ตอนที่ 313. อุบายชิงนั่งบนภู

จิวยี่และซุนกวนใช้ทหารถึงสามกองยกตามไล่ล่าเล่าปี่ แต่ทหารสองกองแรกเกรงอำนาจของนางซุนฮูหยินจึงจำต้องปล่อยเล่าปี่ไป ส่วนกองที่สามแม้เชิญกระบี่อาญาสิทธิ์เพื่อจะตัดศีรษะเล่าปี่และนางซุนฮูหยินแต่มาไม่ทันการณ์เพราะเล่าปี่ลงเรือออกทะเลไปแล้ว จิวยี่จึงต้องจัดกองทัพเรือไล่ตามเล่าปี่ แต่ขงเบ้งวางแผนกลอุบายพาเล่าปี่หนีขึ้นบกตรงจุดที่ซุ่มกำลังทหารไว้ แล้วพาเล่าปี่ นางซุนฮูหยิน และคนรับใช้ขึ้นไปอยู่บนเนินเขาเพื่อจะยั่วโทสะของจิวยี่ต่อไป

            ฝ่ายจิวยี่ยกกองทัพเรือไล่ตามเล่าปี่มาในทะเล แม้เรือรบจะแล่นไปได้เร็วกว่าเรือสินค้าของเล่าปี่ แต่ขณะที่จิวยี่เคลื่อนกองทัพเรือออกจากท่านั้น ขงเบ้งพาขบวนเรือพ้นกลางอ่าวแล้วจึงไล่ตามเล่าปี่ไม่ทัน ดังนั้นพอจิวยี่ยกกองทัพเรือเข้าเทียบฝั่ง เล่าปี่ ขงเบ้ง ก็พากันหนีขึ้นไปอยู่บนเนินเขาแล้ว

            จิวยี่คาดหมายว่าเล่าปี่ ขงเบ้ง หนีขึ้นฝั่งแล้วยังต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะถึงเมืองเกงจิ๋ว ทั้งเห็นว่าขบวนของเล่าปี่ไม่มีม้าต้องอาศัยการเดินเท้าเป็นพื้น และในขบวนก็มีสตรีจำนวนหนึ่ง ถึงอย่างไรคงจะหนีไปได้ช้า หากยกตามไปคงไล่ตามทันเพราะฝีเท้าทหารย่อมเร็วกว่าฝีก้าวเท้าของสตรี ทั้งยังมีม้าเกือบร้อยตัวที่พาลงเรือรบมาด้วยคงจะจับตัวเล่าปี่ ขงเบ้งและนางซุนฮูหยินกลับไปได้

            จิวยี่คำนึงดังนั้นก็ดีใจ สั่งทหารทั้งปวงให้ยกตามเล่าปี่ไป ตัวจิวยี่ขึ้นขี่ม้าพาอุยกาย ฮันต๋ง ชีเซ่ง และเตงฮอง พร้อมด้วยนายทหารซึ่งขี่ม้านำหน้าทหารเดินเท้ายกตามไปตามทางที่เล่าปี่เพิ่งหนีไปนั้น

            จิวยี่นำทหารไล่ตามเล่าปี่ไปใกล้แนวป่าเชิงเขาลูกหนึ่ง เสียงประทัดสัญญาณก็ดังขึ้นจากด้านในป่าแล้วเสียงโห่ร้องของทหารก็ดังขึ้นจากในป่าสองข้างทาง จิวยี่ได้ยินเสียงดังนั้นก็ตกใจสั่งทหารให้หยุด พลันเห็นกวนอูยกทหารม้าจำนวนมากออกจากป่ามาสกัดอยู่อยู่ตรงกลาง อุยเอี๋ยนยกทหารม้าออกมาจากข้างซ้ายทาง ฮองตงยกทหารม้าออกมาจากข้างขวาทางแน่นขนัด ธงทิวประจำกองทัพเล่าปี่พลิ้วไสวไปทั้งแนวป่า

            บรรดาทหารเมืองกังตั๋งเห็นดังนั้นก็พากันแตกตื่นอลหม่านถอยร่นมาทางด้านหลัง  เสียงม้าล่อฆ้องกลองดังมาจากกองทหารของกวนอูอีกครั้งหนึ่งแล้วทหารม้าทั้งสามกองก็รุกโจมตีเข้ามาพร้อมกันอย่างรวดเร็ว

