พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒ หน้า 271-275

                                                            หน้าที่ ๒๗๑

                                                พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณทราม
                ... อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ สูงเกินไป ... ต่ำเกินไป ... ดำเกินไป ... ขาวเกินไป
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์
                ... อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นคนไม่สูงนัก ... ไม่ต่ำนัก ... ไม่ดำนัก ... ไม่ขาวนัก
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบกิเลสทราม
                ... อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ถูกราคะกลุ้มรุม ... ถูกโทสะย่ำยี ... ถูกโมหะครอบงำ
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                พูดล้อเปรยกระทบความประพฤติอุกฤษฏ์
                ... อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ปราศจากราคะ ... ปราศจากโทสะ ... ปราศจากโมหะ
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบอาบัติทราม
                ... อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ต้องอาบัติปาราชิก ... อาบัติสังฆาทิเสส ... อาบัติ
ถุลลัจจัย ... อาบัติปาจิตตีย์ ... อาบัติปาฏิเทสนียะ ... อาบัติทุกกฏ ... อาบัติทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                พูดล้อเปรยกระทบความประพฤติอุกฤษฏ์
                ... อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นโสดาบัน ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาททราม
                ... อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ มีความประพฤติดังอูฐ ... แพะ ... โค ... ลา ... สัตว์ดิรัจฉาน
... สัตว์นรก สุคติของอนุปสัมบันพวกนั้นไม่มี อนุปสัมบันพวกนั้นต้องหวังได้แต่ทุคติ
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาทอุกฤษฏ์
                ... อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นบัณฑิต ... เป็นคนฉลาด ... เป็นคนมีปัญญา
... เป็นพหูสูต ... เป็นธรรมกถึก ทุคติของอนุปสัมบันพวกนั้นไม่มี อนุปสัมบันพวกนั้นต้องหวัง
ได้แต่สุคติ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.


                                                            หน้าที่ ๒๗๒

                                                พูดล้อเปรยกระทบชาติทราม
                [๒๕๓] อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่ปรารถนา
จะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดเปรยอย่างนี้ คือกล่าวว่า พวกเราไม่ใช่ชาติ
คนจัณฑาล ... ไม่ใช่ชาติคนจักสาน ... ไม่ใช่ชาติพราน ... ไม่ใช่คนชาติหนัง ... ไม่ใช่ชาติคนเท
ดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบชาติอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่ชาติกษัตริย์ ... ไม่ใช่ชาติพราหมณ์ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบชื่อทราม
                ... พวกเราไม่ใช่ชื่ออวกัณณกะ ... ไม่ใช่ชื่อชวกัณณกะ ... ไม่ใช่ชื่อธนิฏฐกะ ... ไม่ใช่ชื่อ
สวิฏฐกะ ... ไม่ใช่ชื่อกุลวัฑฒกะ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบชื่ออุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่ชื่อพุทธรักขิต ... ไม่ใช่ชื่อธัมมรักขิต ... ไม่ใช่ชื่อสังฆรักขิต ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบโคตรทราม
                ... พวกเราไม่ใช่โกสิยโคตร ... ไม่ใช่ภารทวาชโคตร ต้องอาบัติทุพภาสิตทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบโคตรอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่โคตมโคตร ... ไม่ใช่โมคคัลลานโคตร ... ไม่ใช่กัจจายนโคตร ... ไม่ใช่
วาเสฏฐโคตร ... ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบการงานทราม
                ... พวกเราไม่ใช่ช่างไม้ ... ไม่ใช่คนเทดอกไม้ ต้องอาบัติทุพภาสิตทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบการงานอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่คนทำงานไถนา ... ไม่ใช่คนทำการค้าขาย ... ไม่ใช่คนทำงานเลี้ยงโค
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบศิลปะทราม
                ... พวกเราไม่ใช่มีวิชาการช่างจักสาน ... ไม่ใช่มีวิชาการช่างหม้อ ... ไม่ใช่มีวิชาช่างหูก
... ไม่ใช่มีวิชาการช่างหนัง ... ไม่ใช่มีวิชาการช่างกัลบก ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.


