ตลาดเปิดแดงเถือก..ใครขาย"เดาได้ไหม"
หลังรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เห็นตลาดจะเริ่มหวั่นๆ คือ แน่นอนผมเชื่อว่า คนที่เทขายออกมาก็คือ สถาบัน, broker และก็รายย่อย ส่วนฝรั่งน่าจะยังคงเดินหน้าเก็บต่อ(เพราะจากสถิติ "ถ้าฝรั่งเขาเดินหน้าเข้าก็คือ แนวโน้มเข้าจริงๆอย่างต่อเนื่อง" หรือ "ถ้าเขาเดินหน้าออกก็จะออกจริงๆจนหนาว..เช่นกัน")
-- ดังนั้น ก็ยังคงพอ(ใจชื้น)ได้ว่า เขายังคงต้องเข้าต่อเนื่อง ซึ่งถ้าดูตลาดจะปรับตัว เขาก็คงรอให้ปรับตัวไม่มาก ไม่เช่นนั้น ฝรั่งคนอื่นๆก็จ้องจะเข้าอยู่ดี ..ซึ่งถ้าให้มอง Trend ของหุ้นในช่วงนี้ ยังคงเป็นขาขึ้น (แต่ขึ้นแบบฟันปลา คือ ขึ้นแล้วปรับฐาน แล้วขึ้น แล้วปรับฐาน แต่แนวโน้มใหญ่ก็คือ ค่อยๆขึ้นนั่นเอง)
ยกตัวอย่าง PTT เมื่อวานแตะ 285 บาท วันนี้ดึ่งแตะ 271 บาท (ขณะที่ผมเขียนอยู่นี้)เรียกได้ว่า "สะใจโก๋..เล่นสั้นจริงๆ" แต่ผมยังคงมองตลาดค่อนข้างบวก คือ PTT/PTTAR/TOP ซึ่งแนวโน้มเข้าเก็งกำไรได้ เพราะหากฝรั่งยังคงเข้าต่อเนื่อง หุ้นทั้ง 3 ตัวนี้ ทำให้คุณ"ยิ้ม" อย่างแน่นอน(คือ ซื้อเวลาที่ปรับฐานเช่นวันนี้ แล้วถือรอสัก 2 -3 อาทิตย์ค่อยขาย)
-- ส่วนพวกที่อยากเล่นยาว ผมก็มองว่า หุ้นทั้ง 3 ตัวนี้ ยังเข้าได้ เพราะแนวโน้มการทำกำไรดีขึ้น ในระยะยาวจรึงไม่มีอะไรน่ากลัว ปีหน้า PTT น่าจะ Trade กันเหนือ 300 บาท
--TOP น่าจะอยู่เกิน 50
--ส่วน PTTAR น่าจะมีการควบรวมที่ประมาณ 40 บาท เท่ากับว่า คุณน่าจะได้กำไรและขายทิ้งที่ประมาณ 40 บาทก่อนปลายปี (เพราะการควบรวมในประเทศไทย ผมมองว่า ไม่ได้สร้างมูลค่า ยกตัวอย่าง ตอนที่ควบรวม 2 โรงกลั่นของ PTT มาเป็น PTTAR
--เขาภูมิใจกันหนัก หนาว่า เป็นการควบรวมโดย ไม่มีการลดคนงาน ซึ่งถ้ามองในแง่นักลงทุน ผมมองว่า "ไม่ได้เรื่อง" เพราะการที่รวม 2 บริษัท เข้าด้วยกัน ย่อมมีการทำงานที่ซ้ำซ้อนบ้าง ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ ลดคนงาน นอกจากคุณ จะแบก Cost ที่ไม่จำเป็นเพิ่มขึ้น ซึ่งจุดนี้ไม่เป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้น -
--- อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มของ บริษัทที่ IPO ในปี 2009 และ 2010 จะเห็นได้ว่ามีการเก็งกำไรจนหุ้น IPO เช่น BLA และ IVL สูงเกินมูลค่าจริง(ที่สูงเกินมูลค่าจริง คือ เทียบกับตัวอื่นในตลาด ที่มีพื้นฐานใกล้เคียงแต่ราคาถูกกว่า) ดังนั้น ใครที่อยากลุ้นก็สามารถถือ PTTAR ต่อในช่วงสั้นๆ หลังจากควบรวมแล้ว ก็น่าจะพอทำกำไรได้บ้าง (แล้วแต่มุมมองครับ)...
