หุ้น กับ เศรษฐกิจพอเพียง (มีเหตุผล)

หลักของเศรษฐกิจพอเพียง คือ
1. มีเหตุผล
2. พอประมาณ
3. ภูมิคุ้มกัน
บางท่านกระโดดเข้าไปในหุ้นที่กำลังมีราคาสูงขึ้น และสูงขึ้นอย่างน่ากลัว
เมื่อกลับไปดูค่า P/E (Price per Earning Ratio) ของหุ้นตัวนั้น
พบว่ามีค่าสูงถึง เกือบ 100  (หรือบางทีอาจจะมากกว่า)
ทั้งๆ ที่ หากได้ศึกษาสักนิดจะรู้ว่า หุ้นที่น่าลงทุนนั้น
ควรจะมีค่า P/E ต่ำๆ
ต่ำแค่ไหนดี ???
ผู้รู้หลายๆ ท่าน บอกว่า ถ้าต่ำกว่า 10 ก็น่าจะดี
แต่ถ้าไม่เกิน 20 ก็นับว่าใช้ได้
(ทั้งนี้ต้องดูองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย)
แต่หุ้นบางตัว P/E สูงขึ้นไปแตะหลักร้อย
แต่ก็มีคนจำนวนมากกระโจนเข้าไป
โดยลืมคิดไปว่า P/E ที่สูงขนาดนั้น
หากคิดผลตอบแทนเงินปันผล  อาจจะน้อยกว่าฝากธนาคารด้วยซ้ำไป
แต่ความเสี่ยงกลับสูงกว่าเงินฝากในธนาคารมากมายนัก
อย่างหุ้นตัวหนึ่ง ราคาประมาณ 1.50 บาท  ปันผล 0.04 บาท/หุ้น (หรือ 2.67%)
P/E = 1.50/0.04 = 37
เพียง P/E ระดับนี้ ก็ไม่น่าลงทุนแล้ว
ถึงแม้ว่าธุรกิจจะเติบโตขึ้นมากถึงสองเท่า  (ที่สามารถปันผลได้ถึง 0.08 บาท/หุ้น)
แต่หากราคาหุ้นสูงขึ้นไปสี่เท่า  (ประมาณ  6 บาท)
อัตราผลตอบแทนเงินปันผล = 1.33%
P/E = 6/0.08 = 75
ดูแล้วหุ้นตัวนี้น่าลงทุนไหม
สำหรับผมแล้วคิดว่า ไม่น่าลงทุน
เพราะผลตอบแทนไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ลองพิจารณาดูว่า หากคุณเข้าซื้อหุ้นตัวนี้ที่ราคา 6 บาท
(กับปันผลที่อาจจะได้เพียง 1-3% ต่อปี)
หุ้นที่ขึ้นมาจาก 1.50 ไปที่ 6 บาท
ก็มีความเสี่ยงที่หุ้นจะตกจาก 6 บาท มาอยู่ 5 บาท มีความเป็นไปได้สูงมาก
ราคาหุ้นลดลงถึง 16.67%
ถ้าตกจาก 6 บาท มาที่ 4 บาท
ราคาหุ้นลดลงถึง 33.33%
ถ้าตกจาก 6 บาท มาที่ 3 บาท
ราคาหุ้นลดลงถึง 50%
คิดดูว่าเป็นไปได้ไหมที่จะเกิดแบบนี้
คำตอบก็คือ เป็นไปได้มากทีเดียว
เพราะต้นทุนของรายใหญ่  อยู่ที่ 1.50 หรือต่ำกว่า
การลากขึ้นไป 6 บาท แล้วทุบกลับลงมาที่ 3 บาท  ก็ยังมีกำไรถึง 100%
และที่ราคาระดับนั้น (3 บาท)  P/E =3/0.08 = 37.5
ก็ดูดีกว่าที่ P/E = 75
คุณยอมแลกกับความเสียหายหลายสิบเปอร์เซ็นต์
กับปันผลเพียง 1-3% เหรอครับ
หากต้องการปันผลเพียงเท่านี้ ฝากประจำยังน่าสนใจกว่า เพราะเงินต้นไม่หายไป
แต่กับหุ้นเสี่ยงกว่ามาก ที่เงินต้นจะลดลง อย่างที่ได้ยกตัวอย่างให้ดูไปแล้ว
แล้วทำไมคนเราถึงได้กระโดดเข้าไป ทั้งๆ ที่เสี่ยงขนาดนั้น
คำตอบก็คือ
เพราะหวังว่าจะได้กำไรจากส่วนต่างที่เกิดขึ้น
เช่น ซื้อมาที่ 6.00 ถ้าขายได้ที่ 6.10 ก็ได้กำไรแล้ว 1.67%
(เพียงไม่กี่นาทีก็ได้แล้วเกือบ 2%)
ทำให้มีคนมากมายพร้อมจะกระโจนเข้าไป
แต่เขาคงลืมคิดไปว่า มีคนที่มีต้นทุนต่ำกว่าเขาอีกมากมาย
เพียงแค่ ลดราคาขายไปที่ 5.50  เขาก็ยังได้กำไร
แต่คนที่ที่ซื้อมา 6.10 นั้น ต้องติดอยู่บนดอยแน่นอน หากไม่ยอม cut loss
นี่คือการลงทุนแบบ สวนกระแส เศรษฐกิจพอเพียง ในข้อที่ว่า (ความมีเหตุผล)
เพราะเหตุผลที่จะเก็งกำไร  กับส่วนต่างเพียงเท่านั้น ที่ต้องแลกกับความเสี่ยงที่สูงกว่ามาก
ก็ไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่ดีในการเลือกเข้าไปลงทุนกับหุ้นตัวนั้น ในจังหวะนั้น
เพียงเพราะเห็นว่า หุ้นกำลังวิ่ง
ก็หวังว่านักลงทุนระยะยาว คงจะมีแนวทางในการหาเหตุผลที่ดีในการเลือกลงทุนอยู่แล้วนะครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