ตอนที่ 171. คุณธรรมเบื้องหน้าคนถ่อย

ยุทธศาสตร์ของโจโฉในการกรีฑาทัพขึ้นภาคเหนือ คือการปราบขุนศึกทางภาคเหนือให้ราบคาบ เมื่อสิ้นบุญอ้วนเสี้ยวคู่ปรปักษ์ซึ่งครองอำนาจเป็นใหญ่ในภาคเหนือแล้วเท่ากับยุทธศาสตร์ของโจโฉในครั้งนี้ได้บรรลุเป้าหมายโดยพื้นฐาน หลังจากดำเนินนโยบายครองใจผู้คนตระกูลอ้วนในเมืองกิจิ๋ว และแม่ทัพนายกองของเมืองกิจิ๋วจนสงบราบคาบแล้ว แต่สถานการณ์ยังไม่สิ้นสุดเพราะลูกหลานของอ้วนเสี้ยวที่จะเป็นเชื้อของการแข็งข้อในอนาคตยังไม่หมดสิ้นไป

            ดังนั้นเพื่อบรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ภาคเหนือโดยสมบูรณ์ โจโฉจึงจำต้องปราบปรามลูกหลานของอ้วนเสี้ยวให้ราบคาบก่อน นั่นคือจะต้องปราบปรามอ้วนถำ อ้วนฮี อ้วนชง ผู้บุตรของอ้วนเสี้ยวและโกกันผู้เป็นหลานของอ้วนเสี้ยวให้สำเร็จ

            เมื่อโจโฉทราบข่าวว่าอ้วนถำยึดเมืองเพงง้วนก๋วนและหัวเมืองทั้งสี่ได้แล้วก็เกรงว่าอ้วนถำจะแข็งข้อ จึงให้ทหารเดินทางมาเมืองเพงง้วนก๋วนเชิญให้อ้วนถำไปปรึกษาข้อราชการที่เมืองกิจิ๋ว

            อ้วนถำในวันนี้มีกำลังกองทัพเพิ่มขึ้น จึงไม่ใช่อ้วนถำในวันที่เพลี่ยงพล้ำและขอสวามิภักดิ์กับโจโฉ พอทหารของโจโฉมาเชิญตัวไปปรึกษาข้อราชการก็รู้ทันว่าโจโฉวางแผนจะเอาตัวไว้ในอำนาจ จึงแจ้งแก่ทหารนั้นว่าขณะนี้เมืองเพงง้วนก๋วนยังไม่เป็นปกติ และให้ทหารนั้นกลับไปก่อน

            โจโฉได้ทราบรายงานจากทหารว่าอ้วนถำไม่ยอมมาพบก็โกรธ แต่งหนังสือให้ทหารถือกลับไปแจ้งแก่อ้วนถำว่า “ตัวเราเป็นผู้ใหญ่ ให้หาอ้วนถำมาจะคิดราชการด้วย อ้วนถำขัดแข็งไม่มา แลบุตรเราซึ่งจะยกให้เป็นภรรยาของอ้วนถำนั้นเราไม่ให้แล้ว”

            พอทหารถือหนังสือออกไป โจโฉจึงเรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองให้เตรียมกำลังและเคลื่อนทัพจากเมืองกิจิ๋วยกไปตีเมืองเพงง้วนก๋วนเพื่อกำจัด อ้วนถำต่อไป

            ทางฝ่ายอ้วนถำพอทราบข่าวศึกจึงเรียกที่ปรึกษาและแม่ทัพนายกองมาปรึกษาว่าจะรับมือกับกองทัพโจโฉที่จะยกมานี้อย่างไร

            ในที่สุดตกลงกันว่าการจะรับมือกับโจโฉแต่ด้านเดียวฉะนี้จะเสียทีแก่โจโฉโดยง่าย เพราะโจโฉมีทหารเป็นอันมากและชำนาญการศึก สมควรที่อ้วนถำจะได้มีหนังสือไปถึงเล่าเปียวเจ้าเมืองเกงจิ๋วให้ยกกองทัพมาช่วยเมืองเพงง้วนก๋วน

