พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒ หน้า 286-290

                                                            หน้าที่ ๒๘๖

                                                พูดเปรยกระทบอาบัติทราม
                ... ภิกษุจำพวกไรกันแน่ ต้องอาบัติปาราชิก ... อาบัติสังฆาทิเสส ... อาบัติถุลลัจจัย
... อาบัติปาจิตตีย์ ... อาบัติปาฏิเทสนียะ ... อาบัติทุกกฏ ... อาบัติทุพภาสิต ... ภิกษุนั้นไม่ว่า
คนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดเปรยกระทบอาบัติอุกฤษฏ์
                ... ภิกษุจำพวกไรกันแน่ เป็นโสดาบัน ... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้
ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                พูดเปรยกระทบคำสบประมาททราม
                ... ภิกษุจำพวกไรกันแน่ มีความประพฤติดังอูฐ ... ดังแพะ ... ดังโค ... ดังลา ... ดังสัตว์
ดิรัจฉาน ... ดังสัตว์นรก สุคติของภิกษุพวกนั้นไม่มี ภิกษุพวกนั้นต้องหวังได้แต่ทุคติ ... ภิกษุ
นั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                พูดเปรยเหน็บแนมกระทบคำสบประมาทอุกฤษฏ์
                ... ภิกษุจำพวกไรกันแน่ เป็นบัณฑิต ... เป็นคนฉลาด ... เป็นคนมีปัญญา ... เป็น
พหูสูต, ... เป็นธรรมกถึก ทุคติของภิกษุพวกนั้นไม่มี ภิกษุพวกนั้นต้องหวังได้แต่สุคติ ... ภิกษุ
นั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดเปรยเหน็บแนมกระทบชาติทราม
                [๒๘๑] อุปสัมบันได้ยินถ้อยคำของอุปสัมบันแล้ว เก็บเอาคำส่อเสียดไปบอกแก่อุป-
สัมบันว่า ภิกษุชื่อนี้ พูดเปรยเหน็บแนมว่า พวกเราไม่ใช่ชาติคนจัณฑาล ... ไม่ใช่ชาติคนจักสาน
... ไม่ใช่ชาติพราน ... ไม่ใช่ชาติคนช่างหนัง ... ไม่ใช่ชาติคนเทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ภิกษุนั้น
ไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                พูดเปรยเหน็บแนมกระทบชาติอุกฤษฏ์
                อุปสัมบันได้ยินถ้อยคำของอุปสัมบันแล้ว เก็บเอาคำส่อเสียดไปบอกแก่อุปสัมบันว่า
ภิกษุชื่อนี้พูดเปรยเหน็บแนมว่า พวกเราไม่ใช่ชาติกษัตริย์ ... ไม่ใช่ชาติพราหมณ์ ดังนี้เป็นต้น
ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.


                                                            หน้าที่ ๒๘๗

                                                พูดเปรยกระทบชื่อทราม
                อนุปสัมบันได้ยินถ้อยคำของอุปสัมบันแล้ว เก็บเอาคำส่อเสียดไปบอกแก่อุปสัมบันว่า
ภิกษุชื่อนี้ พูดเปรยเหน็บแนมว่า พวกเราไม่ใช่ชื่ออวกัณณกะ ... ไม่ใช่ชื่อชวกัณณกะ ... ไม่ใช่
ชื่อธนิฏฐกะ ... ไม่ใช่ชื่อสวิฏฐกะ ... ไม่ใช่ชื่อกุลวัฑฒกะ ... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน
ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดเปรยกระทบชื่ออุกฤษฏ์
                ... ภิกษุชื่อนี้ พูดเปรยเหน็บแนมว่า พวกเราไม่ใช่ชื่อพุทธรักขิต ... ไม่ใช่ชื่อธัมมรักขิต
... ไม่ใช่ชื่อสังฆรักขิต ... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ
คำพูด.
                                                พูดเปรยกระทบโคตรทราม
                ... พวกเราไม่ใช่โกสิยโคตร ... ไม่ใช่ภารทวาชโคตร ... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน
ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดเปรยกระทบโคตรอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่โคตมโคตร ... ไม่ใช่โมคคัลลานโคตร ... ไม่ใช่กัจจายนโคตร ... ไม่ใช่
วาเสฏฐโคตร, ... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                พูดเปรยเหน็บแนมกระทบการงานทราม
                ... พวกเราไม่ใช่ช่างไม้ ... ไม่ใช่คนเทดอกไม้ ... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน
ดังนี้, ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                พูดเปรยเหน็บแนมกระทบการงานอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่คนทำงานไถนา ... ไม่ใช่คนทำงานค้าขาย ... ไม่ใช่คนทำงานเลี้ยงโค ... ภิกษุ
นั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดเปรยกระทบศิลปะทราม
                ... พวกเราไม่ใช่มีวิชาการช่างจักสาน ... ไม่ใช่มีวิชาการช่างหม้อ ... ไม่ใช่มีวิชาการช่างหูก
... ไม่ใช่มีวิชาการช่างหนัง ... ไม่ใช่มีวิชาการช่างกัลบก ... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน
ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.


