[700][265] อยากเก่งอังกฤษ แต่ไม่มีเวลาฝึก ทำยังไง?
สวัสดีครับ
Blog ที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้ชื่อว่า “เรียนภาษาอังกฤษผ่านเน็ต ฟรี” หรือ “Free English Study Online” ซึ่งแปลว่า เพียงท่านมีอินเตอร์เน็ตใช้ ท่านก็สามารถเข้ามาที่ Blog นี้ และมีแทบทุกอย่างให้ท่าน “เรียน” ภาษาอังกฤษ
ท่าน พอจะเดาได้ไหมครับว่า ทำไมผมจึงตั้งชื่อ Blog นี้ว่า “เรียนภาษาอังกฤษ” ใม่ยอมใช้คำว่า “สอนภาษาอังกฤษ” ทั้ง ๆ ที่คำว่า “สอน” อาจจะทำให้คนสนใจมากว่าคำว่า “เรียน” ด้วยซ้ำไป เพราะคนที่อยากฟิตภาษาอังกฤษก็อยากมีคนสอน และก็เรียนตามที่เขาสอน
แนวคิดพื้นฐานซึ่งมาจากประสบการณ์ส่วนตัวบอกผมว่า การเรียนสำคัญกว่าการสอน คนที่จะเก่งภาษาอังกฤษต้องมีความรักที่จะเรียน เห็นประโยชน์ของการเรียน เห็นภาษาอังกฤษเป็น “ทักษะ” หรือ Skill ที่ควรจะมีติดตัวไว้ ไม่ใช่มองภาษาอังกฤษว่าเป็น “วิชา” หรือ Subject ที่เพียงรู้เพื่อสอบผ่าน พอสอบเสร็จแล้วก็ไม่สนใจ
ด้วยเหตุที่ภาษาอังกฤษเป็น “ทักษะ” หรือ Skill ที่เราต้องใช้งานหรือเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา จึงเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องหาให้พบว่า เราควรจะเรียนอะไรจึงจะดีที่สุดตามความจำเป็นของการใช้งาน
และการสอน ล่ะไม่สำคัญเลยหรือ? มิได้ครับ ผมมิได้บอกว่าการสอนไม่สำคัญ แต่ผมกำลังบอกว่า ความตั้งใจ-เต็มใจ-พอใจ ที่จะเรียนต้องมาก่อน แล้วเราค่อยไปหาว่ามีที่ไหนที่สอนตรงกับสิ่งที่เราประสงค์จะเรียน การเรียนอย่างสะเปะสะปะก็จะได้ผลอย่างสะเปะสะปะ แต่การเรียนอย่างมีเป้าหมายอย่างชัดเจน ทั้งเป้าหมายย่อย-เป้าหมายใหญ่ เป้าหมายระยะสั้น-ระยะยาว จะช่วยให้เราเรียนอย่างรู้ตัว รู้ว่าเรากำลังเดินไปทางไหน ไปใช่ใครมาบอกว่าที่นั่นที่นี่สอนดี ก็เฮไปเรียนตามเขา อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
ที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนี้คืออารัมภบทที่อาจจะยาวเกินไปหน่อย ต่อไปนี้ผมจะวกเข้าเรื่องที่ผมต้องการจะพูดละครับ
ผม เข้าใจดีครับว่า หลายท่านรู้ว่าภาษาอังกฤษสำคัญ และก็อยากจะเก่งภาษาอังกฤษ แต่ปัญหาก็คือ ไม่มีเวลาจะฟิตหรือฝึกภาษาอังกฤษ แม้มีเน็ตอยู่ที่บ้านให้ฝึก หรืออาจจะฝึกกับเน็ตที่ทำงานตอนเย็น ๆ หลังเลิกงานก็ได้ แต่ก็หมดเวลาและเหนื่อยเกินไป ทั้งเหนื่อยกายและสมอง พอนาน ๆ เข้า ทักษะพื้นฐานที่เคยร่ำเรียนมาสมัยก่อนก็ค่อย ๆ ลืมและหดหายไป จะมาพลิกฟื้นเพื่อคืนชีพทักษะเดิม ๆ ก็ดูเหมือนมันจะสิ้นชีวิตไปแล้ว ก็เลยท้อโดยสิ้นเชิง
