พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒ หน้า 256-260

                                                            หน้าที่ ๒๕๖

                                                พูดล้อเปรยกระทบชาติอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่ชาติกษัตริย์ ... ไม่ใช่ชาติพราหมณ์ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบชื่อทราม
                ... พวกเราไม่ใช่ชื่ออวกัณณกะ ... ไม่ใช่ชื่อชวกัณณกะ ... ไม่ใช่ชื่อธนิฏฐกะ ... ไม่ใช่ชื่อ
สวิฏฐกะ ... ไม่ใช่ชื่อกุลวัฑฒกะ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบชื่ออุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่ชื่อพุทธรักขิต ... ไม่ใช่ชื่อธัมมรักขิต ... ไม่ใช่ชื่อสังฆรักขิต ต้อง
อาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบโคตรทราม
                ... พวกเราไม่ใช่โกสิยโคตร ... ไม่ใช่ภารทวาชโคตร ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบโคตรอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่โคตมโคตร ... ไม่ใช่โมคคัลลานโคตร ... ไม่ใช่กัจจายนโคตร ... ไม่ใช่
วาเสฏฐโคตร ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบการงานทราม
                ... พวกเราไม่ใช่ช่างไม้ ... ไม่ใช่คนเทดอกไม้ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบการงานอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่คนทำงานไถนา ... ไม่ใช่คนทำการค้าขาย ... ไม่ใช่คนทำงานเลี้ยงโค
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบศิลปะทราม
                ... พวกเราไม่ใช่มีวิชาการจักช่างสาน ... ไม่ใช่มีวิชาการช่างหม้อ ... ไม่ใช่มีวิชาการช่างหูก
... ไม่ใช่มีวิชาการช่างหนัง ... ไม่ใช่มีวิชาการช่างกัลบก ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบศิลปะอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่มีวิชาการช่างนับ ... ไม่ใช่มีวิชาการช่างคำนวณ ... ไม่ใช่มีวิชาการ
ช่างเขียน ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.


                                                            หน้าที่ ๒๕๗

                                                พูดล้อเปรยกระทบโรคทราม
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นโรคเรื้อน ... ไม่ใช่เป็นโรคฝี ... ไม่ใช่เป็นโรคกลาก ... ไม่ใช่เป็น
โรคมองคร่อ ... ไม่ใช่เป็นโรคลมบ้าหมู ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบโรคอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นโรคเบาหวาน ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณทราม
                ... พวกเราไม่ใช่สูงเกินไป ... ไม่ใช่ต่ำเกินไป ... ไม่ใช่ดำเกินไป ... ไม่ใช่ขาวเกินไป
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่สูงนัก ... ไม่ใช่ต่ำนัก ... ไม่ใช่ดำนัก ... ไม่ใช่ไม่ขาวนัก ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบกิเลสทราม
                ... พวกเราไม่ใช่ถูกราคะกลุ้มรุม ... ไม่ใช่ถูกโทสะย่ำยี ... ไม่ใช่ถูกโมหะครอบงำ ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                พูดล้อเปรยกระทบความประพฤติอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่ปราศจากราคะ ... ไม่ใช่ปราศจากโทสะ ... ไม่ใช่ปราศจากโมหะ ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อเปรยกระทบอาบัติทราม
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นผู้ต้องอาบัติปาราชิก ... อาบัติสังฆาทิเสส ... อาบัติถุลลัจจัย
... อาบัติปาจิตตีย์ ... อาบัติปาฏิเทสนียะ ... อาบัติทุกกฏ ... อาบัติทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                พูดล้อเปรยกระทบความประพฤติอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่ผู้เป็นโสดาบัน ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.


                                                            หน้าที่ ๒๕๘

                                พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาททราม
                ... พวกเราไม่ใช่มีความประพฤติดังอูฐ ... แพะ ... โค ... ลา ... สัตว์ดิรัจฉาน
... สัตว์นรก สุคติของพวกเราไม่มี พวกเราต้องหวังได้แต่ทุคติ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ
คำพูด.
                                พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาทอุกฤษฏ์
                ... พวกเราไม่ใช่เป็นบัณฑิต ... ไม่ใช่คนฉลาด ... ไม่ใช่คนมีปัญญา ... ไม่ใช่พหูสูต
... ไม่ใช่ธรรมกถึก ทุคติของพวกเราไม่มี พวกเราต้องหวังได้แต่สุคติ ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุกๆ คำพูด.
                                                อุปสัมบันล้ออนุปสัมบัน
                                                พูดล้อกดกระทบชาติ
                [๒๕๐] อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่
ปรารถนาจะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบันมีชาติทราม ด้วยกล่าว
กระทบชาติทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันมีชาติคนจัณฑาล ... มีชาติคนจักสาน ... มีชาติพราน
... มีชาติคนช่างหนัง ... มีชาติคนเทดอกไม้ ว่าเป็นชาติคนจัณฑาล ว่าเป็นชาติคนจักสาน
ว่าเป็นชาติพราน ว่าเป็นชาติคนช่างหนัง ว่าเป็นชาติคนเทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อกดให้เลวกระทบชาติ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบันมีชาติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบชาติ
ทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันมีชาติกษัตริย์ ... มีชาติพราหมณ์ ว่าเป็นชาติคนจัณฑาล ว่าเป็น
ชาติคนจักสาน ว่าเป็นชาติพราน ว่าเป็นชาติคนช่างหนัง ว่าเป็นชาติคนเทดอกไม้ ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อประชดกระทบชาติ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบันมีชาติทราม ด้วยกล่าวกระทบชาติ
อุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันมีชาติคนจัณฑาล ... ชาติคนจักสาน ... ชาติพราน ... ชาติคน


