ตอนที่ 304. เปิดโปงแผนมัจจุราช
หนังสือปิดผนึกฉบับแรกของขงเบ้งถูกเปิดออกมาแล้วเพื่อแก้ไขข้อขัดสนของเล่าปี่และจูล่งว่าเมื่อถึงเมืองลำชีแล้วจะดำเนินการอย่างไรจึงจะรอดปลอดภัยจากเงื้อมมือมัจจุราชของแผนนางลวง พอเล่าปี่และจูล่งอ่านหนังสือของขงเบ้งแล้วแม้จะทราบว่าต้องดำเนินการอย่างไร แต่หาได้รู้ถึงความมุ่งหมายแห่งหนังสือลับของขงเบ้งไม่ แม้กระนั้นทั้งเล่าปี่และจูล่งก็ยังคงคลายใจ
หนังสือลับของขงเบ้งกำหนดแผนปฏิบัติการเป็นสองประการคือ ให้ทหารของเล่าปี่ที่ติดตามมา “แต่งตัวจงโอ่โถง ไปเที่ยวซื้อของในเมืองลำชี ถ้าชาวเมืองจะถามว่ามาธุระสิ่งใด ก็ให้บอกว่าเล่าปี่จะมาแต่งงานกับน้องสาวซุนกวน ให้ชาวเมืองรู้จงทั่วกัน” อย่างหนึ่ง และให้เล่าปี่แต่งสิ่งของเข้าไปคำนับรัฐบุรุษอาวุโสเกียวก๊กโล ซึ่งเป็นพ่อตาของซุนเซ็กและจิวยี่อีกอย่างหนึ่ง
นี่คือยุทธวิธีของขงเบ้งที่ใช้ในการทำลายแผนการของจิวยี่ เพราะยอดกุนซือ อย่างขงเบ้งนั้นย่อมแจ้งในโลกนิติซึ่งเป็นนิติหนึ่งในสามที่กุนซือจำต้องรู้เป็นอย่างดีว่าธรรมเนียมประเพณีของจีนในยุคนั้นเมื่อพ่อสื่อหรือแม่สื่อของทั้งสองฝ่ายตกลงและหมั้นหมายกันแล้วย่อมถือว่าฝ่ายหญิงเป็นคนของสกุลฝ่ายชายแล้ว หากฝ่ายชายถึงแก่ความตายแม้ยังไม่ทันแต่งงาน หญิงนั้นก็จะได้ชื่อว่าเป็นหม้าย และไม่สามารถแต่งงานใหม่ได้อีกตลอดชีวิต มิฉะนั้นโลกนิยมแห่งโลกนิติในยุคนั้นจะประณามและครหานินทา
ขงเบ้งคาดการณ์ว่าเมื่อเป็นแผนการอุบายของจิวยี่ เรื่องการแต่งงานครั้งนี้คงจะถูกปกปิดเป็นความลับ ดังนั้นการทำลายแผนการของจิวยี่ให้พินาศไปจึงต้องทำให้เรื่องที่ปกปิดไว้นี้เปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ เพื่อผูกมัดน้องสาวซุนกวน ให้คนทั้งปวงรับรู้ว่านางซุนฮูหยินเป็นคนของแซ่เล่าแล้ว ใช้โซ่ตรวนแห่งโลกนิติผูกมัดตระกูลซุนไม่ให้สามารถทำตามแผนการร้ายของจิวยี่ต่อไปได้ ดังนั้นจึงต้องให้ทหารของเล่าปี่ออกไปเปิดโปงแผนการที่ปกปิดนี้ให้ชาวเมืองรับรู้ ยุทธวิธีประการนี้จึงมุ่งกระทำต่อประชาชนชาวเมืองลำชีเพื่อใช้อานุภาพของพลังแห่งโลกนิตินั่นเอง
แต่เท่านั้นยังไม่ประกันให้การได้ตัวนางซุนฮูหยินเป็นภรรยาเล่าปี่ผูกดองซุนกวนเป็นผลสำเร็จ จึงกำหนดยุทธวิธีอีกประการหนึ่งกระทำต่อครอบครัวของซุนกวน เพราะขงเบ้งย่อมมีข่าวกรองที่แน่ชัดแล้วว่าแม้ซุนกวนจะเป็นถึงเจ้าเมืองกังตั๋ง แต่มีน้ำใจกตัญญูและเกรงกลัวนางงอก๊กไถ้ผู้เป็นแม่น้าเสมอด้วยมารดาตัวเอง และนางงอก๊กไถ้เล่าก็มีบุตรีคนเดียวคือนางซุนฮูหยินซึ่งนางรักห่วงดังดวงใจ ไม่มีวันยินยอมให้ตกเป็นหม้ายตามแผนการของจิวยี่โดยเด็ดขาด แต่นางงอก๊กไถ้นั้นพำนักอยู่ในจวนของซุนกวนยากที่จะเข้าถึงตัวได้โดยง่าย ดังนั้นจึงต้องอาศัยรัฐบุรุษอาวุโสเกียวก๊กโลซึ่งใกล้ชิดสนิทสนมและเป็นที่นับถือของนางงอก๊กไถ้เป็นผู้ประสาน เหตุนี้ขงเบ้งจึงกำหนดให้เล่าปี่ต้องไปคำนับรัฐบุรุษอาวุโสเกียวก๊กโลด้วยตนเอง
และนี่คือเหตุผลที่ขงเบ้งกำหนดฤกษ์ดีแล้วให้เล่าปี่มาเมืองลำชีโดยที่ไม่แจ้งข่าวให้ซุนกวนทราบ เพราะถ้าซุนกวนทราบความก่อนแล้วก็อาจคิดแผนการกำจัดเล่าปี่เสียก่อน
