พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒ หน้า 251-255

                                                            หน้าที่ ๒๕๑

ในโรงภัตร ในละแวกบ้าน คนทั้งหลายเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสาย
พระศากยบุตรทั้งหลาย จึงได้เกิดความบาดหมาง เกิดความทะเลาะ ถึงการวิวาท แสดงกายกรรม
วจีกรรม อันไม่สมควรต่อกันและกัน ทำปรามาสกันด้วยมือ ในโรงภัตร ในละแวกบ้านเล่า
ภิกษุทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย .... ต่างก็
เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุทั้งหลาย จึงได้เกิดความบาดหมาง .... ทำปรามาสกัน
ด้วยมือ ในโรงภัตร ในละแวกบ้านเล่า แล้วได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
                                                                ทรงสอบถาม
                พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุทั้งหลาย
เกิดความบาดหมาง .... ทำปรามาสกันด้วยมือ ในโรงภัตร ในละแวกบ้าน จริงหรือ?
                ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
                                                                ทรงติเตียนแล้วทรงห้าม
                พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียน .... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสงฆ์แตกกันแล้ว แต่ยังทำกิจอันเป็นธรรม เมื่อถ้อยคำไม่ชวนให้ชื่นชม
ต่อกันเป็นไปอยู่ พวกเธอพึงนั่งเหนืออาสนะ โดยนึกในใจว่า ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ พวกเราจัก
ไม่แสดงกายกรรม วจีกรรม อันไม่สมควรต่อกันและกัน จักไม่ทำปรามาสกันด้วยมือ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เมื่อสงฆ์แตกกันแล้วแต่ยังทำกิจที่เป็นธรรม เมื่อถ้อยคำอันชวนให้ชื่นชมต่อกันเป็นไป
อยู่ พวกเธอพึงนั่งในแถวมีอาสนะอันหนึ่งคั่นในระหว่าง.
                [๒๔๒] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายเกิดความบาดหมาง เกิดความทะเลาะถึงการวิวาทกัน
ย่อมทิ่มแทงกันด้วยหอก คือ ปาก ในท่ามกลางสงฆ์อยู่ ภิกษุเหล่านั้นไม่อาจระงับอธิกรณ์นั้นได้
                ครั้งนั้น มีภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปในพุทธสำนัก ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วได้ยืนอยู่ ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ภิกษุรูปนั้นยืนเฝ้าเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า
พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุทั้งหลายในวัดโฆสิตารามนี้ เกิดความบาดหมาง เกิดความทะเลาะ ถึงการ
วิวาทกัน ย่อมทิ่มแทงกันด้วยหอกคือ ปาก ในท่ามกลางสงฆ์อยู่ ภิกษุเหล่านั้นไม่อาจระงับ
อธิกรณ์นั้นได้ ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคทรงโปรดอาศัยความ


                                                            หน้าที่ ๒๕๒

อนุเคราะห์เสด็จเข้าไปหาภิกษุเหล่านั้นด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคทรงรับอาราธนา
ด้วยอาการดุษณี ครั้นแล้วได้เสด็จเข้าไปหาภิกษุนั้น ประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์ที่เขาจัดถวาย
ประทับนั่งแล้วได้ตรัสคำนี้แก่ภิกษุเหล่านั้นว่า อย่าเลย ภิกษุทั้งหลายพวกเธออย่าบาดหมาง อย่า
ทะเลาะ อย่าแก่งแย่ง อย่าวิวาทกันเลย เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุอธรรมวาที
รูปหนึ่งได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า ขอพระผู้มีพระภาคผู้เป็นเจ้าของแห่งธรรม จงทรง
พระกรุณารอก่อน ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงมีความขวนขวายน้อย ประกอบสุขวิหารธรรมใน
ปัจจุบันอยู่เถิด พวกข้าพระพุทธเจ้าจักปรากฏ ด้วยความบาดหมาง ด้วยความทะเลาะ ด้วยความ
แก่งแย่ง ด้วยการวิวาทนั้น พระพุทธเจ้าข้า
                พระผู้มีพระภาคได้ตรัสคำนี้แก่ภิกษุเหล่านั้นเป็นคำรบสองว่า อย่าเลยภิกษุทั้งหลาย
พวกเธออย่าบาดหมาง อย่าทะเลาะ อย่าแก่งแย่ง อย่าวิวาทกันเลย
                ภิกษุอธรรมวาทีนั้น ได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคเป็นคำรบสองว่า ขอพระผู้มี
พระภาคผู้เป็นเจ้าของแห่งธรรม จงทรงพระกรุณารอก่อน ขอพระผู้มีพระภาค จงทรงมีความ
ขวนขวายน้อย ประกอบสุขวิหารธรรมในปัจจุบันอยู่เถิด พวกข้าพระองค์จักปรากฏ ด้วยความ
บาดหมาง ด้วยความทะเลาะ ด้วยความแก่งแย่ง ด้วยการวิวาทนั้น พระพุทธเจ้าข้า.
                [๒๔๓] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ว่าดังนี้:-
                                                                เรื่องทีฆาวุกุมาร
                ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครพาราณสี ได้มีพระเจ้ากาสีพระนามว่า
พรหมทัต ทรงเป็นกษัตริย์มั่งคั่ง มีพระราชทรัพย์มาก มีพระราชสมบัติมาก มีรี้พลมาก มี
พระราชพาหนะมาก มีพระราชอาณาจักรใหญ่ มีคลังศัสตราวุธยุทธภัณฑ์ และคลังธัญญาหาร
บริบูรณ์ ส่วนพระเจ้าโกศลพระนามทีฆีติ ทรงเป็นกษัตริย์ขัดสน มีพระราชทรัพย์น้อย มี
พระราชสมบัติน้อย มีรี้พลน้อย มีพระราชพาหนะน้อย มีพระราชอาณาจักรเล็ก มีคลังศัสตราวุธ-
ยุทธภัณฑ์และคลังธัญญาหารไม่สู้จะบริบูรณ์
                ครั้งนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช เสด็จกรีธาจาตุรงคเสนาไปโจมตีพระเจ้าทีฆีติ-
โกศลราช พระเจ้าทีฆีติโกศลราชได้ทรงสดับข่าวว่า พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชเสด็จกรีธา-