            จิวยี่เห็นดังนั้นก็ขับม้าจะออกไปรบกับกวนอู แต่พอคำนึงว่าทหารของเล่าปี่ทั้งสามกองล้วนเป็นทหารม้า ฝ่ายเราเป็นทหารเรือสันทัดแต่การรบทางทะเลและมีแต่พลเดินเท้าเป็นพื้นเห็นจะสู้ทหารม้าของเล่าปี่ไม่ได้ ทั้งตัวนายทัพคือกวนอูก็ดูน่าเกรงขาม จิวยี่คิดดังนั้นแล้วจึงสั่งทหารให้ถอยกลับไปลงเรือที่ชายทะเล ตัวจิวยี่และนายทหารซึ่งขี่ม้านั้นถอยกลับมาทางด้านหลังแล้วพาทหารตรงไปที่กองทัพเรืออย่างรวดเร็ว

            กวนอูสั่งทหารทุกกองให้ไล่ตามตีทหารของจิวยี่ และฆ่าฟันทหารเมืองกังตั๋งล้มตายลงเป็นอันมาก

            จิวยี่หนีไปถึงชายทะเลก็เร่งให้ทหารลงเรือ ฮันต๋งและอุยกายได้รบพุ่งสกัดต้านทานทหารเล่าปี่ไว้เป็นสามารถ พอทหารที่เหลือตายหนีลงเรือครบตัวแล้วกองทัพเรือเมืองกังตั๋งก็ถอยออกจากฝั่งอย่างทุลักทุเล ทิ้งม้าแลศัตราวุธไว้เป็นอันมาก

            กวนอูนำทหารไล่ตามตีทหารของจิวยี่ไปจนถึงชายทะเล เห็นจิวยี่ลงเรือหนีออกจากฝั่งจึงให้ทหารร้องเยาะเย้ยจิวยี่ว่า “ท่านคิดกลอุบายจะลวงเรา ครั้นเราลวงบ้างก็แพ้ความคิดเรา แล้วมิหนำยังยกมาตามส่งเล่าปี่ให้เสียทหารอีกเล่า นี่แลจะคิดอ่านปราบปรามแผ่นดินสืบไป”

            จิวยี่ได้ยินเสียงด่าและหัวเราะเยาะเย้ยของทหารเล่าปี่ดังนั้นก็โกรธ เจ็บร้าวขึ้นทั้งกายราวกับว่าถูกยิงเกาทัณฑ์ทั่วทั้งตัว เงยหน้ามองไปที่เนินเขาเห็นเล่าปี่ ขงเบ้ง นางซุนฮู  หยิน คนรับใช้ทั้งปวง และทหารซึ่งติดตามกำลังจ้องมองมาและหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างขบขันก็ยิ่งแค้นใจนัก ลืมความกลัวและความตายสั่งทหารให้กลับเรือจะยกขึ้นฝั่งไปจับ  เล่าปี่และนางซุนฮูหยินให้จงได้

            ฮันต๋งและอุยกายได้ยินคำสั่งของจิวยี่ดังนั้นก็ตกใจ กล่าวทักท้วงขึ้นพร้อมกันว่าขอให้ท่านแม่ทัพยกกลับไปเมืองกังตั๋งตามเดิม เพราะฝ่ายเราไม่มีม้าขี่สู้รบ แต่ข้าศึกขี่ม้าพร้อมรบทุกคน ขืนยกขึ้นฝั่งเห็นจะสู้กวนอูมิได้

            จิวยี่ได้ฟังคำท้วงก็ยิ่งแค้น ภาพอันปรากฎบนเนินเขาและเสียงหัวเราะที่ลอยตามลมมาสะเทือนสะท้านใจจิวยี่อย่างรุนแรง แล้วคิดว่า “เราคิดกลอุบายให้ซุนกวนทำครั้งนี้  หมายจะจับตัวเล่าปี่คืนเอาเมืองเกงจิ๋วให้ได้ ก็ซ้ำเสียของหาต้องการไม่ เราจะกลับไปเมืองต๋องง่อดูหน้าซุนกวนกระไรได้”

            จิวยี่ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจนัก พิษเกาทัณฑ์ที่สงบอยู่ก็กำเริบกลุ้มรุมหัวใจ จิวยี่ร้องโอ๊ย ได้คำเดียวก็เซถลาไปทางด้านหลังล้มลงในเรือสิ้นสติสมประดี

