DSM concept ตอนที่ 36
............
อย่าง วอเรนต์ บุฟเฟต ก็ลงทุนง่าย ๆ ซื้อหุ้นดี ๆ ในราคาที่คนไม่สนใจ แล้วเก็บไว้ขายตอนคนสนใจ
...........
สิ่งสำคัญที่ผมคิดว่าหนังสือชุดนี้อยากจะสื่อให้รู้ถึงวิธีการลงทุนก็คือ คุณวางแผนการลงทุนแล้วหรือยัง
............
อย่างเช่น ตลาดหุ้น มีขึ้นมีลง คุณวางแผนตอนหุ้นขึ้นอย่างไร และวางแผนตอนหุ้นลงอย่างไร และทำให้แผนทั้งสองประสานกันได้อย่างไร ...... นี่แหละครับ คือ การลงทุน
..........
โดยส่วนตัวผม ผมคิดว่า การเล่นหุ้นวิธีใด ไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญอยู่ที่ระบบบัญชีที่คอยบังคับการลงทุนให้เป็นไปตามแผน
.............
ดังที่คุณ ซีเค กล่าวครับว่า สิ่งสำคัญคือ การบริหารเงินสด แต่ผมขอกล่าวรวบยอดเป็น ระบบบัญชี
..........
ระบบบัญชี จะบอกถึง เงินสด ... สต็อก ( หุ้น ) .... กระแสเงินสด ..... กระแสเงินสดแฝง ..... จำนวนเงินที่ต้องเพิ่มทุน ..... อัตราการโตของพอร์ต ..... การชี้ถึงจุดที่จะเพิ่มหุ้นเพิ่มทุน และ อื่น ๆ อีกมากมาย
.........
และที่ผมชอบมากคือ ที่หนังสือบอกว่า การลงทุนควรจะเป็นแบบง่าย ๆ และ เป็นไปอย่างอัตโนมัติ
..........
เราแค่เหนื่อยในการคิดแผน เมื่อได้แผนแล้ว ก็แค่ทำตามแผนอย่างเคร่งครัด ถึงจุดซื้อต้องซื้อ ถึงจุดขายต้องขาย
............
ผมก็เล่าไม่ค่อยถูกน่ะครับ แต่ถ้ามีคำถามให้ผมลองตอบ ผมว่าน่าจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ
..........
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 23 ก.ค. 47 17:01:36 ]
ความคิดเห็นที่ 13
"และที่ผมชอบมากคือ ที่หนังสือบอกว่า การลงทุนควรจะเป็นแบบง่าย ๆ และ เป็นไปอย่างอัตโนมัติ"
ขอให้ยกตัวอย่างในภาคปฎิบัติสักนิดซิคะ ยกหุ้นขึ้นมาสักตัว เช่น bec ดีมั้ยคะ เพราะซ้อมีกว่าครึ่งพอร์ตตอนนี้ที่ 23- ตอนนี้ราคา 17 บาท มองว่า ยังมีอนาคต แต่ราคาก็หล่นมากจนชักเขวน่ะคะ
จากคุณ : อาซ้อสี่ค่ะ - [ 23 ก.ค. 47 20:57:49 A:202.133.160.112 X: ]
ความคิดเห็นที่ 14
แผนการลงทุนใน bec ตอน 23 คืออะไรครับ
กลยุทธ์การออกคือตรงใหน
จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 23 ก.ค. 47 23:31:37 ]
ความคิดเห็นที่ 15
ที่ว่า ... การลงทุนควรจะเป็นแบบง่าย ๆ ... หมายความว่า สามารถทำได้ง่าย ตรวจสอบผลงานได้ง่าย และ อยู่ในลักษณะที่ใครรู้ใครก็ทำได้ ( แต่พวกเราไม่รู้ หรือ รู้แต่ไม่ทำเพราะมันง่ายจนเกินไป จึงต้องขวนขวายหาวิธีที่มันยากเข้าไว้ )
ผมบอกวิธีนี้ให้ญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า ทำไมมันง่ายขนาดนี้ และถามว่า แล้วทำไมคนอื่นถึงไม่ทำแบบง่าย ๆ นี้ ...... จนบัดนี้ ญาติท่านนี้ ยังทำสิ่งที่ผมบอกให้ไม่ได้เลยครับ แล้วก็ขาดทุนมาตลอด ( ท่านบอกเองว่าง่าย แต่ยิ่งง่าย ท่านยิ่งทำไม่ได้ เพราะมันง่ายเกินไป )
............