ผมอยากจะบอกตรงนี้ว่า อย่าเพิ่งท้อเลยครับ ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องของการใช้งานจริง ซึ่งมีอยู่ 4 อย่าง คือ ฟัง – พูด – อ่าน – เขียน สูตรสั้น ๆ ที่ศักดิ์สิทธ์เสมอถ้าใครทำตามก็คือ “ถ้าได้ทำ ก็จะ ทำได้” แต่ถ้าไม่ทำก็จะทำไม่ได้ แค่นี้เองครับ
เพราะฉะนั้น ทุกวัน แม้จะขี้เกียจ เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า หรือมีเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้วิตกกังวลมากมายขนาดไหน ก็ขอให้ท่านเจียดเวลาสำหรับการฝึกภาษาอังกฤษ เช่น
- จะต้องอ่านภาษาอังกฤษ อ่านอะไรก็ได้ที่อยากจะอ่าน ขอให้เป็นภาษาอังกฤษแล้วกัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที
- จะต้องฟังภาษาอังกฤษ ฟังอะไรก็ได้ที่อยากจะฟัง ขอให้เป็นภาษาอังกฤษแล้วกัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที
ขอแค่นี้แหละครับ
ใน ฐานะที่ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายโดยการวิ่ง ผมขอยกตัวอย่างเรื่องนี้สำหรับท่านที่อาจจะไม่คุ้นเคย พวกที่ชอบไป jogging ตามงานต่าง ๆ โดยมากเป็นคนมีอายุ 40 – 50 – 60 ปีขึ้นไปทั้งนั้น นักวิ่งที่อายุ 20 – 30 ปีมีน้อยมาก และพวกอายุเยอะที่มาเริ่มวิ่งนี่นะครับ มีจำนวนมากที่มาวิ่งเพราะความโทรมของร่างกายบังคับ เช่น เป็นโรคนั้นโรคนี้ หัวใจ ความดัน เบาหวาน กล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย หมดแรง ฯลฯ โดยอาจจะเริ่มด้วยการเดินช้า ๆ ระยะสั้น ๆ ก่อน แล้วค่อย ๆ ขยับเป็นเดินยาวขึ้น นานขึ้น เดินสลับวิ่ง แล้วจึงค่อยวิ่ง หลายคนมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะ walk & jog นี่แหละครับ
สำหรับท่านที่ต้องการฟิตภาษาอังกฤษ มันไม่ต่างอะไรกันเลยกับการเริ่มออกวิ่งที่ผมยกตัวอย่างข้างบน ทักษะภาษาอังกฤษที่ท่านจะได้จะนำมาซึ่งความรู้ ความเพลิดเพลิน การใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อผู้อื่น การทำงาน การหารายได้พิเศษ การเดินทางท่องเที่ยว การได้คบหาสมาคมกับเพื่อนฝูงใหม่ ๆ การเป็นคนรุ่นใหม่ที่รู้ข้อมูลใหม่ ๆ ของโลกยุคใหม่ ฯลฯ ทั้งหมดนี้และอื่น ๆ อีกมากมายมาจากทักษะภาษาอังกฤษทั้งนั้นแหละครับ
และ.... Blog นี้ก็มีทุกอย่างให้ท่านฝึกเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษที่ท่านต้องการ
ผมขอเริ่มที่จุดง่าย ๆ สำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลาแล้วกันครับ
ที่ คอลัมน์ซ้ายของ Blog นี้ ท่านจะเห็นหลายลิงค์ที่ผมรวบรวมไว้ ท่านสามารถใช้สิงค์เหล่านี้ทำกิจกรรมประจำวันเพื่อการฟิตภาษาอังกฤษ ตามความชอบมาก – น้อย ของแต่ละท่าน ส่วนตัวผมเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างจากหลายท่าน คือไม่ค่อยมีเวลา ก็มักจะทำได้แค่ อ่าน Bangkok Post หรือ The Nation และ ฟังข่าวสั้น