สรุป ตอนนี้ฝรั่งยัง คงเล่น เกม"อ่อยเหยื่อ หลอกให้ปล่อยหมู" -- หลอกทุบตลาดและเก็บ "หมู" เป็นช่วงๆ สถานการณ์อย่างนี้ คนเล่นหุ้นต้องมีสติครับ...อย่าทำตัวเป็นแมลงเม่า --ให้จิตนิ่ง.. (((Stick to your Plan)))
-- ดังนั้น ก็ยังคงพอ(ใจชื้น)ได้ว่า เขายังคงต้องเข้าต่อเนื่อง ซึ่งถ้าดูตลาดจะปรับตัว เขาก็คงรอให้ปรับตัวไม่มาก ไม่เช่นนั้น ฝรั่งคนอื่นๆก็จ้องจะเข้าอยู่ดี ..ซึ่งถ้าให้มอง Trend ของหุ้นในช่วงนี้ ยังคงเป็นขาขึ้น (แต่ขึ้นแบบฟันปลา คือ ขึ้นแล้วปรับฐาน แล้วขึ้น แล้วปรับฐาน แต่แนวโน้มใหญ่ก็คือ ค่อยๆขึ้นนั่นเอง)
ยกตัวอย่าง PTT เมื่อวานแตะ 285 บาท วันนี้ดึ่งแตะ 271 บาท (ขณะที่ผมเขียนอยู่นี้)เรียกได้ว่า "สะใจโก๋..เล่นสั้นจริงๆ" แต่ผมยังคงมองตลาดค่อนข้างบวก คือ PTT/PTTAR/TOP ซึ่งแนวโน้มเข้าเก็งกำไรได้ เพราะหากฝรั่งยังคงเข้าต่อเนื่อง หุ้นทั้ง 3 ตัวนี้ ทำให้คุณ"ยิ้ม" อย่างแน่นอน(คือ ซื้อเวลาที่ปรับฐานเช่นวันนี้ แล้วถือรอสัก 2 -3 อาทิตย์ค่อยขาย)
-- ส่วนพวกที่อยากเล่นยาว ผมก็มองว่า หุ้นทั้ง 3 ตัวนี้ ยังเข้าได้ เพราะแนวโน้มการทำกำไรดีขึ้น ในระยะยาวจรึงไม่มีอะไรน่ากลัว ปีหน้า PTT น่าจะ Trade กันเหนือ 300 บาท
--TOP น่าจะอยู่เกิน 50
--ส่วน PTTAR น่าจะมีการควบรวมที่ประมาณ 40 บาท เท่ากับว่า คุณน่าจะได้กำไรและขายทิ้งที่ประมาณ 40 บาทก่อนปลายปี (เพราะการควบรวมในประเทศไทย ผมมองว่า ไม่ได้สร้างมูลค่า ยกตัวอย่าง ตอนที่ควบรวม 2 โรงกลั่นของ PTT มาเป็น PTTAR
--เขาภูมิใจกันหนัก หนาว่า เป็นการควบรวมโดย ไม่มีการลดคนงาน ซึ่งถ้ามองในแง่นักลงทุน ผมมองว่า "ไม่ได้เรื่อง" เพราะการที่รวม 2 บริษัท เข้าด้วยกัน ย่อมมีการทำงานที่ซ้ำซ้อนบ้าง ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ ลดคนงาน นอกจากคุณ จะแบก Cost ที่ไม่จำเป็นเพิ่มขึ้น ซึ่งจุดนี้ไม่เป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้น -
--- อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มของ บริษัทที่ IPO ในปี 2009 และ 2010 จะเห็นได้ว่ามีการเก็งกำไรจนหุ้น IPO เช่น BLA และ IVL สูงเกินมูลค่าจริง(ที่สูงเกินมูลค่าจริง คือ เทียบกับตัวอื่นในตลาด ที่มีพื้นฐานใกล้เคียงแต่ราคาถูกกว่า) ดังนั้น ใครที่อยากลุ้นก็สามารถถือ PTTAR ต่อในช่วงสั้นๆ หลังจากควบรวมแล้ว ก็น่าจะพอทำกำไรได้บ้าง (แล้วแต่มุมมองครับ)...
สรุป ตอนนี้ฝรั่งยัง คงเล่น เกม"อ่อยเหยื่อ หลอกให้ปล่อยหมู" -- หลอกทุบตลาดและเก็บ "หมู" เป็นช่วงๆ สถานการณ์อย่างนี้ คนเล่นหุ้นต้องมีสติครับ...อย่าทำตัวเป็นแมลงเม่า --ให้จิตนิ่ง.. (((Stick to your Plan)))