ดังนั้นพอขบวนเรือของเล่าปี่เทียบท่าที่เมืองลำชีแล้ว ทหารของเล่าปี่จึงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดงสดตามแบบการแต่งกายในพิธีนำขบวนขันหมากที่กำลังนำเจ้าบ่าวเข้าสู่พิธีแต่งงานแล้วแยกย้ายกันปฏิบัติการตามแผนการของขงเบ้งทั่วทั้งเมืองลำชี
เพียงไม่ถึงชั่วยามชาวเมืองลำชีทั้งปวงก็เล่าขานต่อ ๆ กันไปว่า เมืองกังตั๋งกำลังมีพิธีมงคลสมรสระหว่างพระเจ้าอาเล่าปี่กับน้องสาวของซุนกวน ชาวเมืองทั้งปวงจึงมีความโสมนัสโดยทั่วหน้ากัน
ในขณะเดียวกันนั้นเล่าปี่ได้แต่งตัวตามแบบเจ้าบ่าวจะเข้าพิธีแต่งงาน จัดขบวนนำของกำนัลแล้วให้ชาวเมืองนำทางไปที่จวนของรัฐบุรุษอาวุโสเกียวก๊กโล
ฝ่ายรัฐบุรุษอาวุโสเกียวก๊กโลพำนักอยู่ที่จวนตามประสาผู้สูงอายุอย่างเงียบเหงา แต่ละวันได้แต่อ่านหนังสือและชื่นชมของโบราณเป็นงานอดิเรก เพราะไม่มีพ่อค้าข้าราชการมาเยี่ยมเยียนรบกวนวิ่งเต้นขอตำแหน่ง หรือโครงการเหมือนกับนักการเมืองยามเรืองอำนาจ ดังนั้นพอทราบความจากทหารรักษาการณ์หน้าจวนว่ามีแขกเมืองคนสำคัญเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ที่พระเจ้าอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้นามว่าเล่าปี่กิตติศัพท์ลือชาปรากฎว่าเปี่ยมด้วยคุณธรรมแลโอบอ้อมอารีต่อคนทั้งปวงมาขอพบและรออยู่ที่หน้าจวนก็ตื่นเต้นและแปลกใจอยู่ในที
เกียวก๊กโลผู้เฒ่ารีบแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ให้สมกับเกียรติของแขกผู้มาเยือนแล้วออกไปต้อนรับเล่าปี่ถึงที่ข้างนอกประตูจวน
ผู้เฒ่าเกียวก๊กโลแม้จะสูงวัยกว่าเล่าปี่ แต่เพราะสูงวัย ความรักภักดีบูชาศรัทธาในราชสำนักที่ฝังใจมาแต่ก่อนจึงสูงตาม ดังนั้นพอเห็นเล่าปี่มีบุคลิกสง่างามนุ่มนวลมีราศีผิดกว่าคนทั้งปวง เกียวก๊กโลจึงตรงเข้าไปคำนับโดยมิพักต้องอาศัยผู้ใดแนะ แล้วกล่าวว่าพระเจ้าอามีภารกิจใดในเมืองนี้หรือจึงได้แวะมาถึงจวนของข้าพเจ้า
เล่าปี่เห็นผู้เฒ่าเกียวก๊กโลคำนับอย่างนอบน้อมดังนั้น จึงรีบคุกเข่าลงคำนับตอบ ประหนึ่งบุตรหลานคำนับบุพการีแล้วว่า ข้าพเจ้าเพิ่งมาถึงเมืองลำชีเมื่อชั่วยามนี้แล้วรีบมาคำนับท่านรัฐบุรุษโดยเฉพาะ
เล่าปี่สังเกตเห็นเกียวก๊กโลมีลักษณะเป็นคนแก่ใจดีและมีลักษณะโอ่โถงนุ่มนวลจึงถูกอัธยาศัยยิ่งนัก ดังนั้นอากัปกิริยาวาจาของเล่าปี่จึงเปี่ยมไปด้วยความเคารพ สุภาพ นุ่มนวลและจริงใจ ในขณะที่เกียวก๊กโลก็รู้สึกพึงใจรักใคร่นับถือเล่าปี่ในทันทีที่ได้พบเช่นเดียวกัน เกียวก๊กโลเห็นเล่าปี่ซึ่งเป็นถึงพระเจ้าอาของฮ่องเต้คุกเข่าลงคำนับดังนั้นก็ตกใจ รีบเข้าไปประคองเล่าปี่ให้ลุกขึ้นแล้วว่าพระเจ้าอาให้เกียรติข้าพเจ้ายิ่งแล้วๆ
เล่าปี่ลุกขึ้นแล้วค้อมศีรษะขอบคุณเกียวก๊กโลแล้วว่า ท่านรัฐบุรุษมีคุณธรรมร่ำลือไปไกลนานช้าข้าพเจ้าศรัทธาเลื่อมใสมานานแล้ว ได้มีโอกาสมาคำนับในวันนี้เป็นวาสนายิ่งนัก