ท่านลองเลือกดูซีครับ ว่าท่านชอบใจลิงค์ไหนเป็นพิเศษ ก็จะได้ทำกิจกรรมประจำวันเพื่อฟิตถาษาอังกฤษ กับลิงค์นั้น
[1] ชมวีดิโอ Eng ONET 187 ตอน
[2] จำศัพท์วิ่ง 3000 คำ
[3] 'ศัพท์คำพ้อง'วิ่ง 3000 คำ
[4] เว็บช่วยแปลคำศัพท์ทั้งหน้า
[5] อ่าน Bangkok Post, Bangkok Post แปลศัพท์, Nation, DailyXpress, BBC, CNN,norsorpor
[6] ฟัง VOA Special English
[7] ฟังข่าวสด CNN, BBC, NPR, ABC, กปส.[
8] ฟังข่าวสั้น CNN, BBC, NPR, VOA, NHK
[9] คลิกเว็บ Blog Writer แนะนำ
[10] เลื่อนลงไปข้างล่างจะพบ Word of the Day, Article of the Day, In the News, Spelling Bee, Match Up
และ สำหรับวันนี้ ผมมีกิจกรรมใหม่ มาให้ท่านเล่นเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่ไม่ค่อยมีเวลา คือ กิจกรรม การศึกษาศัพท์แบบ random จากดิกชันนารี ซึ่งจะให้ประโยชน์ทั้งเรื่อง vocabulary, reading, grammar, speaking, listening และ writing พูดง่าย ๆ ก็คือ ได้ครบทุกทักษะนั่นและครับ
ขอชี้แจงไปตามลำดับ ดังนี้ครับ
เท่า ที่ผมพบขณะนี้ มี dictionary online อยู่ 2 เว็บ คือ Longman และ ninjawords ที่ท่านสามารถคลิก Refresh หรือคลิก random เพื่อให้เขาโชว์ศัพท์คำใหม่ทุกครั้งที่ท่านคลิก การศึกษาศัพท์พวกนี้มีประโยชน์อย่างไร
[1] เป็นศัพท์จาก dictionary ที่ update แทบทุกปี จึงเป็นศัพท์ร่วมสมัยที่น่ารู้ เรื่องหนึ่งที่ผมขอเรียนก็คือ ดิกชันนารี อังกฤษ – ไทย เล่มขนาดกลาง ๆ ที่แปลและเรียบเรียงวางขายในตลาดเมืองไทยนั้น ส่วนใหญ่มีศัพท์ประมาณ 20,000 – 25,000 คำ แต่ดิกระดับอินเตอร์ที่ผมแนะนำนี้ มีศัพท์เล่มละไม่น้อยกว่า 50,000 คำ โดยจะรวมศัพท์ทั่วไปและศัพท์เทคนิคที่ไม่ใช่ศัพท์เทคนิคที่ลึกเกินไปเอาไว้
[2] ศัพท์จำนวนมาก มีตัวอย่างประโยค ที่ช่วยให้ท่านฝึก reading และ สังเกตการใช้ grammar และ writing ไปในตัว การที่ท่านศึกษาทีละประโยคนี้ ทำให้ท่านไม่รู้สึกเบื่อมาก ไม่เหมือนการต้องอ่านบทความยาว ๆ ที่อ่านไม่รู้จักจบสักที
]3] ท่านสามารถฝึกอ่านออกเสียง ดัง ๆ - ช้า ๆ - ชัด ๆ ได้ทีละประโยค เป็นการฝึก speaking ไปในตัว
เว็บที่ 1 Longman Dictionary ทุกครั้งที่คลิก Refresh จะปรากฏศัพท์ตำใหม่ (และถ้าท่านดับเบิ้ลคลิกที่คำอธิบายศัพท์ของ Longman ก็จะปรากฏเป็นหน้าต่างใหม่ขึ้นมา อธิบายคำศัพท์ที่คลิกนั้นอีกต่อหนึ่ง)
http://www.ldoceonline.com/
อ่านคำแนะนำการใช้เพิ่มเติม คลิกที่นี่ [139] ฝึกฟัง-พูด-อ่าน-เขียน กับ Longman Dictionary