            อ้วนถำเห็นชอบตามแผนการดังกล่าว จึงมีหนังสือไปถึงเล่าเปียวตามมติของที่ประชุม พอเล่าเปียวได้รับหนังสือจึงปรึกษากับเล่าปี่ว่าบัดนี้โจโฉยกกองทัพขึ้นภาคเหนือตีเมืองกิจิ๋วได้แล้ว มีน้ำใจกำเริบยกไปปราบปรามหัวเมืองภาคเหนือ หากปราบปรามได้สำเร็จคงจะคิดกรีฑาทัพลงใต้ อันตรายก็จะบังเกิดแก่เมืองเรา ดังนั้นเมื่ออ้วนถำมีหนังสือขอความช่วยเหลือมาดังนี้ สมควรที่จะทำประการใด

            เล่าปี่จึงว่าสิ้นบุญอ้วนเสี้ยวแล้ว พวกลูกหลานไม่ปรองดองสามัคคีกัน แก่งแย่งแข่งดีทำลายล้างกันไม่หยุดหย่อน ที่ปรึกษาและข้าเก่าของอ้วนเสี้ยวจำนวนมากต่างได้แปรพักตร์เข้าด้วยโจโฉ ข้าพเจ้าได้ประเมินสถานการณ์ว่าผลสุดท้ายของสงครามโจโฉคงปราบภาคเหนือได้สำเร็จ พวกลูกหลานของอ้วนเสี้ยวคงพ่ายแพ้แก่โจโฉเป็นมั่นคง แม้หากเรายกกองทัพไปช่วยก็คงไร้ประโยชน์ ดังนี้กรณีสมควรที่จะบำรุงกองทัพตั้งมั่นระวังรักษาเมืองเกงจิ๋วไว้ให้ปลอดภัยจะดีกว่า

            เล่าเปียวได้ฟังดังนั้นจึงว่า อ้วนถำเห็นว่าเราเป็นผู้ใหญ่จึงขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อจะไม่ช่วยดังนี้ควรที่จะตอบจดหมายของอ้วนถำประการใดจึงไม่เสียทางไมตรี

            เล่าปี่จึงเสนอว่า “จงแต่งหนังสือไปเป็นทีสั่งสอนอ้วนถำว่าการสงครามยังมีอยู่ จงคิดอ่านสมัครสมานพี่น้องทั้งปวงให้ปรองดองกันเป็นปรกติ แล้วจะได้ช่วยกันรบพุ่งต้านทานโจโฉ”

            เล่าเปียวได้ฟังข้อเสนอดังนั้นจึงให้แต่งหนังสือตามคำของเล่าปี่ และให้ทหารของอ้วนถำถือกลับไป

            อ้วนถำได้รับหนังสือของเล่าเปียวแล้ว ตอนแรกไม่แน่ใจว่าตามหนังสือนั้นเล่าเปียวจะยกกองทัพมาช่วยหรือไม่เพราะเนื้อความกำกวมนัก แต่เมื่อตรองความโดยละเอียดแล้วจึงเข้าใจว่าความตามหนังสือตอบของเล่าเปียวนี้ไม่มีเนื้อความใด ๆ ที่แสดงว่าเล่าเปียวจะยกกองทัพมาช่วย เป็นแต่เพียงแนะนำให้พี่น้องลูกหลานสมานสามัคคีกันรับมือโจโฉเท่านั้น

            เมื่อคิดได้ดังนี้ก็เสียน้ำใจ เพราะเห็นว่าเมืองเพงง้วนก๋วนเป็นเมืองเล็ก คงไม่สามารถตั้งรับกองทัพของโจโฉได้ อันตรายก็จะเกิดแก่ตัว คิดแล้วจึงสั่งให้เคลื่อนทัพออกจากเมืองเพงง้วนก๋วนยกไปตั้งอยู่เมืองลำพี้ซึ่งเป็นแดนทุรกันดาร ด้วยหวังว่าฤดูหนาวจะเป็นปราการต้านกองทัพโจโฉมิให้ยกมาทำอันตรายได้

