งานประจำกับการลงทุน
นับเป็นเรื่องยากสำหรับคนทำงานประจำ
ในการที่จะทำธุรกิจ หรือ ลงทุน
ปัญหาก็คือ จะเอาเวลาที่ไหนมาดูแลกิจการที่สร้างขึ้นมา
เรื่องความรู้ประสบการณ์ในธุรกิจก็สำคัญ
จึงจะเห็นว่า
ส่วนใหญ่คนทำงานประจำ จึงไม่ค่อยได้ลงทุนหรือทำธุรกิจกันเท่าไรนัก
อาจจะมีบางคนที่สามารถเก็บเงินได้บ้าง
แต่เมื่อมีเงินมากขึ้น ก็มักจะมีปัญหาว่า ทำอย่างไรจึงจะทำให้เงินที่มีเพิ่มพูนขึ้น
ผมจึงอยากเสนอให้ลองสนใจการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
เหตุผลก็คือ
คุณไม่ต้องสร้างธุรกิจขึ้นมาเอง เพราะมีคนบริหารงานให้อยู่แล้ว
คุณเพียงแต่ “ลงทุน” และคอยติดตามการดำเนินงาน ก็เพียงพอแล้ว
คุณใช้เวลาในการดูแล เพียงวันละครั้งตอนเย็นหลังเลิกงาน วันละชั่วโมงสองชั่วโมง
สัปดาห์ละไม่เกิน 5 วัน
เมื่อคุณถือหุ้นบริษัทไหน ก็เท่ากับว่าคุณมีส่วนร่วมในความเป็นเจ้าของแล้ว
เช่น คุณลงทุนกับ ปตท.
ก็เท่ากับว่า คุณได้เป็นเจ้าของ ปตท.
และเมื่อคุณยังมีความจำเป็นที่ต้องใช้น้ำมัน
เมื่อคุณเติมน้ำมันที่ปั๊ม ปตท. ก็เท่ากับว่าคุณซื้อน้ำมันกับร้านของคุณเอง
กำไรที่ได้ ก็จะกลับมาปันผลให้คุณส่วนหนึ่ง
ที่ผ่านมาคุณเติมน้ำมัน เงินก็ไปเข้ากระเป๋าคนอื่น
แต่เมื่อคุณเป็นหุ้นส่วนแล้ว เงินส่วนหนึ่งก็กลับมาที่กระเป๋าของคุณ
คุณก็ลองคิดดูว่า ในชีวิตประจำวัน คุณใช้จ่ายกับสินค้าอะไรบ้าง
และสินค้าตัวไหน เปิดโอกาสให้คุณได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของ
คุณก็เลือกถือหุ้นกับบริษัทเหล่านั้น
นี่เป็นวิธีการเลือกลงทุนอย่างง่ายๆ
หลังจากนั้น คุณก็เปลี่ยนตัวเองมาเป็นลูกค้ากับบริษัทของตัวเอง
เช่น จากที่เคย เติมน้ำมันกับทุกๆ ปั๊ม
ก็เปลี่ยนมาเติม กับ ปตท.