เว็บที่ 2 ninjawords dictionary ทุกครั้งที่คลิก random จะปรากฏศัพท์คำใหม่
http://ninjawords.com/
ส่วน อีก 5 เว็บข้างล่างนี้ ท่านสามารถคลิกที่คำอธิบายศัพท์ ก็จะเป็นลิงค์แสดงคำศัพท์นั้นขึ้นมาใหม่ เป็นการศึกษาการใช้ดิกชันนารี อังกฤษ – อังกฤษ ที่ดีมาก
เว็บที่ 3 The Free Dictionary
http://www.thefreedictionary.com/
อ่านคำแนะนำการใช้เพิ่มเติม คลิกที่นี่ [106] ฝึกฟังภาษาอังกฤษทีละคำ
เว็บที่ 4 Cambridge Dictionaryhttp://dictionary.cambridge.org/
เว็บที่ 5 WoedWeb Dictionary
http://www.wordwebonline.com/
เว็บที่ 6 Cobuild Dictionary
http://eedic.naver.com/
อ่านคำแนะนำการใช้เพิ่มเติม คลิกที่นี่ [273]ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ได้ จากประโยคตัวอย่าง
เว็บที่ 7 Webster-online Dictionary
http://www.websters-online-dictionary.org/
ศึกษาเว็บ dictionary เพิ่มเติม[257] ดิกชันนารีที่น่าใช้
[87] รวม Learner’s Dictionary ใช้ฟรี online
ลิงค์เพิ่มเติมสำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลาฝึกภาษาอังกฤษ[340] ฟิตภาษาอังกฤษวันละนิดได้ที่เว็บนี้ครับ
[205]ข่าวสั้น(ไม่มีเวลา/ขี้เกียจอ่าน/ฟังข่าว ยาว ๆ)
[130] ภาษาอังกฤษสำหรับคนที่ไม่ค่อยจะมีเวลาเรียน
ขอให้เก่งภาษาอังกฤษอย่างที่ตั้งใจไว้ทุกท่านนะครับ
Blog ที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้ชื่อว่า “เรียนภาษาอังกฤษผ่านเน็ต ฟรี” หรือ “Free English Study Online” ซึ่งแปลว่า เพียงท่านมีอินเตอร์เน็ตใช้ ท่านก็สามารถเข้ามาที่ Blog นี้ และมีแทบทุกอย่างให้ท่าน “เรียน” ภาษาอังกฤษ
ท่าน พอจะเดาได้ไหมครับว่า ทำไมผมจึงตั้งชื่อ Blog นี้ว่า “เรียนภาษาอังกฤษ” ใม่ยอมใช้คำว่า “สอนภาษาอังกฤษ” ทั้ง ๆ ที่คำว่า “สอน” อาจจะทำให้คนสนใจมากว่าคำว่า “เรียน” ด้วยซ้ำไป เพราะคนที่อยากฟิตภาษาอังกฤษก็อยากมีคนสอน และก็เรียนตามที่เขาสอน
แนวคิดพื้นฐานซึ่งมาจากประสบการณ์ส่วนตัวบอกผมว่า การเรียนสำคัญกว่าการสอน คนที่จะเก่งภาษาอังกฤษต้องมีความรักที่จะเรียน เห็นประโยชน์ของการเรียน เห็นภาษาอังกฤษเป็น “ทักษะ” หรือ Skill ที่ควรจะมีติดตัวไว้ ไม่ใช่มองภาษาอังกฤษว่าเป็น “วิชา” หรือ Subject ที่เพียงรู้เพื่อสอบผ่าน พอสอบเสร็จแล้วก็ไม่สนใจ
ด้วยเหตุที่ภาษาอังกฤษเป็น “ทักษะ” หรือ Skill ที่เราต้องใช้งานหรือเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา จึงเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องหาให้พบว่า เราควรจะเรียนอะไรจึงจะดีที่สุดตามความจำเป็นของการใช้งาน
และการสอน ล่ะไม่สำคัญเลยหรือ? มิได้ครับ ผมมิได้บอกว่าการสอนไม่สำคัญ แต่ผมกำลังบอกว่า ความตั้งใจ-เต็มใจ-พอใจ ที่จะเรียนต้องมาก่อน แล้วเราค่อยไปหาว่ามีที่ไหนที่สอนตรงกับสิ่งที่เราประสงค์จะเรียน การเรียนอย่างสะเปะสะปะก็จะได้ผลอย่างสะเปะสะปะ แต่การเรียนอย่างมีเป้าหมายอย่างชัดเจน ทั้งเป้าหมายย่อย-เป้าหมายใหญ่ เป้าหมายระยะสั้น-ระยะยาว จะช่วยให้เราเรียนอย่างรู้ตัว รู้ว่าเรากำลังเดินไปทางไหน ไปใช่ใครมาบอกว่าที่นั่นที่นี่สอนดี ก็เฮไปเรียนตามเขา อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
ที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนี้คืออารัมภบทที่อาจจะยาวเกินไปหน่อย ต่อไปนี้ผมจะวกเข้าเรื่องที่ผมต้องการจะพูดละครับ
ผม เข้าใจดีครับว่า หลายท่านรู้ว่าภาษาอังกฤษสำคัญ และก็อยากจะเก่งภาษาอังกฤษ แต่ปัญหาก็คือ ไม่มีเวลาจะฟิตหรือฝึกภาษาอังกฤษ แม้มีเน็ตอยู่ที่บ้านให้ฝึก หรืออาจจะฝึกกับเน็ตที่ทำงานตอนเย็น ๆ หลังเลิกงานก็ได้ แต่ก็หมดเวลาและเหนื่อยเกินไป ทั้งเหนื่อยกายและสมอง พอนาน ๆ เข้า ทักษะพื้นฐานที่เคยร่ำเรียนมาสมัยก่อนก็ค่อย ๆ ลืมและหดหายไป จะมาพลิกฟื้นเพื่อคืนชีพทักษะเดิม ๆ ก็ดูเหมือนมันจะสิ้นชีวิตไปแล้ว ก็เลยท้อโดยสิ้นเชิง
ผมอยากจะบอกตรงนี้ว่า อย่าเพิ่งท้อเลยครับ ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องของการใช้งานจริง ซึ่งมีอยู่ 4 อย่าง คือ ฟัง – พูด – อ่าน – เขียน สูตรสั้น ๆ ที่ศักดิ์สิทธ์เสมอถ้าใครทำตามก็คือ “ถ้าได้ทำ ก็จะ ทำได้” แต่ถ้าไม่ทำก็จะทำไม่ได้ แค่นี้เองครับ
เพราะฉะนั้น ทุกวัน แม้จะขี้เกียจ เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า หรือมีเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้วิตกกังวลมากมายขนาดไหน ก็ขอให้ท่านเจียดเวลาสำหรับการฝึกภาษาอังกฤษ เช่น
- จะต้องอ่านภาษาอังกฤษ อ่านอะไรก็ได้ที่อยากจะอ่าน ขอให้เป็นภาษาอังกฤษแล้วกัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที
- จะต้องฟังภาษาอังกฤษ ฟังอะไรก็ได้ที่อยากจะฟัง ขอให้เป็นภาษาอังกฤษแล้วกัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที
ขอแค่นี้แหละครับ
ใน ฐานะที่ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายโดยการวิ่ง ผมขอยกตัวอย่างเรื่องนี้สำหรับท่านที่อาจจะไม่คุ้นเคย พวกที่ชอบไป jogging ตามงานต่าง ๆ โดยมากเป็นคนมีอายุ 40 – 50 – 60 ปีขึ้นไปทั้งนั้น นักวิ่งที่อายุ 20 – 30 ปีมีน้อยมาก และพวกอายุเยอะที่มาเริ่มวิ่งนี่นะครับ มีจำนวนมากที่มาวิ่งเพราะความโทรมของร่างกายบังคับ เช่น เป็นโรคนั้นโรคนี้ หัวใจ ความดัน เบาหวาน กล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย หมดแรง ฯลฯ โดยอาจจะเริ่มด้วยการเดินช้า ๆ ระยะสั้น ๆ ก่อน แล้วค่อย ๆ ขยับเป็นเดินยาวขึ้น นานขึ้น เดินสลับวิ่ง แล้วจึงค่อยวิ่ง หลายคนมีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะ walk & jog นี่แหละครับ
สำหรับท่านที่ต้องการฟิตภาษาอังกฤษ มันไม่ต่างอะไรกันเลยกับการเริ่มออกวิ่งที่ผมยกตัวอย่างข้างบน ทักษะภาษาอังกฤษที่ท่านจะได้จะนำมาซึ่งความรู้ ความเพลิดเพลิน การใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อผู้อื่น การทำงาน การหารายได้พิเศษ การเดินทางท่องเที่ยว การได้คบหาสมาคมกับเพื่อนฝูงใหม่ ๆ การเป็นคนรุ่นใหม่ที่รู้ข้อมูลใหม่ ๆ ของโลกยุคใหม่ ฯลฯ ทั้งหมดนี้และอื่น ๆ อีกมากมายมาจากทักษะภาษาอังกฤษทั้งนั้นแหละครับ
และ.... Blog นี้ก็มีทุกอย่างให้ท่านฝึกเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษที่ท่านต้องการ
ผมขอเริ่มที่จุดง่าย ๆ สำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลาแล้วกันครับ
ที่ คอลัมน์ซ้ายของ Blog นี้ ท่านจะเห็นหลายลิงค์ที่ผมรวบรวมไว้ ท่านสามารถใช้สิงค์เหล่านี้ทำกิจกรรมประจำวันเพื่อการฟิตภาษาอังกฤษ ตามความชอบมาก – น้อย ของแต่ละท่าน ส่วนตัวผมเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างจากหลายท่าน คือไม่ค่อยมีเวลา ก็มักจะทำได้แค่ อ่าน Bangkok Post หรือ The Nation และ ฟังข่าวสั้น
ท่านลองเลือกดูซีครับ ว่าท่านชอบใจลิงค์ไหนเป็นพิเศษ ก็จะได้ทำกิจกรรมประจำวันเพื่อฟิตถาษาอังกฤษ กับลิงค์นั้น
[1] ชมวีดิโอ Eng ONET 187 ตอน
[2] จำศัพท์วิ่ง 3000 คำ
[3] 'ศัพท์คำพ้อง'วิ่ง 3000 คำ
[4] เว็บช่วยแปลคำศัพท์ทั้งหน้า
[5] อ่าน Bangkok Post, Bangkok Post แปลศัพท์, Nation, DailyXpress, BBC, CNN,norsorpor
[6] ฟัง VOA Special English
[7] ฟังข่าวสด CNN, BBC, NPR, ABC, กปส.[
8] ฟังข่าวสั้น CNN, BBC, NPR, VOA, NHK
[9] คลิกเว็บ Blog Writer แนะนำ
[10] เลื่อนลงไปข้างล่างจะพบ Word of the Day, Article of the Day, In the News, Spelling Bee, Match Up
และ สำหรับวันนี้ ผมมีกิจกรรมใหม่ มาให้ท่านเล่นเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่ไม่ค่อยมีเวลา คือ กิจกรรม การศึกษาศัพท์แบบ random จากดิกชันนารี ซึ่งจะให้ประโยชน์ทั้งเรื่อง vocabulary, reading, grammar, speaking, listening และ writing พูดง่าย ๆ ก็คือ ได้ครบทุกทักษะนั่นและครับ
ขอชี้แจงไปตามลำดับ ดังนี้ครับ
เท่า ที่ผมพบขณะนี้ มี dictionary online อยู่ 2 เว็บ คือ Longman และ ninjawords ที่ท่านสามารถคลิก Refresh หรือคลิก random เพื่อให้เขาโชว์ศัพท์คำใหม่ทุกครั้งที่ท่านคลิก การศึกษาศัพท์พวกนี้มีประโยชน์อย่างไร