เกียวก๊กโลได้ฟังปิยะวาจาอันเปี่ยมด้วยความนิยมของเล่าปี่ก็ยิ่งมีความอิ่มใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และเชิญเล่าปี่เข้าไปสนทนากันที่ข้างในจวน หลังจากโอภาปราศรัยพอเป็นที่ใกล้ชิดแล้วเกียวก๊กโลเฉลียวใจที่เห็นเล่าปี่แต่งตัวในชุดเจ้าบ่าวและในขบวนที่มานั้นก็เหมือนกับขบวนขันหมากในพิธีแต่งงาน ทั้งยังมีทหารต้อนฝูงแพะ หาบไหสุราและของขวัญกำนัลมาเป็นอันมาก จึงถามเล่าปี่ว่าบรรดาข้าวของทั้งนี้ท่านจะเอาไปที่แห่งใด
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงว่าข้าพเจ้ามาเมืองลำชีครั้งนี้เพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับนางซุนฮูหยินน้องสาวของซุนกวน ดังนั้นจึงนำข้าวของทั้งนี้มาคำนับขอฝากตัวไว้กับท่านผู้เป็นทั้งเสาหลักของตระกูลซุนแลแคว้นกังตั๋ง ว่าแล้วเล่าปี่จึงมอบสิ่งของทั้งปวงแก่เกียวก๊กโล
เกียวก๊กโลรับมอบของกำนัลด้วยความยินดีแต่ยังฉงนใจ จึงรีบถามย้ำว่าพระเจ้าอาจะมาแต่งงานกับน้องสาวซุนกวนหรือ ไฉนเล่าข้าพเจ้าจึงไม่ทราบมาก่อนเลย
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ฉงนใจเช่นเดียวกันว่าความใหญ่ปานนี้ไฉนเกียวก๊กโลซึ่งเป็นผู้ใหญ่ของแคว้นกังตั๋งจึงไม่ทราบความ พลันรำลึกถึงคำขงเบ้งว่านี่คือกลอุบายของจิวยี่ก็หนาวเหน็บสะดุ้งขึ้นทั้งตัว แต่ยังคงกล่าวยืนยันกับเกียวก๊กโลและเล่าความที่ลิห้อมไปเมืองเกงจิ๋วเป็นพ่อสื่อของซุนกวนเจรจายกนางซุนฮูหยินให้เป็นภรรยาของเล่าปี่ และเล่าปี่ให้ ซุนเขียนเป็นพ่อสื่อเดินทางมาเมืองกังตั๋งทำความตกลงนัดหมายกับซุนกวน จนกระทั่งเล่าปี่ได้เดินทางมาเมืองลำชีให้เกียวก๊กโลทราบทุกประการ
เกียวก๊กโลได้ฟังความจากเล่าปี่แล้วมีความยินดียิ่งนักที่ครอบครัวตระกูลซุนจะได้ผูกดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตระกูลเล่าซึ่งเป็นราชนิกุล มิได้สงสัยว่าจะเป็นแผนการร้ายของจิวยี่และซุนกวน คิดว่าหรือตัวเราชราแล้วซุนกวนจึงไม่อยากรบกวนบอกกล่าว แต่ไฉนเล่าก๊กไถ้ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันจึงไม่บอกข่าวมงคลให้เราทราบ จึงรำพึงว่าข่าวมงคลนี้ไฉนหนอก๊กไถ้จึงไม่บอกกล่าวให้เราทราบ เห็นจะต้องรีบไปต่อว่าสักหน่อยหนึ่ง
เล่าปี่เห็นดังนั้นจึงกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยยังไม่มีวาสนาได้พบก๊กไถ้ จึงรบกวนท่านขอฝากบอกก๊กไถ้ว่าเล่าปี่ขอฝากกราบคำนับมา
เกียวก๊กโลจึงว่ายินดี ๆ เล่าปี่เห็นสมควรแก่เวลาแล้วจึงคำนับลาเกียวก๊กโลกลับไปที่เรือ พอเล่าปี่กลับไปแล้วผู้เฒ่าเกียวก๊กโลได้สั่งให้คนในบ้านจัดขบวนแล้วรีบรุดไปที่จวนนางงอก๊กไถ้เพื่อแสดงความยินดีที่นางจะได้บุตรเขยซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ของฮ่องเต้
ฝ่ายเล่าปี่เมื่อกลับมาถึงเรือ ก็ได้รับรายงานจากบรรดาทหารซึ่งขึ้นไปจับจ่ายใช้สอยบังหน้าแล้วเปิดโปงป่าวประกาศการมาเมืองลำชีของเล่าปี่ว่าจะมาแต่งงานกับน้องสาว ซุนกวนให้ชาวเมืองได้ทราบโดยทั่วกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เล่าปี่เห็นการเป็นไปตามแผนการของขงเบ้งทุกประการก็มีความยินดี แต่ในใจก็ยังสงสัยว่าการข้างหน้าจะเป็นประการใดต่อไป
