ปัญหาและเฉลยวิชาวินัยบัญญัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕

 ๑.     ๑.๑  อภิสมาจารคืออะไร ?  แบ่งเป็นกี่ประเภท ?  อะไรบ้าง ?
          ๑.๒ ขันธ์แห่งจีวรประกอบด้วยอะไรบ้าง ?  ทรงมีพระพุทธานุญาตไว้อย่างไร ?
 ๑.     ๑.๑  คือธรรมเนียมของภิกษุ แบ่งเป็น ๒ ประเภทคือ
                เป็นข้อห้าม ๑ เป็นข้ออนุญาต ๑ ฯ
          ๑.๒ ประกอบด้วยมณฑล อัฑฒมณฑล และอัฑฒกุสิ ฯ ทรงมีพระพุทธานุญาตไว้
                ว่า จีวรผืนหนึ่งให้มีขันธ์ไม่น้อยกว่า ๕ เกินกว่านั้นใช้ได้ แต่ให้เป็นขันธ์ที่เป็นคี่
                คือ  , , ๑๑ เป็นต้น ฯ
 ๒.     ๒.๑ ในบาลีแสดงเหตุนิสัยจะระงับจากอุปัชฌาย์ไว้เท่าไร ?  อะไรบ้าง ?
          ๒.๒ ภิกษุผู้ควรจะได้นิสัยมุตตกะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ?
 ๒.     ๒.๑ แสดงไว้ ๕ ประการคือ อุปัชฌาย์หลีกไปเสีย ๑  สึกเสีย ๑  ตายเสีย ๑
                ไปเข้ารีตเดียรถีย์ ๑   สั่งบังคับ ๑ ฯ
          ๒.๒ มีคุณสมบัติ คือ
                        ๑) เป็นผู้มีศรัทธา  มีหิริ  มีโอตตัปปะ  มีวิริยะ  มีสติ
                        ๒) เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล อาจาระ ความเห็นชอบ เคยได้ยินได้ฟังมาก
                            มีปัญญา
                        ๓) รู้จักอาบัติ มิใช่อาบัติ อาบัติเบา อาบัติหนัก จำปาฏิโมกข์ได้แม่นยำ
                 ทั้งมีพรรษาได้ ๕ หรือยิ่งกว่า ฯ
 ๓.     ๓.๑ อุปัชฌาย์ประณามสัทธิวิหาริกผู้ประพฤติมิชอบด้วยเหตุอะไรบ้าง ?
          ๓.๒ อาการที่อุปัชฌาย์ประณามสัทธิวิหาริกพึงทำอย่างไร ?
 ๓.     ๓.๑ ด้วยเหตุดังนี้ คือ
                 หาความรักใคร่ในอุปัชฌาย์มิได้ ๑ หาความเลื่อมใสมิได้ ๑ หาความละอาย
                มิได้ ๑  หาความเคารพมิได้ ๑ หาความหวังดีต่อมิได้ ๑ ฯ
          ๓.๒ พึงพูดให้รู้ว่าตนไล่เธอเสีย ในบาลีแสดงไว้ว่า เราประณามเธอ เธออย่าเข้ามา
                ณ ที่นี้ จงขนบาตรจีวรของเธอออกไปเสีย หรือเธอไม่ต้องอุปัฏฐากเราดังนี้
                หรือแสดงอาการทางกายให้รู้อย่างนั้นก็ได้ ฯ
 ๔.     ๔.๑  ภิกษุผู้เป็นอาคันตุกะ  ไปสู่อาวาสอื่น พึงประพฤติให้ถูกธรรมเนียมอย่างไร ?
          ๔.๒  ภิกษุผู้เข้าไปรับบิณฑบาตในละแวกบ้าน พึงประพฤติให้ถูกธรรมเนียมอย่างไร ?
 ๔.     ๔.๑  พึงประพฤติดังนี้
                        ๑)                                                                        ทำความเคารพในท่าน
                        ๒) แสดงความเกรงใจเจ้าของถิ่น
                        ๓) แสดงอาการสุภาพ
                        ๔)                                                                        แสดงอาการสนิทสนมกับเจ้าของถิ่น
                        ๕)                                                                        ถ้าจะอยู่ที่นั่น ควรประพฤติให้ถูกธรรมเนียมของเจ้าของถิ่น