            ในขณะที่โจโฉกำลังเคลื่อนทัพมาที่เมืองเพงง้วนก๋วนก็ได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่าบัดนี้อ้วนถำได้พาทหารหนีจากเมืองเพงง้วนก๋วนไปอยู่เมืองลำพี้แล้ว โจโฉได้ทราบดังนั้นจึงสั่งให้เคลื่อนกองทัพตรงไปที่เมืองลำพี้

            ในขณะนั้นเป็นช่วงกลางฤดูหนาว ภูมิอากาศในแถบนั้นหนาวจัด น้ำในแม่น้ำเป็นน้ำแข็ง คนและสัตว์ได้รับความลำบากเป็นอันมาก แม้เรือลำเลียงเสบียงอาหารส่งแก่กองทัพก็แล่นมาส่งเสบียงตามปกติมิได้

            โจโฉเกรงว่าเสบียงอาหารของกองทัพจะขาดแคลน จึงสั่งให้เกณฑ์ชาวบ้านมาขุดเจาะทำลายน้ำแข็งในแม่น้ำเพื่อให้เรือลำเลียงเสบียงสามารถขนส่งเสบียงได้ตามปกติ

            บรรดาราษฎรที่ได้ทราบหมายเกณฑ์ต่างกลัวความยากลำบากจากฤดูหนาวอันสุดแสนจะทารุณ จึงพากันหลบหนีไม่ยอมเข้ารับหน้าที่ตามหมายเกณฑ์นั้น

            โจโฉได้ทราบรายงานว่าราษฎรไม่ยอมเข้ารับหน้าที่ตามหมายเกณฑ์ก็โกรธ สั่งทหารให้ตามจับราษฎรที่หลบหนีมาประหารชีวิตเสียทั้งสิ้น ชาวบ้านที่เหลือตายทราบความก็ตกใจกลัว พากันเข้ามามอบตัวเพื่อปฏิบัติตามหมายเกณฑ์

            เมื่อชาวบ้านจำนวนมากพากันมามอบตัวดังนี้ โจโฉจึงปรารภว่าตัวเราเป็นผู้ใหญ่ได้ออกหมายเป็นสิทธิขาด เกณฑ์แรงราษฎรและให้ลงโทษประหารแก่ผู้ที่ฝ่าฝืน หากไม่เอาโทษราษฎรเหล่านั้น สืบไปเมื่อหน้าคำสั่งก็จะไม่สิทธิขาดและไม่เป็นที่ยำเกรงอีกต่อไป แต่ถ้าจะประหารเสียตามพระอัยการศึกโดยทางราชการก็เกรงผู้คนจะครหาว่าไร้ความเมตตาต่อผู้สำนึกผิด

            โจโฉคิดดั่งนี้แล้วจึงหาอุบายที่จะไม่เสียหายทั้งสองด้าน สั่งให้ทหารคุมตัวราษฎรที่มอบตัวมาพร้อมกันที่หน้าค่าย แล้วประกาศว่าเทศกาลนี้เป็นฤดูหนาว เราสงสารชาวบ้านที่จะต้องเดือดร้อนด้วยหมายเกณฑ์แรงงาน ดังนั้นพวกเจ้าจงหนีต่อไปให้พ้นมือทหารเถิด ว่าแล้วก็สั่งทหารให้ปล่อยราษฎรเหล่านั้นออกจากค่ายไป

            พอราษฎรออกพ้นไปจากค่าย โจโฉจึงเรียกทหารคนสนิทมากระซิบสั่งให้ส่งกำลังไล่ติดตามสังหารราษฎรเหล่านั้นเสียให้หมดสิ้น เพื่อธำรงรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎอัยการศึกของกองทัพไว้

            ทางฝ่ายอ้วนถำเมื่อทราบว่าโจโฉยกกองทัพล่วงเข้าเขตเมืองลำพี้ จึงจัดทหารยกออกมาท้ารบกับโจโฉ ให้ทหารตั้งแถวเป็นหน้ากระดาน ส่วนอ้วนถำยืนม้าอยู่หน้าทหารทั้งปวง