                                                            หน้าที่ ๒๕๓

จาตุรงคเสนามาโจมตีพระองค์ จึงทราบพระราชดำริว่า พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชทรงเป็นกษัตริย์
มั่งคั่ง มีพระราชทรัพย์มาก มีพระราชสมบัติมาก มีรี้พลมาก มีพระราชพาหนะมาก มีพระราช
อาณาจักรใหญ่ มีคลังศัสตราวุธยุทธภัณฑ์และคลังธัญญาหารบริบูรณ์ ส่วนเราเป็นกษัตริย์ขัดสน
มีพระราชทรัพย์น้อย มีพระราชสมบัติน้อย มีรี้พลน้อย มีพระราชพาหนะน้อย มีพระราช
อาณาจักรเล็ก มีคลังศัสตราวุธยุทธภัณฑ์และคลังธัญญาหารไม่สู้จะบริบูรณ์ เราไม่สามารถจะต่อ
ยุทธกับพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช แม้แต่เพียงศึกเดียว ถ้ากระไร เราพึงรีบหนีออกจากพระนคร
ไปเสียก่อนดีกว่า ครั้นแล้วทรงพาพระมเหสีเสด็จหนีออกจากพระนครไปเสียก่อน ฝ่ายพระเจ้า
พรหมทัตกาสิกราชทรงยึดรี้พลพาหนะ ชนบท คลังศัตราวุธยุทธภัณฑ์และคลังธัญญาหาร ของ
พระเจ้าทีฆีติโกศลราชไว้ได้แล้วเสด็จเข้าครอบครองแทน.
                ครั้งนั้น พระเจ้าทีฆีติโกศลราช พร้อมกับพระมเหสีได้เสด็จหนีไปทางพระนครพาราณสี
เสด็จบทจรโดยลำดับมรรคถึงพระนครพาราณสีแล้ว ข่าวว่าท้าวเธอพร้อมกับมเหสี ทรงปลอม
แปลงพระองค์มิให้ใครรู้จัก ทรงนุ่งห่มเยี่ยงปริพาชก เสด็จอาศัยอยู่ในบ้านของช่างหม้อ ซึ่ง
ตั้งอยู่ชายแดนแห่งหนึ่งเขตพระนครพาราณสีนั้น ครั้นต่อมาไม่นานเท่าไรนัก พระมเหสีของ
พระเจ้าทีฆีติโกศลทรงตั้งพระครรภ์ พระนางเธอนั้นทรงแพ้พระครรภ์เห็นปานนี้คือ เมื่อยามรุ่งอรุณ
ทรงปรารถนาจะทอดพระเนตรจตุรงคเสนา ผู้ผูกสอดสรวมเกราะยืนอยู่ในสนามรบ และจะทรง
เสวยน้ำล้างพระแสงขรรค์ จึงกราบทูลคำนี้แด่พระราชสามีในทันทีว่า ขอเดชะ หม่อมฉันมีครรภ์
ได้แพ้ครรภ์เห็นปานนี้คือ เมื่อยามรุ่งอรุณ หม่อมฉันปรารถนาจะดูจตุรงคเสนา ผู้ผูกสอดสรวม
เกราะยืนอยู่ในสนามรบ และจะดื่มน้ำล้างพระแสงขรรค์ พระพุทธเจ้าข้า
                พระราชารับสั่งว่า แม่เทวี เราทั้งสองกำลังตกยาก จะได้จตุรงคเสนาผู้ผูกสอดสรวม
เกราะยืนอยู่ในสนามรบ และน้ำล้างพระแสงขรรค์มาแต่ไหน
                พระราชเทวีกราบทูลว่า ถ้าหม่อมฉันไม่ได้ คงตายแน่ พระพุทธเจ้าข้า.
                ก็สมัยนั้น พราหมณ์ปุโรหิตของพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชเป็นสหายของพระเจ้าทีฆีติ-
โกศลราช จึงพระเจ้าทีฆีติโกศลราช เสด็จเข้าไปหาพราหมณ์ปุโรหิตของพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช
ครั้นถึงแล้วได้ตรัสคำนี้แก่ท่านพราหมณ์ว่า เกลอเอ๋ย เพื่อนหญิงของเพื่อนมีครรภ์ นางแพ้ท้อง
มีอาการเห็นปานนี้คือ เมื่อยามรุ่งอรุณ นางปรารถนาจะดูจตุรงคเสนา ผู้ผูกสอดสรวมเกราะยืน
อยู่ในสนามรบ และจะดื่มน้ำล้างพระแสงขรรค์