ส่วน .... การลงทุนควรจะเป็นไปแบบอัตโนมัติ ....
คือ ไม่ต้องใช้ความคิดเลย มันจะเป็นไปตามระบบ ตามแผน ตามสเตร็ปของมัน
ซึ่งการเล่นหุ้นของพวกเราทั่วไป มันไม่อัตโนมัติเพราะ ทุกคนใช้อารมณ์มาเป็นตัวซื้อขายหุ้น เห็นหุ้นขึ้นก็รีบวิ่งตามเพราะกลัวตกรถ เห็นหุ้นตกก็เททิ้งเพราะกลัวติดดอย อะไรทำนองเนี่ยะ
แต่ถ้าสร้างแผน สร้างระบบ มันจะทำหน้าที่แทนเรา ตัดสินใจแทนเราแทนการใช้อารมณ์
ลองยกตัวอย่างนะครับเช่น ระบบเฟรนไชน์ ทั้ง 7-11 ... KFC หรือเฟรนไชน์ที่มีมาตราฐาน ผู้ซื้อเฟรนไชน์ ต้องปฎิบัติตามสิ่งที่เค้าสอนเค้าวางอย่างเคร่งครัด เพราะเจ้าของเค้าถือว่า วิธีดังกล่าวทำให้เค้าประสบความสำเร็จ วิธีอื่นยังมีข้อด้อย จึงต้องบังคับสมาชิกให้ทำตามระบบ นี่แหละครับ ที่เรียกว่า เป็นไปแบบอัตโนมัติ
.............
พูดง่าย ๆ คือ แผนการลงทุน จะทำให้ทุกอย่างง่าย และ เป็นอัตโนมัติ ครับ
.............
สำหรับ BEC ผมพอจะทราบข้อมูลของพี่อาซ้อสี่มาบ้าง อย่าเข้าใจผิดว่าผมอวดเก่งนะครับ แต่การแก้ปัญหามันง่ายมากครับ แต่ผมไม่ได้โพสต์บอกเพราะมันเหมือนการนำสิ่งที่ผมเรียนรู้มาตลอดมาเปิดเผยให้ผู้อื่นทราบ
และอีกอย่าง การแก้ปัญหานั้นมันขึ้นอยู่กับพี่อาซ้อสี่ด้วยครับว่า พี่เป็นผู้ลงทุนหรือพี่ต้องการกำไร
...........
ถ้าพี่ต้องการกำไร วิธีของผมก็ใช้ไม่ได้ เพราะมันต้องใช้เวลา ค่อยๆทำไป
แต่ถ้าพี่ต้องการลงทุน ต้องการรวย ต้องการอิสรภาพทางการเงิน พี่ก็ต้องอดทนทำ
ผมจึงบอกเสมอว่า วิธีของผมขึ้นอยู่กับ 2 สิ่ง คือ แนวคิดและใจ
..........
แต่ผมจะบอกสิ่งที่ผมคิดว่าอาซ้อสี่ไม่ควรทำ ( สำหรับ BEC และหุ้นอื่น ๆ )
ห้ามนำเงินมาซื้อเฉลี่ย ......
..........
การซื้อเฉลี่ย โดยการลงเงินเพิ่ม เป็นการทำผิดอย่างมหันต์เลยครับ เปรียบเหมือนสินค้าในสต็อก ที่ยังขายไม่ได้ ยังจมทุนอยู่ พี่อาซ้อสี่ก็ยังไปซื้อมาเพิ่มเข้าสต็อกอีก
............
ถ้าถามว่า ผมจะทำอย่างไรถ้าผมเป็นพี่ ผมบอกแบบคร่าว ๆ น่ะครับ ผมจะทำ ช็อทพอร์ตตัวเองเรื่อย ๆ โดยแบ่งเป็น 10 ส่วน ขายช็อทครั้งละ 10 เปอร์เซนต์ ยิ่งลงยิ่งขาย ถ้าขายแล้วไม่ลงต้องหยุดขาย อันไหนซื้อกลับคืนได้ ( หักค่าคอม ๆ ด้วยน่ะครับ ) ก็ซื้อกลับคืน
วิธีนี้ จะเป็นการซื้อเฉลี่ยโดยอาศัยเงินจากตัวมันเอง ( แต่สิ่งที่พี่อาซ้อสี่ทำ เป็นการซื้อเฉลี่ยโดยการเพิ่มเงินลงทุน )
เงินจากตัวมันเอง นี่แหละครับที่เรียกว่า กระแสเงินสดแฝง
...........