[1] เป็นศัพท์จาก dictionary ที่ update แทบทุกปี จึงเป็นศัพท์ร่วมสมัยที่น่ารู้ เรื่องหนึ่งที่ผมขอเรียนก็คือ ดิกชันนารี อังกฤษ – ไทย เล่มขนาดกลาง ๆ ที่แปลและเรียบเรียงวางขายในตลาดเมืองไทยนั้น ส่วนใหญ่มีศัพท์ประมาณ 20,000 – 25,000 คำ แต่ดิกระดับอินเตอร์ที่ผมแนะนำนี้ มีศัพท์เล่มละไม่น้อยกว่า 50,000 คำ โดยจะรวมศัพท์ทั่วไปและศัพท์เทคนิคที่ไม่ใช่ศัพท์เทคนิคที่ลึกเกินไปเอาไว้
[2] ศัพท์จำนวนมาก มีตัวอย่างประโยค ที่ช่วยให้ท่านฝึก reading และ สังเกตการใช้ grammar และ writing ไปในตัว การที่ท่านศึกษาทีละประโยคนี้ ทำให้ท่านไม่รู้สึกเบื่อมาก ไม่เหมือนการต้องอ่านบทความยาว ๆ ที่อ่านไม่รู้จักจบสักที
]3] ท่านสามารถฝึกอ่านออกเสียง ดัง ๆ - ช้า ๆ - ชัด ๆ ได้ทีละประโยค เป็นการฝึก speaking ไปในตัว
เว็บที่ 1 Longman Dictionary ทุกครั้งที่คลิก Refresh จะปรากฏศัพท์ตำใหม่ (และถ้าท่านดับเบิ้ลคลิกที่คำอธิบายศัพท์ของ Longman ก็จะปรากฏเป็นหน้าต่างใหม่ขึ้นมา อธิบายคำศัพท์ที่คลิกนั้นอีกต่อหนึ่ง)
http://www.ldoceonline.com/
อ่านคำแนะนำการใช้เพิ่มเติม คลิกที่นี่ [139] ฝึกฟัง-พูด-อ่าน-เขียน กับ Longman Dictionary
เว็บที่ 2 ninjawords dictionary ทุกครั้งที่คลิก random จะปรากฏศัพท์คำใหม่
http://ninjawords.com/
ส่วน อีก 5 เว็บข้างล่างนี้ ท่านสามารถคลิกที่คำอธิบายศัพท์ ก็จะเป็นลิงค์แสดงคำศัพท์นั้นขึ้นมาใหม่ เป็นการศึกษาการใช้ดิกชันนารี อังกฤษ – อังกฤษ ที่ดีมาก
เว็บที่ 3 The Free Dictionary
http://www.thefreedictionary.com/
อ่านคำแนะนำการใช้เพิ่มเติม คลิกที่นี่ [106] ฝึกฟังภาษาอังกฤษทีละคำ
เว็บที่ 4 Cambridge Dictionaryhttp://dictionary.cambridge.org/
เว็บที่ 5 WoedWeb Dictionary
http://www.wordwebonline.com/
เว็บที่ 6 Cobuild Dictionary
http://eedic.naver.com/
อ่านคำแนะนำการใช้เพิ่มเติม คลิกที่นี่ [273]ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ได้ จากประโยคตัวอย่าง
เว็บที่ 7 Webster-online Dictionary
http://www.websters-online-dictionary.org/
ศึกษาเว็บ dictionary เพิ่มเติม[257] ดิกชันนารีที่น่าใช้
[87] รวม Learner’s Dictionary ใช้ฟรี online
ลิงค์เพิ่มเติมสำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลาฝึกภาษาอังกฤษ[340] ฟิตภาษาอังกฤษวันละนิดได้ที่เว็บนี้ครับ
[205]ข่าวสั้น(ไม่มีเวลา/ขี้เกียจอ่าน/ฟังข่าว ยาว ๆ)
[130] ภาษาอังกฤษสำหรับคนที่ไม่ค่อยจะมีเวลาเรียน
ขอให้เก่งภาษาอังกฤษอย่างที่ตั้งใจไว้ทุกท่านนะครับ