หมี่กะทิ



ส่วนผสม

1.ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์หรือเส้นเล็ก
2.เต้าเจี้ยวขาว
3.หอมแดง
4.พริกแห้ง
5.กะทิ แยกหัวกับหางกะทิออกจากกัน
6.หมูสับ
7.กุ้งสด สับหยาบๆ
8.ผักแกล้ม (หัวปลี ผักกุยช่าย ถั่วงอกดิบ)
9.มะนาว
10.น้ำปลา
11.น้ำตาล
12.ไข่ไก่


วิธีทำ


1.โขลกพริกแห้ง (แช่น้ำแล้ว) ให้ละเอียด พักไว้
2.โขลกหอมแดง พักไว้
3.โขลกเต้าเจี้ยวขาวให้ละเอียด พักไว้
4.ตั้งน้ำหางกะทิไว้อีกเตา คนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้กะทิแยกส่วน
5.เคี่ยวหัวกะทิพอแตกมัน แล้วเอาพริกแห้งที่โขลกลงไปผัด ตามด้วยหอมแดงโขลก
6.ผัดพอหอมแล้วใส่เต้าเจี้ยวและหมูสับ กุ้งสับ ลงไป
7.ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ระหว่างนี้ก็ค่อยๆ เติมหางกะทิเดือดๆ ลงไป ปรุงรสตามต้องการ
8.ต่อยไข่ไก่ตีให้เข้ากันใส่ลงไป ค่อยๆ ตีเบาๆ ให้น้ำข้น
9.ลวกเส้นจันท์หรือเส้นเล็ก ให้พอสุกเหนียว
10.รับประทานกับหัวปลี ผักกุยช่าย และถั่วงอกดิบ ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาล

vvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvvv

สูตรหมี่กะทิอุบล

ส่วนผสม
1.ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก 1/2 กก.หรืออาจเป็นเส้นหมี่ขาวก็ได้
2.ไข่ไก่ 1 ฟอง
3.เนื้อหมูสับ 2 ขีด
4.น้ำปลาดี 1 ช้อนโต๊ะ
5.เต้าเจี้ยว 2 ช้อนโต๊ะ
6.หางกะทิ 2 ถ้วย
7.หัวกะทิ 1 ถ้วย
8.น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
9.น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
10.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
11.น้ำมันกระเทียมเจียว
12.พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นเฉียง หัวปลี ใบบัวบก ถั่วงอก ใบผักชี ถั่วฝักยาว ฯลฯ

ขั้นตอนการทำ
1. โขลกหมูสับกับเต้าเจี้ยวจนเข้ากันดี ตั้งหม้อต้มหางกะทิในหม้อด้วยไฟกลาง พอเริ่มเดือดใส่เนื้อหมูคนๆให้กระจายไม่ให้จับกันเป็นก้อน ปิดไฟ
2. เคี่ยวหัวกะทิด้วยไฟกลางให้แตกมัน ใส่พริกแกงลงผัดจนหอม ใส่เนื้อหมูที่ต้ม ใส่หางกะทิที่กับต้มหมู ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วย น้ำตาล น้ำปลา ใส่ไข่ไก่ คนๆ ให้กระจายตัว พอสุก ปิดไฟ
3. ลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวในน้ำเดือดจนเส้นสุกนุ่ม ใส่ชาม คลุกด้วยน้ำมันกระเทียมเจียวให้ทั่วเพี่อไม่ให้เส้นติดกัน ตักกะทิที่ผัดใส่ ตกแต่งหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าสีเเดงหั่นเฉียงและใบผักชี ปรุงรสด้วยมะนาวกินกับผัก สด หัวปลี ใบบัวบก ถั่วงอก ถั่วฝักยาว ฯลฯ 

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