ครู่หนึ่งลิห้อมก็มาพบเล่าปี่ ต่างคำนับกันตามธรรมเนียมแล้วลิห้อมจึงว่าท่านเดินทางโดยมิได้แจ้งนัดหมายให้ซุนกวนทราบก่อนจึงมิได้จัดแจงพิธีต้อนรับ ท่านอย่าได้น้อยใจเลย แล้วว่าซุนกวนเพิ่งทราบว่าท่านมาถึงก็มีความยินดีจึงให้ข้าพเจ้ามาต้อนรับท่านและขอเชิญท่านไปพักที่ตึกรับรองแขกเมือง
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี กล่าวขอบคุณซุนกวนแล้วพาจูล่งและทหารตามลิห้อมไปที่ตึกรับรองแขกเมือง
ครั้นลิห้อมจัดแจงที่พักให้เล่าปี่แล้วจึงคำนับลากลับไป จูล่งจึงให้ทหารจัดเวรยามอารักขาเล่าปี่อย่างแข็งขันทั้งด้านนอกด้านในตึกที่พัก ตัวจูล่งเองนั้นเฝ้าติดตามเล่าปี่อย่างใกล้ชิดทุกฝีก้าวทุกเวลา
ฝ่ายผู้เฒ่าเกียวก๊กโลซึ่งมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับก๊กไถ้สามารถเข้านอกออกในจวนได้ทุกเวลาเสมือนว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ เมื่อไปถึงข้างในจวนก็ร้องเรียกก๊กไถ้ ๆ มาแต่ไกลด้วยความตื่นเต้นยินดีจนเป็นที่ประหลาดใจของทหารรักษาการณ์และผู้คนข้างในจวนนั้นว่าวันนี้ก๊กโลเป็นไฉนจึงตื่นเต้นยินดีถึงเพียงนี้
ในขณะนั้นนางงอก๊กไถ้นั่งปักผ้าไหมเป็นการพักผ่อนตามอดิเรก ได้ยินเสียงก๊กโลร้องเรียกด้วยความตื่นเต้นยินดีก็จำได้ แต่ประหลาดใจเช่นเดียวกับคนทั้งปวงว่าเหตุใดก๊กโลจึงเป็นเช่นนี้
เกียวก๊กโลเข้ามาถึงที่ก๊กไถ้พักผ่อน ด้วยอารามดีใจก็ไม่คำนับกันตามธรรมเนียมแล้วรีบกล่าวขึ้นว่าก๊กไถ้มีงานมงคลไฉนจึงไม่บอกให้เรารู้ แต่ถึงแม้จะไม่บอกเราก็ต้องรีบมาแสดงความยินดี
นางงอก๊กไถ้ได้ฟังดังนั้นก็ประหลาดใจ รีบถามว่างานมงคลอะไรหรือ
เกียวก๊กโลได้ฟังดังนั้นก็สำคัญว่านางงอก๊กไถ้แกล้งล้อเล่น จึงพูดเป็นจริงเป็นจังว่าก๊กไถ้พวกเราก็แก่ตัวกันแล้วไยจึงต้องมาล้อข้าพเจ้าเล่นเล่า
นางงอก๊กไถ้เห็นท่าทางเกียวก๊กโลเอาจริงเอาจังก็ฉงนใจ รีบกล่าวว่าข้าพเจ้าจะล้อท่านเล่นด้วยประโยชน์สิ่งใด เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่
เกียวก๊กโลจึงเล่าความที่ได้สนทนากับเล่าปี่ให้นางงอก๊กไถ้ฟังทุกประการ แล้วว่าบัดนี้ชาวเมืองลำชีรู้ข่าวมงคลนี้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ไฉนก๊กไถ้จึงไม่ทราบความ
นางงอก๊กไถ้ทราบความดังนั้นก็ตกใจ และถามว่าก๊กโลท่านแน่ใจหรือว่าชาวเมือง ลำชีได้ทราบความเรื่องนี้แล้ว
เกียวก๊กโลจึงว่าถ้าท่านไม่แน่ใจก็จงให้คนในจวนออกไปสืบข่าวข้างนอกก็จะทราบความเอง
นางงอก๊กไถ้ได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งฉงนใจ เพราะนางซุนฮูหยินเป็นบุตรีที่รักดังแก้วตาซึ่งนางไม่เคยปรึกษาหารือว่าจะยกให้เป็นภรรยาของผู้ใด และเรื่องใหญ่เพียงนี้หาก ซุนกวนคิดจะแต่งให้นางซุนฮูหยินมีเหย้าเรือนก็ต้องปรึกษาขอความเห็นชอบต่อนางซึ่งเป็นมารดาก่อน แต่เพื่อให้สิ้นสงสัยนางงอก๊กไถ้จึงเรียกคนใช้ในจวนให้รีบออกไปสืบความ และชวนให้ก๊กโลนั่งสนทนาอยู่เป็นเพื่อนก่อน
ครู่หนึ่งคนซึ่งนางงอกก๊กไถ้ใช้ไปสืบความก็กลับมารายงานว่าชาวเมืองได้ทราบข่าวเล่าปี่จะมาแต่งงานกับนางซุนฮูหยินทุกบ้านเรือน บัดนี้ชาวเมืองได้ตกแต่งบ้านต้อนรับการมงคลครั้งนี้บ้างแล้ว การแต่งงานครั้งนี้ลิห้อมเป็นพ่อสื่อของซุนกวน และซุนเขียนเป็นพ่อสื่อของเล่าปี่.
