ตอนที่ 308. อำนาจแห่งโลกียสุข

 เกียวก๊กโลนิยมเล่าปี่มาแต่ครั้งแรกที่ได้พบ และสบอัธยาศัยกับเล่าปี่เป็นอันมากจึงส่งเสริมสนับสนุนราวกับว่าเล่าปี่เป็นบุตรของตัวเอง ผู้เฒ่าได้ประจักษ์ซึ่งแผนสังหารในวัดกำลอมาแล้ว พอได้ฟังเล่าปี่ว่าที่พักรับรองแขกเมืองนั้นเป็นที่เปลี่ยว ไม่แข็งแรงมิดชิดก็สำคัญว่าอาจมีผู้คิดร้ายหมายชีวิตเล่าปี่อีกจึงร้อนใจ

            เกียวก๊กโลจึงขับเล่าปี่ให้รีบกลับไปที่พัก  แล้วรับปากเล่าปี่ว่าอย่าได้วิตก ตัวท่านผู้เฒ่าจะรีบเข้าไปที่จวนของก๊กไถ้ แจ้งความปรารภของเล่าปี่ให้ทราบแล้วขอให้ก๊กไถ้พิทักษ์ปกป้องเล่าปี่เสียเอง
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี คำนับลารัฐบุรุษอาวุโสแล้วกลับไปที่พัก

            ฝ่ายเกียวก๊กโลพกเอาความร้อนใจรีบรุดเข้าไปในจวนของก๊กไถ้แต่ในเพลานั้น  พอพบนางงอก๊กไถ้คำนับกันตามธรรมเนียมแล้ว เกียวก๊กโลจึงว่าข้าพเจ้ารีบรุดมาพบก๊กไถ้ในวันนี้ด้วยมีเรื่องร้อนใจปล่อยเนิ่นช้าไปมิได้

            ก๊กไถ้เห็นดังนั้นจึงว่าก๊กโลท่านมีความกังวลอันใดจงเร่งว่ามาเถิด

            เกียวก๊กโลจึงว่าที่วัดกำลอนั้นก๊กไถ้ท่านก็ได้ประจักษ์แล้วซึ่งแผนสังหารเล่าปี่ ดีที่จูล่งพบเห็นก่อน หาไม่แล้วบุตรสาวท่านก็จะเป็นหม้าย  บัดนี้เล่าปี่อยู่ที่ตึกรับรองแขกเมืองเป็นที่เปลี่ยวไม่มั่นคงแข็งแรง เหมือนกับการเอาเนื้อไปผูกล่อเสือไว้ที่ชายป่า หากนานช้าไปคงจะถูกเสือกินเป็นมั่นคง ท่านจงพิเคราะห์การแล้วคิดอ่านผ่อนผันถ่ายเทเถิด

            นางงอก๊กไถ้ฟังเกียวก๊กโลก็เห็นจริงแล้วพรั่นใจนัก แต่วันฤกษ์ดียังห่างอีกหลายวันดังนั้นจำต้องแก้ไขปัญหาเสี่ยงภัยเฉพาะหน้าก่อน จึงว่าเล่าปี่บัดนี้เป็นลูกเขยเราแล้วใครไหนจะกล้าบังอาจทำร้ายเล่าปี่ แต่เอาเถิดเมื่อก๊กโลท่านดำริแล้วเราจะป้องกันไว้ก็ดีกว่าคอยตามแก้ เราจะรับเล่าปี่เข้ามาอยู่เสียที่ข้างในจวนจนกว่าจะถึงวันเข้าพิธีแต่งงาน 

            ก๊กโลได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วยแต่ท้วงว่าเล่าปี่มีซุนเขียน จูล่ง และทหารตามมาด้วย หากแยกแต่ตัวเล่าปี่มาเล่าปี่ก็จะไม่สบายใจ จูล่งและทหารอยู่ข้างนอกไม่มีคนควบคุมดูแลเกลือกจะก่อเรื่องวิวาทแล้วจะวุ่นวายไป ก๊กไถ้ท่านจงตรองให้รอบคอบ

            นางงอก๊กไถ้ตรองความตามคำของเกียวก๊กโลก็เห็นชอบด้วยเหตุและผลจึงว่าถ้าเช่นนั้นก็ให้เล่าปี่ ซุนเขียน จูล่ง แลทหารเข้ามาอยู่ข้างในจวนพร้อมกัน

            เกียวก๊กโลได้ฟังดังนั้นก็สรรเสริญว่าก๊กไถ้จัดแจงการทั้งปวงรอบคอบแล้วคำนับลากลับไปแจ้งข่าวให้เล่าปี่ทราบทุกประการ

