พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒ หน้า 706-710

                                                            หน้าที่ ๗๐๖

                                                                พระอนุบัญญัติ
                ๒๑๒. ๖๗. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่แสดงธรรมแก่บุคคลไม่ใช่
ผู้เจ็บไข้คลุมศีรษะ.
                                                                สิกขาบทวิภังค์
                ที่ชื่อว่า คลุมศีรษะ คือ ที่เขาเรียกกันว่าคลุมตลอดศีรษะ
                อันภิกษุไม่พึงแสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้คลุมศีรษะ ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ
แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้คลุมศีรษะ ต้องอาบัติทุกกฏ.
                                                                อนาปัตติวาร
                ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ ให้เขาเปิดผ้าคลุมศีรษะแล้วแสดง ๑
มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
                                                ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๗ จบ.
                                                _______________
                                                ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๘
                [๘๖๙] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์อยู่ที่พื้นดินแสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งอยู่
บนอาสนะ ...
                                                                พระอนุบัญญัติ
                ๒๑๓. ๖๘. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เรานั่งอยู่ที่พื้นดิน จักไม่แสดงธรรมแก่
คนไม่เจ็บไข้ ผู้นั่งบนอาสนะ.
                                                                สิกขาบทวิภังค์
                อันภิกษุนั่งอยู่บนพื้น ไม่พึงแสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้นั่งอยู่บนอาสนะ ภิกษุใดอาศัย
ความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งอยู่ที่พื้นดิน แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้นั่งอยู่บนอาสนะ ต้องอาบัติ
ทุกกฏ.


                                                            หน้าที่ ๗๐๗

                                                                อนาปัตติวาร
                ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑
ไม่ต้องอาบัติแล.
                                                ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๘ จบ.
                                                _______________
                                                ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๙
                [๘๗๐] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์นั่งอยู่บนอาสนะต่ำแสดงธรรมแก่
บุคคลผู้นั่งอยู่บนอาสนะสูง บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
ไฉนพระฉัพพัคคีย์นั่งอยู่บนอาสนะต่ำ จึงได้แสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งอยู่บนอาสนะสูงเล่า แล้ว
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
                                                                ทรงสอบถาม
                พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามพระฉัพพัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกเธอนั่ง
บนอาสนะต่ำ แสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งอยู่บนอาสนะสูง จริงหรือ?
                พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
                                                ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
                พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉนพวกเธอนั่งอยู่บน
อาสนะต่ำจึงได้แสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งอยู่บนอาสนะสูงเล่า การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่
เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่
เลื่อมใสแล้ว ... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายดังต่อไปนี้:-
                                                เรื่องภรรยาของบุรุษจัณฑาล
                [๘๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ภรรยาของบุรุษจัณฑาลคนหนึ่งใน
พระนครพาราณสีได้ตั้งครรภ์ นางได้บอกแก่สามีว่า นาย ดิฉันกำลังตั้งครรภ์ ดิฉันอยากรับ
ประทานมะม่วง.


