ตอนที่ 315. อุบาย "สลับบ่าวเป็นนาย"

 พอฝนหมึกเสร็จโจโฉก็หยิบพู่กันจะเขียนบทกวีด้วยใบหน้าที่ยิ้มย่องผ่องใสแดงกล่ำด้วยฤทธิ์สุรา ทหารรักษาการณ์ก็เข้ามารายงานว่าบัดนี้ซุนกวนใช้ให้ฮัวหิมถือฎีกามาถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่าซุนกวนกับเล่าปี่ได้เป็นดองกันแล้ว เล่าปี่ได้ครองเมืองเกงจิ๋วและหัวเมืองหลายตำบล จึงเสนอกราบบังคมทูลให้ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋ว และฮัวหิมมาขอพบรออยู่ที่ข้างนอก

            โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ พู่กันซึ่งถืออยู่ในมือพลัดตกลงกับพื้น

            เทียหยกซึ่งเป็นที่ปรึกษาเห็นดังนั้นจึงถามโจโฉว่าอันตัวท่านนี้ก็คุ้นเคยด้วยการสงคราม แม้นว่าคับขันอันตรายอยู่ข้างหน้าก็ไม่เคยเห็นท่านตื่นตกใจ แล้วไฉนจึงมาตกใจด้วยความเพียงเท่านี้

            โจโฉจึงว่าท่านยังไม่รู้ความคิดเรา “เล่าปี่อุปมาเหมือนมังกรอยู่ในหนอง แต่กำเนิดมายังไม่พบน้ำลึก บัดนี้ได้เมืองเกงจิ๋วมีกำลังมากขึ้น เหมือนมังกรออกได้ถึงทะเลใหญ่ นานไปเมื่อหน้าเห็นเราจะกำจัดขัดสน เหตุฉะนี้เราจึงตกใจ”

            โจโฉแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นผู้ใดในแผ่นดินว่าเป็นคู่แข่งนอกจากเล่าปี่ผู้เดียวเท่านั้น โจโฉหวาดระแวงเล่าปี่ตลอดมาจนกระทั่งถึงเหตุการณ์วิจารณ์วีรบุรุษ  เล่าปี่ลวงโจโฉว่าเป็นคนขวัญอ่อนตกใจแม้กระทั่งเสียงฟ้าร้องถึงขนาดตะเกียบพลัดตกจากมือ จึงทำให้โจโฉค่อยวางใจจนกระทั่งเล่าปี่หนีออกจากเมืองหลวงหลุดจากเงื้อมมือของโจโฉไปได้ เล่าปี่เมื่อยังไม่มีกำลังปัญญาของที่ปรึกษาและกำลังทหารเอกก็ยังเป็นที่หวาดระแวงถึงปานนี้ ดังนั้นในบัดนี้เมื่อเล่าปี่มีทั้งกำลังทหารเอกเพิ่มขึ้น  มีดินแดนแลไพร่พลเติบใหญ่ขึ้น ที่สำคัญยังมียอดกุนซือคือขงเบ้งอีกเล่าจึงยิ่งน่าหวาดหวั่นตกใจ  โจโฉจึงอุปมาว่าเล่าปี่วันนี้เหมือนมังกรออกถึงทะเลใหญ่ยากจะกำจัดแล้ว

            เทียหยกแจ้งในอุบายของซุนกวนจึงถามต่อไปว่าซึ่งซุนกวนให้ฮัวหิมนำฎีกามาถวายพระเจ้าหี้ยนเต้ครั้งนี้ ท่านแจ้งหรือไม่ว่าเป็นอุบายหรือไม่ประการใด

            โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงตอบว่าจะเป็นอุบายหรือไม่ เรามิได้แจ้ง หรือว่าท่านมีความเห็นว่าเป็นกลอุบายประการใด

            เทียหยกจึงว่าซุนกวนให้ฮัวหิมถือฎีกามาครั้งนี้เป็นแต่อุบายดอก แล้วว่าอุบายนี้ชื่อว่า “ชิงนั่งบนภู  คอยดูเสือกัดกัน” โจโฉจึงถามว่าท่านหมายความประการใด