ฝรั่งเค้าก็ทำอย่างนี้ทุกวัน จนกระแสเงินสดแฝงเค้าสะสมได้มากพอ เค้าก็จะเอาเงินส่วนนี้มาลากหุ้น ( กลายเป็นยอดซื้อสุทธิ โดยไม่ต้องใช้เงินเพิ่มเลย )
............
สำหรับเรื่อง กลยุทธ์การออก
ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าจะตีความได้เหมือนเพื่อน ๆ หรือเปล่า แต่ผมจะเลิกเล่นหุ้นเมื่อ ผมสามารถทำกระแสเงินสดแฝงได้เฉลี่ยวันละ 10 ล้านบาทครับ ( อันนี้เป็นเป้าหมายที่ผมฝันไว้ว่าต้องทำให้ได้ครับ แต่คงต้องใช้เวลาอีกนาน )
..............
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 24 ก.ค. 47 09:31:10 ]
ความคิดเห็นที่ 16
ลืมบอกไปครับ
สิ่งที่ผมทำคือ ผมเล่นวันที่เซตแดง
เพราะฉะนั้นวันไหนเซตเขียว ( หุ้นขึ้น ) ผมจะปล่อยให้มันเพิ่มมูลค่าของมันเองโดยไม่ไปรบกวนมัน ( อย่างที่เค้าบอกว่า ปล่อยให้กำไรวิ่งต่อ )
หรือถ้าเหงาจริง ๆ ผมก็จะซื้อขายเล่น ๆ แค่วันละประมาณ 1-2 เปอร์เซนต์ของพอร์ต
...........
เพราะผมทำชอร์ทพอร์ตตัวเอง จึงต้องทำเฉพาะวันที่หุ้นตก ส่วนวันหุ้นขึ้น พอร์ตของผมก็จะขึ้นตามไปด้วย
............
และที่ผมไม่ได้บอกวิธีแก้ไขให้ละเอียด เพราะสิ่งที่ผมทำ มันตรงกันข้ามกับความรู้สึกของเพื่อน ๆ ครับ เช่น ผมถือหุ้นเต็มพอร์ตตลอดเวลา ทั้งหุ้นขึ้นหุ้นลง ผมให้ความสำคัญกับปริมาณหุ้นในพอร์ตมากกว่าเงินในมือ เพราะผมถือว่า หุ้นทำเงินให้ผม แต่เงินไม่ได้ทำเงิน
............
ก็เลยไม่ค่อยกล้าโพสต์อะไรมากมาย เพราะว่าแนวทางจะคนละแบบกันครับ เลยเข้ามาอ่านซะเป็นส่วนใหญ่
..............
จากคุณ : เด่นศรี - [ 24 ก.ค. 47 09:52:39 ]
ความคิดเห็นที่ 17
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบ หนังสือ Rich dad มากเช่นกัน เคยนำในสิ่งที่ได้จากการอ่านมาลงทุนในที่ดิน สองวันต่อมาก็โอนได้กำไรจากมันสองแสนบาท
พอคุณเด่นศรีพูดเกี่ยวกับหุ้น(กระแสเงิน กระแสเงินสดแฝง ) ผมชักสนใจที่จะลองบางซื้งก่อนหน้านี้ก็ลังเลที่เปิดพอรต์ดีหรือไม่ดี เพราะเห็นคนเสียมากกว่าได้(พี่ๆในบอรด์พูดกัน) คาดว่ากลับเมืองไทยคราวนี้จะลองเปิดพร์อตเล็กๆแล้วบริหารดู อยากจะลองเทคนิคที่คุณเด่นศรีแนะนำ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
จากคุณ : เอก - [ 24 ก.ค. 47 12:21:21 A:133.44.64.139 X:133.44.1.220 ]
ความคิดเห็นที่ 18
ผมเคยลองคำนวณเล่น ๆ ดู ( จากโปรแกรมการซื้อขายหุ้นที่ผมลองทำขึ้น ) ผมสมมุติให้เป็นขาลง เริ่มจากราคาหุ้นที่ผมซื้อมา = 10 บาท แล้วผมใช้การช็อทพอร์ตตลอด เมื่อหุ้นตกลงมาเหลือ 0.01 บาท ( หรือ ศูนย์บาท ) เงินลงทุนผมจะยังคงเหลือประมาณ 60 เปอร์เซนต์เป็นอย่างต่ำครับ .... นี่เป็นสิ่งที่ผมงงมาก ผมลองหลายครั้ง ทดลองให้หุ้นตกจนหมดมูลค่า ตกลงมาเรื่อย ๆ ก็ยังเหลือเงินในพอร์ตครับ อย่างต่ำก็ 60 เปอร์เซนต์ นั่นคือ ผมสามารถอยู่ได้อย่างสบาย ขอเพียงลงทุนในหุ้นที่พื้นฐานดี ๆ เช่น PTT ... SCC .... BBL ... อะไรทำนองเนี่ยะครับ เพราะถ้าหุ้นเหล่านี้ มูลค่าเหลือ 0 หุ้นตัวอื่น ๆ คงแย่แล้วแหละครับ
..........
นี่เป็นเพียงสิ่งที่ได้จากเกมส์หุ้นของผมนะครับ
.........
นึก ๆ บางครั้งผมยังอยากส่งเกมส์หุ้นของผมให้ลองเล่นกันดู เพราะเพื่อน ๆ ที่เล่นเกมส์นี้ 1 วัน จะเหมือนซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นประมาณ 1 ปี ครับ เพราะผมย่นเวลาลงมาเพื่อศึกษาวิธีลงทุนแต่ละแบบ และเกมส์หุ้นที่ผมทำขึ้นเล่น ๆ สามารถกำหนดได้ว่า จะให้สภาพตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น หรือ ขาลง เช่น ถ้าให้เกมส์เป็นช่วงตลาดขาลง แต่เพื่อน ๆ ยังสามารถทำกำไรได้ภายใน 1 ปี ก็สอบผ่านครับ เพราะรับรองว่า ตลาดจริง น่าจะง่ายกว่าเกมส์ที่ผมเล่นอยู่ครับ
..............
ผมอยากให้เพื่อน ๆ ที่เล่นหุ้น ลองเปลี่ยนความรู้สึกจากการทำกำไร มาเป็นหากระแสเงินสดแฝง เพื่อน ๆ จะไม่เครียด ( หรือเครียดว่า ทำไมวันนี้ได้เงินน้อยจัง อะไรทำนองเนี่ยะครับ )
...........
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 24 ก.ค. 47 14:30:24 ]
ความคิดเห็นที่ 19
วิธีนี้ที่คนไม่นิยมเพราะมันช้ามั๊งคะ
คนมองเห็นกำไรไม่ชัดเจน
ตอนนี้ก็ลองทำวิธีเดียวกะคุณเด่นศรีนี่แหละค่ะ
บางวันก็นึกอยากเล่นเก็งกำไรบ้าง
แต่เมื่อเราจะใช้วิธีนี้แล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด แม้จะดูน่าเบื่อตอนเล่นหุ้นบ้าง
ตอนนี้ก็พยายามหาส่วนที่ผิดพลาดทุกวัน ว่าวันนี้เราพลาดไปตรงไหน
ทำไมสถานการณ์อย่างงี้ทำไม่ทำอยางงั้นอย่างงี้
ทุกวันคือการเรียนรู้ค่ะ
เอาไว้ให้ได้ผลที่ชัดเจนจะมาบอกผลให้คุณเด่นศรีทราบค่ะ ^^
จากคุณ : PITnap no.3 - [ 24 ก.ค. 47 20:39:13 ]
ความคิดเห็นที่ 20
วิธีนี้ มองเห็นกำไรไม่ชัดเจน และ เป็นกำไรที่ได้ทีละนิดหน่อย ซึ่งการเก็งกำไรจะเห็นกำไรเป็นก้อน
แต่วิธีนี้ ทำให้ได้กำไรทุกวัน ไม่ว่าตลาดหุ้นจะขึ้นหรือลง เพราะมันทำเงินทั้งสองทาง
หากทำได้ถูกทาง กำไรจะได้อย่างต่ำปีละไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซนต์ต่อปี ( ถึงแม้ราคาหุ้นจะตกลงมา )
...........
การเก็งกำไร ถึงแม้ได้ก้อนใหญ่ แต่ครั้งต่อไปก็อาจจะทำไม่ได้ หรืออาจต้องขาดทุน นั่นคือ ไม่แน่นอน
...............
อย่าง วอเรนต์ บุฟเฟต ก็ลงทุนง่าย ๆ ซื้อหุ้นดี ๆ ในราคาที่คนไม่สนใจ แล้วเก็บไว้ขายตอนคนสนใจ
...........
สิ่งสำคัญที่ผมคิดว่าหนังสือชุดนี้อยากจะสื่อให้รู้ถึงวิธีการลงทุนก็คือ คุณวางแผนการลงทุนแล้วหรือยัง
............
อย่างเช่น ตลาดหุ้น มีขึ้นมีลง คุณวางแผนตอนหุ้นขึ้นอย่างไร และวางแผนตอนหุ้นลงอย่างไร และทำให้แผนทั้งสองประสานกันได้อย่างไร ...... นี่แหละครับ คือ การลงทุน
..........
โดยส่วนตัวผม ผมคิดว่า การเล่นหุ้นวิธีใด ไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญอยู่ที่ระบบบัญชีที่คอยบังคับการลงทุนให้เป็นไปตามแผน
.............
ดังที่คุณ ซีเค กล่าวครับว่า สิ่งสำคัญคือ การบริหารเงินสด แต่ผมขอกล่าวรวบยอดเป็น ระบบบัญชี
..........
ระบบบัญชี จะบอกถึง เงินสด ... สต็อก ( หุ้น ) .... กระแสเงินสด ..... กระแสเงินสดแฝง ..... จำนวนเงินที่ต้องเพิ่มทุน ..... อัตราการโตของพอร์ต ..... การชี้ถึงจุดที่จะเพิ่มหุ้นเพิ่มทุน และ อื่น ๆ อีกมากมาย
.........
และที่ผมชอบมากคือ ที่หนังสือบอกว่า การลงทุนควรจะเป็นแบบง่าย ๆ และ เป็นไปอย่างอัตโนมัติ
..........
เราแค่เหนื่อยในการคิดแผน เมื่อได้แผนแล้ว ก็แค่ทำตามแผนอย่างเคร่งครัด ถึงจุดซื้อต้องซื้อ ถึงจุดขายต้องขาย
............
ผมก็เล่าไม่ค่อยถูกน่ะครับ แต่ถ้ามีคำถามให้ผมลองตอบ ผมว่าน่าจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ
..........
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 23 ก.ค. 47 17:01:36 ]
ความคิดเห็นที่ 13
"และที่ผมชอบมากคือ ที่หนังสือบอกว่า การลงทุนควรจะเป็นแบบง่าย ๆ และ เป็นไปอย่างอัตโนมัติ"
ขอให้ยกตัวอย่างในภาคปฎิบัติสักนิดซิคะ ยกหุ้นขึ้นมาสักตัว เช่น bec ดีมั้ยคะ เพราะซ้อมีกว่าครึ่งพอร์ตตอนนี้ที่ 23- ตอนนี้ราคา 17 บาท มองว่า ยังมีอนาคต แต่ราคาก็หล่นมากจนชักเขวน่ะคะ
จากคุณ : อาซ้อสี่ค่ะ - [ 23 ก.ค. 47 20:57:49 A:202.133.160.112 X: ]
ความคิดเห็นที่ 14
แผนการลงทุนใน bec ตอน 23 คืออะไรครับ
กลยุทธ์การออกคือตรงใหน
จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 23 ก.ค. 47 23:31:37 ]
ความคิดเห็นที่ 15
ที่ว่า ... การลงทุนควรจะเป็นแบบง่าย ๆ ... หมายความว่า สามารถทำได้ง่าย ตรวจสอบผลงานได้ง่าย และ อยู่ในลักษณะที่ใครรู้ใครก็ทำได้ ( แต่พวกเราไม่รู้ หรือ รู้แต่ไม่ทำเพราะมันง่ายจนเกินไป จึงต้องขวนขวายหาวิธีที่มันยากเข้าไว้ )
ผมบอกวิธีนี้ให้ญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า ทำไมมันง่ายขนาดนี้ และถามว่า แล้วทำไมคนอื่นถึงไม่ทำแบบง่าย ๆ นี้ ...... จนบัดนี้ ญาติท่านนี้ ยังทำสิ่งที่ผมบอกให้ไม่ได้เลยครับ แล้วก็ขาดทุนมาตลอด ( ท่านบอกเองว่าง่าย แต่ยิ่งง่าย ท่านยิ่งทำไม่ได้ เพราะมันง่ายเกินไป )
............