                                                            หน้าที่ ๒๕๔

                พราหมณ์ปุโรหิตกราบทูลว่า ขอเดชะ ถ้ากระนั้น หม่อมฉันจะขอเฝ้าพระเทวีก่อน
                ลำดับนั้น พระมเหสีของพระเจ้าทีฆีติโกศลราช ได้เสด็จเข้าไปหาพราหมณ์ปุโรหิตของ
เจ้าพรหมทัตกาสิกราช พราหมณ์ปุโรหิตของพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช ได้แลเห็นพระมเหสี
ของพระเจ้าทีฆีติโกศลราช กำลังเสด็จมาแต่ไกลเทียว ครั้นแล้วลุกจากที่นั่งห่มผ้าเฉวียงบ่า
ประนมมือไปทางพระมเหสีของพระเจ้าทีฆีติโกศลราช แล้วเปล่งอุทานขึ้น ๓ ครั้งว่า ท่านผู้เจริญ
พระเจ้าโกศลประทับอยู่ในพระอุทรแน่แล้ว พระเจ้าโกศลประทับอยู่ในพระอุทรแน่แล้ว พระเจ้า
โกศลประทับอยู่ในพระอุทรแน่แล้ว เพราะฉะนั้น พระเทวีอย่าได้เสียพระทัย เมื่อยามรุ่งอรุณ
จักได้ทอดพระเนตรจตุรงคเสนา ผู้ผูกสอดสรวมเกราะยืนอยู่ในสนามรบ และจักได้ทรงเสวย
น้ำล้างพระแสงขรรค์เป็นแน่
                จึงพราหมณ์ปุโรหิตของพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช เข้าไปในพระราชสำนัก ครั้งถึงแล้ว
ได้กราบทูลพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชว่า ขอเดชะ นิมิตทั้งหลายปรากฏตามกำหนดวิธีการ คือ
ในเวลารุ่งอรุณพรุ่งนี้ จตุรงคเสนาจะผูกสอดสรวมเกราะยืนอยู่ในสนามรบ และเจ้าพนักงานจะ
เอาน้ำล้างพระแสงขรรค์ด้วย พระพุทธเจ้าข้า
                ลำดับนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชจึงมีพระบรมราชโองการสั่งเจ้าพนักงานทั้งหลายว่า
ดูกรพนาย พราหมณ์ปุโรหิตสั่งการอย่างใด พวกเจ้าจงทำอย่างนั้น
                พระมเหสีของพระเจ้าทีฆีติโกศลราชได้ทอดพระเนตรจตุรงคเสนา ผู้ผูกสอดสรวมเกราะ
ยืนอยู่ในสนามรบ และได้เสวยน้ำล้างพระแสงขรรค์ในเวลารุ่งอรุณ สมความปรารถนา ครั้นต่อมา
ทรงอาศัยความแก่แห่งพระครรภ์นั้น ได้ประสูติพระราชโอรส พระชนกชนนีได้ขนานพระนาม
พระราชโอรสนั้นว่า ทีฆาวุ และต่อมาไม่ช้านานเท่าไร ทีฆาวุราชกุมารก็ถึงความเป็นผู้รู้เดียงสา
ครั้งนั้น พระเจ้าทีฆีติโกศลราชดำริว่า พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชนี้ ก่อความพินาศให้แก่พวกเรา
มากมาย ได้ช่วงชิงเอารี้พล พาหนะ ชนบท คลังศัสตราวุธยุทธภัณฑ์ และคลังธัญญาหาร
ของพวกเราไป ถ้าท้าวเธอจักสืบทราบถึงพวกเรา คงสั่งให้ประหารชีวิตหมดทั้งสามคน ถ้ากระไร
เราพึงให้พ่อทีฆาวุกุมารหลบอยู่นอกพระนคร ครั้นแล้วได้ให้ทีฆาวุราชกุมารหลบอยู่นอกพระนคร
ครั้นทีฆาวุราชกุมารหลบอยู่นอกพระนคร ไม่นานเท่าไรนัก ก็ได้ศึกษาศิลปะสำเร็จทุกสาขา.