            เทียหยกจึงอรรถาธิบายว่าซุนกวนแต่งฎีกาทั้งนี้หาได้มีน้ำใจสุจริตต่อเล่าปี่ไม่    กลับจะเปิดเผยว่าบัดนี้เล่าปี่และซุนกวนกินแหนงแคลงใจคิดล้างผลาญกันแล้ว ซุนกวนคิดจะยกไปตีเมืองเกงจิ๋วแต่เกรงว่าท่านจะยกไปตีเอาเมืองกังตั๋ง จึงทำฎีกาขอให้ทรงโปรดแต่งตั้งเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋วเล่าปี่จะได้ตายใจ ตัวท่านเมื่อเห็นซุนกวนกับเล่าปี่ปรองดองกันก็จะพะวงไม่กล้ายกไปทำอันตรายเมืองกังตั๋ง ซุนกวนก็หมดความกังวลแล้วจะทำการกับเล่าปี่โดยถนัด อนึ่งเล่าแม้นท่านขัดขวางไม่ให้พระเจ้าเหี้ยนเต้แต่งตั้งเล่าปี่เป็นเจ้าเมือง  เกงจิ๋ว เล่าปี่กับท่านก็จะพยาบาทต่อกันซุนกวนก็จะสิ้นที่ระแวงว่าท่านกับเล่าปี่จะเกลี้ยกล่อมปรองดองกัน หรือหากเกิดสู้รบกันพลาดพลั้งลงประการใดซุนกวนก็จะคอยซ้ำเติมเอาในภายหลัง

            โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงว่าแผนการดังว่านี้ร้ายกาจนัก ทำไฉนจักแก้กลอุบายนี้ได้

            เทียหยกจึงว่าอันอุบายแก้กลนี้ย่อมมีอยู่ชื่อว่า  “อุบายสลับบ่าวเข้าเป็นนาย” โจโฉสงสัยจึงถามต่อไปว่าอุบายนี้เป็นฉันใด

            เทียหยกจึงว่าซุนกวนวางตัวเป็นนายใช้ท่านให้เป็นบ่าวทำการตามแผนการอุบายที่วางไว้ ดังนั้นข้าพเจ้าจะวางกลอุบายให้ท่านกลับเป็นนาย ใช้ซุนกวนให้เป็นบ่าวทำการตามแผนการอุบายที่วางไว้

            แล้วเทียหยกจึงว่าซุนกวนเป็นใหญ่ในเมืองกังตั๋งทุกวันนี้ได้อาศัยความคิดของจิวยี่เป็นกำลัง ขอให้ท่านกราบบังคมทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ทรงแต่งตั้งจิวยี่เป็นเจ้าเมืองลำกุ๋น ให้เทียเภาเป็นเจ้าเมืองกังแฮ แต่ไม่กราบทูลให้แต่งตั้งเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋ว ส่วนฮัวหิมให้ท่านเอาตัวไว้ทำราชการในเมืองหลวงไม่ให้ส่งข่าวคราวเรื่องแต่งตั้งเล่าปี่กลับไปเมือง  กังตั๋ง เล่าปี่กับซุนกวนก็จะยิ่งแคลงใจกัน จิวยี่ได้เป็นเจ้าเมืองลำกุ๋น เทียเภาเป็นเจ้าเมืองกังแฮตามรับสั่งแต่เมืองนั้นเล่าปี่ครองอยู่จิวยี่และเทียเภาไปครองไม่ได้ก็จะยกกองทัพไปตีเอา เล่าปี่และซุนกวนก็จะรบพุ่งกันขึ้น ท่านจึงค่อยคิดการซ้ำเติมเอาคงจะสำเร็จโดยง่าย

            โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงสรรเสริญความคิดแลสติปัญญาของเทียหยกเป็นอันมากและกล่าวว่าแผนการความคิดของท่านต้องด้วยความคิดของข้าพเจ้า ว่าแล้วโจโฉจึงสั่งทหารให้เชิญฮัวหิมเข้ามาพบบนปราสาท