            อุยกายขุนพลผู้เฒ่าแห่งแคว้นกังตั๋งเห็นดังนั้นก็ตกใจ สั่งให้ฝีพายเร่งแจวเรือข้ามอ่าวและระดมทหารมาช่วยแก้ไขจนจิวยี่ฟื้นคืนสติ

            พอกลับถึงฐานทัพเรือ อุยกายจึงให้ทหารพยุงจิวยี่ขึ้นจากเรือกลับไปที่พัก จิวยี่กลับถึงที่พักแล้วก็ยังอัปยศอดสูนักจึงไม่สบายตรมอยู่แต่ในห้องนอน ส่วนเจียวขิม   จิวท่าย ตันบูและพัวเจี้ยง เห็นเสร็จธุระแล้วจึงพาทหารกลับไปเมืองลำชี

            ฝ่ายขงเบ้งสังเกตการณ์อยู่บนเนินเขาเห็นกวนอู อุยเอี๋ยน ฮองตง และทหารทั้งปวงทำการสมความคิด ซุ่มโจมตีจนจิวยี่แตกหนีพาทหารกลับไปเมืองกังตั๋งก็มีความยินดี แล้วพาเล่าปี่ นางซุนฮูหยินและทหารทั้งปวงกลับไปเมืองเกงจิ๋ว และให้ปูนบำเหน็จความชอบทหารตามควรแก่ความดีแลความชอบ

            กลอุบายนางลวงของจิวยี่จึงสิ้นสุดยุติลงโดยเล่าปี่หนีรอดออกมาจากปากเสือได้สำเร็จตามแผนการของขงเบ้งที่สั่งไว้ในหนังสือลับสามฉบับ ได้ทั้งน้องสาวซุนกวน ได้ทั้งความเกี่ยวดองและยังคงครองเมืองเกงจิ๋วสืบไป ในขณะที่ซุนกวนและจิวยี่ตกเป็นฝ่ายปราชัย โดยจิวยี่นั้นแผลในใจแต่พิษเกาทัณฑ์ได้กำเริบกล้าพร้อมที่จะกระชากวิญญาณจิวยี่ออกจากร่างได้ทุกเมื่อ

            ฝ่ายเจียวขิม  จิวท่าย  ตันบู และพัวเจี้ยง  เมื่อกลับถึงเมือลำชีได้เข้าไปพบซุนกวนแล้วรายงานความศึกให้ซุนกวนทราบทุกประการ ซุนกวนทราบความแล้วโกรธเล่าปี่เป็นอันมาก สั่งให้เทียเภาเป็นแม่ทัพจะยกไปตีเมืองเกงจิ๋ว

            ในขณะที่เทียเภากำลังเตรียมการจัดแจงทหารอยู่นั้น  จิวยี่ได้ให้ทหารถือหนังสือมารายงานซุนกวนว่าทำกลอุบายคิดอ่านเสียทีแก่ขงเบ้งเพราะความคิดแลสติปัญญาของขงเบ้งเกินกว่ากำลังปัญญาของจิวยี่นัก ขอให้ซุนกวนงดโทษและขออาสายกไปแก้แค้นเล่าปี่ตีเอาเมืองเกงจิ๋วให้จงได้

            ซุนกวนทราบความตามหนังสือของจิวยี่แล้วก็เสียใจ จึงมุมานะจะคุมกองทัพไปตีเมืองเกงจิ๋วด้วยตนเอง

            เตียวเจียวที่ปรึกษาฝ่ายพลเรือนทราบความดังนั้นก็ตกใจ รีบเข้าไปหาซุนกวนแล้วท้วงว่า  “ท่านจะยกกองทัพไปตีเมืองเกงจิ๋วนั้น ให้ยับยั้งพิเคราะห์ดูจงควรก่อน  ด้วย โจโฉเสียทีแก่เราแตกหนีไปครั้งนั้น ก็ผูกใจเจ็บคิดจะยกมาแก้แค้นเราอยู่ แต่เห็นว่าท่านกับเล่าปี่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจึงไม่อาจยกทัพมา แม้ท่านยกไปรบเมืองเกงจิ๋ว   โจโฉรู้ว่าท่านกับเล่าปี่ผิดใจกันแล้วก็จะยกกองทัพมาตีเอาเมืองเราภายหลัง  เห็นเราจะรับรองป้องกันยาก”