หนังสือลับของขงเบ้งกำหนดแผนปฏิบัติการเป็นสองประการคือ ให้ทหารของเล่าปี่ที่ติดตามมา “แต่งตัวจงโอ่โถง ไปเที่ยวซื้อของในเมืองลำชี ถ้าชาวเมืองจะถามว่ามาธุระสิ่งใด ก็ให้บอกว่าเล่าปี่จะมาแต่งงานกับน้องสาวซุนกวน ให้ชาวเมืองรู้จงทั่วกัน” อย่างหนึ่ง และให้เล่าปี่แต่งสิ่งของเข้าไปคำนับรัฐบุรุษอาวุโสเกียวก๊กโล ซึ่งเป็นพ่อตาของซุนเซ็กและจิวยี่อีกอย่างหนึ่ง
นี่คือยุทธวิธีของขงเบ้งที่ใช้ในการทำลายแผนการของจิวยี่ เพราะยอดกุนซือ อย่างขงเบ้งนั้นย่อมแจ้งในโลกนิติซึ่งเป็นนิติหนึ่งในสามที่กุนซือจำต้องรู้เป็นอย่างดีว่าธรรมเนียมประเพณีของจีนในยุคนั้นเมื่อพ่อสื่อหรือแม่สื่อของทั้งสองฝ่ายตกลงและหมั้นหมายกันแล้วย่อมถือว่าฝ่ายหญิงเป็นคนของสกุลฝ่ายชายแล้ว หากฝ่ายชายถึงแก่ความตายแม้ยังไม่ทันแต่งงาน หญิงนั้นก็จะได้ชื่อว่าเป็นหม้าย และไม่สามารถแต่งงานใหม่ได้อีกตลอดชีวิต มิฉะนั้นโลกนิยมแห่งโลกนิติในยุคนั้นจะประณามและครหานินทา
ขงเบ้งคาดการณ์ว่าเมื่อเป็นแผนการอุบายของจิวยี่ เรื่องการแต่งงานครั้งนี้คงจะถูกปกปิดเป็นความลับ ดังนั้นการทำลายแผนการของจิวยี่ให้พินาศไปจึงต้องทำให้เรื่องที่ปกปิดไว้นี้เปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ เพื่อผูกมัดน้องสาวซุนกวน ให้คนทั้งปวงรับรู้ว่านางซุนฮูหยินเป็นคนของแซ่เล่าแล้ว ใช้โซ่ตรวนแห่งโลกนิติผูกมัดตระกูลซุนไม่ให้สามารถทำตามแผนการร้ายของจิวยี่ต่อไปได้ ดังนั้นจึงต้องให้ทหารของเล่าปี่ออกไปเปิดโปงแผนการที่ปกปิดนี้ให้ชาวเมืองรับรู้ ยุทธวิธีประการนี้จึงมุ่งกระทำต่อประชาชนชาวเมืองลำชีเพื่อใช้อานุภาพของพลังแห่งโลกนิตินั่นเอง
แต่เท่านั้นยังไม่ประกันให้การได้ตัวนางซุนฮูหยินเป็นภรรยาเล่าปี่ผูกดองซุนกวนเป็นผลสำเร็จ จึงกำหนดยุทธวิธีอีกประการหนึ่งกระทำต่อครอบครัวของซุนกวน เพราะขงเบ้งย่อมมีข่าวกรองที่แน่ชัดแล้วว่าแม้ซุนกวนจะเป็นถึงเจ้าเมืองกังตั๋ง แต่มีน้ำใจกตัญญูและเกรงกลัวนางงอก๊กไถ้ผู้เป็นแม่น้าเสมอด้วยมารดาตัวเอง และนางงอก๊กไถ้เล่าก็มีบุตรีคนเดียวคือนางซุนฮูหยินซึ่งนางรักห่วงดังดวงใจ ไม่มีวันยินยอมให้ตกเป็นหม้ายตามแผนการของจิวยี่โดยเด็ดขาด แต่นางงอก๊กไถ้นั้นพำนักอยู่ในจวนของซุนกวนยากที่จะเข้าถึงตัวได้โดยง่าย ดังนั้นจึงต้องอาศัยรัฐบุรุษอาวุโสเกียวก๊กโลซึ่งใกล้ชิดสนิทสนมและเป็นที่นับถือของนางงอก๊กไถ้เป็นผู้ประสาน เหตุนี้ขงเบ้งจึงกำหนดให้เล่าปี่ต้องไปคำนับรัฐบุรุษอาวุโสเกียวก๊กโลด้วยตนเอง
และนี่คือเหตุผลที่ขงเบ้งกำหนดฤกษ์ดีแล้วให้เล่าปี่มาเมืองลำชีโดยที่ไม่แจ้งข่าวให้ซุนกวนทราบ เพราะถ้าซุนกวนทราบความก่อนแล้วก็อาจคิดแผนการกำจัดเล่าปี่เสียก่อน
ดังนั้นพอขบวนเรือของเล่าปี่เทียบท่าที่เมืองลำชีแล้ว ทหารของเล่าปี่จึงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดงสดตามแบบการแต่งกายในพิธีนำขบวนขันหมากที่กำลังนำเจ้าบ่าวเข้าสู่พิธีแต่งงานแล้วแยกย้ายกันปฏิบัติการตามแผนการของขงเบ้งทั่วทั้งเมืองลำชี
