นว่าเรารวบรวมแผ่นดินได้สำเร็จ จิวยี่ก็ควรแก่ตำแหน่งมหาอุปราช แต่เสียดายที่มาตายเสียแต่ยังหนุ่ม ยากแล้วที่จะหาใครในแดนกังตั๋งนี้แทนตัวจิวยี่ได้ ซึ่งจิวยี่คิดอ่านฝากฝังโลซกให้ทำการแทนตำแหน่งตัวนั้นต้องด้วยความคิดของเรา

            ซุนกวนดำริดังนั้นจึงมีคำสั่งแต่งตั้งให้โลซกเป็นขุนนางผู้ใหญ่แทนที่ของจิวยี่ตั้งแต่บัดนั้น และสั่งให้แต่งการศพของจิวยี่เสมอด้วยตำแหน่งมหาอุปราชของฮ่องเต้ และเตรียมการที่จะไปเคารพศพของจิวยี่ตามธรรมเนียม

            ฝ่ายขงเบ้งและเล่าปี่ขึ้นไปสังเกตการณ์อยู่ที่บนยอดเขา ครั้นเห็นจิวยี่เสียทีแก่ความคิด ยกทหารถอยออกจากเมืองเกงจิ๋ว แล้วเคลื่อนกองทัพเรือจะไปตีเมืองเสฉวนขงเบ้งก็หัวเราะ แล้วว่าจิวยี่ครั้งนี้เห็นทีจะไม่พ้นความตาย จากนั้นจึงชวนเล่าปี่และทหารทั้งปวงลงมาจากยอดเขากลับเข้าไปในเมืองเกงจิ๋ว

            ในเวลาค่ำเล่าปี่ได้แต่งโต๊ะเลี้ยงขงเบ้ง และทหารทั้งปวงซึ่งมีความชอบ ในขณะที่ขงเบ้งกินโต๊ะเสพสุราสนทนากันอยู่นั้น  พอพ้นยามแรกพลันเห็นดาวดวงหนึ่งสีแดงหม่นหมองริบหรี่ตกลงกลางขอบฟ้าทิศข้างเมืองกังตั๋ง ขงเบ้งก็ปรบมือหัวเราะแล้วบอกแก่เล่าปี่ว่า “จิวยี่ตายวันนี้แล้ว”

            เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงถามว่า ท่านทราบข่าวคราวเกี่ยวกับกองทัพเรือของจิวยี่ประการใดหรือ

            ขงเบ้งจึงว่า เมื่อสักครู่หนึ่งนี้ข้าพเจ้าสังเกตเห็นดาวดวงหนึ่งตกลงข้างทิศเมืองกังตั๋ง เห็นจิวยี่จะสิ้นชีวิตในเวลานี้

            เล่าปี่ได้ยินดังนั้นก็มีความยินดี ปรารภว่าจิวยี่ได้คิดอ่านอุบายทำร้ายท่านและข้าพเจ้ามาหลายครั้ง และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างซุนกวนกับเรามีอุปสรรค หากสิ้นจิวยี่แล้วเห็นการศึกข้างเมืองกังตั๋งจะเบาบางลงเป็นแน่แท้

            ในขณะที่สนทนากันอยู่นั้น ทหารรักษาการณ์ได้เข้ามารายงานว่าหน่วยสอดแนมที่ไปสืบราชการที่ตำบลปาชิวได้รายงานความเข้ามาว่าบัดนี้จิวยี่ถึงแก่ความตาย และกองทัพเมืองกังตั๋งได้เลิกทัพกลับไปแล้ว

            เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็สรรเสริญความรู้ของขงเบ้งเป็นอันมาก แล้วถามว่าเมื่อจิวยี่ตายแล้ว ท่านจะคิดเห็นเป็นประการใด

            ขงเบ้งจึงว่า เมื่อจิวยี่ชีวิตหาไม่แล้ว ซุนกวนสมควรจะแต่งตั้งโลซกให้ดำรงตำแหน่งและหน้าที่แทนจิวยี่ ว่าแล้วขงเบ้งจึงชวนเล่าปี่ออกมาที่ด้านนอก แล้วชี้ไปบนอากาศข้างตะวันออกตรงด้านเมืองฉสองกุ๋น ซึ่งเห็นดาวรวมตัวกันอยู่กลุ่มใหญ่ มีดาวดวงหนึ่งสีน้ำเงินแกมเหลืองสดใสนัก ขงเบ้งจึงกล่าวกับเล่าปี่ว่า “ข้าพเจ้าดูฤกษ์บนเห็นดาวไปประชุมกันอยู่ทิศตะวันออก จำข้าพเจ้าจะไปเยี่ยมศพจิวยี่ ณ เมืองกังตั๋ง จะได้สืบเสาะดูผู้มีสติปัญญา จะได้เกลี้ยกล่อมมาช่วยทำราชการกับท่าน”