            ฝ่ายโกะหยงที่ปรึกษาฝ่ายพลเรือนอีกคนหนึ่งทราบวาซุนกวนเตรียมกองทัพจะยกไปตีเมืองเกงจิ๋วจึงร้อนใจรีบไปหาซุนกวน เห็นเตียวเจียวกำลังหารือกับซุนกวนก็เข้าร่วมปรึกษาด้วย

            พอเตียวเจียวกล่าวสิ้นคำโกะหยงจึงกล่าวกับซุนกวนสนับสนุนความเห็นของเตียวเจียวว่าท่านจะยกกองทัพไปตีเมืองเกงจิ๋วบัดนี้เห็นไม่ควร เพราะโจโฉนั้นแม้แตกหนีกลับไปเมืองหลวงแล้วแต่ได้ส่งหน่วยสอดแนมมาสืบข่าวคราวทุกวันเวลา หากแม้นท่านกับเล่าปี่ผิดใจกัน เห็นจะแต่งทูตไปเจรจาว่ากล่าวเกลี้ยกล่อมเล่าปี่ ฝ่ายเล่าปี่เกรงกลัวท่านจะทำอันตรายก็จะหันไปเข้ากับโจโฉ  เมื่อเล่าปี่และโจโฉเป็นพันธมิตรกันดังนี้เมืองกังตั๋งของเราจะตกอยู่ในอันตราย  ขอให้ท่านใคร่ครวญให้จงดี

            ซุนกวนฟังคำเตียวเจียวก็ได้คิด แต่ด้วยแรงโทสะและความมานะจึงยังคงลังเลคิดจะทำการตามความคิดเดิมอยู่ แต่พอได้ฟังคำโกะหยงซ้ำเห็นชอบด้วยเหตุแลผลกว้างออกไปดังนั้นจึงเห็นพ้องตาม และถามโกะหยงว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ท่านจะมีความเห็นประการใดจึงจะสะสางความแค้นในใจเราได้เล่า

            โกะหยงจึงว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่ท่านจะสู้รบกับเล่าปี่แล้วเปิดโอกาสให้โจโฉซ้ำเติมเอาต่อภายหลัง ข้าพเจ้าขอเสนอกลอุบายให้ท่านชิงนั่งบนภูแล้วยุยงให้เล่าปี่แค้นเคืองโจโฉแล้วสู้รบกัน หลังจากนั้นเราจึงค่อยซ้ำเติมเอา เห็นจะได้ชัยชนะโดยง่าย

            ซุนกวนได้ฟังดังนั้นค่อยมีความยินดี สอบถามโกะหยงว่าอุบายของท่านเป็นประการใด

            โกะหยงจึงว่าขอให้ท่านมีฎีกาไปกราบบังคมทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่าบัดนี้เล่าปี่ได้แต่งงานเป็นน้องเขยท่าน แลเล่าปี่นั้นนับได้ว่าเป็นน้องของเล่าเปียว เล่าเปียวหาบุญไม่แล้วเมืองเกงจิ๋วนั้นเปล่าอยู่ ขอให้ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋วสืบต่อจากเล่าเปียว บ้านเมืองแลราษฎรจะได้ความสุข

            โกะหยงกล่าวสืบไปว่าโจโฉเห็นฏีกานี้แล้วก็จะอาลัยเมืองเกงจิ๋วด้วยโจโฉถือว่าเล่าจ๋องได้ยกเมืองแก่โจโฉก่อนแล้วเล่าปี่กลับได้ไปโดยมิได้ลงทุนลงแรง โจโฉก็จะโกรธและขัดขวางไม่ให้แต่งตั้งเล่าปี่ ทางเล่าปี่เล่าก็จะเห็นคุณท่านแล้ววางใจว่าสิ้นที่พยาบาทแล้วเล่าปี่ก็จะโกรธโจโฉ เห็นเล่าปี่กับโจโฉจะสู้รบกัน ฝ่ายไหนเพลี่ยงพล้ำเสียที เราค่อยซ้ำตีเอาเห็นจะสำเร็จโดยง่าย

            ซุนกวนและเตียวเจียวได้ฟังคำโกะหยงดังนั้นก็เห็นชอบพร้อมกัน แต่ซุนกวนยังกังวลด้วยคนซึ่งจะอาสานำฎีกาไปเมืองหลวงจึงปรึกษากับโกะหยงว่าสมควรเป็นผู้ใด

