ลงทุน เสี่ยงน้อยกว่า ไม่ลงทุน
เช่นเดิมครับ
อยากตั้งหัวข้อว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนเสี่ยงยิ่งกว่า”
แต่มันจะยาวไป
ก็เลยกลายเป็น “ลงทุนเสี่ยงน้อยกว่าไม่ลงทุน”
………..
ลองคิดดูว่า นักลงทุน ปกติแล้วมีรายได้กี่ทาง
และคนที่ไม่มีการลงทุน มีรายได้กี่ทาง
คงไม่ซับซ้อนอะไรใช่ไหมครับ
คนทำงานประจำส่วนใหญ่ มีรายได้จากงานประจำเพียงอย่างเดียว
แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ มีรายได้หลายทาง
จากงานประจำบ้าง จากธุรกิจส่วนตัวบ้าง จากการลงทุนในธุรกิจของคนอื่นบ้าง
เพียงเหตุผลข้อเดียวนี้ ก็น่าจะรู้ว่า
คนที่มีช่องทางการมาของรายได้ทางเดียว ย่อมเสี่ยงกว่าคนที่มีหลายช่องทาง
แต่เหตุผลอีกข้อหนึ่งก็คือ
คนลงทุน มักจะมีเงินสำรองเสมอ
แต่คนที่ไม่ได้ลงทุน มักใช้เงินหมดทุกเดือน บางเดือนติดลบ
(ยกเว้นบางคนที่ออมเงินได้นะครับ)
อีกเหตุผลหนึ่ง สำหรับคนที่ออมเงินอย่างเดียว แต่ไม่ได้ลงทุน
นั่นก็คือ อัตราเงินเฟ้อ
ซึ่งปกติแล้ว อัตราเงินเฟ้อ มักจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ย
ยิ่งเวลาผ่านไป ค่าเงินที่มีอยู่ก็จะน้อยลงเรื่อยๆ
คนที่ลงทุน ยังมีโอกาสทำกำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง
แต่คนที่ออมเงินอย่างเดียว จะมีแต่ขาดทุน (จากอัตราเงินเฟ้อ)
จึงเรียกได้ว่า คนที่ลงทุน เสี่ยงน้อยกว่า คนที่ไม่ได้ลงทุน
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพแบบง่ายๆ
มีคนสองคน ทำงานประจำเหมือนกัน เงินเดือนเท่าๆ กัน
มีรายจ่ายพอๆ กัน
คนแรก ไม่มีการลงทุนอะไรเลย
คนที่สอง ได้ลงทุนซื้อต้นมะม่วงมาปลูก
เวลาผ่านไป คนที่สองได้ผลจากมะม่วงที่ปลูกไว้
จึงสามารถลดรายจ่ายจากค่าซื้อมะม่วงมากินไปได้มาก
ส่วนคนแรก ยิ่งต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อซื้อมะม่วงมากิน
(เพราะเงินเฟ้อ ทำให้ต้องจ่ายเงินมากขึ้นเรื่อยๆ)
ใครเสี่ยงกว่า
ระหว่างคนลงทุนกับคนไม่ได้มีการลงทุน
คงได้คำตอบแล้วนะครับ
และหากนักลงทุน มีวิธีรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
ก็ยิ่งจะเป็นการลดความเสี่ยงลงไปได้อีก
อยากตั้งหัวข้อว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนเสี่ยงยิ่งกว่า”
แต่มันจะยาวไป
ก็เลยกลายเป็น “ลงทุนเสี่ยงน้อยกว่าไม่ลงทุน”
………..
ลองคิดดูว่า นักลงทุน ปกติแล้วมีรายได้กี่ทาง
และคนที่ไม่มีการลงทุน มีรายได้กี่ทาง
คงไม่ซับซ้อนอะไรใช่ไหมครับ
คนทำงานประจำส่วนใหญ่ มีรายได้จากงานประจำเพียงอย่างเดียว
แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ มีรายได้หลายทาง
จากงานประจำบ้าง จากธุรกิจส่วนตัวบ้าง จากการลงทุนในธุรกิจของคนอื่นบ้าง
เพียงเหตุผลข้อเดียวนี้ ก็น่าจะรู้ว่า
คนที่มีช่องทางการมาของรายได้ทางเดียว ย่อมเสี่ยงกว่าคนที่มีหลายช่องทาง
แต่เหตุผลอีกข้อหนึ่งก็คือ
คนลงทุน มักจะมีเงินสำรองเสมอ
แต่คนที่ไม่ได้ลงทุน มักใช้เงินหมดทุกเดือน บางเดือนติดลบ
(ยกเว้นบางคนที่ออมเงินได้นะครับ)
อีกเหตุผลหนึ่ง สำหรับคนที่ออมเงินอย่างเดียว แต่ไม่ได้ลงทุน
นั่นก็คือ อัตราเงินเฟ้อ
ซึ่งปกติแล้ว อัตราเงินเฟ้อ มักจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ย
ยิ่งเวลาผ่านไป ค่าเงินที่มีอยู่ก็จะน้อยลงเรื่อยๆ
คนที่ลงทุน ยังมีโอกาสทำกำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง
แต่คนที่ออมเงินอย่างเดียว จะมีแต่ขาดทุน (จากอัตราเงินเฟ้อ)
จึงเรียกได้ว่า คนที่ลงทุน เสี่ยงน้อยกว่า คนที่ไม่ได้ลงทุน
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพแบบง่ายๆ
มีคนสองคน ทำงานประจำเหมือนกัน เงินเดือนเท่าๆ กัน
มีรายจ่ายพอๆ กัน
คนแรก ไม่มีการลงทุนอะไรเลย
คนที่สอง ได้ลงทุนซื้อต้นมะม่วงมาปลูก
เวลาผ่านไป คนที่สองได้ผลจากมะม่วงที่ปลูกไว้
จึงสามารถลดรายจ่ายจากค่าซื้อมะม่วงมากินไปได้มาก
ส่วนคนแรก ยิ่งต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อซื้อมะม่วงมากิน
(เพราะเงินเฟ้อ ทำให้ต้องจ่ายเงินมากขึ้นเรื่อยๆ)
ใครเสี่ยงกว่า
ระหว่างคนลงทุนกับคนไม่ได้มีการลงทุน
คงได้คำตอบแล้วนะครับ
และหากนักลงทุน มีวิธีรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
ก็ยิ่งจะเป็นการลดความเสี่ยงลงไปได้อีก