แย่สุด "เมืองไทย"จะเป็นอย่างไร
แย่ สุดก็คือ กลับไป "สู่ยุคสุโขทัย" ไม่มีไฟฟ้าใช้..ฮิ ฮิ...(ไม่ใช่ เวอร์ไป!!!!)-- แย่สุดคือ ผมมองว่า"เสื้อแดงยังปิดถนนต่ออีก 1 ปี รัฐบาลยังยื้อต่อ อีก 1 ปี(นานไปไหมเนี่ย!!!)" สรุปว่า "CPN" กับ "เกสร" และก็ "Siam Paragon"--- "เจ๊ง"ถนนบริเวณนั้น ถูกปิดตาย กลายเป็น"ถนนคนเดิน"
-- ต่างชาติเทขายหุ้นทั้งหมดที่มี แสนกว่าล้านทิ้งหมด (ตลาดหุ้นวิ่งกลับไปที่ 500 จุดใหม่) การเทขายของต่างชาติ จะทำให้ "ค่าเงินอ่อน" ซึ่งส่งผลดีต่อ "ผู้ส่งออก" คิดเป็น 70% ของ GDP ดังนั้น "ส่งออก" ก็ชะงักบ้างแต่หลังจากนั้น ก็จะดีขึ้นเรื่อย ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจรวมดีขึ้น
แม้ว่า ธุรกิจบริเวณที่มีการชุมนุมต้องปิดกิจการไป แต่ธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องก็ยังไม่กระทบแม้แต่น้อย อย่าง ADVANC ก็ยิ่งรวยขึ้น เพราะคนมาชุมนุม คิดถึงบ้าน เลยใช้โทรศัพท์เยอะ
.. พวกที่เกี่ยวกับน้ำมันก็ดี เพราะคนกรุงเทพจะเดินทางไกลขึ้น(หนีออกจากกรุงเทพ) ทำให้ขับรถมาก ใช้น้ำมันเพิ่ม (PTT กำไร หุ หุ หุ)
... ธนาคารก็อาจสะดุดบ้าง เพราะกิจการที่เกี่ยวข้องกับชุมนุม เช่น โรงแรม,ห้าง,ร้านค้า,ต่างชาติไม่เที่ยว(สักพัก..แต่เมื่อรู้ว่า นี่เป็นการแสดง"ปาหี่" ก็อาจกลับมาเที่ยวในต่างจังหวัด..)อาจเร็ว.งอแง บ้าง แต่ถ้าดูสัดส่วนกับธุรกิจธนาคารนับว่า ไม่ใหญ่มาก จึงไม่น่าจะเกิดปัญหาหนี้เสียรุนแรง
..ในส่วนของ ทีวี และ โฆษณา กลับจะดีขึ้น เพราะคนติดตามข่าว ..และ ทางด่วน BECL ก็จะดีอย่างต่อเนื่อง
คือ สรุปว่า ภาพใหญ่ทั้งประเทศ ยังคงไม่เป็นอะไรมาก มีแต่ในเรื่องของ อารมณ์ของนักลงทุน ที่อาจทิ้งหุ้น (ตลาดตกแรง) แต่ถ้าเราอยู่ในกิจการที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะกิจการน่าจะจ่ายปันผลได้ตามปกติ เท่ากับว่า "ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย".... (แล้วเขากลัวอะไรกัน---((ท่องไว้ "ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนสูง"...คาถาเศรษฐี...))