ถ้าผู้ถือหุ้นทุกๆ คนทำแบบนี้
โอกาสที่ ปตท. จะเจ๊ง ก็น้อยลง เพราะอย่างน้อยก็มีลูกค้าประจำอยู่
เมื่อเป็นแบบนี้ ปตท. ก็ย่อมจะเติบโตขึ้น
ราคาหุ้นก็จะสูงขึ้น ความเสี่ยงในการลงทุนของคุณก็จะน้อยลง
นอกจาก ปตท. แล้ว ก็ยังมีอีกหลายๆ บริษัท
ที่คุณได้ใช้บริการอยู่แล้ว (แต่ยังไม่เคยร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจ)
เช่น 7-eleven คุณซื้อสินค้า แต่คนอื่นได้กำไร
ต่อมาคุณก็มาถือหุ้น 7-eleven เสีย
ทุกครั้งที่คุณซื้อของ คุณก็ยิ้มว่า กำไรส่วนหนึ่ง ก็กลับมาที่กระเป๋าเรา
ลองดูนะครับ ยังมีอีกหลายบริษัท
นี่เป็นการลงทุนอย่างง่ายๆ
ในการที่จะทำธุรกิจ หรือ ลงทุน
ปัญหาก็คือ จะเอาเวลาที่ไหนมาดูแลกิจการที่สร้างขึ้นมา
เรื่องความรู้ประสบการณ์ในธุรกิจก็สำคัญ
จึงจะเห็นว่า
ส่วนใหญ่คนทำงานประจำ จึงไม่ค่อยได้ลงทุนหรือทำธุรกิจกันเท่าไรนัก
อาจจะมีบางคนที่สามารถเก็บเงินได้บ้าง
แต่เมื่อมีเงินมากขึ้น ก็มักจะมีปัญหาว่า ทำอย่างไรจึงจะทำให้เงินที่มีเพิ่มพูนขึ้น
ผมจึงอยากเสนอให้ลองสนใจการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
เหตุผลก็คือ
คุณไม่ต้องสร้างธุรกิจขึ้นมาเอง เพราะมีคนบริหารงานให้อยู่แล้ว
คุณเพียงแต่ “ลงทุน” และคอยติดตามการดำเนินงาน ก็เพียงพอแล้ว
คุณใช้เวลาในการดูแล เพียงวันละครั้งตอนเย็นหลังเลิกงาน วันละชั่วโมงสองชั่วโมง
สัปดาห์ละไม่เกิน 5 วัน
เมื่อคุณถือหุ้นบริษัทไหน ก็เท่ากับว่าคุณมีส่วนร่วมในความเป็นเจ้าของแล้ว
เช่น คุณลงทุนกับ ปตท.
ก็เท่ากับว่า คุณได้เป็นเจ้าของ ปตท.
และเมื่อคุณยังมีความจำเป็นที่ต้องใช้น้ำมัน
เมื่อคุณเติมน้ำมันที่ปั๊ม ปตท. ก็เท่ากับว่าคุณซื้อน้ำมันกับร้านของคุณเอง
กำไรที่ได้ ก็จะกลับมาปันผลให้คุณส่วนหนึ่ง
ที่ผ่านมาคุณเติมน้ำมัน เงินก็ไปเข้ากระเป๋าคนอื่น
แต่เมื่อคุณเป็นหุ้นส่วนแล้ว เงินส่วนหนึ่งก็กลับมาที่กระเป๋าของคุณ
คุณก็ลองคิดดูว่า ในชีวิตประจำวัน คุณใช้จ่ายกับสินค้าอะไรบ้าง
และสินค้าตัวไหน เปิดโอกาสให้คุณได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของ
คุณก็เลือกถือหุ้นกับบริษัทเหล่านั้น
นี่เป็นวิธีการเลือกลงทุนอย่างง่ายๆ
หลังจากนั้น คุณก็เปลี่ยนตัวเองมาเป็นลูกค้ากับบริษัทของตัวเอง
เช่น จากที่เคย เติมน้ำมันกับทุกๆ ปั๊ม
ก็เปลี่ยนมาเติม กับ ปตท.
ถ้าผู้ถือหุ้นทุกๆ คนทำแบบนี้
โอกาสที่ ปตท. จะเจ๊ง ก็น้อยลง เพราะอย่างน้อยก็มีลูกค้าประจำอยู่
เมื่อเป็นแบบนี้ ปตท. ก็ย่อมจะเติบโตขึ้น
ราคาหุ้นก็จะสูงขึ้น ความเสี่ยงในการลงทุนของคุณก็จะน้อยลง
นอกจาก ปตท. แล้ว ก็ยังมีอีกหลายๆ บริษัท
ที่คุณได้ใช้บริการอยู่แล้ว (แต่ยังไม่เคยร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจ)
เช่น 7-eleven คุณซื้อสินค้า แต่คนอื่นได้กำไร
ต่อมาคุณก็มาถือหุ้น 7-eleven เสีย
ทุกครั้งที่คุณซื้อของ คุณก็ยิ้มว่า กำไรส่วนหนึ่ง ก็กลับมาที่กระเป๋าเรา
ลองดูนะครับ ยังมีอีกหลายบริษัท
นี่เป็นการลงทุนอย่างง่ายๆ