                                                            หน้าที่ ๒๘๘

                                                พูดเปรยกระทบศิลปะอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่มีวิชาการช่างนับ ... ไม่ใช่มีวิชาการช่างคำนวณ ... ไม่ใช่มีวิชาการ
ช่างเขียน ... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดเปรยกระทบโรคทราม
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นคนโรคเรื้อน ... ไม่ใช่เป็นโรคฝี ... ไม่ใช่เป็นโรคกลาก ... ไม่ใช่เป็น
โรคมองคร่อ ... ไม่ใช่เป็นโรคลมบ้าหมู ... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติ
ทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดเปรยกระทบโรคอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นโรคเบาหวาน ... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติ
ทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดเปรยกระทบรูปพรรณทราม
                ... พวกเราไม่ใช่สูงเกินไป ... ไม่ใช่ต่ำเกินไป ... ไม่ใช่ดำเกินไป ... ไม่ใช่ขาวเกินไป
... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดเปรยกระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่ไม่สูงนัก ... ไม่ใช่ไม่ต่ำนัก ... ไม่ใช่ไม่ดำนัก ... ไม่ใช่ไม่ขาวนัก ... ภิกษุ
นั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดเปรยกระทบกิเลสทราม
                ... พวกเราไม่ใช่ถูกราคะกลุ้มรุม ... ไม่ใช่ถูกโทสะย่ำยี ... ไม่ใช่ถูกโมหะครอบงำ ... ภิกษุ
นั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดเปรยกระทบกิเลสอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่ปราศจากราคะ ... ไม่ใช่ปราศจากโทสะ ... ไม่ใช่ปราศจากโมหะ ... ภิกษุ
นั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดเปรยกระทบอาบัติทราม
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นผู้ต้องอาบัติปาราชิก ... สังฆาทิเสส ... ถุลลัจจัย ... ปาจิตตีย์ ... ปาฏิ-
เทสนียะ ... ทุกกฏ ... ทุพภาสิต ... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ
ทุกๆ คำพูด


                                                            หน้าที่ ๒๘๙

                                                พูดเปรยกระทบอาบัติอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นผู้ต้องโสดาบัน ... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติ
ทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                พูดเปรยกระทบคำสบประมาททราม
                ... พวกเราไม่ใช่มีความประพฤติดังอูฐ ... ดังแพะ ... ดังโค ... ดังลา ... ดังสัตว์ดิรัจฉาน
... ดังสัตว์นรก สุคติของพวกเราไม่มี พวกเราต้องหวังได้แต่ทุคติ ... ภิกษุนั้นไม่ว่าคนอื่น
ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                พูดเปรยกระทบคำสบประมาทอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นบัณฑิต ... ไม่ใช่เป็นคนฉลาด ... ไม่ใช่เป็นคนมีปัญญา, ... ไม่ใช่
เป็นพหูสูต ... ไม่ใช่เป็นธรรมกถึก ทุคติของพวกเราไม่มี พวกเราต้องหวังได้แต่สุคติ, ... ภิกษุ
นั้นไม่ว่าคนอื่น ว่าเฉพาะท่าน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ ทุกๆ คำพูด.
                                                ต้องอาบัติตามวัตถุ
                [๒๘๒] อุปสัมบันได้ยินถ้อยคำของอุปสัมบันแล้ว เก็บเอาคำส่อเสียดไปบอกแก่
อุปสัมบัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ คำพูด.
                อุปสัมบันได้ยินถ้อยคำของอุปสัมบันแล้ว เก็บเอาคำส่อเสียดไปบอกแก่อนุปสัมบัน
ต้องอาบัติทุกกฏ.
                อุปสัมบันได้ยินถ้อยคำของอนุปสัมบันแล้ว เก็บเอาคำส่อเสียดไปบอกแก่อุปสัมบัน
ต้องอาบัติทุกกฏ.
                อุปสัมบันได้ยินถ้อยคำของอนุปสัมบันแล้ว เก็บเอาคำส่อเสียดไปบอกแก่อนุปสัมบัน
ต้องอาบัติทุกกฏ.
                                                                อนาปัตติวาร
                [๒๘๓] ภิกษุไม่ต้องการจะให้เขาชอบ ๑ ภิกษุไม่ประสงค์จะให้เขาแตกกัน ๑ ภิกษุ
วิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
                                                มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๓ จบ
                                                                ___________


                                                            หน้าที่ ๒๙๐

                                                ๑. มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๔
                                                เรื่องพระฉัพพัคคีย์
                [๒๘๔] โดยสมัยนั้น  พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ยังเหล่าอุบาสกให้กล่าวธรรม
โดยบท พวกอุบาสกจึงไม่เคารพ ไม่ยำเกรง ไม่ประพฤติให้ถูกอัธยาศัยในหมู่ภิกษุอยู่.
                บรรดาภิกษุผู้มักน้อย สันโดษ มีความละอาย มีความรังเกียจ ผู้ใคร่ต่อสิกขา ต่างก็
เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระฉัพพัคคีย์จึงได้ยังเหล่าอุบาสกให้กล่าวธรรมโดยบท เหล่า
อุบาสกจึงไม่เคารพ ไม่ยำเกรง ไม่ประพฤติให้ถูกอัธยาศัยในหมู่ภิกษุอยู่ แล้วกราบทูลเนื้อความ
นั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
                                                ประชุมสงฆ์ทรงสอบถาม
                ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ใน
เพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามพระฉัพพัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกเธอ
ยังเหล่าอุบาสก ให้กล่าวธรรมโดยบท, เหล่าอุบาสกจึงไม่เคารพ ไม่ยำเกรง ไม่ประพฤติให้ถูก
อัธยาศัยในหมู่ภิกษุอยู่ จริงหรือ?
                พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
                                                ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
                พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉนพวกเธอ จึงได้ยังเหล่า
อุบาสกให้กล่าวธรรมโดยบทเล่า พวกอุบาสกจึงไม่เคารพ ไม่ยำเกรง ไม่ประพฤติให้ถูกอัธยาศัย
ในหมู่ภิกษุอยู่, ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใส
ของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ...
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
                                                                พระบัญญัติ
                ๕๓. ๔. อนึ่ง ภิกษุใดยังอนุปสัมบันให้กล่าวธรรมโดยบท เป็นปาจิตตีย์.
                                                เรื่องพระฉัพพัคคีย์ จบ.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