ไร้กระบวนท่า
เมื่อทำตามระบบ FATS-Revolution อย่างมีแบบแผน
เข้าใจกลไกของระบบอย่างดีพอ
ก็จะสามารถพลิกแพลงวิธีการซื้อขายได้
อาจจะไม่ต้องวางแผนสำหรับซื้อทุกราคาจนถึงราคาต่ำสุดก็ได้
จะวางจำนวนซื้อขายแบบปิรามิดก็ได้ หรือ จำนวนเท่าๆ กันทุกราคาก็ได้ หรือจะไม่เท่ากันก็ได้ ได้ทั้งนั้น
ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า “ไร้กระบวนท่า”
คือ
อยากซื้อก็ซื้อ ตราบใดก็ตามที่ซื้อได้ (คือ ซื้อได้ถูกกว่าราคาที่เคยขายและรอซื้อคืน)
ถ้าซื้อไม่ได้แสดงว่า
1. เงินหมด
2. ซื้อคืนราคาที่สูงกว่าราคาปัจจุบันได้หมดแล้ว (เหลือแต่ราคาต่ำที่ต้องรอ)
ถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็ต้องขาย
อยากขายก็ขาย ไม่อยากขายก็ต้องขาย
แต่ต้องคำนวณก่อนว่า
ทุกๆ ราคาที่ขายไปแล้ว และที่จะขายต่อไปอีก
หากไม่มีทางซื้อคืนพวกนั้นได้อีกเลย
รวมเงินแล้ว ต้องได้ตามจำนวนที่ต้องการ
(อยากได้กำไรเท่าไหร่ก็คิดเอาไว้ก่อนล่วงหน้า)
นั่นแสดงว่า หุ้น ขึ้นๆๆๆๆๆๆ มันถึงจะขายไปจนหมด
ถ้าซื้อก็ไม่ได้ จะขายก็ไม่ได้
ก็เป็นเพราะ
1. หุ้นหมด และ ราคาปัจจุบันสูงกว่าทุกราคาที่เคยขายไป
ก็ปิดบัญชีเก่า แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ ด้วยเงินทุน+กำไรที่ได้ ทำบัญชีใหม่
2. ราคาหุ้นอยู่ระหว่างช่องที่วางแผนขาย แต่ยังไม่ถึงจุดที่จะขาย
เช่น วางแผนขาย 2.00,2.10,2.20,2.30
แล้วขาย 2.00,2.10 แต่ราคาไปแกว่งที่ 2.16-2.18
มันก็จะขายอีกไม่ได้ จะซื้อคืนก็ยังไม่ได้
ก็ให้มาดูกำไรที่วางแผนไว้ ว่าถ้าขายจนหมด จะได้กำไรเท่าไหร่
เอาเฉพาะส่วนกำไรนั้น มาซื้อเพิ่มที่ราคา 2.16 แล้วทำบัญชีใหม่แยกออกมา
บัญชีเก่า จะอยู่ในสถานะ “รอ” ให้ถึงจุดซื้อได้ขายได้
บัญชีใหม่ จะเข้ากฎเกณฑ์เดิม คือ
อยากซื้อก็ซื้อ ตราบใดที่ซื้อได้
หากซื้อไม่ได้ ก็ต้องขาย
อยากขายก็ขาย ไม่อยากขายก็ต้องขาย แต่ถ้าซื้อคืนไม่ได้ ขายจนหมด ต้องได้กำไร
ไร้กระบวนท่าจริงๆ
เข้าใจกลไกของระบบอย่างดีพอ
ก็จะสามารถพลิกแพลงวิธีการซื้อขายได้
อาจจะไม่ต้องวางแผนสำหรับซื้อทุกราคาจนถึงราคาต่ำสุดก็ได้
จะวางจำนวนซื้อขายแบบปิรามิดก็ได้ หรือ จำนวนเท่าๆ กันทุกราคาก็ได้ หรือจะไม่เท่ากันก็ได้ ได้ทั้งนั้น
ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า “ไร้กระบวนท่า”
คือ
อยากซื้อก็ซื้อ ตราบใดก็ตามที่ซื้อได้ (คือ ซื้อได้ถูกกว่าราคาที่เคยขายและรอซื้อคืน)
ถ้าซื้อไม่ได้แสดงว่า
1. เงินหมด
2. ซื้อคืนราคาที่สูงกว่าราคาปัจจุบันได้หมดแล้ว (เหลือแต่ราคาต่ำที่ต้องรอ)
ถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็ต้องขาย
อยากขายก็ขาย ไม่อยากขายก็ต้องขาย
แต่ต้องคำนวณก่อนว่า
ทุกๆ ราคาที่ขายไปแล้ว และที่จะขายต่อไปอีก
หากไม่มีทางซื้อคืนพวกนั้นได้อีกเลย
รวมเงินแล้ว ต้องได้ตามจำนวนที่ต้องการ
(อยากได้กำไรเท่าไหร่ก็คิดเอาไว้ก่อนล่วงหน้า)
นั่นแสดงว่า หุ้น ขึ้นๆๆๆๆๆๆ มันถึงจะขายไปจนหมด
ถ้าซื้อก็ไม่ได้ จะขายก็ไม่ได้
ก็เป็นเพราะ
1. หุ้นหมด และ ราคาปัจจุบันสูงกว่าทุกราคาที่เคยขายไป
ก็ปิดบัญชีเก่า แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ ด้วยเงินทุน+กำไรที่ได้ ทำบัญชีใหม่
2. ราคาหุ้นอยู่ระหว่างช่องที่วางแผนขาย แต่ยังไม่ถึงจุดที่จะขาย
เช่น วางแผนขาย 2.00,2.10,2.20,2.30
แล้วขาย 2.00,2.10 แต่ราคาไปแกว่งที่ 2.16-2.18
มันก็จะขายอีกไม่ได้ จะซื้อคืนก็ยังไม่ได้
ก็ให้มาดูกำไรที่วางแผนไว้ ว่าถ้าขายจนหมด จะได้กำไรเท่าไหร่
เอาเฉพาะส่วนกำไรนั้น มาซื้อเพิ่มที่ราคา 2.16 แล้วทำบัญชีใหม่แยกออกมา
บัญชีเก่า จะอยู่ในสถานะ “รอ” ให้ถึงจุดซื้อได้ขายได้
บัญชีใหม่ จะเข้ากฎเกณฑ์เดิม คือ
อยากซื้อก็ซื้อ ตราบใดที่ซื้อได้
หากซื้อไม่ได้ ก็ต้องขาย
อยากขายก็ขาย ไม่อยากขายก็ต้องขาย แต่ถ้าซื้อคืนไม่ได้ ขายจนหมด ต้องได้กำไร
ไร้กระบวนท่าจริงๆ