            เล่าปี่ทราบข่าวแล้วมีความยินดี ล่วงมาอีกชั่วยามเศษคนรับใช้จากจวนของก๊กไถ้ก็มาเชิญเล่าปี่และคณะให้ย้ายเข้าไปพักในบริเวณจวนของก๊กไถ้ซึ่งถูกจัดแจงไว้ต้อนรับเป็นอย่างดี เล่าปี่และคณะจึงย้ายเข้าไปพักในจวนของก๊กไถ้ตั้งแต่วันนั้น

            ครั้นถึงวันฤกษ์ดีนางงอก๊กไถ้จึงได้จัดพิธีแต่งงานระหว่างเล่าปี่และนางซุนฮู หยินเป็นการเอิกเกริก เชิญบรรดาขุนนางข้าราชการและแม่ทัพนายกองทั้งปวงมาร่วมงานแล้วแต่งโต๊ะเลี้ยงทุกคนที่ศาลาว่าราชการเมืองลำชี ซึ่งบัดนี้ได้ปรับปรุงเป็นสถานที่จัดเลี้ยงอย่างมโหฬาร

            งานเลี้ยงโต๊ะเสร็จสิ้นใกล้เวลาค่ำ บรรดาที่ปรึกษาข้าราชการและขุนนางเมืองกังตั๋งจึงพากันคำนับลาเจ้าภาพกลับไปที่อยู่ พอมืดลงเป็นเวลาส่งตัวบ่าวสาวตามประเพณี นางงอก๊กไถ้จึงให้จุดโคมประทีปสว่างไสวตั้งแต่ตึกที่พักของเล่าปี่ไปจนถึงตึกที่พักของนางซุนฮูหยินแล้วให้บรรดาเฒ่าแก่นำตัวเล่าปี่ออกจากตึกที่พักไปยังตึกที่พักของนางซุนฮูหยิน

            พอย่างก้าวถึงประตูหน้าตึกที่พักของนางซุนฮูหยินเล่าปี่ก็รู้สึกผิดสังเกตเพราะบรรยากาศและการตกแต่งสถานที่เหมือนมิใช่เรือนหอ แต่คลับคล้ายละม้ายเหมือนสำนักฝึกวิทยายุทธ์มากกว่า

            เล่าปี่ “สังเกตเห็นหญิงคนใช้ทั้งปวงแต่งตัวเหน็บกระบี่เหมือนทหารจะเข้าสู่สงคราม เห็นเครื่องศัตราวุธต่าง ๆ แขวนพิงไว้เป็นอันมาก เล่าปี่ตกใจยืนตะลึงอยู่”

            แม่บ้านใหญ่ผู้รับผิดชอบดูแลตึกที่อยู่ของนางซุนฮูหยินออกมาต้อนรับเห็นเล่าปี่มีทีท่าตื่นตกใจก็เข้าไปคำนับแล้วว่าท่านอย่าได้ประหลาดใจ อันนางซุนฮูหยินนี้แต่น้อยมารักราชการสงครามเหมือนกับทหาร รักที่จะดูแลฝึกฝนการต่อสู้ด้วยศัตราวุธทั้งปวง ดังนั้นจึงจัดตั้งกองร้อยหญิงไว้ประจำจวน แต่ละวันฝึกฝนทหารหญิงให้ร่ายรำเพลงกระบี่และฝึกอาวุธทั้งปวงจนชำนาญสิ้น

            เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ค่อยคลายใจ แต่ไม่สิ้นที่ระวังระไวด้วยคำขงเบ้งที่ว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นกลอุบายของจิวยี่ยังคงก้องอยู่ในโสต จึงกล่าวกับหัวหน้าแม่บ้านว่าอันการร่ายรำเพลงอาวุธและสงครามนั้นหาใช่การที่นางซุนฮูหยินซึ่งเป็นกุลสตรีจะดูไม่  เวลาวันนี้เป็นงานมงคล เราเห็นศัตราวุธแล้วไม่ค่อยสบายเพราะน้ำใจจะหวลไปถึงการสงคราม จงเก็บศัตราวุธทั้งนั้นเสียก่อนเถิด

            หญิงสูงอายุผู้เป็นหัวหน้าแม่บ้านได้ยินเล่าปี่ว่าดังนั้น จึงกลับเข้าไปที่ห้องของนางซุนฮูหยินแล้วแจ้งความซึ่งได้สนทนากับเล่าปี่ให้นางซุนฮูหยินทราบทุกประการ

