พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๓ ภิกขุนีวิภังค์ หน้า 271-275

                                                            หน้าที่ ๒๗๑

                บทว่า ฝนหนึ่ง คือ ปีหนึ่ง.
                บทว่า ยังสิกขมานา ๒ รูปให้บวช คือ ยังสิกขมานา ๒ รูป ให้อุปสมบท.
                ตั้งใจว่า จักยังสิกขมานา ๒ รูป ให้อุปสมบท แล้วแสวงหาคณะก็ดี อาจารย์ก็ดี
บาตรก็ดี จีวรก็ดี สมมติสีมาก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ จบกรรมวาจา
๒ ครั้ง ต้องอาบัติทุกกฏ ๒ ตัว จบกรรมวาจาครั้งสุด ภิกษุณีผู้อุปัชฌาย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
คณะและอาจารย์ ต้องอาบัติทุกกฏ.
                                อนาปัตติวาร
                [๔๔๓] เว้นระยะปีหนึ่ง บวชสิกขมานารูปเดียว ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑
ไม่ต้องอาบัติแล.
                                กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ ๑๓ จบ.
                                ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๘ จบ.
                                ____________________


                                                            หน้าที่ ๒๗๒

                                ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๙
                                ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ ๑
                                เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์
                [๔๔๔] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุณีฉัพพัคคีย์ กั้นร่มและสวมรองเท้า คน
ทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้ใช้ร่มและรองเท้าเหมือน
พวกสตรีคฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเล่า.
                ภิกษุณีทั้งหลาย ได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้
มักน้อย ...  ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีฉัพพัคคีย์จึงได้ใช้ร่มและรองเท้าเล่า ...
                                ทรงสอบถาม
                พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุณีฉัพพัคคีย์
ใช้ร่มและรองเท้า จริงหรือ?
                ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
                                ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
                พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีฉัพพัคคีย์ จึงได้
ใช้ร่มและรองเท้าเล่า การกระทำของพวกนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่
เลื่อมใส ...
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:
                                พระบัญญัติ
                ๑๓๙. ๑. อนึ่ง ภิกษุณีใด ใช้ร่มและรองเท้า เป็นปาจิตตีย์.
                ก็แลสิกขาบทนี้ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติแล้วแก่ภิกษุณีทั้งหลาย ด้วย
ประการฉะนี้.
                                เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์ จบ.


                                                            หน้าที่ ๒๗๓

                                เรื่องภิกษุณีอาพาธ
                [๔๔๕] ต่อจากสมัยนั้นแล ภิกษุณีรูปหนึ่งอาพาธ นางเว้นร่มและรองเท้าแล้วไม่สบาย
ภิกษุณีทั้งหลายได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค ...
                                ทรงอนุญาตร่มและรองเท้า
                พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตร่มและรองเท้าแก่ภิกษุณี
ผู้อาพาธ.
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:
                                พระอนุบัญญัติ
                ๑๓๙. ๑. ก. อนึ่ง ภิกษุณีใด มิใช่ผู้อาพาธ ใช้ร่มและรองเท้า เป็นปาจิตตีย์.
                                เรื่องภิกษุณีอาพาธ จบ.
                                สิกขาบทวิภังค์
                [๔๔๖] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด ...
                บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณี
ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
                ที่ชื่อว่า มิใช่ผู้อาพาธ คือ ผู้ที่เว้นร่มและรองเท้าแล้วไม่สบาย.
                ที่ชื่อว่า ผู้อาพาธ คือ ผู้ที่เว้นร่มและรองเท้าแล้วไม่สบาย.
                ที่ชื่อว่า ร่ม มี ๓ ชนิด คือ ร่มผ้าขาว ๑ ร่มลำแพน ๑ ร่มใบไม้ ๑ ที่เขาเย็บเป็น
วงกลม.
                บทว่า ใช้ คือ ใช้แม้ครั้งเดียว ก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                                บทภาชนีย์
                                ติกะปาจิตตีย์
                [๔๔๗] ภิกษุณีมิใช่ผู้อาพาธ สำคัญว่ามิใช่ผู้อาพาธ ใช้ร่มและรองเท้า ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                ภิกษุณีมิใช่ผู้อาพาธ มีความสงสัย ใช้ร่มและรองเท้า ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                ภิกษุณีมิใช่ผู้อาพาธ สำคัญว่าอาพาธ ใช้ร่มและรองเท้า ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
                                จตุกกะทุกกฏ
                ภิกษุณีใช้ร่ม ไม่ใช้รองเท้า ต้องอาบัติทุกกฏ.


                                                            หน้าที่ ๒๗๔

                ภิกษุณีใช้รองเท้า ไม่ใช้ร่ม ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ภิกษุณีผู้อาพาธ สำคัญว่ามิได้อาพาธ ต้องอาบัติทุกกฏ.
                ภิกษุณีผู้อาพาธ มีความสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.
                                ไม่ต้องอาบัติ
                ภิกษุณีผู้อาพาธ สำคัญว่าอาพาธ ไม่ต้องอาบัติ.
                                อนาปัตติวาร
                [๔๔๘] อาพาธ ๑ ใช้ร่มอยู่ในอาราม ในอุปจารแห่งอาราม ๑ มีเหตุจำเป็น ๑ วิกล
จริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
                                ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ ๑ จบ.
                                ____________________________


                                                            หน้าที่ ๒๗๕

                                ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ ๒
                                เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์
                [๔๔๙] โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุณีฉัพพัคคีย์ไปโดยยาน. คนทั้งหลาย
พากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้ไปโดยยาน เหมือนสตรีคฤหัสถ์
ผู้บริโภคกามเล่า.
                ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มัก
น้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนเหล่าภิกษุณีฉัพพัคคีย์จึงได้ไปโดยยานเล่า ...
                                ทรงสอบถาม
                พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกภิกษุณี
ฉัพพัคคีย์ไปโดยยาน จริงหรือ?
                ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
                                ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
                พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีเหล่าฉัพพัคคีย์
จึงได้ไปโดยยานเล่า การกระทำของพวกนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่
เลื่อมใส ...
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:
                                พระบัญญัติ
                ๑๔๐. ๒. อนึ่ง ภิกษุณีใด ไปโดยยาน เป็นปาจิตตีย์.
                ก็แลสิกขาบทนี้ ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติแล้วแก่ภิกษุณีทั้งหลาย ด้วย
ประการฉะนี้.
                                เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์ จบ.
                                เรื่องภิกษุณีอาพาธ
                [๔๕๐] ต่อจากสมัยนั้นแล ภิกษุณีรูปหนึ่งอาพาธ ไม่สามารถจะเดินไปด้วยเท้าได้
ภิกษุณีทั้งหลายได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค ...

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