            โจโฉเห็นอ้วนถำยกทหารออกมาท้ารบดังนั้น จึงพาทหารออกไปเผชิญหน้ากับอ้วนถำ แล้วประณามอ้วนถำว่าเป็นคนตระบัดสัตย์ แต่เดิมทีได้ขอเข้าสวามิภักดิ์ ตัวเราไม่เอาโทษและยังเมตตาจะยกบุตรสาวให้เป็นภรรยา ครั้นเรายึดเมืองกิจิ๋วได้จึงเชิญตัวไปปรึกษาข้อราชการ แต่ตัวแข็งข้อและยังซ่องสุมกำลังคิดจะทำร้ายเราอีก

            อ้วนถำได้ฟังดังนั้นก็โต้ว่าตัวท่านต่างหากที่ตระบัดสัตย์ เจ้าเล่ห์เพทุบาย คิดอ่านให้พี่น้องต้องทะเลาะวิวาททำสงครามแก่กันเพื่อจะทำลายล้างให้สิ้น เราจึงมีความแค้นต่อท่านนัก

            โจโฉได้ฟังดังนั้นก็โกรธ สั่งให้ซิหลงออกไปรบกับอ้วนถำ ทางฝ่ายอ้วนถำสั่งให้แพอั๋นออกไปรบ

            ทั้งสองฝ่ายรบกันได้เพียงห้าเพลง ซิหลงก็เอาง้าวฟันแพอั๋นตกม้าตาย อ้วนถำเห็นทหารเอกที่ส่งออกไปรบเสียทีแก่ข้าศึกจึงสั่งให้ถอยทัพกลับเข้าเมือง โจโฉเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ทหารยกเข้าไปตั้งค่ายประชิดเมืองลำพี้ไว้ทั้งสี่ด้าน

            อ้วนถำทราบข่าวดังนั้นก็ย่อท้อกลัวว่าจะหนีต่อไปไม่ได้ เพราะเมืองลำพี้ถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนา จึงสั่งให้ซินเบ้งเป็นทูตไปเจรจาขอสวามิภักดิ์กับโจโฉอีกครั้งหนึ่ง

            โจโฉทราบความจากปากคำของซินเบ้งแล้ว จึงว่า “อ้วนถำเจรจาไว้กับเราแต่ก่อนนั้นก็คืนคำเสีย กลับคิดร้ายต่อเรา บัดนี้สิ้นคิดแล้วหรือจึงให้มาอ่อนน้อมนี้เราหายอมไม่”

            โจโฉเห็นการศึกได้ทีประการหนึ่ง และไม่ไว้เนื้อเชื่อใจในการขอเข้าสวามิภักดิ์ของอ้วนถำอีกประการหนึ่งจึงไม่ยอมรับสวามิภักดิ์ในครั้งนี้ แล้วคิดอุบายสลายกำลังทำความแตกแยกให้เกิดขึ้นในกองทัพของอ้วนถำ ด้วยการชักชวนให้ซินเบ้งผู้เป็นทูตแปรพักตร์

            คิดดังนั้นแล้วโจโฉจึงว่ากับซินเบ้งว่า เราได้กิตติศัพท์ว่าตัวท่านเป็นผู้มีสติปัญญา จึงอยากใคร่ได้ตัวไว้ทำราชการ เพราะบัดนี้ซินผีน้องชายท่านก็รับราชการอยู่ในพระเจ้าเหี้ยนเต้แล้ว พี่น้องจงมาปรองดองทำราชการพร้อมหน้าพร้อมตากันจะดีกว่า เราจะเลี้ยงดูให้ถึงขนาดเสมอด้วยซินผีผู้เป็นน้องชาย เพราะหากขืนกลับเข้าไปก็จะพลอยตายกับอ้วนถำเสียเปล่า ๆ 