                                                            หน้าที่ ๒๗๓

                                                พูดล้อเปรยกระทบศิลปะอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่มีวิชาการช่างนับ ... ไม่ใช่มีวิชาการช่างคำนวณ ... ไม่ใช่มีวิชาการช่างเขียน,
... ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบโรคทราม
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นโรคเรื้อน, ... ไม่ใช่เป็นโรคฝี, ... ไม่ใช่เป็นโรคกลาก, ... ไม่ใช่เป็นโรค
มองคร่อ, ... ไม่ใช่เป็นโรคลมบ้าหมู, ... ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบโรคอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นโรคเบาหวาน, ... ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณทราม
                ... พวกเราไม่ใช่สูงเกินไป, ... ไม่ใช่ต่ำเกินไป, ... ไม่ใช่ดำเกินไป, ... ไม่ใช่ขาวเกินไป,
... ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่ไม่สูงนัก, ... ไม่ใช่ไม่ต่ำนัก, ... ไม่ใช่ไม่ดำนัก, ... ไม่ใช่ไม่ขาวนัก, ... ต้อง
อาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบกิเลสทราม
                ... พวกเราไม่ใช่ถูกราคะกลุ้มรุม, ... ไม่ใช่ถูกโทสะย่ำยี, ... ไม่ใช่ถูกโมหะครอบงำ, ... ต้อง
อาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบกิเลสอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่ปราศจากราคะ, ... ไม่ใช่ปราศจากโทสะ, ... ไม่ใช่ปราศจากโมหะ, ... ต้อง
อาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบอาบัติทราม
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นผู้ต้องอาบัติปาราชิก, ... อาบัติสังฆาทิเสส, ... อาบัติถุลลัจจัย, ... อาบัติ
ปาจิตตีย์, ... อาบัติปาฏิเทสนียะ, ... อาบัติทุกกฏ, ... อาบัติทุพภาสิต, ดังนี้ ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบอาบัติอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นผู้เป็นโสดาบัน ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.


                                                            หน้าที่ ๒๗๔

                                พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาททราม
                ... พวกเราไม่ใช่มีความประพฤติดังอูฐ, ... ดังแพะ, ... ดังโค, ... ดังลา, ... ดังสัตว์ดิรัจฉาน,
... ดังสัตว์นรก, สุคติของพวกเราไม่มี, พวกเราต้องหวังได้แต่ทุคติ, ... ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุกๆ คำพูด.
                                พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาทอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นบัณฑิต, ... ไม่ใช่เป็นคนฉลาด, ... ไม่ใช่เป็นคนมีปัญญา, ... ไม่ใช่เป็น
พหูสูต, ... ไม่ใช่เป็นธรรมกถึก, ทุคติของพวกเราไม่มี, พวกเราต้องหวังได้แต่สุคติ, ... ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                                อนาปัตติวาร
                [๒๕๔] ภิกษุมุ่งอรรถ ๑, ภิกษุมุ่งธรรม ๑ ภิกษุมุ่งสั่งสอน ๑, ภิกษุวิกลจริต ๑,
ภิกษุมีจิตฟุ้งซ่าน ๑, ภิกษุกระสับกระส่ายเพราะเวทนา ๑, ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑, ไม่ต้องอาบัติแล.
                                                มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๒ จบ.
                                                                ___________


                                                            หน้าที่ ๒๗๕

                                                ๑. มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๓
                                                เรื่องพระฉัพพัคคีย์
                [๒๕๕] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ เก็บเอาคำส่อเสียดของพวกภิกษุ
ผู้ก่อความบาดหมาง เกิดทะเลาะ ถึงวิวาทกัน ไปบอก คือฟังคำของฝ่ายนี้แล้ว บอกแก่ฝ่ายโน้น
เพื่อทำลายฝ่ายนี้, ฟังคำของฝ่ายโน้น แล้วบอกแก่ฝ่ายนี้ เพื่อทำลายฝ่ายโน้น, เพราะเหตุนั้น
ความบาดหมางที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วก็รุนแรงยิ่งขึ้น.
                บรรดาภิกษุผู้มักน้อย สันโดษ มีความละอาย มีความรังเกียจ ผู้ใคร่ต่อสิกขา ต่างก็
เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระฉัพพัคคีย์จึงได้เก็บเอาคำส่อเสียดของพวกภิกษุ ผู้ก่อความ
บาดหมาง เกิดทะเลาะ ถึงวิวาทกัน ไปบอก คือฟังคำของฝ่ายนี้แล้ว บอกแก่ฝ่ายโน้น เพื่อทำลาย
ฝ่ายนี้ ฟังคำของฝ่ายโน้น แล้วบอกแก่ฝ่ายนี้ เพื่อทำลายฝ่ายโน้น เพราะเหตุนั้น ความบาด
หมางที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็รุนแรงยิ่งขึ้น แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
                                                ประชุมสงฆ์ทรงสอบถาม
                ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้นในเพราะ
เหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามพระฉัพพัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกเธอเก็บเอา
คำส่อเสียดของพวกภิกษุผู้ก่อความบาดหมาง เกิดทะเลาะ ถึงวิวาทกัน ไปบอก คือฟังคำของ
ฝ่ายนี้ แล้วบอกแก่ฝ่ายโน้น เพื่อทำลายฝ่ายนี้, ฟังคำของฝ่ายโน้น แล้วบอกแก่ฝ่ายนี้ เพื่อทำลาย
ฝ่ายโน้น, เพราะเหตุนั้น ความบาดหมางที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วก็รุนแรงยิ่งขึ้น
จริงหรือ?
                พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
                                                ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
                พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉนพวกเธอจึงได้เก็บเอา
คำส่อเสียดของพวกภิกษุผู้ก่อความบาดหมาง เกิดทะเลาะ ถึงวิวาทกัน ไปบอก คือฟังคำของ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