            พอฮัวหิมคำนับคารวะตามธรรมเนียมแล้วจึงมอบฎีกาแก่โจโฉ โจโฉรับฎีกาแล้วจึงว่าวันนี้ท่านเดินทางมาเหนื่อยนักงานราชการจงพักไว้ก่อน แล้วให้ปูนบำเหน็จแก่ฮัวหิมเป็นอันมาก และสั่งให้แต่งโต๊ะเลี้ยงดูตามธรรมเนียม

            วันรุ่งขึ้นโจโฉจึงยกทหารและพาฮัวหิมกลับไปเมืองฮูโต๋

            ครั้นถึงเมืองหลวงแล้วโจโฉได้เข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้กราบทูลให้ทรงแต่งตั้งจิวยี่เป็นเจ้าเมืองลำกุ๋น เทียเภาเป็นเจ้าเมืองกังแฮ และฮัวหิมเป็นขุนนางในเมืองหลวง พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งตามที่เสนอทุกประการ

            เมื่อออกจากที่เฝ้าแล้วโจโฉได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เชิญพระบรมราชโองการและตราตั้งไปให้จิวยี่และเทียเภา

            จิวยี่ทราบว่ามีพระบรมราชโองการของพระเจ้าเหี้ยนเต้แต่งตั้งให้เป็นที่เจ้าเมืองลำกุ๋นก็มีความยินดี แต่งการพิธีรับพระบรมราชโองการตามธรรมเนียมแล้วคิดจะออกไปครองเมืองลำกุ๋นตามพระบรมราชโองการ โดยหารู้ไม่ว่านี่คือกลอุบายอันอำมหิตของโจโฉ จึงแต่งหนังสือให้ทหารถือไปรายงานแก่ซุนกวนตามที่มีพระบรมราชโองการนั้น และขออาสายกไปตีเมืองเกงจิ๋วโดยให้ซุนกวนสั่งโลซกให้ไปทวงเมืองเกงจิ๋วกับ เล่าปี่อีกครั้งหนึ่งก่อน

            ซุนกวนได้ทราบความตามหนังสือของจิวยี่แล้วจึงเรียกโลซกมาพบแล้วว่าเดิมทีนั้นท่านให้เล่าปี่ยืมเมืองเกงจิ๋วและยังเป็นนายประกันอีกเล่า บัดนี้ท่านจะคิดอ่านประการใดจึงจะได้เมืองเกงจิ๋ว

            โลซกจึงว่าข้อสัญญาที่ให้ยืมเมืองเกงจิ๋วมีเงื่อนไขหลักฐานเป็นสำคัญอยู่ในหนังสือสัญญานั้นแล้ว

            ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็แจ้งว่าโลซกจะคอยท่าตามสัญญารอให้เล่าปี่ตีเมืองเสฉวนได้ก่อนก็โกรธ ตวาดใส่โลซกแล้วว่าท่านจะมัวยึดถือสัญญาบ้า ๆ บอๆ นี้ได้อย่างไร นับแต่ทำสัญญาแล้วไม่เห็นว่าเล่าปี่ ขงเบ้ง จะได้คิดอ่านไปตีเมืองเสฉวน จะให้เรารอเอาเมืองเกงจิ๋วจนแก่จนตายหรือ

            โลซกเห็นซุนกวนโกรธก็เกรงความผิดจะเกิดกับตัวจึงรีบอาสาจะเดินทางไปเมืองเกงจิ๋วทวงเอาเมืองจากเล่าปี่และขงเบ้งอีกครั้งหนึ่ง ซุนกวนก็ค่อยคลายโทสะและสั่งให้โลซกรีบดำเนินการ โลซกจึงคำนับลาซุนกวนกลับไปจัดแจงการเดินทางไปมืองเกงจิ๋ว

            ฝ่ายเล่าปี่ภายหลังกลับจากเมืองกังตั๋งแล้วได้เร่งระดมซ่องสุมผู้คนเข้าเป็นทหารในกองทัพและฝึกหัดทหารให้ชำนาญการศึกทุกวันมิได้ขาด ให้เกณฑ์เสบียงอาหารไว้ตามคลัง ต่าง ๆ เป็นอันมาก เตรียมพร้อมที่จะทำการขยายอำนาจตามแผนยุทธศาสตร์สามก๊กขั้นที่สองต่อไป