                                                            หน้าที่ ๗๐๘

                สามีตอบว่า มะม่วงไม่มี เพราะไม่ใช่หน้ามะม่วง.
                นางกล่าวว่า ถ้าไม่ได้รับประทาน ดิฉันจักตาย.
                สมัยนั้น ต้นมะม่วงของหลวงมีผลไม่วาย มีอยู่ต้นหนึ่ง บุรุษจัณฑาลนั้นเดินเข้าไปที่
ต้นมะม่วงนั้น ครั้นแล้วได้ขึ้นไปแฝงอยู่บนต้นมะม่วงนั้น. พอดีพระเจ้าแผ่นดินได้เสด็จไปถึงต้น
มะม่วงนั้น ครั้นแล้วประทับนั่งบนพระราชอาสน์สูง ทรงเรียนมนต์กับพราหมณ์ปุโรหิต บุรุษ
จัณฑาลคิดว่า พระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้ ประทับนั่งบนพระราชอาสน์สูงเรียนมนต์ ชื่อว่าไม่เคารพ
ธรรม และพราหมณ์คนนี้นั่งบนอาสนะต่ำ สอนมนต์แก่พระเจ้าแผ่นดินผู้ประทับนั่งบนพระราช
อาสน์สูงก็ชื่อว่าไม่เคารพธรรม ส่วนเราผู้ลักมะม่วงของหลวง เพราะเหตุแห่งสตรีก็ชื่อว่าไม่เคารพ
ธรรมเหมือนกัน แท้จริง การกระทำทั้งนี้ล้วนต่ำทรามทั้งนั้น ดังนี้แล้วไต่ลงมา ณ ระหว่าง
พระเจ้าแผ่นดินและพราหมณ์ทั้งสองนั้นแล แล้วกล่าวคาถาขึ้นว่าดังนี้
                ทั้งสองไม่รู้อรรถ ทั้งสองไม่รู้เห็นธรรม คือพราหมณ์ผู้สอนมนต์โดยไม่
                เคารพธรรม และพระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงเรียนมนต์โดยไม่เคารพธรรม.
พราหมณ์นั้นกล่าวคาถาว่าดังนี้:-
                เพราะข้าวสุกแห่งข้าวสาลีอันขาวสะอาด ผสมกับแกงเนื้อ ข้าพเจ้าบริโภค
                แล้ว ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงมิได้ประพฤติอยู่ในธรรม ที่เหล่าพระอริยะ
                สรรเสริญแล้ว.
บุรุษจัณฑาลนั้นได้กล่าวสองคาถาว่าดังนี้:-
                ท่านพราหมณ์ เราติเตียนการได้ทรัพย์และการได้ยศ เพราะนั่นเป็นการ
                เลี้ยงชีพโดยความเป็นเหตุให้ตกต่ำ และเป็นการเลี้ยงชีพโดยทางที่ไม่ชอบ
                ธรรม จะประโยชน์อันใดด้วยการเลี้ยงชีพเช่นนั้น ท่านจงรีบออกไปเสียเถิด
                ท่านมหาพราหมณ์ แม้สัตว์ที่มีชีวิตเหล่าอื่นก็ยังหุงหากินได้ ความอาธรรม์ที่
                ท่านได้ประพฤติมาแล้ว อย่าได้ทำลายท่านดุจก้อนหินทำลายหม้อน้ำฉะนั้น
                                                ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
                [๘๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ในกาลครั้งนั้น พราหมณ์นั่งบนอาสนะต่ำสอนมนต์แก่
พระเจ้าแผ่นดินผู้ประทับนั่งบนพระราชอาสน์สูง ยังไม่เป็นที่พอใจของเรา ไฉนในกาลบัดนี้
จักพอใจที่ภิกษุนั่งบนอาสนะต่ำแล้วแสดงธรรมแก่คนนั่งบนอาสนะสูงเล่า การกระทำของพวก


                                                            หน้าที่ ๗๐๙

เธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชน
ที่เลื่อมใสแล้ว ...
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
                                                                พระอนุบัญญัติ
                ๒๑๔. ๖๙. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เรานั่งบนอาสนะต่ำ จักไม่แสดง
ธรรมแก่คนไม่เจ็บไข้ ผู้นั่งบนอาสนะสูง.
                                                                สิกขาบทวิภังค์
                อันภิกษุผู้นั่งบนอาสนะต่ำ ไม่พึงแสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้นั่งอยู่บนอาสนะสูง
ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งบนอาสนะต่ำแสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ ผู้นั่งบนอาสนะสูง
ต้องอาบัติทุกกฏ.
                                                                อนาปัตติวาร
                ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑
ไม่ต้องอาบัติแล.
                                                ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๙ จบ.
                                                ______________
                                                ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๑๐
                [๘๗๓] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ยืนแสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งอยู่ ...
                                                                พระอนุบัญญัติ
                ๒๑๕. ๗๐. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เรายืนอยู่จักไม่แสดงธรรมแก่คนไม่
เจ็บไข้ผู้นั่งอยู่.


                                                            หน้าที่ ๗๑๐

                                                                สิกขาบทวิภังค์
                อันภิกษุผู้ยืนอยู่ ไม่พึงแสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้นั่งอยู่ ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ
ยืนแสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้นั่งอยู่ ต้องอาบัติทุกกฏ.
                                                                อนาปัตติวาร
                ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑
ไม่ต้องอาบัติแล.
                                                ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ จบ.
                                                _______________
                                                ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๑๑
                [๘๗๔] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์เดินไปข้างหลัง แสดงธรรมแก่บุคคล
ผู้เดินไปข้างหน้า ...
                                                                พระอนุบัญญัติ
                ๒๑๖. ๗๑.  ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราเดินไปข้างหลัง จักไม่แสดง
ธรรมแก่คนไม่เจ็บไข้ ผู้เดินไปข้างหน้า.
                                                                สิกขาบทวิภังค์
                อันภิกษุผู้เดินไปข้างหลัง ไม่พึงแสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้เดินไปข้างหน้า ภิกษุใด
อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อเดินไปข้างหลัง แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ผู้เดินไปข้างหน้า ต้องอาบัติ
ทุกกฏ.
                                                                อนาปัตติวาร
                ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑
ไม่ต้องอาบัติแล.
                                                ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๑๑ จบ.
                                                _______________

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