            โกะหยงจึงว่าในเมืองลำชีนี้ข้าพเจ้าเห็นแต่ฮิวหิมผู้เดียวเป็นบัณฑิตผู้คงแก่เรียน มีสติปัญญาหลักแหลม แล้ววาทศิลป์ก็เป็นเลิศ ทั้งยังคุ้นเคยสนิทสนมเป็นที่นับถือของโจโฉมาแต่ก่อนเห็นจะทำการให้สำเร็จได้ดังประสงค์

            ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบ สั่งเตียวเจียวให้แต่งฎีกาตามคำของโกะหยงทุกประการแล้วให้ทหารไปเชิญฮิวหิมมาพบ ซุนกวนมอบหมายหน้าที่และฎีกาแล้ว ฮิวหิมจึงคำนับลากลับออกไปจัดแจงข้าวของแล้วออกเดินทางไปเมืองฮูโต๋ แต่พอไปถึงเมืองฮูโต๋ไม่พบโจโฉเนื่องจากโจโฉได้พาที่ปรึกษา ขุนนางและแม่ทัพนายกองทั้งปวงไปพักร้อนที่ปราสาทนกยูงทองแดงซึ่งได้ก่อสร้างแต่เมื่อครั้งรบชนะอ้วนเสี้ยวในสงครามภาคเหนือที่เมืองเงียบกุ๋น ฮิวหิมทราบความดังนั้นจึงรีบเดินทางตามโจโฉไปที่เมืองเงียบกุ๋น

            ฝ่ายโจโฉตั้งแต่เสียทีแก่ความคิดขงเบ้งและจิวยี่แตกทัพเรือที่สมรภูมิเซ็กเพ็ก สูญเสียทหารร่วมแปดสิบสามหมื่นจนต้องหนีกลับเมืองหลวงชนิดหัวซุกหัวซุนแล้ว มีความรู้สึกอัปยศอดสูทั้งแก่ใจตนเองและบรรดาขุนนางข้าราชการทั้งปวง เคียดแค้นคิดจะยกกองทัพลงใต้แก้แค้นซุนกวนและเล่าปี่อยู่มิได้ขาด แต่ครั้นได้ทราบข่าวจากหน่วยสอดแนมว่าซุนกวนและเล่าปี่ยังคงมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โจโฉก็พรั่นใจว่าจะทำการไม่สำเร็จจึงรั้งรออยู่  และหาความสบายใจมิได้

            เจี้ยนอันศกปีที่สิบห้า หลังจากขึ้นปีใหม่ได้สองเดือนเป็นเดือนห้า โจโฉได้ทราบรายงานว่าการก่อสร้างปราสาทนกยูงทองแดงทั้งของเดิมและที่ให้ก่อสร้างต่อเติมใหม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ก็มีความยินดี จึงใคร่อยากเห็นความวิจิตรของปราสาทหลังนี้ ทั้งเห็นว่าเป็นเทศกาลหน้าร้อนจึงพาบรรดาที่ปรึกษา ขุนนางข้าราชการและแม่ทัพนายกองทั้งปวงไปพักผ่อนให้คลายความทุกข์ที่ปราสาทริมแม่น้ำเจียงโหเมืองเงียบกุ๋น

            อยู่มาวันหนึ่งโจโฉนั่งเสพสุราอยู่กับที่ปรึกษาซึ่งใกล้ชิดที่นอกชานหน้าห้องโถงใหญ่ของปราสาทหลังกลางโดยมีขุนนางข้าราชการและทหารทั้งปวงนั่งกินโต๊ะเสพสุราที่ด้านนอก โจโฉนึกครึ้มใจใคร่ดูฝีมือทหารจึงให้เอาเสื้อคลุมสีแดงตัวโปรดไปแขวนไว้ที่กิ่งสนในสนามด้านหน้าสำหรับเป็นรางวัลเกียรติยศและให้เอาเป้าไปปักไว้กลางสนามระยะห่างยี่สิบห้าวาแล้วให้แบ่งทหารเป็นสองพวก  พวกหนึ่งเป็นทหารเครือญาติของโจโฉ ที่เหลือนอกนั้นเป็นอีกพวกหนึ่ง แล้วให้ประลองฝีมือกัน.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