เพียงไม่ถึงชั่วยามชาวเมืองลำชีทั้งปวงก็เล่าขานต่อ ๆ กันไปว่า เมืองกังตั๋งกำลังมีพิธีมงคลสมรสระหว่างพระเจ้าอาเล่าปี่กับน้องสาวของซุนกวน ชาวเมืองทั้งปวงจึงมีความโสมนัสโดยทั่วหน้ากัน
ในขณะเดียวกันนั้นเล่าปี่ได้แต่งตัวตามแบบเจ้าบ่าวจะเข้าพิธีแต่งงาน จัดขบวนนำของกำนัลแล้วให้ชาวเมืองนำทางไปที่จวนของรัฐบุรุษอาวุโสเกียวก๊กโล
ฝ่ายรัฐบุรุษอาวุโสเกียวก๊กโลพำนักอยู่ที่จวนตามประสาผู้สูงอายุอย่างเงียบเหงา แต่ละวันได้แต่อ่านหนังสือและชื่นชมของโบราณเป็นงานอดิเรก เพราะไม่มีพ่อค้าข้าราชการมาเยี่ยมเยียนรบกวนวิ่งเต้นขอตำแหน่ง หรือโครงการเหมือนกับนักการเมืองยามเรืองอำนาจ ดังนั้นพอทราบความจากทหารรักษาการณ์หน้าจวนว่ามีแขกเมืองคนสำคัญเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ที่พระเจ้าอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้นามว่าเล่าปี่กิตติศัพท์ลือชาปรากฎว่าเปี่ยมด้วยคุณธรรมแลโอบอ้อมอารีต่อคนทั้งปวงมาขอพบและรออยู่ที่หน้าจวนก็ตื่นเต้นและแปลกใจอยู่ในที
เกียวก๊กโลผู้เฒ่ารีบแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ให้สมกับเกียรติของแขกผู้มาเยือนแล้วออกไปต้อนรับเล่าปี่ถึงที่ข้างนอกประตูจวน
ผู้เฒ่าเกียวก๊กโลแม้จะสูงวัยกว่าเล่าปี่ แต่เพราะสูงวัย ความรักภักดีบูชาศรัทธาในราชสำนักที่ฝังใจมาแต่ก่อนจึงสูงตาม ดังนั้นพอเห็นเล่าปี่มีบุคลิกสง่างามนุ่มนวลมีราศีผิดกว่าคนทั้งปวง เกียวก๊กโลจึงตรงเข้าไปคำนับโดยมิพักต้องอาศัยผู้ใดแนะ แล้วกล่าวว่าพระเจ้าอามีภารกิจใดในเมืองนี้หรือจึงได้แวะมาถึงจวนของข้าพเจ้า
เล่าปี่เห็นผู้เฒ่าเกียวก๊กโลคำนับอย่างนอบน้อมดังนั้น จึงรีบคุกเข่าลงคำนับตอบ ประหนึ่งบุตรหลานคำนับบุพการีแล้วว่า ข้าพเจ้าเพิ่งมาถึงเมืองลำชีเมื่อชั่วยามนี้แล้วรีบมาคำนับท่านรัฐบุรุษโดยเฉพาะ
เล่าปี่สังเกตเห็นเกียวก๊กโลมีลักษณะเป็นคนแก่ใจดีและมีลักษณะโอ่โถงนุ่มนวลจึงถูกอัธยาศัยยิ่งนัก ดังนั้นอากัปกิริยาวาจาของเล่าปี่จึงเปี่ยมไปด้วยความเคารพ สุภาพ นุ่มนวลและจริงใจ ในขณะที่เกียวก๊กโลก็รู้สึกพึงใจรักใคร่นับถือเล่าปี่ในทันทีที่ได้พบเช่นเดียวกัน เกียวก๊กโลเห็นเล่าปี่ซึ่งเป็นถึงพระเจ้าอาของฮ่องเต้คุกเข่าลงคำนับดังนั้นก็ตกใจ รีบเข้าไปประคองเล่าปี่ให้ลุกขึ้นแล้วว่าพระเจ้าอาให้เกียรติข้าพเจ้ายิ่งแล้วๆ
เล่าปี่ลุกขึ้นแล้วค้อมศีรษะขอบคุณเกียวก๊กโลแล้วว่า ท่านรัฐบุรุษมีคุณธรรมร่ำลือไปไกลนานช้าข้าพเจ้าศรัทธาเลื่อมใสมานานแล้ว ได้มีโอกาสมาคำนับในวันนี้เป็นวาสนายิ่งนัก
เกียวก๊กโลได้ฟังปิยะวาจาอันเปี่ยมด้วยความนิยมของเล่าปี่ก็ยิ่งมีความอิ่มใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และเชิญเล่าปี่เข้าไปสนทนากันที่ข้างในจวน หลังจากโอภาปราศรัยพอเป็นที่ใกล้ชิดแล้วเกียวก๊กโลเฉลียวใจที่เห็นเล่าปี่แต่งตัวในชุดเจ้าบ่าวและในขบวนที่มานั้นก็เหมือนกับขบวนขันหมากในพิธีแต่งงาน ทั้งยังมีทหารต้อนฝูงแพะ หาบไหสุราและของขวัญกำนัลมาเป็นอันมาก จึงถามเล่าปี่ว่าบรรดาข้าวของทั้งนี้ท่านจะเอาไปที่แห่งใด