            นางซุนฮูหยินทราบความแล้วหัวเราะ กล่าวขี้นว่าเล่าปี่ต่อสู้ทำการสงครามมาแต่หนุ่มจนอายุล่วงถึงปานนี้แล้วยังจะมาครั่นคร้ามกับศัตราวุธอยู่อีกหรือ แต่น้ำใจนางนั้นเป็นกุลสตรีอยู่ในโอวาทของสามีเมื่อเห็นว่าเล่าปี่ไม่สบายใจจึงสั่งให้หญิงรับใช้ชวนกันเก็บศัตราวุธทั้งปวงในทันที

            หญิงรับใช้ช่วยกันเก็บศัตราวุธทั่วทั้งตึกรวมทั้งในหอนั่งแลห้องนอนซึ่งจัดเป็นห้องหอเสร็จแล้วจึงเชิญเล่าปี่และส่งตัวเข้าห้องของเจ้าสาวซึ่งนั่งคอยท่าอยู่ที่เตียงตามประเพณี

            เล่าปี่และนางซุนฮูหยินจึงได้อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาตามธรรมเนียมประเพณีตั้งแต่ราตรีนั้น เชื้อพระวงศ์พเนจรอ่อนวาสนามาปะดรุณีแรกรุ่นราชนิกูลแห่งแคว้นกังตั๋งซึ่งมีใจนิยมในความเป็นเชื้อพระวงศ์และกิตติศัพท์อันลือเลื่องของเล่าปี่เป็นที่ต้องชะตาสมกัน กำแพงแห่งอายุที่อาจเป็นอุปสรรคกีดกั้นความรักของหนุ่มสาวก็ถูกทำลายลงจนสิ้นเชิง 

            เชื้อพระวงศ์พเนจรผู้มีวัยห้าสิบกับราชนิกูลแห่งแคว้นกังตั๋งผู้มีวัยเพียงยี่สิบเศษจึงเรียงหมอนร่วมชีวิตด้วยความสุขตั้งแต่วันแรก 

            เมื่อเล่าปี่ได้ย้ายมาอยู่ที่เรือนหออันเป็นตึกที่พักของนางซุนฮูหยินแล้ว จึงได้ปูนบำเหน็จข้าวของเงินทองและเสื้อผ้าแก่บรรดาคนรับใช้ในตึกนั้นเป็นอันมาก คนทั้งปวงก็มีน้ำใจยินดีภักดีด้วยเล่าปี่

            วันรุ่งขึ้นเล่าปี่จึงแต่งหนังสือรายงานความทั้งปวงที่เกิดขึ้นนับแต่เดินทางมาถึงเมืองลำชีแล้วให้ซุนเขียนถือกลับไปให้แก่ขงเบ้งที่เมืองเกงจิ๋ว

            ฝ่ายซุนกวนหลังจากต้องจำยอมให้เล่าปี่เข้าพิธีแต่งงานกับนางซุนฮูหยินน้องสาวต่างมารดาแล้วก็ไม่มีความสบาย ครั้นเสร็จงานแต่งงานแล้วซุนกวนจึงแต่งหนังสือเล่าความทั้งปวง แล้วให้ทหารถือหนังสือไปให้แก่จิวยี่ที่เมืองฉสองกุ๋น

            ครั้นจิวยี่ทราบความตามหนังสือของซุนกวนแล้วก็เสียใจหนัก ด้วยแผนการอุบายซึ่งมั่นหมายจะจับตัวเล่าปี่เป็นประกันเพื่อแลกเอาเมืองเกงจิ๋วจากขงเบ้งนั้น ได้กลับกลายเป็นเรื่องจริง และบัดนี้ก็เสียน้องสาวซุนกวนให้เป็นภรรยาแก่เล่าปี่ตามธรรมเนียมประเพณีแล้ว ซุนกวนแลเล่าปี่จึงผูกพันเกี่ยวดองกันอีกชั้นหนึ่ง จะทำการหักหาญประการใดก็ติดขัดสิ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมืองเกงจิ๋วเพราะเมื่อจับกุมตัวเล่าปี่มิได้ การจะแลกเอาเมืองเกงจิ๋วก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้

            จิวยี่เสียใจหนักแล้วน้อยใจตัวที่เกิดมาสติปัญญาไม่เท่าเทียมขงเบ้ง เสียคิดเสียรู้จนเสียคนและเสียเมืองถึงเพียงนี้ จึงเฝ้าครุ่นคิดว่าจะทำประการใดจึงจะแก้ไขความพลาดพลั้งนั้นได้ จิวยี่วุ่นวายครุ่นคิดอยู่ทั้งคืน ในที่สุดก็คิดแผนการอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ จิวยี่ก็มีความยินดี