            วันหนึ่งขณะที่เล่าปี่กำลังปรึกษากับขงเบ้ง ทหารรักษาการณ์ได้เข้ามารายงานว่า  ซุนกวนมอบหมายให้โลซกเดินทางพบ เล่าปี่จึงปรึกษาขงเบ้งว่าโลซกมาครั้งนี้มีเรื่องราวประการใดหรือ

            ขงเบ้งจึงว่า “เดิมซุนกวนให้มีหนังสือไปถึงเมืองฮูโต๋ กราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้จะให้ตั้งท่านเป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋วหวังจะให้โจโฉเกรงว่าซุนกวนกับท่านยังประนอมใจกันอยู่ โจโฉรู้ถึงความคิดซุนกวน จึงกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ตั้งจิวยี่เป็นเจ้าเมืองลำกุ๋น เทียเภาเป็นเจ้าเมืองกังแฮ หวังจะให้จิวยี่กำเริบน้ำใจจะได้เป็นศึกรบพุ่งกับท่าน ภายหลังโจโฉจะได้คิดทำการถนัด”

            แล้วขงเบ้งจึงว่าโลซกเดินทางมาเมืองเกงจิ๋วครั้งนี้คงเป็นซุนกวนและจิวยี่คิดอ่านให้โลซกมาทวงเมืองเกงจิ๋วเป็นมั่นคง

            ขงเบ้งลำดับความแจ้งแก่เล่าปี่ดังนี้ได้แสดงให้เห็นถึงงานราชการลับและข่าวกรองที่ทันการ และมีประสิทธิภาพสูงจึงได้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและประมาณสถานการณ์ได้กระจ่างถึงกลอุบายของทั้งฝ่ายซุนกวนและโจโฉ

            เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงถามว่า เมื่อโลซกมาทวงเอาเมืองเกงจิ๋วดังนี้จะเจรจาโต้ตอบกับโลซกประการใด

            ขงเบ้งจึงว่าเมื่อโลซกทวงถามเมืองเกงจิ๋วเอากับท่านก็อย่าได้เจรจาโต้ตอบประการหนึ่งประการใด จงแสร้งทำเป็นร้องไห้พิร่ำพิไรให้เป็นที่สงสาร ไว้เป็นการแก่ข้าพเจ้าจะว่ากล่าวกับโลซกเอง

            ครั้นซักซ้อมกันเป็นอันดีแล้วเล่าปี่จึงให้ทหารไปเชิญโลซกเข้ามาพบที่ข้างในจวน  ต่างคำนับทักทายกันตามธรรมเนียมแล้วเล่าปี่จึงเชิญโลซกให้นั่งที่โต๊ะนั่งเดียวกัน โลซกเห็นดังนั้นก็รีบปฏิเสธแล้วว่าตัวท่านเป็นพระเจ้าอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้  ทั้งยังเป็นน้องเขยของนายข้าพเจ้า การที่จะให้ข้าพเจ้านั่งร่วมที่เดียวกันนั้นไม่สมควร

            เล่าปี่ได้ยินโลซกว่าดังนั้นก็หัวเราะแล้วว่าตัวท่านกับข้าพเจ้าใช่จะว่าเป็นคนอื่นไกล หากคุ้นเคยสนิทสนมมีไมตรีเกื้อกูลกันมานานช้าแล้ว ท่านอย่าได้ถือสาตามขนบธรรมเนียมเลย

            โลซกได้ฟังดังนั้นก็เกรงใจเล่าปี่ นั่งลงที่เก้าอี้ร่วมโต๊ะเดียวกันแล้วรีบชิงกล่าวว่าข้าพเจ้ามาเมืองเกงจิ๋วครั้งนี้ด้วยซุนกวนใช้ให้มาว่ากล่าวขอเมืองเกงจิ๋วคืนจากท่าน ตัวท่านกับซุนกวนก็เกี่ยวดองเป็นพี่ภริยาแลน้องเขยกันแล้ว ชอบที่จะปรองดองอย่าให้ข้องขัดเคืองใจกัน ท่านจงเร่งคืนเมืองเกงจิ๋วแก่ซุนกวนเถิด ไมตรีก็จะมีสถาพรสืบไป