            เล่าปี่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ รีบท้วงว่าซึ่งท่านจะไปเมืองกังตั๋งนั้นไม่สมควร ด้วยเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าจิวยี่ได้คิดร้ายท่านเป็นหลายครั้ง และเสียทีแก่ความคิดท่านจึงถึงแก่ความตาย ความแค้นพยาบาทก็จะมีอยู่กับนายทหารเมืองกังตั๋งเป็นอันมาก หากท่านไปเคารพศพจิวยี่ก็จะเป็นอันตรายจากน้ำมือของทหารกังตั๋งเป็นแน่แท้ ท่านอย่าไปเลย

            ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วว่า เมื่อครั้งที่จิวยี่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้ายังสู้ไปอยู่ท่ามกลางปากเสือแลปากหมีก็ไม่มีอันตราย บัดนี้จิวยี่ตายแล้วจะมีผู้ใดเป็นที่เกรงกลัวอีกเล่า

            เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็จำนนด้วยเหตุผลและถ้อยคำ จึงว่าเมื่อท่านมั่นใจดังนี้ก็สุดแท้แต่ใจท่านเถิด ขงเบ้งจึงว่าต่อวันรุ่งพรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะข้ามอ่าวไปเมืองกังตั๋ง แล้วจะรีบกลับมา

            ว่าแล้วขงเบ้งจึงคำนับลาเล่าปี่กลับไปที่พัก และให้ทหารไปเชิญจูล่งมาพบ ครั้นจูล่งคำนับตามธรรมเนียมแล้ว ขงเบ้งจึงว่าในวันพรุ่งนี้เวลาเช้าเราจะไปเคารพศพจิวยี่ที่เมืองกังตั๋ง ให้ท่านจัดทหารห้าร้อยตามไปด้วย จูล่งรับคำขงเบ้งแล้วคำนับลาออกมาจัดแจงเตรียมการทั้งปวง

            ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้าขงเบ้งจึงพาจูล่งและทหารห้าร้อยลงเรือรบ พร้อมด้วยเครื่องเซ่นสังเวยศพจิวยี่ออกจากฐานทัพเรือเมืองเกงจิ๋วไปยังเมืองฉสองกุ๋น พอเรือเทียบท่าก็ได้ข่าวจากชาวเมืองว่าบัดนี้ซุนกวนได้แต่งตั้งให้โลซกเป็นขุนนางผู้ใหญ่ว่าราชการแทนจิวยี่แล้ว และเวลานี้โลซกได้มาเป็นแม่งานแต่งการศพของจิวยี่อยู่ที่เมืองฉสองกุ๋นนี้

            ฝ่ายโลซกได้รับคำสั่งจากซุนกวนให้มาแต่งการพิธีศพของจิวยี่อย่างสมเกียรติที่เมืองฉสองกุ๋น ครั้นได้ทราบข่าวว่าขงเบ้งเดินทางมาเคารพศพจิวยี่และกองเรือที่ขงเบ้งเดินทางมาใกล้จะเทียบท่า โลซกจึงลงมาที่ท่าเรือคอยต้อนรับขงเบ้ง

            พอเรือเทียบท่าขงเบ้งเห็นโลซกคอยต้อนรับอยู่ก็มีความยินดี ขึ้นจากเรือคำนับกันตามธรรมเนียมแล้ว โลซกจึงเชิญขงเบ้งขึ้นไปที่กองบัญชาการทหารซึ่งเป็นที่ตั้งการศพของจิวยี่ ขงเบ้งจึงสั่งให้จูล่งและทหารห้าร้อยเอาเครื่องเซ่นสังเวยแล้วตามไปที่กองบัญชาการทหาร

            ฝ่ายแม่ทัพนายกองและบรรดาทหารเมืองกังตั๋งเห็นขงเบ้งซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้จิวยี่ถึงแก่ความตายเดินทางมาเคารพศพก็มีความโกรธแค้นเป็นอันมาก ต่างกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันคิดจะเข้าไปฆ่าขงเบ้งกันทุกตัวคน แต่เห็นขงเบ้งเดินทางมาในฐานะทูตของเล่าปี่และยังมีจูล่งเป็นองครักษ์พิทักษ์อยู่อย่างใกล้ชิด ยังเข้าไปทำอันตรายไม่ได้ก็คอยทีกันอยู่

            ขงเบ้งเข้าไปถึงศาลาบัญชาการทหารและให้แต่งเครื่องเซ่นสังเวยตั้งบูชาข้างหน้าศพของจิวยี่ แล้วร้องไห้โศกเศร้าอาลัยรักจิวยี่เป็นอันมาก