                                                            หน้าที่ ๒๕๙

ช่างหนัง ... ชาติคนเทดอกไม้ ว่าเป็นชาติกษัตริย์ ว่าเป็นชาติพราหมณ์ ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อยกยอกระทบชาติ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำ
ให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบันมีชาติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
ชาติอุกฤษฏ์ คือพูดกะอนุปสัมบันมีชาติกษัตริย์ ... มีชาติพราหมณ์ ว่าเป็นชาติกษัตริย์ ว่าเป็น
ชาติพราหมณ์ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อกดกระทบชื่อ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบันมีชื่อทราม ด้วยกล่าวกระทบชื่อทราม
คือ พูดกะอนุปสัมบันชื่ออวกัณณกะ ... ชื่อชวกัณณกะ ... ชื่อธนิฏฐกะ ... ชื่อสวิฏฐกะ
... ชื่อกุลวัฑฒกะ ว่าท่านอวกัณณกะ ว่าท่านชวกัณณกะ ว่าท่านธนิฏฐกะ ว่าท่านสวิฏฐกะ
ว่าท่านกุลวัฑฒกะ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อกดให้เลวกระทบชื่อ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบันมีชื่ออุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
ชื่อทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันชื่อพุทธรักขิต ... ชื่อธัมมรักขิต ... ชื่อสังฆรักขิต ว่าท่าน
อวกัณณกะ ว่าท่านชวกัณณกะ ว่าท่านธนิฏฐกะ ว่าท่านสวิฏฐกะ ว่าท่านกุลวัฑฒกะ
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อประชดกระทบชื่อ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบันมีชื่อทราม ด้วยกล่าวกระทบชื่อ
อุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันชื่ออวกัณณกะ ... ชื่อชวกัณณกะ ... ชื่อธนิฏฐกะ ... ชื่อสวิฏฐกะ
... ชื่อกุลวัฑฒกะ ว่าท่านพุทธรักขิต ว่าท่านธัมมรักขิต ว่าท่านสังฆรักขิต ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อยกยอกระทบชื่อ
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบันมีชื่ออุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบชื่อ


                                                            หน้าที่ ๒๖๐

อุกฤษฏ์ คือ พูดกะอนุปสัมบันชื่อพุทธรักขิต ... ชื่อธัมมรักขิต ... ชื่อสังฆรักขิต ว่าท่านพุทธรักขิต
ว่าท่านธัมมรักขิต ว่าท่านสังฆรักขิต ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อกดกระทบโคตร
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบันมีโคตรทราม ด้วยกล่าว
กระทบโคตรทราม คือพูดกะอนุปสัมบันโกสิยโคตร ... ภารทวาชโคตร ว่าท่านโกสิยโคตร
ว่าท่านภารทวาชโคตร ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อกดกระทบโคตร
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบันมีโคตรอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบ
โคตรทราม คือพูดกะอนุปสัมบันโคตมโคตร ... โมคคัลลานโคตร ... กัจจายนโคตร ... วาเสฏฐ-
โคตร ว่าท่านโกสิยโคตร ว่าท่านภารทวาชโคตร ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อประชดกระทบโคตร
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบันมีโคตรทราม ด้วยกล่าวกระทบ
โคตรอุกฤษฏ์ คือพูดกะอนุปสัมบันโกสิยโคตร ... ภารทวาชโคตร ว่าท่านโคตมโคตร ว่าท่าน
โมคคัลลานโคตร ว่าท่านกัจจายนโคตร ว่าท่านวาเสฏฐโคตร ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อยกยอกระทบโคตร
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้
อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบันมีโคตรอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบโคตร
อุกฤษฏ์ คือพูดกะอนุปสัมบันโคตมโคตร ... โมคคัลลานโคตร ... กัจจายนโคตร ... วาเสฏฐโคตร
ว่าท่านโคตมโคตร ว่าท่านโมคัลลานโคตร ว่าท่านกัจจายนโคตร ว่าท่านวาเสฏฐโคตร ดังนี้
เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ คำพูด.
                                                พูดล้อกดกระทบการงาน
                อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะ
ทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบันมีการงานทราม ด้วยกล่าวกระทบ
การงานทราม คือ พูดกะอนุปสัมบันเป็นช่างไม้ ... เป็นคนเทดอกไม้ ว่าท่านทำงานช่างไม้
ว่าท่านทำงานเทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิตทุกๆ คำพูด.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