ส่วน .... การลงทุนควรจะเป็นไปแบบอัตโนมัติ ....
คือ ไม่ต้องใช้ความคิดเลย มันจะเป็นไปตามระบบ ตามแผน ตามสเตร็ปของมัน
ซึ่งการเล่นหุ้นของพวกเราทั่วไป มันไม่อัตโนมัติเพราะ ทุกคนใช้อารมณ์มาเป็นตัวซื้อขายหุ้น เห็นหุ้นขึ้นก็รีบวิ่งตามเพราะกลัวตกรถ เห็นหุ้นตกก็เททิ้งเพราะกลัวติดดอย อะไรทำนองเนี่ยะ
แต่ถ้าสร้างแผน สร้างระบบ มันจะทำหน้าที่แทนเรา ตัดสินใจแทนเราแทนการใช้อารมณ์
ลองยกตัวอย่างนะครับเช่น ระบบเฟรนไชน์ ทั้ง 7-11 ... KFC หรือเฟรนไชน์ที่มีมาตราฐาน ผู้ซื้อเฟรนไชน์ ต้องปฎิบัติตามสิ่งที่เค้าสอนเค้าวางอย่างเคร่งครัด เพราะเจ้าของเค้าถือว่า วิธีดังกล่าวทำให้เค้าประสบความสำเร็จ วิธีอื่นยังมีข้อด้อย จึงต้องบังคับสมาชิกให้ทำตามระบบ นี่แหละครับ ที่เรียกว่า เป็นไปแบบอัตโนมัติ
.............
พูดง่าย ๆ คือ แผนการลงทุน จะทำให้ทุกอย่างง่าย และ เป็นอัตโนมัติ ครับ
.............
สำหรับ BEC ผมพอจะทราบข้อมูลของพี่อาซ้อสี่มาบ้าง อย่าเข้าใจผิดว่าผมอวดเก่งนะครับ แต่การแก้ปัญหามันง่ายมากครับ แต่ผมไม่ได้โพสต์บอกเพราะมันเหมือนการนำสิ่งที่ผมเรียนรู้มาตลอดมาเปิดเผยให้ผู้อื่นทราบ
และอีกอย่าง การแก้ปัญหานั้นมันขึ้นอยู่กับพี่อาซ้อสี่ด้วยครับว่า พี่เป็นผู้ลงทุนหรือพี่ต้องการกำไร
...........
ถ้าพี่ต้องการกำไร วิธีของผมก็ใช้ไม่ได้ เพราะมันต้องใช้เวลา ค่อยๆทำไป
แต่ถ้าพี่ต้องการลงทุน ต้องการรวย ต้องการอิสรภาพทางการเงิน พี่ก็ต้องอดทนทำ
ผมจึงบอกเสมอว่า วิธีของผมขึ้นอยู่กับ 2 สิ่ง คือ แนวคิดและใจ
..........
แต่ผมจะบอกสิ่งที่ผมคิดว่าอาซ้อสี่ไม่ควรทำ ( สำหรับ BEC และหุ้นอื่น ๆ )
ห้ามนำเงินมาซื้อเฉลี่ย ......
..........
การซื้อเฉลี่ย โดยการลงเงินเพิ่ม เป็นการทำผิดอย่างมหันต์เลยครับ เปรียบเหมือนสินค้าในสต็อก ที่ยังขายไม่ได้ ยังจมทุนอยู่ พี่อาซ้อสี่ก็ยังไปซื้อมาเพิ่มเข้าสต็อกอีก
............
ถ้าถามว่า ผมจะทำอย่างไรถ้าผมเป็นพี่ ผมบอกแบบคร่าว ๆ น่ะครับ ผมจะทำ ช็อทพอร์ตตัวเองเรื่อย ๆ โดยแบ่งเป็น 10 ส่วน ขายช็อทครั้งละ 10 เปอร์เซนต์ ยิ่งลงยิ่งขาย ถ้าขายแล้วไม่ลงต้องหยุดขาย อันไหนซื้อกลับคืนได้ ( หักค่าคอม ๆ ด้วยน่ะครับ ) ก็ซื้อกลับคืน
วิธีนี้ จะเป็นการซื้อเฉลี่ยโดยอาศัยเงินจากตัวมันเอง ( แต่สิ่งที่พี่อาซ้อสี่ทำ เป็นการซื้อเฉลี่ยโดยการเพิ่มเงินลงทุน )
เงินจากตัวมันเอง นี่แหละครับที่เรียกว่า กระแสเงินสดแฝง
...........
