สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 29 เล่าปี่ตั้งตัว

โจโฉแค้นใจที่เสียรู้เล่าปี่ มอบทหารให้ห้าหมื่นคนไปปราบอ้วนสุด จนกลุ่มของเล่าปี่ไปตั้งตัวได้ที่ ที่เมืองชีจิ๋ว ซุกฮกกุนซือเจ้าเก่าผู้ถนัดกลการเมืองวิชามารแนะให้โจโฉใช้สมัครพรรคพวกคนสนิทที่มีอยู่ในชีจิ๋วให้หาทางลอบฆ่าเล่าปี่

โจโฉเห็นด้วยจึงมีหนังสือลับสั่งให้กีเหมาเป็นตัวแทนนอมินีให้ดำเนินการตามแผน กีเหมาเห็นตันเต๋งคนเก่าแก่ของชีจิ๋วที่ช่วยโจโฉปราบลิโป้กับยึดเมืองชีจิ๋วไว้ได้ก็ไว้ใจ สั่งให้มากระซิบความให้วางแผนจับเล่าปี่ฆ่า ตันเต๋งรับปาก แต่กลับนำความออกมาคิดอ่านกับตันกุ๋ยผู้พ่อซึ่งเป็นขุนนางระดับรัฐบุรุษเพื่อซ้อนกลกีเหมา ด้วยเห็นว่าเล่าปี่เป็นผู้นำที่มีปัญญา น้ำใจโอบอ้อมอารีแก่ราษฎรทั้งปวง แล้วยังเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ ที่โจโฉคิดอ่านทำร้ายเล่าปี่เราจะคิดด้วยนั้นไม่ควร

ตันกุ๋ยจึงให้ตันเต๋งลอบไปหาเล่าปี่ กลางทางพบกวนอูกับเตียวหุยคุมทหารมาก่อน จึงร่วมกันวางอุบายซ้อนกลกีเหมา โดยตันเต๋งจะกลับเข้าเมืองก่อน หลอกล่อให้กีเหมาออกมานอกประตูเมือง ถ้าท่านกวนอูจับมันไม่ได้ ข้าพเจ้าจะให้ทหารยิงเกาทัณฑ์สกัดไว้ ด้วยแผนคนในทรยศของตันเต๋ง ชะตาของกีเหมากับพวกในชีจิ๋วก็ถึงฆาตเร็วกว่าที่คิด

พอตกค่ำกวนอูให้ทหารแต่งปลอมเป็นทหารโจโฉ ถือธงสำคัญเข้าถึงคูเมืองใกล้เชิงกำแพง ร้องบอกนายประตูว่าท่านมหาอุปราชให้เตียวเลี้ยวมาหากีเหมา แต่กีเหมายังไม่ปักใจเชื่อ ให้หาตันเต๋งมาหารือ ตันเต๋งแนะให้กีเหมาขึ้นไปดูบนเชิงเทินให้แน่เสียก่อน กีเหมาจึงพาตันเต๋งขึ้นไปบนเชิงเทินร้องลงไปว่าบัดนี้ก็ดึกมากแล้ว มหาอุปราชมีราชการใดก็ให้รอถึงตะวันสางก่อน ทหารกวนอูร้องตอบว่า ท่านมหาอุปราชใช้มาว่าด้วยเรื่องลับ ช้านิ่งไว้เกรงเล่าปี่จะรู้ก่อน กีเหมาจึงคุมทหารพันหนึ่งเปิดประตูข้ามคูเมืองออกไปร้องถามว่าเตียวเลี้ยวอยู่ที่ไหน

กวนอูคอยทีอยู่แล้วควบม้าตรงรี่เข้าหากีเหมาร้องตวาดว่าไอ้ตัวร้ายมึงคบคิดกับโจโฉจะทำร้ายพี่กู กีเหมาได้ยินดังนั้นก็โกรธชักม้าเข้ารบกับกวนอูประมาณสิบเพลงสู้ไม่ได้ จึงชักม้าจะหนีเข้าเมือง แต่ตันเต๋งสั่งปิดประตูเมืองพร้อมทั้งยิงเกาทัณฑ์ลงมา กีเหมาอ้อมกำแพงเมืองหนี

แต่กวนอูกวดไล่ทันยกง้าวฟันกีเหมาตกม้าตาย แล้วตัดชูศีรษะกีเหมา ร้องประกาศให้ทหารที่อยู่บนเชิงเทินว่ากีเหมาคิดร้าย เราจึงได้ฆ่าเสีย ท่านทั้งปวงที่ทำการด้วยกับเราจะไม่ได้รับอันตราย ทหารทั้งปวงจึงเปิดประตูเมืองให้พร้อมกับคำนับกวนอู กวนอูกับตันเต๋งจึงเข้าไปจัดระเบียบในเมือง ฝ่ายเตียวหุยซึ่งเป็นคนเลือดร้อนอยู่แล้ว เข้าไปในเมืองฆ่าลูกเมียกับครอบครัวกีเหมาจนสิ้นโคตร รวมไปถึงการฆ่าตัดตอนสมัครพรรคพวกของโจโฉที่มีอยู่ในเมืองชีจิ๋วจนหมดสิ้น