            เล่าปี่ได้ยินคำโลซกดังนั้นก็แสร้งทำเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นที่น่าเวทนา มิได้ว่ากล่าวประการใดแล้วซบหน้าลงที่โต๊ะ

            โลซกเห็นดังนั้นก็ตกใจไม่รู้ว่าเกิดเรื่องราวประการใดขึ้นกับเล่าปี่จึงร้องไห้อาดูรถึงปานนั้น โลซกจึงตกตะลึงไป

            ฝ่ายขงเบ้งยืนแอบฟังอยู่ด้านหลังฉาก ได้ยินเสียงเล่าปี่ร้องไห้พิรี้พิไรดีกว่าบทที่ซักซ้อมกันไว้เห็นการสมคะเนแล้วจึงเดินออกมาปรารภกับโลซกว่าท่านเจรจากับเล่าปี่ช้านานแล้วยังไม่รู้ความ นายเราร้องไห้ดังนี้ท่านมิทราบหรือว่าเพราะด้วยเหตุใด

            โลซกจึงว่าข้าพเจ้ามิทราบว่าเล่าปี่นายท่านเศร้าโศกด้วยเรื่องใด

            ขงเบ้งจึงว่าถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าจะกล่าวให้ท่านแจ้งแล้วว่า “เดิมเล่าปี่ให้หนังสือสัญญาไปแก่ซุนกวนว่าได้เมืองเสฉวนแล้วจะคืนเมืองเกงจิ๋วให้ บัดนี้เล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวนนั้นก็เป็นเชื้อวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ติดพันกันอยู่กับนายเรา ครั้นจะยกไปตีเมืองเสฉวนคนทั้งปวงก็จะครหานินทาได้ ครั้นจะนิ่งอยู่ในเมืองเกงจิ๋วก็เกรงซุนกวนจะขัดเคือง ครั้นจะคืนเมืองเกงจิ๋วให้ก็ไม่มีที่อาศัย เหตุฉะนี้นายเราจึงร้องไห้”

            โลซกเห็นเล่าปี่ร้องไห้พิรี้พิไรผิดไปจากที่เคยเป็นก็สงสาร ครั้นได้ฟังคำขงเบ้งลำดับเหตุแลผลถึงความที่เล่าปี่สิ้นทางจะไปน้ำใจโลซกก็เอียงเข้ามาแบกรับเอาภาระทุกข์ร้อนของเล่าปี่ไปครองเสียเองโดยไม่รู้ตัว คิดอ่านหาทางออกให้แก่เล่าปี่ว่าเล่าปี่จะไปอาศัยเมืองใดได้แต่ไม่เห็นทางอื่น โลซกจึงคิดว่าเล่าปี่มาเดือดร้อนดังนี้เพราะโลซกเองไม่รักษาสัญญาทั้งเห็นว่าบัดนี้เล่าปี่และซุนกวนก็เป็นดองกัน การซึ่งน้องเขยจะขออาศัยเมืองของพี่เมียก็ชอบด้วยประเพณีอยู่แล้ว การเร่งรัดเอาแต่ตามใจของพี่เมียเสียอีกที่เห็นเป็นเรื่องไร้น้ำใจไมตรี โลซกคิดดังนี้จึงปลอบใจเล่าปี่ว่าท่านอย่าเพิ่งทุกข์ร้อนวุ่นวายใจไปเลย จงปรึกษาหารือคิดอ่านกับขงเบ้งให้รอบคอบก่อนแล้วค่อยว่ากล่าวก็ได้

            ขงเบ้งฟังคำโลซกแล้วเห็นใจอ่อนเข้ามาในทางจึงรีบรับเอาว่าน้ำใจท่านมีความเมตตาต่อนายเรานักมิเสียทีที่นับถือเลย  ขอท่านได้ทำคุณให้ตลอดช่วยว่ากล่าวกับซุนกวนให้งดเวลาไว้ตามสัญญานั้นเถิด

            โลซกจึงว่าข้าพเจ้าจะกลับไปบอกแก่ซุนกวนตามคำท่าน แต่จะได้ผลประการใดข้าพเจ้าก็ทำได้เพียงเท่าประการนั้น  แต่วิตกว่าถ้าซุนกวนไม่ยินยอมเล่าท่านจะคิดอ่านประการใด.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