พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒ หน้า 361-365

                                                            หน้าที่ ๓๖๑

                ที่ชื่อว่า เก้าอี้ ได้แก่ เก้าอี้ที่เขาถักร่วมใน สำเร็จด้วยเปลือกไม้ก็มี สำเร็จด้วยหญ้า
คมแฝกก็มี สำเร็จด้วยหญ้ามุงกระต่ายก็มี สำเร็จด้วยหญ้าปล้องก็มี.
                บทว่า วางไว้แล้ว คือ วางไว้เอง.
                บทว่า ให้วางไว้แล้ว คือ ให้คนอื่นวางไว้.
                ใช้อนุปสัมบันให้วาง เป็นธุระของอนุปสัมบันผู้วาง.
                ใช้อุปสัมบันให้วาง เป็นธุระของอุปสัมบันผู้วาง.
                คำว่า เมื่อหลีกไป ไม่เก็บเอง ซึ่งเสนาสนะที่วางไว้นั้น คือ ไม่เก็บด้วยตนเอง.
                คำว่า ไม่ให้เก็บ คือ ไม่ให้คนอื่นเก็บ.
                คำว่า หรือไม่บอกมอบหมาย ไปเสีย ความว่า ภิกษุไม่บอกมอบหมายภิกษุ สามเณร
หรือคนทำการวัด แล้วเดินล่วงเลฑฑุบาตของมัชฌิมบุรุษไป, ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                                                                บทภาชนีย์
                                                                ติกะปาจิตตีย์
                [๓๗๗] เสนาสนะของสงฆ์ ภิกษุสำคัญว่าของสงฆ์ วางไว้เองก็ดี ให้คนอื่นวางไว้ก็ดี
ในที่แจ้ง, เมื่อหลีกไป ไม่เก็บเองก็ดี ไม่ให้คนอื่นเก็บก็ดี ซึ่งเสนาสนะนั้น หรือไม่ได้บอก
มอบหมาย ไปเสีย, ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                เสนาสนะของสงฆ์ ภิกษุสงสัย วางไว้เองก็ดี ให้คนอื่นวางไว้ก็ดี ในที่แจ้ง เมื่อ
หลีกไป ไม่เก็บเองก็ดี ไม่ให้คนอื่นเก็บก็ดี ซึ่งเสนาสนะนั้น หรือไม่ได้บอกมอบหมาย ไปเสีย
ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                เสนาสนะของสงฆ์ ภิกษุสำคัญว่าของบุคคล วางไว้เองก็ดี ให้คนอื่นวางไว้ก็ดี ในที่แจ้ง
เมื่อหลีกไป ไม่เก็บเองก็ดี ไม่ให้คนอื่นเก็บก็ดี ซึ่งเสนาสนะนั้นหรือไม่ได้บอกมอบหมาย
ไปเสีย, ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                ภิกษุวางไว้เองก็ดี ให้คนอื่นวางไว้ก็ดี ซึ่งเครื่องลาดรักษาผิวพื้นก็ดี เครื่องลาดเตียง
ก็ดี เครื่องลาดพื้นก็ดี เสื่ออ่อนก็ดี ท่อนหนังก็ดี เครื่องเช็ดเท้าก็ดี ตั่งกระดานก็ดี ในที่แจ้ง
เมื่อหลีกไป ไม่เก็บเองก็ดี ไม่ให้คนอื่นเก็บก็ดี ซึ่งเครื่องลาดรักษาผิวพื้นเป็นต้นนั้น หรือ
ไม่ได้บอกมอบหมาย ไปเสีย, ต้องอาบัติทุกกฏ.


                                                            หน้าที่ ๓๖๒

                ติกะทุกกฏ
                เสนาสนะของบุคคล ภิกษุสำคัญว่าของสงฆ์ ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
                เสนาสนะของบุคคล ภิกษุสงสัย ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
                เสนาสนะของบุคคล  ภิกษุสำคัญว่าของบุคคล ... ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะเป็นของ
ส่วนตัวของผู้อื่น.
                เสนาสนะเป็นส่วนตัวของตน ..., ไม่ต้องอาบัติ.
                                                                อนาปัตติวาร
                [๓๗๘] ภิกษุเก็บเองแล้วไป ๑ ภิกษุให้คนอื่นเก็บแล้วไป ๑ ภิกษุบอกมอบหมาย
แล้วไป ๑ ภิกษุเอาออกผึ่งแดดไว้ ไปด้วยตั้งใจจักกลับมาเก็บ ๑ เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ๑  ภิกษุ
มีอันตราย ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑, ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑, ไม่ต้องอาบัติแล.
                                                ภูตคามวรรค สิกขาบทที่ ๔ จบ.
                                                __________________