                        ๖)                                                                        ถือเสนาสนะแล้วอย่าดูดาย เอาใจใส่ชำระปัดกวาดให้หมดจด จัดตั้ง
                            เครื่องเสนาสนะให้เป็นระเบียบ ฯ
          ๔.๒ พึงประพฤติอย่างนี้
                        ๑) นุ่งห่มให้เรียบร้อย                                                      
                        ๒) ถือบาตรในภายในจีวร
                        ๓) สำรวมกิริยาให้เรียบร้อย                                    
                        ) กำหนดทางเข้าทางออกแห่งบ้าน
                        ) รับบิณฑบาตด้วยอาการสำรวม ฯ
 .     .  ภิกษุผู้เข้าไปในเจติยสถาน ควรปฏิบัติอย่างไร ?
          . ภิกษุได้ชื่อว่า "กุลปสาทโก ผู้ยังตระกูลให้เลื่อมใส" เพราะมีปฏิปทาอย่างไร ?
 .     .  ควรปฏิบัติอย่างนี้ คือไม่กั้นร่ม ไม่สวมรองเท้า ไม่ห่มคลุมเข้าไป ไม่แสดง
                อาการดูหมิ่นต่างๆ เช่นพูดเสียงดัง และนั่งเหยียดเท้าเป็นต้น ไม่ถ่ายอุจจาระ
                ปัสสาวะ และไม่ถ่มเขฬะในลานพระเจดีย์ ฯ
          ๕.๒ เพราะมีปฏิปทาอย่างนี้ คือเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอาจาระ ไม่ทอดตนเป็นคนสนิท
                ของสกุล โดยฐานเป็นคนเลว และอีกอย่างหนึ่ง ไม่รุกรานตัดรอนเขา แสดง
                เมตตาจิตต่อเขา ประพฤติพอดีพองาม ยังความเลื่อมใสนับถือของเขาให้เกิด
                ในตน ฯ
 ๖.     ๖.๑  ดิถีที่กำหนดให้เข้าจำพรรษาในบาลีกล่าวไว้เท่าไร ?  อะไรบ้าง ?
          ๖.๒ สัตตาหกรณียะ และ สัตตาหกาลิก มีอธิบายอย่างไร ?
 ๖.     ๖.๑  กล่าวไว้ ๒ คือ
                 ๑) ปุริมิกา วัสสูปนายิกา วันเข้าพรรษาต้น คือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘
                 ๒) ปัจฉิมิกา วัสสูปนายิกา  วันเข้าพรรษาหลัง คือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ ฯ
          ๖.๒ สัตตาหกรณียะ คือภิกษุผู้อยู่จำพรรษาไปแรมคืนที่อื่นด้วยกิจจำเป็นบางอย่าง
                แต่กลับมาภายใน ๗ วัน เรียกว่าไปด้วยสัตตาหกรณียะ หรือสัตตาหะ ฯ
                 สัตตาหกาลิก คือของที่รับประเคนแล้วเก็บไว้บริโภคได้ ๗ วัน ฯ
 ๗.     ๗.๑ ผู้ทำและอาการที่ทำ  ในการทำอุโบสถ มีอะไรบ้าง ?
          ๗.๒ การทำอุโบสถต้องพร้อมด้วยองค์อย่างไรบ้าง ?
 ๗.     ๗.๑ ผู้ทำมี ๓  คือสงฆ์ คณะ และบุคคล ฯ อาการที่ทำมี ๓ คือสวดปาฏิโมกข์
                บอกความบริสุทธิ์ และอธิษฐาน ฯ
          ๗.๒ พร้อมด้วยองค์ ๔ คือ
                        ๑) วันนั้นเป็นวันอุโบสถที่ ๑๔ หรือ ๑๕ หรือวันสามัคคี วันใดวันหนึ่ง
                        ๒) ภิกษุผู้เข้าประชุมครบองค์ประชุม คือตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป
                        ๓) พวกเธอไม่ต้องสภาคาบัติ