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงว่าข้าพเจ้ามาเมืองลำชีครั้งนี้เพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับนางซุนฮูหยินน้องสาวของซุนกวน ดังนั้นจึงนำข้าวของทั้งนี้มาคำนับขอฝากตัวไว้กับท่านผู้เป็นทั้งเสาหลักของตระกูลซุนแลแคว้นกังตั๋ง ว่าแล้วเล่าปี่จึงมอบสิ่งของทั้งปวงแก่เกียวก๊กโล
เกียวก๊กโลรับมอบของกำนัลด้วยความยินดีแต่ยังฉงนใจ จึงรีบถามย้ำว่าพระเจ้าอาจะมาแต่งงานกับน้องสาวซุนกวนหรือ ไฉนเล่าข้าพเจ้าจึงไม่ทราบมาก่อนเลย
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ฉงนใจเช่นเดียวกันว่าความใหญ่ปานนี้ไฉนเกียวก๊กโลซึ่งเป็นผู้ใหญ่ของแคว้นกังตั๋งจึงไม่ทราบความ พลันรำลึกถึงคำขงเบ้งว่านี่คือกลอุบายของจิวยี่ก็หนาวเหน็บสะดุ้งขึ้นทั้งตัว แต่ยังคงกล่าวยืนยันกับเกียวก๊กโลและเล่าความที่ลิห้อมไปเมืองเกงจิ๋วเป็นพ่อสื่อของซุนกวนเจรจายกนางซุนฮูหยินให้เป็นภรรยาของเล่าปี่ และเล่าปี่ให้ ซุนเขียนเป็นพ่อสื่อเดินทางมาเมืองกังตั๋งทำความตกลงนัดหมายกับซุนกวน จนกระทั่งเล่าปี่ได้เดินทางมาเมืองลำชีให้เกียวก๊กโลทราบทุกประการ
เกียวก๊กโลได้ฟังความจากเล่าปี่แล้วมีความยินดียิ่งนักที่ครอบครัวตระกูลซุนจะได้ผูกดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตระกูลเล่าซึ่งเป็นราชนิกุล มิได้สงสัยว่าจะเป็นแผนการร้ายของจิวยี่และซุนกวน คิดว่าหรือตัวเราชราแล้วซุนกวนจึงไม่อยากรบกวนบอกกล่าว แต่ไฉนเล่าก๊กไถ้ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันจึงไม่บอกข่าวมงคลให้เราทราบ จึงรำพึงว่าข่าวมงคลนี้ไฉนหนอก๊กไถ้จึงไม่บอกกล่าวให้เราทราบ เห็นจะต้องรีบไปต่อว่าสักหน่อยหนึ่ง
เล่าปี่เห็นดังนั้นจึงกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยยังไม่มีวาสนาได้พบก๊กไถ้ จึงรบกวนท่านขอฝากบอกก๊กไถ้ว่าเล่าปี่ขอฝากกราบคำนับมา
เกียวก๊กโลจึงว่ายินดี ๆ เล่าปี่เห็นสมควรแก่เวลาแล้วจึงคำนับลาเกียวก๊กโลกลับไปที่เรือ พอเล่าปี่กลับไปแล้วผู้เฒ่าเกียวก๊กโลได้สั่งให้คนในบ้านจัดขบวนแล้วรีบรุดไปที่จวนนางงอก๊กไถ้เพื่อแสดงความยินดีที่นางจะได้บุตรเขยซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ของฮ่องเต้
ฝ่ายเล่าปี่เมื่อกลับมาถึงเรือ ก็ได้รับรายงานจากบรรดาทหารซึ่งขึ้นไปจับจ่ายใช้สอยบังหน้าแล้วเปิดโปงป่าวประกาศการมาเมืองลำชีของเล่าปี่ว่าจะมาแต่งงานกับน้องสาว ซุนกวนให้ชาวเมืองได้ทราบโดยทั่วกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เล่าปี่เห็นการเป็นไปตามแผนการของขงเบ้งทุกประการก็มีความยินดี แต่ในใจก็ยังสงสัยว่าการข้างหน้าจะเป็นประการใดต่อไป
ครู่หนึ่งลิห้อมก็มาพบเล่าปี่ ต่างคำนับกันตามธรรมเนียมแล้วลิห้อมจึงว่าท่านเดินทางโดยมิได้แจ้งนัดหมายให้ซุนกวนทราบก่อนจึงมิได้จัดแจงพิธีต้อนรับ ท่านอย่าได้น้อยใจเลย แล้วว่าซุนกวนเพิ่งทราบว่าท่านมาถึงก็มีความยินดีจึงให้ข้าพเจ้ามาต้อนรับท่านและขอเชิญท่านไปพักที่ตึกรับรองแขกเมือง