            ขงเบ้งไหว้ศพจิวยี่ตามธรรมเนียมแล้ว ร้องไห้คร่ำครวญรำพึงรำพันว่าจิวยี่เอย ตัวข้าพเจ้านี้นับถือศรัทธาในความกล้าหาญแห่งความเป็นวีรชนของท่านนัก แม้เวลาที่รู้จักร่วมการสงครามกับท่านในสงครามเซ็กเพ็กไม่นานนัก แต่ก็ได้ประจักษ์อย่างแจ่มแจ้งในความภักดีของท่านที่มีต่อแคว้นกังตั๋งและซุนกวนว่าแน่นหนามั่นคงยิ่งกว่าภูเขาไท้ซาน ปณิธานของท่านยิ่งใหญ่หมายรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งถึงซึ่งสันติสุข สันติภาพ ทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎรให้เป็นสุข ปณิธานดั่งนี้คือแบบอย่างของชายชาญทหารกล้าทั้งแผ่นดิน ข้าพเจ้าเองก็จะจำเริญตามรอยปณิธานของท่าน เพียงชั่วสามเดือนที่ร่วมกันคิดอ่านต้านทานโจโฉในสงครามเซ็กเพ็ก ข้าพเจ้าได้ประจักษ์ถึงสติปัญญาความสามารถในการสงครามของท่านที่เลิศล้ำ ยากจะหาผู้บัญชาการทัพคนใดในประวัติศาสตร์เทียมเทียบได้ ท่านได้คิดอ่านกลอุบายเป็นอันมาก และได้อาศัยกำลังทหารอันน้อยทำลายล้างกองทัพของศัตรูราชสมบัติซึ่งมีกำลังร่วมร้อยหมื่นให้พินาศย่อยยับไปได้ในค่ำคืนเดียว ความเป็นผู้นำที่องอาจกล้าหาญ และความเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของท่านได้รวมน้ำใจรักภักดีของบรรดาแม่ทัพนายกองและทหารทุกคนของเมืองกังตั๋งให้เป็นหนึ่ง มีน้ำจิตสมานฉันท์พร้อมเพรียงกันต่อสู้กับศัตรูราชสมบัติโดยไม่ย่อท้อ เกียรติประวัติแห่งวีรกรรมของท่านจะดำรงคงอยู่คู่แม่น้ำแยงซีตราบชั่วกัลปาวสาน

            ขงเบ้งชำเลืองมองเห็นสายตาบรรดาแม่ทัพนายกองที่แรกเริ่มกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันชิงชังใคร่กินเลือดกินเนื้อตัวเองได้อ่อนโยนลง จึงรำพันต่อไปว่าเล่าปี่นายข้าพเจ้าถูกศัตรูราชสมบัติเบียดเบียนรังแกข่มเหงจนไม่มีแผ่นดินจะอาศัย ก็ได้น้ำใจจากท่านร่วมเป็นพันธมิตรคิดอ่าน จึงทำให้เล่าปี่นายข้าพเจ้าค่อยมีความสุข คุณแก่ท่านจึงมีอยู่แก่เล่าปี่และข้าพเจ้าเป็นอันมาก เสร็จศึกเซ็กเพ็กแล้วท่านยังเล็งการไกลไปเบื้องหน้า หวังสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างซุนกวนและเล่าปี่นายข้าพเจ้าให้เป็นหนึ่ง จึงได้เสนอต่อซุนกวนให้ยกน้องสาวแก่เล่าปี่ ทำให้ความสัมพันธ์ “ซุน-เล่า” กลายเป็นพันธมิตรที่สนิทแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นี่แล้วคือเกราะแก้วที่คุ้มกันแดนภาคใต้ให้รอดพ้นจากภัยคุกคามของโจโฉผู้เป็นศัตรูราชสมบัติ

            เพียงเท่านั้นก็เป็นคุณแก่เล่าปี่หาที่สุดมิได้ ท่านยังได้แผ่น้ำใจคิดยกกองทัพไปตีเมืองเสฉวนให้แก่เล่าปี่อีก แต่อนาถหนอฟ้าดินสิ้นซึ่งความยุติธรรม จึงผลาญชีวิตท่านให้ด่วนสิ้นเสียแต่ยังหนุ่ม สืบไปเบื้องหน้าจะหาผู้ใดเล่าที่สืบสานปณิธานท่าน เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ “ซุน-เล่า” ยั่งยืนสถาพรจนโจโฉผู้เป็นศัตรูราชสมบัติไม่อาจคิดอ่านย่างกรายยกกองทัพลงใต้ได้อีกต่อไป 

            จิวยี่เอย ดวงวิญญาณท่านอยู่แห่งไหน จงรับรู้เถิดว่าวันนี้ข้าพเจ้าจูกัดเหลียงขงเบ้งยังฝังใจจารึกจดจำคุณูปการของท่านที่มุ่งมั่นสร้างสันติภาพสันติสุขขึ้นในดินแดนฝั่งใต้ของแม่น้ำแยงซี หมายทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎรทั้งปวงให้มีความสุขไปตราบเท่าชีวิตจะหาไม่ และจะมุ่งมั่นสืบสานปณิธานของท่านปกป้องส่งเสริมความเป็นพันธมิตร “ซุน-เล่า” ต่อต้านโจโฉศัตรูราชสมบัติสืบไปมิให้ท่านผิดหวัง ท่านจงวางใจนอนหลับให้สนิทเถิด

            ขงเบ้งร้องไห้คร่ำครวญรำพึงรำพันแล้วโขกศีรษะลงกับพื้นด้วยความอาลัยรักจิวยี่อย่างสุดซึ้ง จนหน้าผากของขงเบ้งช้ำแดงห้อเลือดเป็นที่น่าเวทนาแก่บรรดาขุนนางข้าราชการและแม่ทัพนายกองของแคว้นกังตั๋งสิ้นทุกตัวคน.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