                        ๔) บุคคลที่จำต้องเว้น ไม่มีในที่ประชุมนั้น ฯ
 ๘.     ๘.๑ วันปวารณา และอาการที่กระทำ คืออะไรบ้าง ?
          ๘.๒ การตั้งญัตติในสังฆปวารณามีกี่อย่าง ?  อะไรบ้าง ?
 ๘.     ๘.๑ วันปวารณามี ๓  คือ จาตุททสี ที่ ๑๔ ค่ำ ๑  ปัณณรสี ที่ ๑๕ ค่ำ ๑ สามัคคี
             วันที่ภิกษุสงฆ์พร้อมเพรียงกัน ๑ ฯ อาการที่กระทำมี ๓ คือปวารณาต่อ
                ที่ประชุม ๑ ปวารณากันเอง ๑ อธิษฐานใจ ๑ ฯ
          ๘.๒ มี ๕ อย่าง คือ เตวาจิกาญัตติ ๑   เทววาจิกาญัตติ ๑   เอกวาจิกาญัตติ ๑  
                 สมานวัสสิกาญัตติ ๑   สัพพสังคาหิกาญัตติ ๑ ฯ
 ๙.     ๙.๑  ภิกษุไม่สังวรในอุปปถกิริยา จะพึงได้รับโทษอย่างไรบ้าง ?
          ๙.๒  การแสวงหาเช่นไรจัดเป็นโลกวัชชะ มีโทษทางโลก ? เช่นไรจัดเป็นปัณณัตติวัชชะ
                มีโทษทางพระบัญญัติ ?
 ๙.     ๙.๑  ปรับเป็นอาบัติทุกกฏ  และเป็นฐานที่สงฆ์จะพึงลงโทษ ๔ สถาน อย่างใดอย่างหนึ่ง
                ตามโทษานุโทษ คือ
                        ๑) ตัชชนียกรรม        ตำหนิโทษ
                        ๒) นิยสกรรม           ถอดยศ คือถอดความเป็นผู้ใหญ่
                        ๓) ปัพพาชนียกรรม  ขับไล่จากวัด
                        ๔) ปฏิสารณียกรรม   ให้หวนระลึกถึงความผิด ฯ
          ๙.๒ การแสวงหาในทางบาป เช่นทำโจรกรรมและหลอกลวงให้เขาเชื่อถือ และใน
                ทางที่โลกเขาดูหมิ่น จัดเป็นโลกวัชชะ ฯ การแสวงหาในทางผิดธรรมเนียมของ
                ภิกษุ แม้ไม่มีโทษแก่คนพวกอื่น จัดเป็นปัณณัตติวัชชะ ฯ
๑๐.           ๑๐.๑                                                                           ในบาลีแสดงลักษณะการถือวิสาสะไว้อย่างไรบ้าง ?
       ๑๐.๒ เหตุที่ควรถือเป็นประมาณ ๕ ประการให้บริขารขาดอธิษฐาน มีอะไรบ้าง ?


๑๐.  ๑๐.๑  แสดงไว้อย่างนี้ คือ
                        ๑) เป็นผู้เคยได้เห็นกันมา           
                        ๒) เป็นผู้เคยคบกันมา
                        ๓) ได้พูดกันไว้                          
                        ๔) ยังมีชีวิตอยู่
                        ๕) รู้ว่าของนั้น เราถือเอาแล้ว เจ้าของจักพอใจ ฯ
       ๑๐.๒ มีดังนี้ คือ
                        ๑) ให้แก่ผู้อื่น                           
                        ๒) ถูกโจรชิงเอาไปหรือลักเอาไป
                        ๓) มิตรถือเอาด้วยวิสาสะ            
                        ๔) ถอนเสียจากอธิษฐาน
                        ๕) เป็นช่องทะลุ ฯ


 ผู้ออกข้อสอบ
:
๑.
พระธรรมเมธาจารย์
วัดบุรณศิริมาตยาราม


๒.
พระราชวิสุทธิโมลี
วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จ.นนทุรี


๓.
พระศรีปริยัติเมธี
วัดเทพธิดาราม
 ตรวจ/ปรับปรุง
:
  โดยสนามหลวงแผนกธรรม

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