                                                            หน้าที่ ๒๕๕

                                                พระเจ้าโกศลและพระมเหสีถูกจับ
                [๒๔๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมัยนั้น นายช่างกัลบกของพระเจ้าทีฆีติโกศลราชได้
สวามิภักดิ์อยู่ในพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช เขาได้เห็นพระเจ้าทีฆีติโกศลราช พร้อมกับมเหสี
ทรงปลอมแปลงพระกายมิให้ใครรู้จัก ทรงนุ่งห่มเยี่ยงปริพาชก เสด็จอาศัยอยู่ในบ้านของช่างหม้อ
ซึ่งตั้งอยู่ ณ ชายแดนแห่งหนึ่ง เขตพระนครพาราณสี ครั้นแล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าพรหมทัต-
กาสิกราชได้กราบทูลว่า ขอเดชะ พระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมกับมเหสีทรงปลอมแปลงพระกาย
มิให้ใครรู้จัก ทรงนุ่งห่มเยี่ยงปริพาชก เสด็จอาศัยอยู่ในบ้านของช่างหม้อ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ชายแดน
แห่งหนึ่ง เขตพระนครพาราณสี พระพุทธเจ้าข้า
                ครั้งนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช จึงมีพระบรมราชโองการสั่งเจ้าพนักงานทั้งหลายว่า
ดูกรพนาย ถ้ากระนั้น พวกเจ้าจงไปจับพระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมกับพระมเหสี
                พวกเขาทูลรับสนองพระบรมราชโองการว่า เป็นดังกระแสรับสั่ง พระพุทธเจ้าข้า
ดังนั้น แล้วไปจับพระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมพระมเหสีมาถวาย
                พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช จึงพระบรมราชโองการสั่งเจ้าพนักงานทั้งหลายว่า ดูกรพนาย
ถ้ากระนั้น พวกเจ้าจงเอาเชือกที่เหนียวๆ มัดพระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมกับพระมเหสี มัด
ให้แน่น ให้มีพระพาหาไพล่หลัง กล้อนพระเศียร แล้วนำตระเวนไปตามถนน ตามตรอกทุกแห่ง
ด้วยวัชฌเภรีมีสำเนียงอันคมคาย แล้วให้ออกไปทางประตูด้านทักษิณ บั่นตัวออกเป็น ๔ ท่อน
วางเรียงไว้ในหลุม ๔ ทิศ ทางด้านทักษิณแห่งพระนคร
                พวกเขาทูลรับสนองพระบรมราชโองการว่า เป็นดังพระกระแสรับสั่ง พระพุทธเจ้าข้า
ดังนั้นแล้ว ได้เอาเชือกอย่างเหนียวมัดพระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมกับมเหสี มัดให้แน่นให้มี
พระพาหาไพล่หลัง กล้อนพระเศียรแล้วนำตระเวนไปตามถนน ตามตรอกทั่วทุกแห่งด้วยวัชฌเภรี
มีสำเนียงคมคาย
                ครั้งนั้น ทีฆาวุราชกุมารได้ทรงดำริดังนี้ว่า นานมาแล้วที่เราได้เยี่ยมพระชนกชนนี
ถ้ากระไร เราพึงไปเฝ้าเยี่ยมพระชนกชนนี ครั้นแล้วเข้าไปสู่พระนครพาราณสี ได้ทอดพระเนตร
เห็นเจ้าพนักงานทั้งหลาย เอาเชือกอย่างเหนียวๆ มัดพระชนกชนนีจนแน่น ให้มีพระพาหา
ไพล่หลัง กล้อนพระเศียรแล้ว นำตระเวนไปตามตรอก ด้วยวัชฌเภรีมีสำเนียงอันคมคาย
ครั้นแล้วเสด็จพระดำเนินเข้าไปใกล้พระชนกชนนี.

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปัญหาและเฉลยวิชาธรรม นักธรรมชั้นตรี สอบในสนามหลวง วันอังคาร ที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒

I miss you all กับ I miss all of you ต่างกันอย่างไร

ปัญหาและเฉลยวิชาอนุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นโท สอบในสนามหลวง วันอาทิตย์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