ทบทวนพอร์ตหุ้น

วันนี้ผมเอาพอร์ตผม ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2008 มานั่งดูอีกรอบ
เทียบกับพอร์ตเดือนกันยายน 2009 ที่วางอยู่เคียงกัน
stock_portfolio_250x251
ดูแล้วเหมือนหน้ามือกับหลังมือ โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้
ประการที่ 1 คือ จากหุ้นที่แดงเกือบทั้งพอร์ต มาเป็นสีเขียวเกือบทั้งพอร์ต ภายในระยะเวลาหนึ่งปี บางตัว -50% ก็ยังกลับมาบวกได้ วิกฤตกับโอกาสมันเป็นคำเดียวกันเหมือนกับตัวหนังสือภาษาจีนว่าไว้จริง ๆ
ประการที่ 2 คือ ชื่อหุ้นที่เป็นหุ้นเกรด B กลับกลายเป็น เกรด A ทั้งหมด มีสัดส่วนเกือบ 70% ที่เป็นธุรกิจที่ผมมองว่าสามารถเก็บไว้ได้ตลอดชีวิต ดังนั้นวิกฤตคือโอกาสในการซื้อกิจการที่ดีในราคาถูก และ ตลาดกระทิงแบบนี้ คือโอกาสที่เราจะปล่อยหุ้นเกรด B ทิ้งไป
ประการที่ 3 คือ มีอุตสาหกรรมที่หลากหลายขึ้น แม้ว่าสัดส่วน ส่วนมากจะอยู่ในกลุ่มค้าปลีกและโรงพยาบาลก็ตาม อย่างไรก็ดี ถ้าผมมี circle of competency (ขอบเขตของความรอบรู้) มากกว่านี้ คงจะสามารถกระจายกลุ่มได้ดีกว่านี้
ประการที่ 4 คือ ทั้งหมดเป็นหุ้นเติบโตเร็วในราคาถูกหรือยุติธรรม แทนที่จะเป็นหุ้นที่ถูก แต่เติบโตช้า นี่คือผลพลอยได้จากการคัดเลือกหุ้น และการตกผลึกจากการพยายามสร้างพอร์ตเพื่อจะลงทุนในระยะยาวขึ้นมา (คือถือได้ตลอดชีวิต ถ้าราคาหุ้นไม่เวอร์เกินไปซะก่อน)
ประการที่ 5 คือ จำนวนหุ้นที่ทยอยลดลงมาเหลือ 6-7 ตัว จาก 10 กว่าตัว โดยที่ 3 ตัวแรกใหญ่มาก และแต่ละตัว ผมศึกษากิจการเข้มข้นกว่าเดิม ไม่มีหุ้นประเภทซื้อเพราะคำว่า “น่าจะดี” อีกต่อไป
นอกจากนั้น พอลองทบทวนดู ก็พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นของพอร์ตแรกคือ ช่วงสองสามปีหลัง ผมหาหุ้นดี ๆ ที่ราคาเหมาะสมซื้อไม่ได้ หุ้นที่ดีจะมีราคาแพงมาก ก็ไปซื้อหุ้นถูกหน่อย (ในแง่ valuation) พอวิกฤตเกิดขึ้น หุ้นพวกนี้ก็เน่าคามือหมด ทำให้ผมบาดเจ็บหนักในภาวะวิกฤต
อีกปัญหาคือ ผมไม่ได้อยู่เมืองไทยเลย ตอนทำงานประจำก็ยุ่งมาก ดังนั้นก็คัดเลือกกิจการก็จะอ่อนด้อยไปในด้านการรู้จักผู้บริหาร มาช่วงปีนี้หุ้นหลายตัวพอผมได้ฟังผู้บริหาร ผมซื้อเยอะขึ้นมาก และในอีกด้านหนึ่ง ก็ขายหุ้นบางตัวทิ้ง เพราะผู้บริหารดู ธรรมดา เกินไป
ประเด็นสุดท้าย คือ สิ่งที่เรียกว่า “blink” หัวข้อนี้น่าสนใจพอที่ผมจะเอามาเล่าในฟังอีกที แนะนำนักลงทุนไปอ่านหนังสือเล่มนี้ดู ถึงแม้จะไม่เกี่ยวกับการลงทุนโดยตรงก็ตาม
ยังมีปัญหาเรื่องการเข้าซื้อหุ้น Pattern ในการเก็บหุ้นของผม พยายามหาวิธีซื้อหุ้นมาหลายปี ไม่ว่าจะแบ่งกี่ไม้ หลายไม้ อย่างไรก็ตาม ผมพบแล้วว่าก็ซื้อหุ้นที่ดีที่สุด คือ เลิกดูหุ้น เลิกจัดการกับตัวหุ้น เลิกจัดการกับแพทเทิร์นราคาหุ้น ให้ดูตัวกิจการเป็นหลัก
สรุปทั้งหมดทั้งปวง ผมว่าการทบทวนและปรับปรุงแนววิธีการลงทุน พอร์ตโฟลิโอ เป็นสิ่งที่ควรโฟกัสตลอดเวลาในมุมมองผม แนวทางการลงทุนในระยะยาวให้ยั่งยืน ควรสร้างให้เกิดขึ้นกับนิสัยตัวเองและพอร์ตโฟลิโอที่มีหุ้นที่มีลักษณะระยะ ยาว ยั่งยืน ประกอบกันอย่างมีศิลปะ กรุงโรมไม่ได้สร้างได้ในวันเดียว ผมว่าพอร์ตเรา ก็ไม่ควรจะถูกสร้างและทุบทิ้งในแค่ชั่วระยะเวลาสั้น ๆ เช่นเีดียวกัน

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