ครั้นเล่าปี่มาถึงเมืองชีจิ๋ว กวนอูกับตันเต๋งไปรับที่หน้าประตูเมือง เล่าปี่ถามหาเตียวหุย กวนอูบอกว่าเตียวหุยกำลังไปฆ่าล้างโคตรพวกนิยมโจโฉ เล่าปี่ถึงกับสะดุ้งผิดหวังอย่างยิ่งต่อการกระทำของกวนอูกับเตียวหุย จึงว่ากีเหมาเป็นคนสนิทโจโฉ สิ่งที่เกิดขึ้นแม้นรู้ไปถึงโจโฉแล้ว โจโฉจะต้องยกทัพมาทำอันตรายแก่พวกเรา แม้ว่ากวนอูเตียวหุยออกปากอย่างแข็งขันจะรับศึกโจโฉด้วยเอาชีวิตเข้าแลก แต่เล่าปี่ก็ยังไม่สิ้นความวิตก

ตันเต๋งจึงแนะนำเล่าปี่ให้หาทางเป็นพันธมิตรกับอ้วนเสี้ยว เล่าปี่แย้งว่าก็พวกเราเพิ่งรบชนะและทำลายอ้วนสุดจนตกอับเสียชีวิต แล้วอ้วนเสี้ยวจะเห็นแก่ไมตรีได้อย่างไร ตันเต๋งให้เหตุผลว่า ถึงสองคนนี้จะเป็นพี่น้องกันก็จริง ต่างก็ยึดถืออัตตานำเอาผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเป็นใหญ่กว่าความสำคัญของสัมพันธภาพทระหว่างพี่กับน้อง คราวที่รบกันอ้วนสุดขอร้องให้พี่ชายช่วยส่งทัพหนนมาช่วย พี่ชายกลับต่อรองว่าให้น้องชายส่งตราหยกแผ่นดินมาให้ก่อน แต่อ้วนสุดผู้น้องไม่ยอม

เล่าปี่จึงมองเห็นทางที่จะผูกไมตรีหลวม ๆ ไว้กับอ้วนเสี้ยว จึงแต่งทูตไปเจรจาอ้วนเสี้ยว เมื่ออ้วนเสี้ยวได้รับสาร แม้จะยังมีความแค้นที่เล่าปี่ปราบอ้วนสุดน้องชายจนพ่ายแพ้ไป ครั้นเมื่อรู้ว่าเล่าปี่กลับเป็นศัตรูของโจโฉ คติพจน์ที่ว่า ศัตรูของศัตรูย่อมเป็นมิตรของเรา อ้วนสุดเห็นทีที่จะเอาชนะโจโฉได้ ด้วย ผลประโยชน์ทางการเมืองย่อมเหนือกว่าความแค้นส่วนตัว เห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะปราบโจโฉได้ จึงแต่งประกาศไปยัง 18 หัวเมืองความว่า โจโฉหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจะโค่นพระราชบัลลังก์ ข้าพเจ้าจะยกกองทัพไปกำจัดโจโฉ อย่าให้หัวเมืองต่าง ๆ เข้าด้วยกับโจโฉเป็นอันขาด แล้วอ้วนเสี้ยวก็ยกทัพใหญ่มีไพร่พล 70 หมื่นมุ่งไปยังพระนครฮูโต๋

ฝ่ายโจโฉพอทราบข่าวศึกใหญ่ โจโฉชำนาญศึกคิดเล่นกลลวง หวังให้เล่าปี่มิกล้ายกทัพมาตีฮูโต๋ขนาบหลัง จึงให้เล่าต้ายกับอองต๋งทหารชั้นโทยกกำลังไปขัดตาทัพชีจิ๋วของเล่าปี่ไว้ โดยทำอุบายชักธงประจำตัวโจโฉขึ้นในกองทัพ เพื่อหลอกให้เล่าปี่ขยาดผวา จนมิกล้าเคลื่อนทัพอยู่แค่รักษาเมือง แล้วโจโฉก็ยกทัพไปยันทัพอ้วนเสี้ยวที่นอกพระนคร แต่ยังมิทันรบภายในกองทัพของอ้วนเสี้ยวเกิดการแตกแยกเสียก่อนเหตุด้วยเขาฮิวนายทหารชั้นผู้ใหญ่น้อยใจที่อ้วนเสี้ยวแต่งตั้งให้สิมโพยคู่อริของตนเป็นรองแม่ทัพ และชีสิวเสนาธิการก็น้อยใจอ้วนเสี้ยวที่ไม่เห็นด้วยกับแผนการรบของตน อ้วนเสี้ยวจึงต้องตั้งทัพอยู่เฉยๆ ไม่ทำการรบกว่าสองเดือน

สิ่งที่เกิดขึ้นจึงสะท้อนให้เห็นว่า อ้วนเสี้ยวเป็นผู้นำที่ไร้ความเด็ดขาด เป็นแม่ทัพที่มิได้รอบรู้การศึก ขาดวิจารณญาณ การแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งสำคัญ ๆ ทางทหารจึงกลายเป็นปัญหาของชาติในทุก ๆ ปีเหมือนในหลายประเทศ โจโฉเห็นทัพอ้วนเสี้ยวไม่ได้เรื่องก็เลยถอนทัพส่วนใหญ่กลับพระนคร อ้วนเสี้ยวเห็นโจโฉเลิกทัพ ก็สั่งถอนทัพกลับเมืองกิจิ๋วอย่างไม่มีปีไม่มีขลุ่ย

โจโฉกลับถึงฮูโต๋ มีคำสั่งให้เล่าต้ายกับอองต๋งเข้าตีเมืองชีจิ๋ว จับตัวเล่าปี่มาให้จงได้ ฝ่ายเล่าปี่เห็นทัพที่ชักธงโจโฉรุกเข้ามา ก็ให้กวนอูออกรบ และจับเล่าต้ายมาได้ รุ่งขึ้นอีกวันเตียวหุยจับอองต๋งได้มาอีก เล่าปี่สอนเชิงการเมืองให้น้อง ๆ ด้วยการเลี้ยงดูเล่าต้ายกับอองต๋งอย่างดี แล้วปล่อยตัวกลับสั่งความให้ส่งถึงโจโฉว่า ข้าพเจ้ารำลึกถึงไมตรีของท่านสมุหนายกอยู่เสมอ จึงมิได้ฆ่าแม่ทัพของท่านที่ส่งไปฆ่าข้าพเจ้า ด้วยข้าพเจ้าเล่าปี่มิได้เป็นศัตรูของท่านแต่ประการใด

เล่าปี่เริ่มชำนาญการศึก พอปล่อยตัวเล่าต้ายกับอองต๋งไปแล้วจึงสั่งให้แบ่งทหารไปตั้งอยู่ที่เมืองเสียวพ่ายกองหนึ่ง เตรียมรับการโจมตีของโจโฉ ให้กวนอูคุมทหารกำกับครอบครัวคือนางกำฮูหยินกับบิฮูหยินสองภรรยาเล่าปี่ไปไว้ ณ เมืองแห้ฝือ ให้ซุนเขียนกับตันหยง บิต๊ก บิฮองอยู่รักษาเมืองชีจิ๋ว ส่วนเล่าปี่กับเตียวหุยอยู่รักษาเมืองเสียวพ่าย

โจโฉเห็นเล่าต้ายกับอองต๋งเสียทีกลับมา ก็เตรียมยกทัพใหญ่ไปปราบเล่าปี่ ขงหยงกุนซือเตือนว่า หากจะรบกับเล่าปี่ ก็น่าจะไปเกลี้ยกล่อมเตียวสิ้วเจ้าเมืองอ้วนเซียกับเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วไว้เป็นพวกเสียก่อน หาไม่แล้วยกทัพไปแห่งใดก็ยังต้องห่วงประตูหลังบ้าน อาจจะถูกตีตลบหลังอยู่ไม่วาย

โจโฉเห็นด้วยจึงส่งเล่าหัวซึ่งเป็นคนมีสติปัญญาไปเกลี้ยกล่อมเตียวสิ้วที่เมืองเชงเอี๋ยง พอดีอ้วนเสี้ยวส่งทูตมาเกลี้ยกล่อมเตียวสิ้วเช่นกัน เตียวสิ้วจึงปรึกษากาเซี่ยงเสนาบดีกุนซือมือฉมังว่าควรจะผูกมิตรกับฝ่ายไหนดี กาเซี่ยงแนะนำให้เข้ากับโจโฉด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ ประการที่หนึ่ง โจโฉเป็นใหญ่ในเมืองหลวง จะทำการสิ่งใดก็อ้างพระบรมราชโองการได้สะดวก

ประการที่สอง อ้วนเสี้ยวมีกำลังทหารมากอยู่แล้วย่อมมองไม่เห็นคุณค่าเตียวสิ้ว ส่วนโจโฉมีกำลังน้อยย่อมจะยินดีที่ได้มีพวกมาเข้าด้วย ประการสุดท้ายคือ โจโฉคิดการใหญ่ในแผ่นดิน ย่อมต้องแสดงตัวว่าเป็นผู้มีน้ำใจกว้างขวางโอบอ้อมอารี มิได้มีความพยาบาทผู้ใด ผูกมิตรกับโจโฉย่อมสะดวกใจมากกว่าอยู่กับอ้วนเสี้ยว ด้วยเหตุผลหนาแน่นของกาเซี่ยง เตียวสิ้วเห็นด้วยจึงตัดสินใจหันไปผูกมิตรกับอริเก่าอย่างโจโฉ เตียวสิ้วเชื่ออีกว่า การเมืองไม่มีมิตรกับศัตรูถาวร มีแต่ผลประ โยชน์เท่านั้นที่ถาวรจีรังสำหรับนักการเมือง

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