ฝรั่งเค้าก็ทำอย่างนี้ทุกวัน จนกระแสเงินสดแฝงเค้าสะสมได้มากพอ เค้าก็จะเอาเงินส่วนนี้มาลากหุ้น ( กลายเป็นยอดซื้อสุทธิ โดยไม่ต้องใช้เงินเพิ่มเลย )
............
สำหรับเรื่อง กลยุทธ์การออก
ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าจะตีความได้เหมือนเพื่อน ๆ หรือเปล่า แต่ผมจะเลิกเล่นหุ้นเมื่อ ผมสามารถทำกระแสเงินสดแฝงได้เฉลี่ยวันละ 10 ล้านบาทครับ ( อันนี้เป็นเป้าหมายที่ผมฝันไว้ว่าต้องทำให้ได้ครับ แต่คงต้องใช้เวลาอีกนาน )
..............
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 24 ก.ค. 47 09:31:10 ]
ความคิดเห็นที่ 16
ลืมบอกไปครับ
สิ่งที่ผมทำคือ ผมเล่นวันที่เซตแดง
เพราะฉะนั้นวันไหนเซตเขียว ( หุ้นขึ้น ) ผมจะปล่อยให้มันเพิ่มมูลค่าของมันเองโดยไม่ไปรบกวนมัน ( อย่างที่เค้าบอกว่า ปล่อยให้กำไรวิ่งต่อ )
หรือถ้าเหงาจริง ๆ ผมก็จะซื้อขายเล่น ๆ แค่วันละประมาณ 1-2 เปอร์เซนต์ของพอร์ต
...........
เพราะผมทำชอร์ทพอร์ตตัวเอง จึงต้องทำเฉพาะวันที่หุ้นตก ส่วนวันหุ้นขึ้น พอร์ตของผมก็จะขึ้นตามไปด้วย
............
และที่ผมไม่ได้บอกวิธีแก้ไขให้ละเอียด เพราะสิ่งที่ผมทำ มันตรงกันข้ามกับความรู้สึกของเพื่อน ๆ ครับ เช่น ผมถือหุ้นเต็มพอร์ตตลอดเวลา ทั้งหุ้นขึ้นหุ้นลง ผมให้ความสำคัญกับปริมาณหุ้นในพอร์ตมากกว่าเงินในมือ เพราะผมถือว่า หุ้นทำเงินให้ผม แต่เงินไม่ได้ทำเงิน
............
ก็เลยไม่ค่อยกล้าโพสต์อะไรมากมาย เพราะว่าแนวทางจะคนละแบบกันครับ เลยเข้ามาอ่านซะเป็นส่วนใหญ่
..............
จากคุณ : เด่นศรี - [ 24 ก.ค. 47 09:52:39 ]
ความคิดเห็นที่ 17
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบ หนังสือ Rich dad มากเช่นกัน เคยนำในสิ่งที่ได้จากการอ่านมาลงทุนในที่ดิน สองวันต่อมาก็โอนได้กำไรจากมันสองแสนบาท
พอคุณเด่นศรีพูดเกี่ยวกับหุ้น(กระแสเงิน กระแสเงินสดแฝง ) ผมชักสนใจที่จะลองบางซื้งก่อนหน้านี้ก็ลังเลที่เปิดพอรต์ดีหรือไม่ดี เพราะเห็นคนเสียมากกว่าได้(พี่ๆในบอรด์พูดกัน) คาดว่ากลับเมืองไทยคราวนี้จะลองเปิดพร์อตเล็กๆแล้วบริหารดู อยากจะลองเทคนิคที่คุณเด่นศรีแนะนำ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
จากคุณ : เอก - [ 24 ก.ค. 47 12:21:21 A:133.44.64.139 X:133.44.1.220 ]
ความคิดเห็นที่ 18
ผมเคยลองคำนวณเล่น ๆ ดู ( จากโปรแกรมการซื้อขายหุ้นที่ผมลองทำขึ้น ) ผมสมมุติให้เป็นขาลง เริ่มจากราคาหุ้นที่ผมซื้อมา = 10 บาท แล้วผมใช้การช็อทพอร์ตตลอด เมื่อหุ้นตกลงมาเหลือ 0.01 บาท ( หรือ ศูนย์บาท ) เงินลงทุนผมจะยังคงเหลือประมาณ 60 เปอร์เซนต์เป็นอย่างต่ำครับ .... นี่เป็นสิ่งที่ผมงงมาก ผมลองหลายครั้ง ทดลองให้หุ้นตกจนหมดมูลค่า ตกลงมาเรื่อย ๆ ก็ยังเหลือเงินในพอร์ตครับ อย่างต่ำก็ 60 เปอร์เซนต์ นั่นคือ ผมสามารถอยู่ได้อย่างสบาย ขอเพียงลงทุนในหุ้นที่พื้นฐานดี ๆ เช่น PTT ... SCC .... BBL ... อะไรทำนองเนี่ยะครับ เพราะถ้าหุ้นเหล่านี้ มูลค่าเหลือ 0 หุ้นตัวอื่น ๆ คงแย่แล้วแหละครับ
..........