                                                            หน้าที่ ๓๖๓

                                                ๒. ภูตคามวรรค สิกขาบทที่ ๕
                                                เรื่องพระสัตตรสวัคคีย์
                [๓๗๙] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น พระสัตตรสวัคคีย์มีพวก ๑๗ รูปเป็นสหาย
กัน เมื่ออยู่ก็อยู่พร้อมกัน เมื่อหลีกไปก็หลีกไปพร้อมกัน. พวกเธอปูที่นอนในวิหารเป็นของสงฆ์
แห่งหนึ่งแล้ว เมื่อหลีกไป ไม่เก็บเอง ไม่ให้คนอื่นเก็บซึ่งที่นอนนั้น ไม่ได้บอกมอบหมาย
หลีกไป เสนาสนะถูกปลวกกัด. บรรดาภิกษุที่มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
ไฉน พระสัตตรสวัคคีย์ ปูที่นอนในวิหารเป็นของสงฆ์แล้ว เมื่อหลีกไป ไม่เก็บเอง ไม่ให้
คนอื่นเก็บ ซึ่งที่นอนนั้น ไม่ได้บอกมอบหมาย หลีกไปแล้ว? เสนาสนะจึงได้ถูกปลวกกัด.
แล้วกราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
                                                                ทรงสอบถาม
                พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุสัตตรสวัคคีย์
ปูที่นอนในวิหารอันเป็นของสงฆ์แล้ว เมื่อหลีกไป ไม่เก็บเอง ไม่ให้คนอื่นเก็บ ซึ่งที่นอนนั้น
ไม่บอกมอบหมาย หลีกไปแล้ว. เสนาสนะถูกปลวกกัด จริงหรือ?
                ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
                                                ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
                พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย โมฆบุรุษเหล่านั้น ปูที่นอนไว้ใน
วิหารเป็นของสงฆ์แล้ว เมื่อหลีกไป ไฉน จึงไม่เก็บเอง ไม่ให้คนอื่นเก็บ ไม่บอกมอบหมาย
หลีกไปเสีย. เสนาสนะจึงได้ถูกปลวกกัด. การกระทำของโมฆบุรุษเหล่านั้นนั่น ไม่เป็นไปเมื่อ
ความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-


                                                            หน้าที่ ๓๖๔

                                                                พระบัญญัติ
                ๖๔. ๕. อนึ่ง ภิกษุใด ปูแล้วก็ดี ให้ปูแล้วก็ดี ซึ่งที่นอนในวิหารเป็น
ของสงฆ์, เมื่อหลีกไป ไม่เก็บเองก็ดี ไม่ให้เก็บก็ดี ซึ่งที่นอนอันปูไว้นั้น หรือไม่
บอกมอบหมาย ไปเสีย, เป็นปาจิตตีย์.
                                                เรื่องพระสัตตรสวัคคีย์ จบ.
                                                                สิกขาบทวิภังค์
                [๓๘๐] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด ...
                บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ ชื่อว่า ภิกษุ
ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
                ที่ชื่อว่า เป็นของสงฆ์ ได้แก่ วิหารที่เขาถวายแล้ว สละแล้วแก่สงฆ์.
                ที่ชื่อว่า ที่นอน ได้แก่ ฟูก เครื่องลาดรักษาผิวพื้น เครื่องลาดเตียง เครื่องลาดพื้น
เสื่ออ่อน ท่อนหนัง ผ้าปูนั่ง ผ้าปูนอน เครื่องลาดทำด้วยหญ้า เครื่องลาดทำด้วยใบไม้.
                บทว่า ปู คือ ปูเอง.
                บทว่า ให้ปู คือ ให้คนอื่นปู.
                คำว่า เมื่อหลีกไป ไม่เก็บเอง ซึ่งที่นอนอันปูไว้นั้น คือไม่เก็บด้วยตนเอง.
                คำว่า ไม่ให้เก็บ คือ ไม่ให้คนอื่นเก็บ.
                คำว่า หรือไม่บอกมอบหมาย ไปเสีย ความว่า ภิกษุไม่บอกมอบหมายภิกษุ สามเณร
หรือคนทำการวัด เดินเลยเครื่องล้อมแห่งอารามที่เขาล้อม ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เดินเลยอุปจาร
แห่งอารามที่เขาไม่ได้ล้อม ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                                                                บทภาชนีย์
                                                                ติกะปาจิตตีย์
                [๓๘๑] วิหารเป็นของสงฆ์ ภิกษุสำคัญว่าเป็นของสงฆ์ ปูเองก็ดี ให้คนอื่นปูก็ดี ซึ่ง
ที่นอน. เมื่อหลีกไป ไม่เก็บเองก็ดี ไม่ให้คนอื่นเก็บก็ดี ซึ่งที่นอนอันปูไว้นั้น หรือไม่บอก
มอบหมาย ไปเสีย, ต้องอาบัติปาจิตตีย์.