            จึงเขียนหนังสือถึงซุนกวนว่า “เดิมข้าพเจ้าทำการทั้งนี้หวังจะทำร้ายเล่าปี่ จะได้คืนเอาเมืองเกงจิ๋ว ก็เสียความคิดกลับเป็นคุณแก่เล่าปี่อีก จำจะคิดกลอุบายทำการสืบไป แต่เล่าปี่เป็นคนมีสติปัญญา ภายนอกก็ทำโอบอ้อมอารีแก่ราษฎรทั้งปวง แล้วก็ได้ขงเบ้งเป็นที่ปรึกษาผู้ใหญ่ กวนอู เตียวหุย จูล่ง เป็นนายทหารเอก เห็นจะไม่เป็นน้อยอยู่ในอำนาจผู้ใด ขอให้ท่านประโลมเอาใจเล่าปี่ไว้ให้หลงอยู่ในเมืองต๋องง่อ จะได้ลืมขงเบ้ง กวนอู เตียวหุย เราจึงคิดอ่านไปตีเมืองเกงจิ๋วก็จะสำเร็จโดยง่าย แม้เล่าปี่กลับไปเมืองได้เหมือนหนึ่งปล่อยมังกรลงทะเล ก็จะเป็นศัตรูไปภายหน้า ให้ท่านพิเคราะห์ดูจงควรเถิด”

            แผนอุบายครั้งแรกของจิวยี่ถูกทำลายโดยแผนอุบายของขงเบ้งที่สั่งการไว้ในหนังสือลับฉบับแรก จิวยี่เสียทีตามแผนอุบายที่ลวงเล่าปี่มาเมืองลำชีแล้วไม่ยอมจำนนแก่ความคิด จึงวางอุบายต่อไป โดยในอุบายครั้งนี้ได้เสนอให้ซุนกวนบำรุงบำเรอเล่าปี่ให้หลงใหลในทรัพ์สิ่งศฤงคารทั้งปวงในเมืองลำชี จะได้ลืมเมืองเกงจิ๋ว ขงเบ้ง กวนอู เตียวหุย จากนั้นจึงค่อยยกกองทัพไปยึดเอาเมืองเกงจิ๋ว

            จิวยี่กำหนดแผนการอุบายผูกมัดเล่าปี่ไว้ที่เมืองลำชีเสร็จแล้วจึงใช้ให้ทหารถือหนังสือนั้นเอาไปมอบแก่ซุนกวนที่เมืองลำชี

            ซุนกวนเปิดหนังสือของจิวยี่ออกอ่านแล้วก็มีความยินดี จึงให้หาเตียวเจียวมาปรึกษาว่าตามที่จิวยี่เสนอแผนการมาดังนี้จะมีความเห็นเป็นประการใด

            เตียวเจียวรับหนังสือของจิวยี่มาอ่านแล้วก็หัวเราะ แล้วว่า “อันความคิดจิวยี่ครั้งนี้ชอบนักต้องความคิดข้าพเจ้า ขอท่านก่อตึกให้เล่าปี่อยู่ แล้วขุดสระปลูกบัวสร้างสวนดอกไม้ จัดข้าหญิงที่รูปงามให้ใช้สอย เล่าปี่เป็นคนเข็ญใจอยู่ก่อนหาเคยได้ดีไม่ ครั้นเราบำรุงให้เงินทองใช้สอยมิได้อนาทรก็จะระเริงน้ำใจลืมขงเบ้ง กวนอู เตียวหุย ขงเบ้ง กวนอู เตียวหุย ก็จะน้อยใจเล่าปี่ เห็นเราจะได้เมืองเกงจิ๋วโดยง่าย ขอท่านเร่งรัดคิดทำการตามความคิดจิวยี่เถิด”