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี กล่าวขอบคุณซุนกวนแล้วพาจูล่งและทหารตามลิห้อมไปที่ตึกรับรองแขกเมือง
ครั้นลิห้อมจัดแจงที่พักให้เล่าปี่แล้วจึงคำนับลากลับไป จูล่งจึงให้ทหารจัดเวรยามอารักขาเล่าปี่อย่างแข็งขันทั้งด้านนอกด้านในตึกที่พัก ตัวจูล่งเองนั้นเฝ้าติดตามเล่าปี่อย่างใกล้ชิดทุกฝีก้าวทุกเวลา
ฝ่ายผู้เฒ่าเกียวก๊กโลซึ่งมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับก๊กไถ้สามารถเข้านอกออกในจวนได้ทุกเวลาเสมือนว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ เมื่อไปถึงข้างในจวนก็ร้องเรียกก๊กไถ้ ๆ มาแต่ไกลด้วยความตื่นเต้นยินดีจนเป็นที่ประหลาดใจของทหารรักษาการณ์และผู้คนข้างในจวนนั้นว่าวันนี้ก๊กโลเป็นไฉนจึงตื่นเต้นยินดีถึงเพียงนี้
ในขณะนั้นนางงอก๊กไถ้นั่งปักผ้าไหมเป็นการพักผ่อนตามอดิเรก ได้ยินเสียงก๊กโลร้องเรียกด้วยความตื่นเต้นยินดีก็จำได้ แต่ประหลาดใจเช่นเดียวกับคนทั้งปวงว่าเหตุใดก๊กโลจึงเป็นเช่นนี้
เกียวก๊กโลเข้ามาถึงที่ก๊กไถ้พักผ่อน ด้วยอารามดีใจก็ไม่คำนับกันตามธรรมเนียมแล้วรีบกล่าวขึ้นว่าก๊กไถ้มีงานมงคลไฉนจึงไม่บอกให้เรารู้ แต่ถึงแม้จะไม่บอกเราก็ต้องรีบมาแสดงความยินดี
นางงอก๊กไถ้ได้ฟังดังนั้นก็ประหลาดใจ รีบถามว่างานมงคลอะไรหรือ
เกียวก๊กโลได้ฟังดังนั้นก็สำคัญว่านางงอก๊กไถ้แกล้งล้อเล่น จึงพูดเป็นจริงเป็นจังว่าก๊กไถ้พวกเราก็แก่ตัวกันแล้วไยจึงต้องมาล้อข้าพเจ้าเล่นเล่า
นางงอก๊กไถ้เห็นท่าทางเกียวก๊กโลเอาจริงเอาจังก็ฉงนใจ รีบกล่าวว่าข้าพเจ้าจะล้อท่านเล่นด้วยประโยชน์สิ่งใด เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่
เกียวก๊กโลจึงเล่าความที่ได้สนทนากับเล่าปี่ให้นางงอก๊กไถ้ฟังทุกประการ แล้วว่าบัดนี้ชาวเมืองลำชีรู้ข่าวมงคลนี้กันทั่วทั้งเมืองแล้ว ไฉนก๊กไถ้จึงไม่ทราบความ
นางงอก๊กไถ้ทราบความดังนั้นก็ตกใจ และถามว่าก๊กโลท่านแน่ใจหรือว่าชาวเมือง ลำชีได้ทราบความเรื่องนี้แล้ว
เกียวก๊กโลจึงว่าถ้าท่านไม่แน่ใจก็จงให้คนในจวนออกไปสืบข่าวข้างนอกก็จะทราบความเอง
นางงอก๊กไถ้ได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งฉงนใจ เพราะนางซุนฮูหยินเป็นบุตรีที่รักดังแก้วตาซึ่งนางไม่เคยปรึกษาหารือว่าจะยกให้เป็นภรรยาของผู้ใด และเรื่องใหญ่เพียงนี้หาก ซุนกวนคิดจะแต่งให้นางซุนฮูหยินมีเหย้าเรือนก็ต้องปรึกษาขอความเห็นชอบต่อนางซึ่งเป็นมารดาก่อน แต่เพื่อให้สิ้นสงสัยนางงอก๊กไถ้จึงเรียกคนใช้ในจวนให้รีบออกไปสืบความ และชวนให้ก๊กโลนั่งสนทนาอยู่เป็นเพื่อนก่อน
ครู่หนึ่งคนซึ่งนางงอกก๊กไถ้ใช้ไปสืบความก็กลับมารายงานว่าชาวเมืองได้ทราบข่าวเล่าปี่จะมาแต่งงานกับนางซุนฮูหยินทุกบ้านเรือน บัดนี้ชาวเมืองได้ตกแต่งบ้านต้อนรับการมงคลครั้งนี้บ้างแล้ว การแต่งงานครั้งนี้ลิห้อมเป็นพ่อสื่อของซุนกวน และซุนเขียนเป็นพ่อสื่อของเล่าปี่.