                                                            หน้าที่ ๓๖๕

                วิหารเป็นของสงฆ์ ภิกษุสงสัย ปูเองก็ดี ให้คนอื่นปูก็ดี ซึ่งที่นอน, เมื่อหลีกไป
ไม่เก็บเองก็ดี ไม่ให้คนอื่นเก็บก็ดี ซึ่งที่นอนอันปูไว้นั้น หรือไม่บอกมอบหมาย ไปเสีย,
ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                วิหารเป็นของสงฆ์ ภิกษุสำคัญว่าเป็นของบุคคล ปูเองก็ดี ให้คนอื่นปูก็ดี ซึ่งที่นอน,
เมื่อหลีกไป ไม่เก็บเองก็ดี ไม่ให้คนอื่นเก็บก็ดี ซึ่งที่นอนอันปูไว้นั้น หรือไม่บอกมอบหมาย
ไปเสีย, ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                                                                ทุกกฏ
                ภิกษุปูเองก็ดี ให้คนอื่นปูก็ดี ซึ่งที่นอน ในอุปจารวิหารก็ดี ในโรงฉันก็ดี ในมณฑป
ก็ดี ใต้ต้นไม้ก็ดี, เมื่อหลีกไป ไม่เก็บเองก็ดี ไม่ให้คนอื่นเก็บก็ดี ซึ่งที่นอนอันปูไว้นั้น
หรือไม่บอกมอบหมาย ไปเสีย ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ภิกษุตั้งไว้เองก็ดี ให้คนอื่นตั้งไว้ก็ดี ซึ่งเตียงก็ดี ตั่งก็ดี ในวิหารก็ดี ในอุปจารวิหาร
ก็ดี ในโรงฉันก็ดี ในมณฑปก็ดี ใต้ต้นไม้ก็ดี เมื่อหลีกไปไม่เก็บเองก็ดี ไม่ให้คนอื่นเก็บก็ดี
ซึ่งเตียงตั่งอันตั้งไว้นั้น หรือไม่บอกมอบหมาย ไปเสีย, ต้องอาบัติทุกกฏ.
                วิหารของบุคคล ภิกษุสำคัญว่าของสงฆ์ ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
                วิหารของบุคคล ภิกษุสงสัย ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
                วิหารของบุคคล  ภิกษุสำคัญว่าของบุคคล ... ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะเป็นของส่วนตัว
ของผู้อื่น.
                วิหารเป็นของส่วนตัวของตน ..., ไม่ต้องอาบัติ.
                                                                อนาปัตติวาร
                [๓๘๒] ภิกษุเก็บเองแล้วไป ๑ ภิกษุให้คนอื่นเก็บแล้วไป ๑ ภิกษุบอกมอบหมาย
แล้วไป ๑ เสนาสนะมีเหตุบางอย่างขัดขวาง ๑ ภิกษุยังห่วงไปยืนอยู่ ณ ที่นั้นบอกมอบหมาย
มา ๑ ภิกษุมีเหตุบางอย่างขัดขวาง ๑ ภิกษุมีอันตราย ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑
ไม่ต้องอาบัติแล.
                                                ภูตคามวรรค สิกขาบทที่ ๕ จบ.
                                                __________________

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