            สามก๊กฉบับสมบูรณ์ได้ระบุความตอนนี้ว่า เมื่อเตียวเจียวได้อ่านหนังสือของจิวยี่แล้ว ได้เสนอความเห็นแก่ซุนกวนว่า “แผนอุบายของกงกึ้ง (จิวยี่) ช่างถูกใจข้าผู้โง่เขลาจริง ๆ ไอ้เล่าปี่มันตั้งตัวด้วยความยากจนข้นแค้น วิ่งหนีไปมาทั่วแผ่นดิน ยังมิเคยได้ลิ้มรสเสพสุข ความร่ำรวยแลเกียรติศักดิ์ บัดนี้แม้นสร้างปราสาทวังอันงดงามวิจิตร เพรียบพร้อมด้วยหญิงงาม ทั้งทรัพย์สมบัติให้มันเสพสุข ย่อมเป็นธรรมดาที่มันจะต้องเหินห่างจากขงเบ้ง กวนอู เตียวหุย และพวกมัน และจะทำให้ขุ่นเคืองพาลโทษกัน ภายหลังฝ่ายเราจึงจะมีโอกาสพิชิตแคว้นเกงจิ๋วได้ นายท่านควรที่จะรีบดำเนินแผนกลอุบายของท่านแม่ทัพจิวยี่โดยเร็วที่สุด”

            ซุนกวนเห็นชอบกับแผนการของจิวยี่แต่ต้น ครั้นได้แรงหนุนจากเตียวเจียวที่ปรึกษาผู้ใหญ่ซ้ำอีกก็ยิ่งมั่นใจ จึงสั่งการให้ก่อสร้างปราสาทขึ้นหลังหนึ่งทางด้านตะวันออกของตึกที่พักของนางซุนฮูหยิน ขุดสระและสร้างอุทยานตกแต่งอย่างสวยงามตระการตา จัดหาสตรีรูปงามที่เชี่ยวชาญเชิงดนตรีและระบำรำฟ้อนและจัดทรัพย์สินแก้วแหวนเงินทองแพรพรรณให้แก่เล่าปี่เป็นอันมาก

            การก่อสร้างดำเนินไปอย่างเร่งรีบทั้งวันทั้งคืน ใช้เวลาเพียงหกเดือนก็แล้วเสร็จ  เล่าปี่และนางซุนฮูหยินจึงย้ายเข้าไปอยู่ในปราสาทแห่งใหม่เป็นที่สุขสำราญบานใจยิ่งนัก

            ฝ่ายนางงอก๊กไถ้เห็นซุนกวนปรนเปรอเล่าปี่อย่างเต็มที่ดังนั้นก็สำคัญว่าซุนกวนเห่อน้องเขย และมีน้ำใจปรองดองรักใคร่กันเป็นอันดีก็มีความยินดียิ่งนัก

            เล่าปี่แม้เป็นเชื้อพระวงศ์แต่เป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นปลายแถว ที่ได้รับสถาปนาเป็นที่พระเจ้าอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ก็เพราะลำดับศักดิ์เครือญาติแห่งตระกูลแซ่ “เล่า” ตามธรรมเนียมนั้นสถานหนึ่ง และเป็นอุบายทางการเมืองของการแย่งชิงอำนาจในราชสำนักอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้นฐานะเชื้อพระวงศ์ของเล่าปี่จึงมิใช่เชื้อพระวงศ์ที่กำเนิดและเติบใหญ่แล้วอุดมด้วยความสุขในพระบรมมหาราชวังแต่ประการใดไม่ ชีวิตจริงของเล่าปี่กำเนิดที่เมืองตุ้นก้วน มีฐานะลำบากยากจน ต้องทอเสื่อขายเป็นเครื่องยังชีพ หลังจากเข้าสู่วงการการเมืองแต่ครั้งสงครามโจรโพกผ้าเหลืองก็ลำบากตรากตรำอยู่บนหลังม้าและการสงคราม จะมีเวลาว่างเว้นได้พักผ่อนมีความสุขก็ช่วงเวลาอันสั้น และแต่ละวันก็ต้องสาละวนอยู่ด้วยการซ่องสุมผู้คนแลฝึกซ้อมทหารเพื่อเตรียมต้านทานรับศึก ดังนั้นชั่วชีวิตของเล่าปี่จึงไม่เคยมีสักวันหนึ่งที่ได้สัมผัสอิ่มเอิบอยู่ด้วยการบำรุงบำเรอความสุข ครั้นบัดนี้มีเมียสาวรูปจริตกริยางดงามสมความเป็นราชนิกุลแห่งกังตั๋ง ทั้งพรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สิ่งศฤงคารที่ซุนกวนเปรอปรนก็หลงระเริงอยู่ในโลกียสุขจนลืมโลกทั้งสิ้น เหลืออยู่ก็แต่เพียงนางซุนฮูหยินและความสุขที่ซุนกวนบำเรอให้เท่านั้น เล่าปี่จึงตกลงในวังวนแห่งกลอุบายของจิวยี่ด้วยประการฉะนี้.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