นี่เป็นเพียงสิ่งที่ได้จากเกมส์หุ้นของผมนะครับ
.........
นึก ๆ บางครั้งผมยังอยากส่งเกมส์หุ้นของผมให้ลองเล่นกันดู เพราะเพื่อน ๆ ที่เล่นเกมส์นี้ 1 วัน จะเหมือนซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นประมาณ 1 ปี ครับ เพราะผมย่นเวลาลงมาเพื่อศึกษาวิธีลงทุนแต่ละแบบ และเกมส์หุ้นที่ผมทำขึ้นเล่น ๆ สามารถกำหนดได้ว่า จะให้สภาพตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น หรือ ขาลง เช่น ถ้าให้เกมส์เป็นช่วงตลาดขาลง แต่เพื่อน ๆ ยังสามารถทำกำไรได้ภายใน 1 ปี ก็สอบผ่านครับ เพราะรับรองว่า ตลาดจริง น่าจะง่ายกว่าเกมส์ที่ผมเล่นอยู่ครับ
..............
ผมอยากให้เพื่อน ๆ ที่เล่นหุ้น ลองเปลี่ยนความรู้สึกจากการทำกำไร มาเป็นหากระแสเงินสดแฝง เพื่อน ๆ จะไม่เครียด ( หรือเครียดว่า ทำไมวันนี้ได้เงินน้อยจัง อะไรทำนองเนี่ยะครับ )
...........
เด่นศรี
จากคุณ : เด่นศรี - [ 24 ก.ค. 47 14:30:24 ]
ความคิดเห็นที่ 19
วิธีนี้ที่คนไม่นิยมเพราะมันช้ามั๊งคะ
คนมองเห็นกำไรไม่ชัดเจน
ตอนนี้ก็ลองทำวิธีเดียวกะคุณเด่นศรีนี่แหละค่ะ
บางวันก็นึกอยากเล่นเก็งกำไรบ้าง
แต่เมื่อเราจะใช้วิธีนี้แล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด แม้จะดูน่าเบื่อตอนเล่นหุ้นบ้าง
ตอนนี้ก็พยายามหาส่วนที่ผิดพลาดทุกวัน ว่าวันนี้เราพลาดไปตรงไหน
ทำไมสถานการณ์อย่างงี้ทำไม่ทำอยางงั้นอย่างงี้
ทุกวันคือการเรียนรู้ค่ะ
เอาไว้ให้ได้ผลที่ชัดเจนจะมาบอกผลให้คุณเด่นศรีทราบค่ะ ^^
จากคุณ : PITnap no.3 - [ 24 ก.ค. 47 20:39:13 ]
ความคิดเห็นที่ 20
วิธีนี้ มองเห็นกำไรไม่ชัดเจน และ เป็นกำไรที่ได้ทีละนิดหน่อย ซึ่งการเก็งกำไรจะเห็นกำไรเป็นก้อน
แต่วิธีนี้ ทำให้ได้กำไรทุกวัน ไม่ว่าตลาดหุ้นจะขึ้นหรือลง เพราะมันทำเงินทั้งสองทาง
หากทำได้ถูกทาง กำไรจะได้อย่างต่ำปีละไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซนต์ต่อปี ( ถึงแม้ราคาหุ้นจะตกลงมา )
...........
การเก็งกำไร ถึงแม้ได้ก้อนใหญ่ แต่ครั้งต่อไปก็อาจจะทำไม่ได้ หรืออาจต้องขาดทุน นั่นคือ ไม่แน่นอน
...............