            ซินเบ้งได้ฟังดังนั้นจึงว่า “ซึ่งมหาอุปราชเจรจาดั่งนี้ไม่ควร อันคำโบราณกล่าวไว้ว่าธรรมดาเป็นข้าท้าวบ่าวพระยา ให้ตั้งใจจงรักภักดีต่อเจ้านาย ถ้าเจ้านายนั้นมีความสุขก็พลอยสบายด้วย แม้มีทุกข์ร้อนก็พึงให้ทรมานกายลำบากด้วยจึงจะควร แลตัวข้าพเจ้าอยู่กับอ้วนเสี้ยวก็ช้านานแล้ว บัดนี้อ้วนเสี้ยวผู้มีคุณก็ถึงแก่ความตาย ข้าพเจ้าจะขออยู่แทนคุณแซ่อ้วนสืบไปกว่าจะสิ้นชีวิต ซึ่งซินผีผู้น้องข้าพเจ้ามาอยู่กับท่านนั้นก็ตามแต่วาสนาเขา”

            ซินเบ้งได้จำแนกคุณธรรมในส่วนที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเจ้า บ่าวกับนาย และพี่กับน้องอย่างแจ่มแจ้ง โดยถือว่าความซื่อสัตย์จงรักภักดีของผู้เป็นบ่าวต่อนายนั้นย่อมมีฐานะเหนือกว่าความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง และจะเอาความได้ดีมีศักดิ์ของน้องมาเป็นเครื่องจูงใจให้ละคุณธรรมในส่วนที่สัมพันธ์อยู่กับตระกูลอ้วนนั้นไม่ได้

            โจโฉได้ฟังคำซินเบ้งก็สรรเสริญในใจว่าซินเบ้งผู้นี้มีความซื่อสัตย์กตัญญูนัก ก็มีจิตคิดเมตตา จึงว่าในเมื่อตัวท่านจะไม่อยู่ด้วยเราแล้วก็จงกลับไป แล้วเอาความที่เรากล่าวไปแจ้งให้อ้วนถำทราบ

            ซินเบ้งจึงคำนับลาโจโฉกลับเข้าไปในเมือง รายงานความให้อ้วนถำทราบทุกประการ อ้วนถำได้ทราบความก็พาลโกรธซินเบ้งว่าปฏิบัติหน้าที่ทูตไม่สำเร็จสมหน้าที่ แล้วกล่าวหาซินเบ้งว่าที่ทำการไม่สำเร็จครั้งนี้เป็นเพราะเห็นแก่น้องซึ่งรับราชการอยู่กับโจโฉ แล้วเอาความลับภายในเมืองแจ้งให้ฝ่ายโจโฉทราบ

            เท่านั้นยังทำร้ายจิตใจซินเบ้งไม่พอ อ้วนถำยังพูดไปตามความนึกคิดของตนเองต่อไปว่าการที่ท่านกลับมาครั้งนี้คงเป็นเพราะโจโฉวางแผนการให้มาเป็นไส้ศึกเพื่อทำร้ายเรา

            ซินเบ้งถูกหมิ่นน้ำใจในความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อตระกูลอ้วนถึงขนาดนี้ ความคับแค้นในใจก็พลุ่งประดังขึ้นในหัวใจ ร้องขึ้นได้คำเดียวว่านายท่านก็สลบล้มลงกับที่นั้น

            อ้วนถำเห็นดังนั้นจึงสั่งทหารให้หามซินเบ้งทั้งที่ไม่ได้สติออกไปไว้ข้างนอกจวน ซินเบ้งได้สติขึ้นรู้ตัวว่านอนอยู่ที่ลานด้านนอกจวนก็ยิ่งเสียน้ำใจ อาเจียนเป็นโลหิตถึงแก่ความตายในที่นั้น

            ความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีแม้ว่าจะเป็นคุณธรรมอันล้ำค่า แต่หากอยู่ต่อหน้าคนโง่เขลาเบาปัญญาไม่รู้จักคุณค่าแห่งธรรมแล้วความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีนั้นก็เป็นสิ่งไร้ค่าและมีแต่เป็นโทษต่อตัวเองดังชะตากรรมของซินเบ้งฉะนี้.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ตัวอย่างกระทู้ธรรม ธรรมศึกษาชั้นตรี 5

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันเสาร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร